อากาศรอบกายพลันบิดเบือน ไอโกะสัมผัสได้ถึงแรงดูดอันมหาศาลที่ฉุดรั้งเธอและโชให้ก้าวผ่าน "ประตูข้ามมิติ" ที่เปล่งแสงเรืองรอง ประตูที่พวกเขาพบในห้องทดลองลับใต้ดินของโรงเรียน ซึ่งเป็นเบาะแสสุดท้ายที่นำไปสู่ที่อยู่ของกลุ่มเงาดำ โชกระชับมือที่จับไอโกะไว้แน่นจนเธอรู้สึกได้ถึงความกังวลที่แผ่ซ่านออกมาจากเขา พริบตาต่อมา แสงจ้าที่เคยห้อมล้อมก็ดับวูบลง แทนที่ด้วยความมืดมิดและกลิ่นอับชื้นที่บ่งบอกถึงกาลเวลาที่หยุดนิ่ง
เท้าของทั้งคู่แตะลงบนพื้นกรวดเย็นเฉียบ ทันทีที่ประตูเบื้องหลังปิดลงด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา ลมเย็นยะเยือก ที่เหมือนจะพัดมาจากส่วนลึกของผืนดิน ก็โถมเข้าปะทะร่าง ไอโกะขนลุกซู่ เธอต้องข่มใจไม่ให้สั่นสะท้านกับอุณหภูมิที่ลดฮวบลงอย่างกะทันหัน ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือโครงสร้างอาคารสูงใหญ่ที่บิดเบี้ยวผิดรูป เถาวัลย์หนาทึบปกคลุมผนังจนแทบไม่เห็นเนื้อปูน หน้าต่างทุกบานแตกละเอียดดุจดวงตาไร้ชีวิตที่กำลังจ้องมองพวกเขา โครงสร้างโลหะสนิมเกรอะส่งเสียงครวญครางยามถูกลมพัด ราวกับกำลังร้องไห้คร่ำครวญถึงอดีตที่เลือนหาย นี่คือ โรงเรียนร้างคิโยชิ ที่พวกเขาเคยได้ยินแต่เพียงเรื่องเล่าขาน “หนาวชะมัด” โชพึมพำ น้ำเสียงเขาแฝงความประหม่าเล็กน้อย แม้จะเป็นนักกีฬาที่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์กดดันมานับไม่ถ้วน แต่บรรยากาศเหนือธรรมชาติเช่นนี้กลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเตรียมรับมือมาก่อน เขาไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่น่ากลัวกว่ากันระหว่างความมืดมิดที่มองไม่เห็นเบื้องหน้า หรือความเงียบงันที่บีบคั้นจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง “มันอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ…ไอโกะ?” ไอโกะไม่ได้ตอบทันที เธอปล่อยมือจากโชชั่วครู่เพื่อยก นาฬิกาข้อมือตรวจจับดวงวิญญาณ ที่พัฒนาโดยอาจารย์โมริ ผู้เชี่ยวชาญด้านปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ให้ความช่วยเหลือพวกเขาโดยไม่เปิดเผยตัวตน จอแสดงผลสีเขียวสว่างวาบขึ้นในความมืด ค่าตัวเลขบนหน้าปัดเริ่มขยับจากหลักหน่วยไปสู่หลักสิบ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบ่งบอกถึงความเข้มข้นของพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น เข็มทิศเล็ก ๆ บนหน้าจอบิดเบี้ยวไปมา ก่อนจะค่อย ๆ ชี้ไปในทิศทางหนึ่งอย่างช้า ๆ “มันอยู่ที่นี่แหละ… โช” เสียงของไอโกะมั่นคงขึ้นเล็กน้อย แม้จะมีความกังวลฉายชัดในแววตา “สัญญาณเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนพวกมันจะมารวมตัวกันที่นี่จริง ๆ” เธอเลื่อนนิ้วไปสัมผัสหน้าจอ ก่อนที่จะฉายแสงไฟฉายจากอุปกรณ์เดียวกันนั้นไปยังทิศทางที่เข็มทิศชี้ แสงไฟฉายสาดส่องไปบนทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง ต้นไม้ที่แห้งตายยืนต้นคล้ายโครงกระดูกยักษ์ ผนังอาคารที่เคยเป็นสีขาวบัดนี้มีคราบตะไคร่น้ำและเชื้อราเกาะหนาเป็นปื้น โชก้าวมายืนข้างไอโกะ ดึงไฟฉายของตัวเองออกมาส่องสำรวจรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรซุ่มโจมตีพวกเขาจากมุมมืด “เงียบจนน่ากลัวเลยแฮะ ปกติผีในหนังมันต้องมีเสียงอะไรบ้างสิ” โชพยายามทำลายความเงียบด้วยการพูดติดตลก แต่ก็รู้ว่าตัวเองก็ไม่สบายใจไม่ต่างกัน “นั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดโช” ไอโกะตอบเสียงเบา “เงาดำพวกนี้มันไม่ใช่แค่ผีเร่ร่อนธรรมดา พวกมันคือพลังงานที่ถูกผนึกไว้ในหีบปริศนา พวกมันไม่มีตัวตน ไม่มีเสียง ไม่มีอุณหภูมิ พวกมันแค่ อยู่ และค่อย ๆ กัดกินทุกสิ่งรอบตัว” เธอหยุดคำพูดไปครู่หนึ่ง “ยิ่งสัญญาณมันชัดขึ้นเท่าไหร่…ก็แสดงว่าเราเข้าใกล้พวกมันมากขึ้นเท่านั้น” พวกเขาเริ่มก้าวเดินอย่างช้า ๆ ไปตามทางเดินที่มืดสนิท เสียงฝีเท้าของตัวเองดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบงัน ไอโกะพยายามจดจำแผนผังโรงเรียนที่เธอศึกษามา แต่ในความมืดและความหวาดระแวงทุกซอกมุม ทุกตารางนิ้วดูแตกต่างไปจากที่จินตนาการไว้มาก “ไอโกะ…เธอว่าเราควรจะแยกกันหาไหม? บางทีสัญญาณมันอาจจะมาจากหลายจุด” โชเสนอ ไอโกะหันขวับ “ไม่!” เธอตอบเสียงหนักแน่น “เด็ดขาดเลยนะโช! เราไม่รู้ว่าข้างในนี้มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง พลังของเงาปีศาจเหล่านี้ก็ยังไม่ชัดเจน การแยกกันจะทำให้เราตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น เราต้องไปด้วยกันเท่านั้น” โชพยักหน้าอย่างเข้าใจ “โอเค ๆ ไม่แยกก็ไม่แยก ก็แค่คิดว่ามันอาจจะเร็วกว่าน่ะ” เขาชี้ไปทางปีกอาคารด้านซ้าย “สัญญาณมันแรงขึ้นทางนั้นนะ” ไอโกะก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง ตัวเลขบนจอพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เข็มทิศหมุนติ้วก่อนจะชี้ไปยังทิศทางที่โชบอกอย่างแน่วแน่ สัญชาตญาณบอกเธอว่านี่ไม่ใช่แค่การตามหาสิ่งของ แต่เป็นการเผชิญหน้ากับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเข้าใจอย่างถ่องแท้ “ไปกันเถอะ” ไอโกะกำหมัดแน่น “เตรียมตัวให้พร้อมนะโช เราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรอเราอยู่” ทั้งสองก้าวเข้าสู่ส่วนที่มืดมิดที่สุดของอาคาร ปล่อยให้แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ในมือเป็นสิ่งเดียวที่นำทางพวกเขา เสียงกระซิบของลมที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างที่แตกหักฟังดูคล้ายเสียงหัวเราะเยาะเย้ย และเงาของพวกเขาที่เต้นระบำไปตามผนังก็ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมาจับจ้องทุกย่างก้าว ยิ่งเดินลึกเข้าไป ความรู้สึกอึดอัดก็ยิ่งทวีคูณจนหายใจลำบาก ไอโกะรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองไม่เห็นนับร้อยคู่กำลังจับจ้องพวกเขาอยู่จากทุกซอกมุม ทันใดนั้น เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากห้องเรียนที่อยู่ทางขวา เสียงของเก้าอี้ที่ล้มครืน ตามมาด้วยเสียงครูดบางอย่างที่ดังสั้น ๆ ก่อนจะเงียบไปอย่างกะทันหัน ความเงียบที่กลับมาเยือนนั้นน่าขนลุกยิ่งกว่าเสียงใด ๆ ที่เคยได้ยินมา “อะไรน่ะ?” โชถามอย่างระมัดระวัง เขาชี้ไฟฉายไปยังห้องนั้น มืออีกข้างเตรียมพร้อมที่จะคว้าไม้เบสบอลพับได้ที่เหน็บอยู่ที่เข็มขัด ไอโกะจ้องไปที่ห้องนั้นอย่างไม่วางตา “สัญญาณจากนาฬิกามันพุ่งสูงขึ้นกะทันหันเลยนะโช…มันอยู่ที่นั่น!” ลมหายใจของทั้งคู่ถูกกลั้นไว้เมื่อเงาเล็ก ๆ ที่เคลื่อนไหวคล้ายควันบางเบา ค่อย ๆ ลอยออกมาจากห้องนั้นช้า ๆ มันไม่ใช่เงาดำขนาดใหญ่เหมือนที่พุ่งออกจากหีบ แต่เป็นเศษเสี้ยวที่รวมตัวกันเป็นรูปทรงคล้ายร่างมนุษย์ที่บิดเบี้ยว มันลอยเอื่อย ๆ เข้าใกล้พวกเขา ราวกับจะประเมินท่าทีของผู้บุกรุก “เตรียมตัวนะโช” ไอโกะกระซิบเสียงต่ำ เธอรู้ว่าการต่อสู้ครั้งแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส