ความหวาดกลัวยังคงเกาะกุมอยู่ในใจของเหล่านักเรียนห้อง ม.5/B แม้เงาปีศาจตนล่าสุดจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ความจริงที่ว่าพวกมันยังคงอยู่ข้างนอกโรงเรียน และกำลังกัดกินวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอย่างโหดร้าย ก็ยังคงสร้างความสะพรึงกลัวอย่างไม่รู้จบ พวกเขายืนนิ่ง หอบหายใจอย่างหนัก ท่ามกลางความเงียบงันยามค่ำคืน มีเพียงเสียงลมที่พัดหวีดหวิว และเสียงหัวใจที่เต้นรัวระส่ำของแต่ละคน
ลุงภารโรง ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ดวงตาของท่านกวาดมองไปยังใบหน้าซีดเผือดของเด็ก ๆ ทีละคน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน "ฉันบอกแล้วใช่ไหม... ว่าไม่ให้ออกมาจากห้องนั้นน่ะ" ลุงภารโรงเอ่ยเสียงเรียบ แต่ก็แฝงไปด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย ทำให้ทุกคนก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด ไอโกะ ซึ่งเป็นหัวหน้าห้องและเป็นคนนำเพื่อนออกมา เธอเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ "คือ... พวกเราเห็นลุงหายไปนานเลยค่ะลุง... แล้วก็กลัวว่าลุงจะสู้กับพวกมันไม่ไหว..." เสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพปีศาจที่น่ากลัว เก็น พยักหน้าเห็นด้วย "ใช่ครับลุง... แล้วลุงหายไปไหนมาเหรอครับ? พวกเราเป็นห่วงมากเลย" เขายังคงกำมือ ฮารุ ไว้แน่น แสดงออกถึงความเป็นห่วงที่ยังคงมีอยู่ ฟูมิโกะ ที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้ได้ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล "แล้วลุงได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหมคะ? หน้าลุงดูซีดๆ นะคะ" ลุงภารโรงมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเด็ก ๆ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของท่าน "ขอบคุณมากนะเด็ก ๆ ที่เป็นห่วง... แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก" ท่านยกมีดสั้นสีเงินในมือขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะบอกว่าอาวุธวิเศษนี้ช่วยปกป้องท่านไว้ "ฉันแค่ไปทำธุระสำคัญบางอย่างมาน่ะ" "ธุระสำคัญ?" โช ถามด้วยความสงสัย "ใช่... ฉันไป ส่งสัญญาณเรียกคนมาช่วย" ลุงภารโรงตอบอย่างเปิดเผย คำพูดของลุงภารโรงทำให้เหล่านักเรียนที่กำลังงุนงงอยู่ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ "ส่งสัญญาณ? สัญญาณอะไรครับลุง?" เคนตะ ถามขึ้นทันที ลุงภารโรงพยักหน้าช้าๆ "ใช่... ที่ห้องของฉัน... ห้องพักภารโรงนั่นแหละ... มันมี วิทยุเก่าแก่ เครื่องหนึ่ง" ท่านเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงตาของท่านฉายแววลึกซึ้งราวกับกำลังนึกถึงอดีตอันไกลโพ้น "มันเป็นวิทยุที่ ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ของตระกูลนักเวทย์สายขาวของเรา เพื่อใช้ ติดต่อกับเหล่าจอมเวทย์สายขาว ที่ยังคงเหลือรอดอยู่ทั่วโลก" ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่เคยคิดว่าอุปกรณ์ธรรมดาๆ อย่างวิทยุจะมีความหมายลึกซึ้งขนาดนี้ "วิทยุที่ลุงว่ามันหน้าตาเป็นยังไงเหรอคะ?" ฮารุ เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอนึกภาพวิทยุเก่าๆ ที่เคยเห็นในภาพยนตร์ย้อนยุค ลุงภารโรงยิ้มเล็กน้อย "ก็เป็น วิทยุไม้ที่แกะสลักเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ที่สวยงามน่ะสิ... มี อักษรโบราณ ที่พวกเธอคงอ่านไม่ออกเขียนอยู่เต็มไปหมด" ท่านบรรยายอย่างช้าๆ ราวกับกำลังมองเห็นวิทยุเครื่องนั้นอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเอง... เก็น ที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แววตาของเขาฉายแววประหลาดใจระคนตื่นเต้น ราวกับนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ "วิทยุแบบนั้น... เหมือนของบ้านผมเลยครับ!" เก็นเอ่ยขึ้นเสียงดัง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทึ่ง "ที่บ้านผมก็มีวิทยุไม้เก่าๆ แบบนั้นเลยครับ... แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะสำคัญอะไรขนาดนี้" ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ประมวลผลคำพูดของเก็น... "บ้านฉันด้วย!" ฮารุกะ เอ่ยขึ้นมาด้วยเช่นกัน เธอหันไปมองเก็นด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน "ของที่บ้านฉันก็เป็นวิทยุไม้แกะสลักรูปพระจันทร์เหมือนกันเลย!" เท่านั้นยังไม่พอ... "บ้านฉันก็มี!" โช ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮารุกะก็ร้องขึ้นมาบ้าง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่แพ้กัน "จริงเหรอ!?" ยูเมะ ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยเสริม "บ้านฉันก็มีค่ะ! เป็นวิทยุไม้เก่าๆ ที่คุณปู่บอกว่าเป็นของเก่าแก่ประจำตระกูลน่ะค่ะ!" "บ้านฉันด้วย!" ฟูมิโกะ "ของผมก็มี!" โกฮัน "บ้านผมก็มีเหมือนกัน!" เคนตะ เสียงอุทานและคำบอกเล่าเริ่มดังขึ้นสลับกันไปมา ราวกับน้ำท่วมเขื่อนที่กำลังแตก เหล่านักเรียนแต่ละคนต่างพากันเอ่ยถึงวิทยุไม้แกะสลักรูปพระจันทร์ที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะในบ้านของตัวเอง พวกเขามองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจและไม่เข้าใจ สถานการณ์ที่เคยคิดว่าแปลกประหลาดอยู่แล้ว บัดนี้กลับซับซ้อนและน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม ลุงภารโรงยืนมองปฏิกิริยาของเด็ก ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจระคนประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับว่าท่านเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีทายาทสายขาวที่อยู่ใกล้ตัวมากมายขนาดนี้ "นี่มัน... หมายความว่ายังไงกันครับลุง?" ไอโกะ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจากความตื่นเต้นระคนสับสน เธอหันไปมองเพื่อนๆ ที่ยืนงุนงงกันอยู่รอบตัว ก่อนจะมองกลับมาที่ลุงภารโรงอย่างรอคอยคำอธิบาย ลุงภารโรงถอนหายใจยาว แววตาของท่านฉายแววหนักใจ แต่ก็มีความหวังบางอย่างซ่อนอยู่ "มันหมายความว่า... พวกเธอทุกคนนั่นแหละเด็กๆ" ท่านเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ แต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ "พวกเธอทุกคน... ล้วนแต่เป็น ทายาทของเหล่านักเวทย์สายขาว!" คำประกาศของลุงภารโรงดังก้องไปทั่วบริเวณ สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่านักเรียนเป็นครั้งที่สองภายในไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ความจริงอันเหลือเชื่อที่ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายธรรมดา ๆ แต่กลับเป็นผู้สืบทอดสายเลือดแห่งเวทมนตร์โบราณ ได้รับการเปิดเผยขึ้นในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยปีศาจร้ายและอันตรายถึงชีวิต ทุกคนต่างยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปยังลุงภารโรงและเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงกำลังจะตกอยู่บนบ่าของพวกเขาเสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง