หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดกับบริวารแห่งความมืด ฮานาและโกฮันก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า หอคอยแห่งความมืด ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางสวนสนุกร้าง ตัวหอคอยสูงเสียดฟ้า ปกคลุมไปด้วยเงามืดทะมึนราวกับถูกสร้างขึ้นจากความสิ้นหวัง แสงสลัวๆ รอบๆ ไม่สามารถส่องเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย มันดูดกลืนทุกสิ่งไว้ในความมืดมิด มีเพียงแสงเรืองรองสีแดงฉานจากดวงตาปีศาจที่ประดับอยู่ตามผนังหอคอยเท่านั้นที่กะพริบเป็นจังหวะ ราวกับกำลังจับจ้องพวกเขา กลิ่นอายความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาทำให้รู้สึกอึดอัดและหนาวเหน็บไปถึงกระดูก“นี่แหละ… ที่ที่จอมมารแห่งเงามืดซ่อนผ้ายันต์สองผืนสุดท้ายไว้” ฮานากล่าว เสียงของเธอหนักแน่น แม้จะมีความกังวลฉายแววในดวงตา“มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดเยอะเลยนะฮานา” โกฮันพึมพำ เขากำมีดอาคมแน่น แสงสีเทาจากมันส่องสว่างขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบมหาศาล“ใช่… แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วโกฮัน” ฮานาตอบ เธอสอดส่องสายตาไปรอบๆ หอคอย “ท่านภูติแห่งวารีบอกว่ามีเงาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเฝ้าอยู่”“เราพร้อมแล้วฮานา! เราฝึกมาหนักเพื่อวันนี้!” โกฮันประกาศด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาของเขาฉายแววกล้าหาญ “ไปกันเถอะ!”พวกเขาเ
แสงสีฟ้าอ่อนนวลตาห่อหุ้มร่างของ ฮานา และ โกฮัน ลอยขึ้นช้าๆ ผ่านโพรงถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยเรืองแสง พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์ของโลกใต้บาดาลที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในกาย พลังงานที่ได้จากการฝึกฝนอย่างหนักในห้องต่างๆ ภายใต้การชี้แนะของเหล่าวิญญาณภูมิ“เรากลับมาแล้วฮานา…” โกฮันพึมพำ ดวงตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น“ใช่… ถึงเวลาที่เราจะต้องทำในสิ่งที่ต้องทำแล้วโกฮัน” ฮานาตอบ เสียงของเธอหนักแน่น ไม่มีความลังเลอีกต่อไป ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดผืนในมือของเธอเปล่งแสงสีเทาอ่อนๆ ที่แสดงถึงพลังแห่งแสงและความมืดที่หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อร่างของพวกเขาพ้นจากปากโพรงถ้ำ แสงแดดที่เจิดจ้าก็สาดส่องกระทบดวงตา ทำให้พวกเขาต้องหรี่ตาลง สวนสนุกร้างที่เคยดูมืดมิดและน่ากลัว บัดนี้กลับมีแสงสว่างสลัวๆ ส่องเข้ามาจากด้านบน เผยให้เห็นซากปรักหักพังที่น่าเศร้าและบรรยากาศที่เงียบงันราวกับถูกทิ้งร้างมานานหลายศตวรรษ“พวกเจ้ากลับมาแล้ว…” เสียงใสราวระฆังแก้วของ ภูติแห่งวารี ดังขึ้น เบื้องหน้าพวกเขา ภูติแห่งวารีกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน รายล้อมด้วยพลังงานแสงสีฟ้าอ่อนโยน“ท่านภูติแห่งวารี!” ฮานาและโกฮันกล่
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการควบคุม ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว นี่คือบททดสอบสุดท้ายของการฝึกฝนในโลกใต้บาดาล แสงภายในห้องนี้แตกต่างจากทุกห้องที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่แสงสีเดียว แต่เป็นแสงสีขาวดำที่สลับกันไปมาอย่างรวดเร็วราวกับชีพจรของจักรวาล พื้นห้องเป็นเหมือนตารางหมากรุกขนาดใหญ่ที่ช่องสี่เหลี่ยมสีขาวและดำเคลื่อนไหวและสลับตำแหน่งกันไม่หยุด กำแพงห้องทอดยาวขึ้นไปสูงลิบตาจนมองไม่เห็นเพดาน และมีกระแสพลังงานที่มองไม่เห็นไหลวนไปมา ทำให้รู้สึกถึงความสมดุลที่เปราะบางและพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ บรรยากาศเงียบสงัดไร้เสียงใดๆ มีเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของแสงและเงาที่สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและกดดัน“ห้องนี้… มันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ฮานา” โกฮันกระซิบเสียงแผ่ว เขากำมีดอาคมแน่น แสงสีเทาที่เปล่งออกมาจากผ้ายันต์และมีดอาคมของพวกเขาส่องสว่างตัดกับแสงขาวดำในห้อง“ใช่… เหมือนมันกำลังเตือนว่าทุกอย่างมันต้องอยู่ในความสมดุล” ฮานาตอบ เธอพยายามตั้งสติ ผ้ายันต์ในมือของเธอกำแน่นทันใดนั้นเอง! แสงสีขาวดำที่สลับกันไปมาก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีเทาอ่อน รูปร่างของเขาดูคล้ายชายชราผู้ทรงภูมิ มีเครายาวส
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการแยกสมาธิ ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นและความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แสงภายในห้องนี้แตกต่างออกไปอีกครั้ง ที่นี่มืดมิดเกือบสนิท มีเพียงแสงสลัวๆ สีฟ้าอมเขียวคล้ายแสงออโรร่าที่เต้นระริกบนเพดานและผนังห้อง ทำให้เกิดเงาที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว พื้นห้องเต็มไปด้วยแท่นหินเล็กๆ นับไม่ถ้วนที่เรียงรายอยู่ไม่เป็นระเบียบ แต่ละแท่นมีอักขระโบราณที่ส่องแสงริบหรี่จารึกไว้ เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่สามารถจับใจความได้ดังแว่วมาเป็นระยะๆ ชวนให้รู้สึกรบกวนสมาธิ“ห้องนี้ดูประหลาดกว่าห้องอื่นอีกนะฮานา” โกฮันพึมพำ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง มีดอาคมในมือของเขาส่องแสงสีเทาอ่อนๆ“ใช่… บรรยากาศมันชวนให้รู้สึกสับสนยังไงก็ไม่รู้” ฮานาตอบ เธอพยายามตั้งสติ ผ้ายันต์ในมือของเธอเปล่งแสงสีเทาเช่นกันทันใดนั้นเอง! แสงสลัวๆ บนเพดานก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีม่วงเข้ม รูปร่างของเขาดูสง่างามคล้ายนักปราชญ์โบราณ เขามีผมสีขาวยาวสลวยผูกเป็นมวยไว้ด้านหลัง ดวงตาของเขาสุกใสราวกับดวงดาวที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งทุกสิ่ง ในมือถือคัมภีร์เล่มเก่าที่เปล่งแสงเรื
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการแยกสัมผัส ท่ามกลางความงุนงง แสงสว่างภายในห้องนี้ดูแปลกประหลาด มันเป็นแสงสีรุ้งที่หมุนวนไปมาอย่างช้าๆ ทำให้ภาพที่เห็นบิดเบี้ยวและพร่าเลือน ผนังห้องทำจากวัสดุโปร่งแสงที่ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร ทุกอย่างในห้องดูเลือนลางและไม่แน่นอน กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยคละคลุ้งในอากาศ ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและมึนงง“นี่มัน… ห้องอะไรกันเนี่ย?” ฮานาพึมพำ เธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเมื่อมองแสงสีรุ้งที่หมุนวนไม่หยุด“ฉันก็ไม่แน่ใจฮานา… แต่บรรยากาศมันประหลาดมาก” โกฮันตอบ เสียงของเขามีอาการมึนงงเล็กน้อย เขากำมีดอาคมแน่น พยายามตั้งสติทันใดนั้นเอง! แสงสีรุ้งก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ รูปร่างคล้ายหญิงสาวงดงามราวกับนางฟ้า เธอมีปีกสีรุ้งโปร่งแสงขนาดใหญ่ ผมยาวสลวยสีเงินระยิบระยับ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าไร้เมฆ และมีรัศมีอ่อนโยนแผ่ออกมาจากตัวเธอ“ยินดีต้อนรับ… ผู้กล้าทั้งสอง” เสียงใสราวกับเสียงกระดิ่งแก้วดังขึ้นในห้อง “ข้าคือ วิญญาณแห่งดารา ผู้พิทักษ์ห้องแห่งการแยกสัมผัส… ข้าจะทดสอบความสามารถในการแยกแยะของพวกเจ้า… ทั้งการแยกแยะประสาทสัมผัส… และการแยกแยะคว
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งพละกำลัง ด้วยความตื่นเต้นระคนความเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนในห้องแห่งความเร็ว แสงสว่างภายในห้องนี้แตกต่างจากห้องก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ที่นี่สว่างไสวด้วยแสงสีส้มอมแดงที่ดูอบอุ่นและมั่นคง ผนังห้องเป็นหินแกรนิตสีเข้มแข็งแกร่ง มีรอยจารึกรูปค้อนและขวานโบราณประดับอยู่ทั่วไป กลิ่นดินและแร่ธาตุที่คุ้นเคยในโลกใต้บาดาลกลับเข้มข้นขึ้นในห้องนี้ ให้ความรู้สึกดิบและทรงพลัง“ดูเหมือนว่าห้องนี้จะไม่ได้เน้นความเร็วแล้วนะฮานา” โกฮันกล่าว เขากำหมัดแน่น รู้สึกถึงพละกำลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายหลังจากได้รับการเยียวยาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“ฉันก็ว่างั้น… บรรยากาศมันต่างกันลิบลับเลย” ฮานาตอบพลางกวาดตามองไปรอบๆ เธอยกผ้ายันต์ในมือขึ้น มันเปล่งแสงสีขาวนวลตัดกับแสงสีส้มอมแดงของห้องทันใดนั้นเอง! เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นราวกับแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมาจากมุมมืดของห้อง ร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏตัวขึ้นช้าๆ มันเป็นร่างโปร่งแสงสีน้ำตาลเข้ม มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ผมของเขาสั้นเกรียน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราดกดำ ดวงตาคมกริบราวกับหินผา ในมือถือค้อนขนาดมหึมาที่ดูหนักอึ้ง“ยินดีต้อนรับ… ผู้กล้าทั้งสอง” เสียงท