“ฟูมิโกะ! ไปหาผ้ายันต์ซะ! ฉันจะถ่วงเวลาเจ้านี่ไว้เอง!”
เสียงตะโกนของเก็นดังก้องในความมืดมิดของห้อง เสียงโลหะปะทะกับเงาที่มองไม่เห็นดังขึ้นเป็นจังหวะ บอกเล่าถึงการต่อสู้ที่ดุเดือด ฟูมิโกะมองเห็นเงาร่างมนุษย์พุ่งเข้าใส่เก็นอีกครั้ง ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อมันพยายามดูดพลังงานจากเขา ฟูมิโกะรู้ว่าเธอต้องรีบ เธอหันกลับไปมอง โคมไฟเพดานเก่าๆ ที่ห้อยอยู่กลางห้องอีกครั้ง แสงไฟสลัวๆ จากมันไม่ได้ช่วยให้มองเห็นอะไรชัดขึ้นเลย แต่เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานอาคมที่แผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากภายใน “อึ่ก!” เก็นส่งเสียงครางเมื่อเงาร่างมนุษย์พยายามบีบอัดเขา แรงกดดันที่มองไม่เห็นทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกบีบขยี้จากทุกทิศทาง “เก็น! ฉันจะรีบ!” ฟูมิโกะตะโกนตอบ เธอวิ่งไปที่ใต้โคมไฟ พยายามกระโดดเอื้อมมือขึ้นไปคว้ามัน แต่โคมไฟนั้นอยู่สูงเกินไป และเธอก็ตัวเล็กเกินกว่าจะเอื้อมถึง “ไม่สูงหรอก! แค่กระโดดอีกนิด!” เก็นตะโกนบอก พลางใช้มีดลงอาคมฟันเข้าใส่เงาร่างมนุษย์ เพื่อบังคับให้มันขยับห่างออกไปจากตัวเขาเล็กน้อย ฟูมิโกะพยายามอีกครั้ง เธอตั้งหลัก กระโดดสุดตัว พยายามเอื้อมมือไปคว้าโคมไฟ แต่ปลายนิ้วของเธอก็เพียงแค่สัมผัสกับขอบแก้วเย็นเฉียบ มันลื่น และเธอพลาดอีกครั้ง ตุ้บ! ร่างของฟูมิโกะร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เธอรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วข้อศอกและหัวเข่า แต่ความเจ็บปวดนั้นยังน้อยกว่าความกังวลที่เก็นกำลังเผชิญอยู่ “ฟูมิโกะ! ไม่เป็นไรนะ?!” เก็นตะโกนถามด้วยความห่วงใย เขาหันมามองเธอชั่วครู่ ซึ่งเป็นความผิดพลาด เงาร่างมนุษย์ใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้ามาแทงเข้าที่สีข้างของเขา แรงที่มองไม่เห็นพุ่งทะลุผ่านเสื้อผ้าไปกระทบเนื้อ ทำให้เก็นสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด “แค่ก!” เก็นสำลัก เขากัดฟันแน่น พยายามยืนหยัดรับการโจมตีนั้น ฟูมิโกะเห็นเลือดสีแดงเข้มซึมออกมาจากสีข้างของเก็น หัวใจของเธอเจ็บปวด เธอรู้ว่าเธอไม่มีเวลาแล้ว “ฉันไม่เป็นไร! เก็น! ฉันจะเอามาให้ได้!” ฟูมิโกะตะโกนตอบ เธอพยายามลุกขึ้นยืน ตัวของเธอสั่นเทาเล็กน้อยจากความเจ็บปวด เธอมองไปรอบๆ ห้อง พยายามหาอะไรบางอย่างที่จะช่วยให้เธอขึ้นไปถึงโคมไฟได้ สายตาของเธอไปสะดุดเข้ากับ เก้าอี้เก่าๆ ตัวหนึ่งที่ล้มอยู่มุมห้อง มันดูเหมือนจะพังครืนได้ทุกเมื่อ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว “เก็น! ฉันจะใช้เก้าอี้!” ฟูมิโกะตะโกนบอก เธอวิ่งไปลากเก้าอี้ตัวนั้นมาไว้ใต้โคมไฟ มันหนักและขยับยาก แต่เธอก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีลากมันมาจนได้ เก็นเห็นฟูมิโกะลากเก้าอี้มา เขารู้ว่าเธอต้องการเวลา เขาตัดสินใจวิ่งล่อเงาปีศาจออกไปอีกทาง ทันทีที่เงาปีศาจพุ่งเข้ามาโจมตี เขาพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง เพื่อให้ฟูมิโกะมีพื้นที่และเวลาที่จะจัดการกับผ้ายันต์ได้สะดวก “ตามมาสิ! เจ้าปีศาจชั้นต่ำ!” เก็นยั่วยุ เงาปีศาจส่งเสียงคำรามในหัวของฟูมิโกะ แล้วพุ่งตามเก็นไปทันที การต่อสู้ของเก็นดูดุเดือดและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาฟันเข้าใส่เงาปีศาจอย่างไม่หยุดยั้ง พลังงานสีเงินจากมีดอาคมของเขากระทบกับร่างของเงามืด ทำให้เกิดเสียงคล้ายเนื้อหนังไหม้ แต่เงาปีศาจก็ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน มันตอบโต้ด้วยการฟาดฟันแขนอันยาวเหยียดเข้าใส่เก็นอย่างไม่ยั้ง เก็นพยายามหลบหลีกทุกการโจมตี แต่ด้วยความเหนื่อยล้า และบาดแผลที่เพิ่มขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเริ่มช้าลง ฉัวะ! เงาร่างมนุษย์ฟาดกรงเล็บเข้าที่แขนของเก็นอย่างจัง เนื้อผ้าบริเวณนั้นขาดวิ่น เผยให้เห็นรอยแผลยาวเหยียด เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาทันที เก็นกัดฟันแน่น เขาทรุดลงไปคุกเข่าข้างหนึ่ง แต่ก็ยังพยายามยันตัวลุกขึ้น “แค่ก… ฮึ่ม…” เก็นกระอักเลือดเล็กน้อย เขารู้สึกถึงความอ่อนแรงที่แล่นไปทั่วร่าง บาดแผลที่เพิ่มขึ้นและพลังที่ถูกดูดกลืนไป ทำให้เขาเหนื่อยล้าจนแทบจะยืนไม่ไหว แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดด้วยความมุ่งมั่น แรงกระตุ้นเดียวคือการซื้อเวลาให้ฟูมิโกะ ส่วนทางด้านของฟูมิโกะ เธอกระโดดขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เก่าๆ ที่สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว มันโยกเยกไปมาทุกครั้งที่เธอขยับตัว ฟูมิโกะพยายามเอื้อมมือขึ้นไปคว้าโคมไฟอีกครั้ง แต่เก้าอี้ก็ยังเตี้ยเกินไป “อีกนิดเดียว! อีกนิดเดียว!” เธอพึมพำกับตัวเอง เธอเห็นเลือดของเก็นไหลซึมออกมา และได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดจากมุมห้อง เสียงคำรามของเงาปีศาจ และเสียงหอบหายใจของเก็น มันกระตุ้นให้เธอต้องทำให้สำเร็จ ฟูมิโกะตัดสินใจ ทำทุกวิถีทางที่จะเอาผ้ายันต์มาให้ได้ เธอใช้มือข้างหนึ่งจับขอบโคมไฟไว้แน่น แล้วพยายามดึงตัวเองขึ้นไป น้ำหนักตัวของเธอทำให้โคมไฟโยกไปมาอย่างรุนแรง เสียงกระจกเสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ “อึ่ก!” ฟูมิโกะออกแรงดึงอีกครั้ง กล้ามเนื้อแขนของเธอเกร็งไปหมด เธอสัมผัสได้ถึงเศษฝุ่นและเศษแก้วเล็กๆ ที่หลุดร่วงลงมา แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ทันใดนั้น! แรงดึงของฟูมิโกะก็ทำให้ โคมไฟเก่าๆ หลุดออกจากเพดาน เสียงโซ่เหล็กที่ขาดสะบั้นดังขึ้น โครม! โคมไฟร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ชิ้นส่วนกระจกแตกกระจายไปทั่วพื้น แต่ก่อนที่มันจะร่วงลงมาถึงพื้น ฟูมิโกะก็สามารถ คว้าผ้ายันต์ลงอาคม สีขาวซีดที่ห่อรวมอยู่ในโคมไฟนั้นไว้ได้ทัน! ผ้ายันต์ลงอาคมผืนแรก! มันเป็นผ้ายันต์ขนาดเท่าฝ่ามือ มีอักขระโบราณสีแดงเลือดหมูสลักอยู่เต็มผืน ทันทีที่สัมผัสผ้ายันต์ ฟูมิโกะก็รู้สึกได้ถึงพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่อบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในมือ มันแตกต่างจากพลังงานมืดมิดของเงาปีศาจโดยสิ้นเชิง “ได้แล้ว!” ฟูมิโกะร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่ความดีใจนั้นก็จางหายไปเมื่อเธอได้ยินเสียงกระแทกอย่างรุนแรงจากมุมห้อง ตุ้บ! เก็นถูกเงาร่างมนุษย์ฟาดเข้าใส่เต็มแรงจนร่างของเขากระเด็นไปชนเข้ากับผนัง เขาแน่นิ่งไปชั่วขณะ “เก็น!” ฟูมิโกะร้องเรียกด้วยความตกใจสุดขีด เธอรู้ว่าเธอต้องรีบแล้ว! เธอรีบวิ่งไปหาเก็นที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำและเลือดซึมตามเนื้อผ้า เขามีสีหน้าอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาหรี่ลงด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อเขาเห็นฟูมิโกะถือผ้ายันต์อยู่ในมือ เขาก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เก่งมาก… ฟูมิโกะ…” เก็นเอ่ยเสียงแหบพร่า เงาร่างมนุษย์ส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห มันรับรู้ได้ถึงพลังของผ้ายันต์ที่ฟูมิโกะถืออยู่ และมันรู้ว่ามันต้องหยุดพวกเขาก่อนที่จะสายเกินไป มันพุ่งเข้าใส่เก็นอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่ากลัว เก็นพอเห็นฟูมิโกะมาถึงแล้ว ดวงตาของเขาก็กลับมาเป็นประกายอีกครั้ง ความมุ่งมั่นอันแรงกล้ากลับมาเต็มเปี่ยม เขาพยุงตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเพียงใดก็ตาม เขา รวบรวมแรงทั้งหมดที่มี เฮือกสุดท้าย กำมีดลงอาคมแน่น “ฟูมิโกะ! ตอนนี้แหละ!” เก็นตะโกนบอก เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แม้จะบาดเจ็บและอ่อนแรง แต่เขาก็ยังคงแข็งแกร่งพอที่จะออกแรงครั้งสุดท้าย เงาปีศาจตอบโต้ด้วยการฟาดแขนยาวเหยียดเข้าใส่ แต่เก็นกลับพุ่งลอดผ่านแขนของมันไปได้อย่างหวุดหวิด เขาวิ่งวนไปรอบๆ เงาปีศาจที่กำลังสับสน แล้วใช้มีดลงอาคมฟันเข้าใส่จุดเดิมที่เคยแทงไปที่กลางหัวของมันเมื่อครั้งก่อน “ฮึ่ม!” เก็นออกแรงแทงมีดอาคมเข้าไปอย่างเต็มกำลัง ฉัวะ! มีดอาคมฝังลึกเข้าไปในกลางหัวของเงาปีศาจอีกครั้ง แต่คราวนี้มันลึกกว่าเดิมมาก! พร้อมกันนั้น ฟูมิโกะก็ไม่รอช้า เธอชูขวดอาคมขึ้นมา กำผ้ายันต์ในมือแน่น ร่ายคาถาดูดดวงวิญญาณ ด้วยเสียงที่ดังและชัดเจนกว่าครั้งก่อน แสงสีฟ้าอ่อนๆ จากผ้ายันต์แผ่กระจายไปทั่วห้อง ผสมผสานกับพลังงานที่พุ่งออกมาจากขวดอาคมของเธอ สร้างอาณาเขตที่ครอบคลุมเงาปีศาจเอาไว้ เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัว ดังขึ้นอีกครั้งจากเงาปีศาจ แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่เสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวด แต่เป็นเสียงที่แสดงถึงความทรมานและสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แตกสลายกลายเป็นกลุ่มควันสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! พลังดูดดึงจากขวดอาคมของฟูมิโกะทำงานอย่างเต็มที่ มันดูดกลืนกลุ่มควันสีดำเหล่านั้นเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม กลุ่มควันขนาดมหึมาที่เคยเป็นเงาร่างมนุษย์ ถูกบีบอัดลงสู่ขวดใบเล็กๆ อย่างรวดเร็ว และทันทีที่ควันดำสุดท้ายถูกดูดเข้าไป ขวดอาคมของฟูมิโกะก็เรืองแสงสีดำทึบขึ้นมาอย่างรุนแรง ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพปกติ แต่คราวนี้เงาสีดำภายในขวดดูเข้มข้นและเคลื่อนไหวรุนแรงกว่าเดิมมาก ฟูมิโกะหอบหายใจอย่างหนัก เธอรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่แล่นไปทั่วร่าง แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ เธอมองไปที่ขวดอาคมในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเก็นที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง “เก็น! นายไม่เป็นไรนะ!” ฟูมิโกะรีบวิ่งเข้าไปหาเก็น เธอคุกเข่าลงข้างๆ เขา พยายามจะดูบาดแผลที่แขนของเขา เก็นส่ายหัวช้าๆ “ไม่เป็นไร… ฟูมิโกะ… ฉัน… ฉันแค่เหนื่อยมาก” เขายิ้มอ่อนแรงให้เธอ ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงเป็นประกาย ฟูมิโกะพยุงตัวเก็นให้ลุกขึ้นนั่งพิงผนังเบาๆ เธอเก็บขวดอาคมใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง “เก็น… เรา… เราทำได้แล้วใช่ไหม?” ฟูมิโกะถามด้วยเสียงที่ยังคงมีความไม่แน่ใจ แม้พวกเขาจะชนะ แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็สอนให้เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เก็นพยักหน้าช้าๆ “ใช่… เราทำได้แล้ว… ฟูมิโกะ” เขายื่นมือที่ยังว่างอีกข้างไปตบบ่าฟูมิโกะเบาๆ “แต่จำที่ฉันบอกได้ไหม… เจ้านี่มันก็แค่พวกลูกสมุน” ฟูมิโกะตัวแข็งทื่อ “หมายความว่า… มันยังมีตัวที่เก่งกว่านี้อีกใช่ไหม?” เธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลอีกครั้ง เธอก้มลงมองขวดอาคมในมือ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะหนักอึ้งขึ้นมาทันที ราวกับรับรู้ถึงภาระที่รออยู่เบื้องหน้า เก็นเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่โคมไฟเคยอยู่ เขามองไปยังทางเดินที่มืดมิดเบื้องหน้า ดวงตาของเขากลับมาจริงจังอีกครั้ง “ใช่… ฟูมิโกะ โรงพยาบาลแห่งนี้มีสิ่งที่แข็งแกร่งกว่ารอเราอยู่ข้างหน้าแน่ๆ” เก็นตอบเสียงเรียบ “แต่ไม่ต้องกลัว” เขาหันกลับมาสบตาฟูมิโกะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจัง “พวกเราจะจัดการมันทั้งหมด… และกลับไปอย่างปลอดภัย” ฟูมิโกะมองเข้าไปในดวงตาของเก็น เธอเห็นความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ในนั้น มันทำให้ความกังวลในใจของเธอเบาบางลงไปบ้าง เธอรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ยังอีกยาวไกล แต่เธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีเก็นอยู่ข้างๆ “ตกลง… เก็น” ฟูมิโกะตอบเสียงหนักแน่นขึ้น “เราจะจัดการมันทั้งหมด…” เธอทวนคำพูดของเก็นอีกครั้ง เพื่อให้กำลังใจตัวเองแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างที่พังทลายของห้องผ่าตัด สาดไล่ความมืดมิดที่เคยปกคลุมโรงพยาบาลแห่งนี้มานานหลายทศวรรษให้จางหายไป ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ฟูมิโกะและเก็นอย่างหนัก ทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนอันยาวนาน แต่ในดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งอกและความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้ฟูมิโกะหันไปมองเก็น ใบหน้าของเธอเปื้อนฝุ่นและมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากกลับเปล่งประกายสดใส เก็นเองก็ยิ้มตอบ ดวงตาของเขายังคงฉายแววอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ“เราทำได้จริงๆ ด้วยนะเก็น…” ฟูมิโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ“ใช่ฟูมิโกะ… เราทำได้แล้ว” เก็นตอบ เสียงของเขาเองก็หอบไม่แพ้กัน “มันเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”ฟูมิโกะค่อยๆ หยิบ ขวดกักเก็บวิญญาณ ที่มีแสงสีเหลืองอำพันเรืองรองอยู่ภายในขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม แสงนั้นอบอุ่นและบริสุทธิ์ ไม่ใช่แสงสีดำที่น่าขนลุกเหมือนตอนแรกอีกต่อไป“ในที่สุด… เหล่าวิญญาณก็ไ
เสียงทุบประตูห้องผ่าตัดยังคงดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ผนังห้องสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ เก็นและฟูมิโกะนั่งพิงกำแพง หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าเต็มทีจากบาดแผลและจากการต่อสู้ที่ไม่รู้จบกับ "นายใหญ่" ที่ยังคงกราดเกรี้ยวอยู่ภายนอก“เราจะทำยังไงดีเก็น?” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอพลิกหน้าหนังสืออาคมอย่างรวดเร็ว ดวงตากวาดไปตามตัวอักษรโบราณพยายามหาวิธีที่จะเอาชนะนายใหญ่ได้เสียทีเก็นมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่เริ่มเรืองแสงริบหรี่ลงแล้ว แสดงว่าพลังป้องกันของมันกำลังจะหมดลงในไม่ช้า “เราต้องหาทางหยุดมันให้ได้ก่อนที่มันจะบุกเข้ามา ฟูมิโกะ!”ตูม!ประตูห้องผ่าตัดถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนบานประตูเริ่มปริแตกออก เศษไม้กระเด็นเข้ามาในห้อง“มันใกล้จะพังแล้ว!” ฟูมิโกะอุทาน เธอกัดฟันแน่น พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เพื่ออ่านหนังสืออาคมให้เร็วที่สุดทันใดนั้น!ดวงตาของฟูมิโกะก็หยุดอยู่ที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง! เธอจำได้ว่าเคยเห็นคาถานี้มาก่อน! มันเป็นคาถาที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรงมาก แต่กลับมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ!“เก็น! ฉันเจอแล้ว!” ฟูมิโกะตะ
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ผสมปนเปกับความชื้นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ ยังคงคละคลุ้งอยู่ในห้องแล็บที่มืดมิด ฟูมิโกะกับเก็นนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับ "นายใหญ่" บนดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่บนประตูกำลังเรืองแสงจางๆ เป็นเกราะป้องกันที่เปราะบาง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้ในตอนนี้“เราต้องหาผ้ายันต์อีกสองผืนให้เจอ” ฟูมิโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย เธอเปิดหนังสืออาคมเล่มหนาออกอีกครั้ง พยายามกวาดสายตาหาเบาะแสเก็นพยักหน้า เขายังคงกุมแขนที่บาดเจ็บจากกรงเล็บของนายใหญ่ “ใช่… ยิ่งเราได้ผ้ายันต์ครบเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสโค่นมันได้มากเท่านั้น”“แต่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ฉันสัมผัสบนดาดฟ้า… มันหายไป” ฟูมิโกะพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันทำงานยังไง”“อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องนั้นเลยฟูมิโกะ” เก็นบอก “ตอนนี้เราต้องหาอีกสองผืนที่เหลือให้เจอ” เขามองไปที่นาฬิกาข้อมืออาคมของฟูมิโกะที่วางอยู่ข้างๆฟูมิโกะเห็นแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “จุดสีแดง! มันอยู่ที่ด้านหลังโรงพยาบาล! ทั้งสองจุดเลย!” เธอกรีดร้องด้วยความดีใจ“ด้านหลังโรงพยาบาลเหร
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากชั้นล่างของโรงพยาบาลร้าง คลอไปกับเสียงฝีเท้าหนักอึ้งของ "นายใหญ่" ที่กำลังไล่ตามฟูมิโกะมาติดๆ บนดาดฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดกรรโชกแรงจนเส้นผมของฟูมิโกะปลิวไสวไปตามแรงลม เธอยืนอยู่หน้า เสาล่อฟ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่หกเรืองแสงสีม่วงเข้มพร้อมกับสายฟ้าเล็กๆ ที่แลบแปลบปลาบอยู่รอบๆ ราวกับมันกำลังมีชีวิต"ผ้ายันต์ผืนนั้น… มันคงเป็นผ้ายันต์แห่งสายฟ้าแน่ๆ" ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มหาศาลจากผ้ายันต์ผืนนั้น พลังงานที่แตกต่างจากผ้ายันต์อื่นๆ ที่เธอเคยสัมผัสมาทั้งหมดตุบ! ตุบ! ตุบ!เสียงฝีเท้าหนักๆ ของ "นายใหญ่" ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันกำลังปีนขึ้นมาบนบันไดที่นำไปสู่ดาดฟ้า"ไม่นะ… มันกำลังมาแล้ว!" ฟูมิโกะอุทานด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไปแล้วทันใดนั้น!ร่างของเก็นก็พุ่งพรวดขึ้นมาบนดาดฟ้า! ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย มีรอยเปื้อนฝุ่นและรอยขีดข่วนอยู่หลายแห่ง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เขากำมีดลงอาคมแน่นในมือ“ฟูมิโกะ! เธอไม่เป็นไรนะ?!” เก็นตะโกนถาม เสียงของเขาหอบเล็กน้อยจ