ลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง
“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่น แต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก “มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ” ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ” “แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์” ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?” “จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด” “แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม “ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป็นการเตือน…และมันก็เป็นการทดสอบเราไปในตัวด้วย” ไอโกะเงียบไปครู่หนึ่ง เธอประมวลผลคำพูดของโช และก็พบว่ามันมีเหตุผลที่ฟังขึ้น “แล้วเราจะทำยังไงล่ะ?” “เราต้องรีบไปหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายกันก่อนไง” โชบอก “ถ้าเราได้ผ้ายันต์ครบทุกผืน แผนการของเราก็สมบูรณ์แบบขึ้นอีกขั้น” ไอโกะพยักหน้า เธอลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้จะยังคงรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง แต่ความมั่นใจในตัวโชก็ช่วยให้เธอมีกำลังใจขึ้นมาได้มาก “ไปกันเถอะโช” ไอโกะบอก “อาคารวิทยาศาสตร์…ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายต้องอยู่ที่นั่น” การเดินทางสู่หอทดลองลับ ทั้งคู่เดินหน้าต่อไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหน้า แสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาตามหน้าต่างที่แตกหักเป็นแสงสว่างเดียวที่นำทางพวกเขาในความมืดมิด เสียงลมประหลาดที่เต็มไปด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบายังคงพัดกรูเข้ามาเป็นระลอกๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับมันมากขึ้น ราวกับมันเป็นเพียงเสียงลมธรรมดา เมื่อมาถึงหน้าประตูอาคารวิทยาศาสตร์ ไอโกะและโชต่างก็หยุดชะงัก ประตูเหล็กเก่าๆ สนิมเขรอะที่เคยปิดสนิท บัดนี้กลับเปิดอ้าออก เผยให้เห็นความมืดมิดที่ลึกเข้าไปข้างใน และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ แสงสีฟ้าอมเขียว ที่เรืองรองอยู่ภายในอาคาร ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ “แสงนั่นมันอะไรน่ะไอโกะ?” โชถาม เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย “ฉันไม่รู้โช…แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่พลังงานด้านลบนะ” ไอโกะตอบ ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้าไปในอาคารวิทยาศาสตร์ ไอโกะและโชต่างก็สัมผัสได้ถึง กลิ่นฉุนของสารเคมี ที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และที่น่าตกใจคือ อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก พวกเขาเดินสำรวจไปตามห้องทดลองที่มืดมิดและเต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เก่าๆ ที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ขวดสารเคมีแตกหักกระจายไปทั่ว เศษแก้วแตกเกลื่อนกลาด ฝุ่นละอองหนาทึบปกคลุมไปทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับห้องทดลองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานานนับศตวรรษ “มันเป็นห้องทดลองเคมีสินะ” โชพึมพำ “ใช่…ดูเหมือนจะมีอุปกรณ์ที่เราต้องการอยู่ที่นี่เยอะเลยนะ” ไอโกะบอก ขณะที่เธอใช้ไฟฉายส่องไปตามทางเดินที่มืดมิด ทันใดนั้นเอง สัญญาณจากผ้ายันต์ในกระเป๋าของไอโกะก็พลันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงสีทองจากผ้ายันต์ที่เคยดับไป บัดนี้กลับเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง! และที่น่าแปลกคือ แสงสีทองนั้นส่องนำทางพวกเขาไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในอาคาร เป็นห้องที่ดูแตกต่างจากห้องอื่นๆ มีประตูเหล็กขนาดใหญ่และหนาแน่นเป็นพิเศษ “ผ้ายันต์มันบอกว่าผืนสุดท้ายอยู่ตรงนั้นโช!” ไอโกะอุทานด้วยความตื่นเต้น โชพยักหน้า “ประตูมันดูแข็งแรงมากนะไอโกะ…แต่เราต้องเข้าไปให้ได้” พวกเขาพยายามจะเปิดประตูเหล็กบานนั้น แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ ไอโกะตัดสินใจใช้พลังเวทมนตร์ของเธอ เธอร่ายคาถาเปิดผนึกขั้นสูง แสงสีเขียวอ่อนๆ พุ่งตรงเข้าใส่ประตูเหล็กอย่างรุนแรง เสียงครืดคราดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ประตูเหล็กจะค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นความมืดมิดที่ลึกเข้าไปข้างใน และ แสงสีฟ้าอมเขียว ที่เรืองรองอยู่เบื้องหน้า เมื่อประตูเปิดออกจนสุด ทั้งคู่ก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านใน ห้องโถงแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็น หอทดลองลับ ที่เคยถูกใช้ในการทดลองบางอย่างที่แปลกประหลาด มีอุปกรณ์ทดลองขนาดใหญ่ที่ดูน่าขนลุกตั้งอยู่ทั่วบริเวณ ท่อเหล็กขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันยุ่งเหยิงเต็มไปหมด ไอระเหยสีขาวลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน และที่ใจกลางของหอทดลองลับนั้น มี แท่นแก้วใส ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ภายในแท่นแก้วนั้น มี ผ้ายันต์ผืนสุดท้าย เปล่งแสงสีทองจ้าส่องสว่างอยู่เบื้องใน มันลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ราวกับกำลังถูกพลังงานบางอย่างกักเก็บไว้ “นั่นมัน…ผ้ายันต์ผืนสุดท้าย!” ไอโกะอุทานด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังสูงสุด โชพยักหน้า “มันอยู่ในแท่นแก้วนั่นไอโกะ…แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ” เขารู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากแท่นแก้วนั้น เป็นพลังงานที่แตกต่างจากปีศาจทั่วไป มันเย็นยะเยือกและบริสุทธิ์อย่างประหลาด ทันใดนั้นเอง เสียงหึ่งๆ ที่น่ารำคาญ ก็พลันดังขึ้นรอบตัวพวกเขา! เสียงนั้นฟังดูเหมือนเสียงของแมลงปีกแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังบินไปมาอย่างรวดเร็ว และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ แสงสีฟ้าอมเขียว ที่เคยเรืองรองอยู่ทั่วห้องโถงบัดนี้กลับ พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาจากทุกทิศทาง! แสงนั้นก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างคล้าย แมลงปีกแข็งขนาดมหึมา ที่มีดวงตาสีแดงก่ำ และปีกที่สร้างเสียงหึ่งๆ ที่น่ารำคาญ พวกมันบินวนรอบแท่นแก้วและผ้ายันต์ไว้แน่น “พวกมันคือ…ปีศาจแห่งการทดลอง!” ไอโกะอุทานด้วยความตกใจ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากการทดลองที่ผิดพลาดในห้องนี้…และพวกมันจะปกป้องผ้ายันต์ทุกวิถีทาง!” โชกำมีดอาคมแน่น “แล้วเราจะจัดการกับพวกมันยังไง? พวกมันบินเร็วมากเลยนะไอโกะ!” “เราต้องหาทางไปถึงผ้ายันต์ให้ได้โช!” ไอโกะบอก “ผ้ายันต์คือสิ่งเดียวที่จะขับไล่พวกมันได้!” การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อผ้ายันต์ การต่อสู้ครั้งนี้เต็มไปด้วยความเร็วและความแม่นยำ เหล่าปีศาจแห่งการทดลองบินไปมาอย่างรวดเร็ว พยายามจะใช้ร่างที่เล็กแต่แข็งแกร่งของพวกมันพุ่งชนเข้าใส่ไอโกะและโช การโจมตีของพวกมันไม่รุนแรงเท่าปีศาจตัวอื่น ๆ แต่จำนวนที่มหาศาลและความเร็วที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้พวกเขาต้องตั้งรับอย่างยากลำบาก “พวกมันเร็วมากไอโกะ! ฉันตามพวกมันแทบไม่ทันเลย!” โชตะโกนบอกขณะที่เขาฟันมีดอาคมใส่ปีศาจแห่งการทดลองที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ทำได้เพียงปัดป้องพวกมันออกไปเท่านั้น ไอโกะพยายามจะใช้คาถาโจมตี แต่การที่ปีศาจเหล่านี้เคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป ทำให้คาถาของเธอพลาดเป้าอยู่บ่อยครั้ง “เราต้องหาทางหยุดพวกมันให้ได้โช! ก่อนที่เราจะหมดแรง!” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มหอบหายใจ โชพยายามจะคิดหาทาง เขามองไปยังอุปกรณ์ทดลองที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องโถง “ไอโกะ! เธอดูที่สายไฟพวกนั้นสิ!” โชตะโกนบอก เขาชี้ไปที่สายไฟที่เชื่อมต่อกันยุ่งเหยิงอยู่บนเพดานและผนัง “ถ้าเราทำลายแหล่งพลังงานของพวกมันได้ล่ะ?” ไอโกะเบิกตากว้าง “จริงด้วย! พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากการทดลอง…บางทีมันอาจจะเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานบางอย่าง!” แผนการที่เสี่ยงตายถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็ว โชจะต้องทำลายสายไฟที่เชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานของปีศาจแห่งการทดลอง ในขณะที่ไอโกะจะคอยปกป้องเขาและถ่วงเวลาพวกมันไว้ “โช! นายต้องไปทำลายสายไฟพวกนั้น!” ไอโกะบอก “ฉันจะร่ายคาถาป้องกันเพื่อถ่วงเวลาพวกมันไว้!” โชพยักหน้า “เข้าใจแล้วไอโกะ! ระวังตัวด้วยนะ!” ไอโกะหลับตาลง เธอรวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่เหลืออยู่ และเริ่มร่าย ‘คาถาบาเรียป้องกัน’ แสงสีเขียวอ่อนๆ ก็พลันเปล่งประกายออกมาจากร่างของเธอ และก่อตัวขึ้นเป็นบาเรียพลังงานที่แข็งแกร่งล้อมรอบตัวเธอและโชไว้ เหล่าปีศาจแห่งการทดลองพุ่งเข้าใส่บาเรียพลังงานอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงหึ่งๆ ของพวกมันดังระงมไปทั่วห้องโถง การโจมตีของพวกมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บาเรียของไอโกะเริ่มสั่นคลอน “รีบหน่อยนะโช! ฉันจะต้านพวกมันไว้ไม่ไหวแล้ว!” ไอโกะตะโกนบอก ใบหน้าของเธอซีดเผือดจากการใช้พลังงานมหาศาล โชไม่รอช้า เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ เขาพุ่งตรงไปยังสายไฟที่เชื่อมต่ออยู่บนผนังและเพดาน มีดอาคมในมือของเขาส่องประกายวาววับ เขาฟันมีดอาคมใส่สายไฟอย่างรวดเร็วและแม่นยำ “เปรี้ยงงงงงงงงง!!!” เสียงไฟฟ้าช็อตดังสนั่นไปทั่วห้องโถง เมื่อโชฟันสายไฟเส้นแรกขาด แสงสีฟ้าอมเขียวที่เคยเรืองรองอยู่ทั่วห้องโถงก็พลันหรี่ลงเล็กน้อย เหล่าปีศาจแห่งการทดลองส่งเสียงหึ่งๆ ที่อ่อนแรงลงเล็กน้อยเช่นกัน โชยังคงฟันสายไฟอย่างไม่หยุดยั้ง สายแล้วสายเล่า เสียงไฟฟ้าช็อตดังสนั่นไปทั่วห้องโถง แสงสีฟ้าอมเขียวเริ่มจางหายไปทีละน้อย บาเรียของไอโกะก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน ในที่สุด เมื่อโชฟันสายไฟเส้นสุดท้ายขาด แสงสีฟ้าอมเขียวในห้องโถงก็พลันดับลงอย่างสนิท! และเหล่าปีศาจแห่งการทดลองก็พลันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ร่างของพวกมันเริ่มสั่นไหวและสลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีพลังงานหล่อเลี้ยงอีกต่อไป “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!” ร่างของพวกมันแตกสลายกลายเป็นละอองควันดำกระจายไปในอากาศ เหลือไว้เพียง ผ้ายันต์สีทองที่เปล่งแสงจ้า ลอยนิ่งอยู่กลางแท่นแก้วใส พร้อมกับ ดวงจิตสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ ที่ลอยอยู่เคียงข้าง ไอโกะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เธอหอบหายใจอย่างแรง ใบหน้าของเธอซีดเผือด ขวดอาคมในมือของเธอเปล่งแสงริบหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกว่าพลังงานภายในถูกใช้ไปจนเกือบหมด โชรีบเดินเข้ามาหาไอโกะด้วยความดีใจ เขาไม่รอช้า เก็บผ้ายันต์ผืนที่หกใส่กระเป๋าคาถาของไอโกะ ทันที และในจังหวะนั้นเอง ดวงจิตสีม่วงเข้มที่เกิดจากการสลายไปของปีศาจแห่งการทดลองก็ถูกดูดเข้าไปในขวดกักเก็บวิญญาณโดยอัตโนมัติ ทำให้ขวดอาคมของเธอเปล่งประกายสีม่วงเข้มและสว่างจ้าขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า บ่งบอกถึงพลังงานมหาศาลที่ถูกกักเก็บไว้ภายใน “เรา…เราทำได้แล้วโช!” ไอโกะร้องด้วยความดีใจ น้ำเสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความปิติยินดีที่หาที่สุดไม่ได้ โชพยักหน้า เขายิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “ใช่…เราทำได้แล้วไอโกะ…เราได้ผ้ายันต์ครบทุกผืนแล้ว!” ทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ฉายแววแห่งความสุขและภาคภูมิใจในชัยชนะที่แลกมาด้วยเลือด เนื้อ และหยาดเหงื่อ แต่ความดีใจของพวกเขาก็อยู่ได้เพียงชั่วครู่… ทันใดนั้น เสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้ยินมา ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านนอกของอาคารวิทยาศาสตร์! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งโรงเรียน ราวกับเสียงกึกก้องจากขุมนรกที่เปิดออก พร้อมกับ ลมประหลาดที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ที่พัดกรูเข้ามาในอาคารอย่างรุนแรง “ข้า…มาถึงแล้ว…มนุษย์ผู้โง่เขลา!” เสียงทุ้มต่ำที่น่าสะพรึงกลัวดังก้องไปทั่วบริเวณ เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและพลังงานด้านลบที่รุนแรงจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ไอโกะและโชเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขามองไปยังทางเข้าอาคารวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหน้า และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็ทำให้ทั้งคู่ถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว เบื้องหน้าของพวกเขา เงาปีศาจขนาดมหึมา ที่สูงใหญ่เทียมฟ้า กำลังก้าวเข้ามาในอาคารวิทยาศาสตร์อย่างช้า ๆ ร่างกายของมันใหญ่โตจนอาคารแทบจะพังทลาย ดวงตาของมันเปล่งแสงสีแดงก่ำราวกับดวงอาทิตย์ที่ลุกไหม้ พลังงานด้านลบที่แผ่ออกมาจากมันรุนแรงจนแทบจะทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก และที่น่าตกใจที่สุดคือ รูปร่างของมันคือบอสตัวจริงที่แท้ทรู! มันคือ ต้นตอของฝันร้ายทั้งหมด ที่แข็งแกร่งจนเกินจินตนาการ “มัน…มันมาแล้วโช…” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือจนแทบจะไม่ได้ยิน โชกำมีดอาคมแน่น แขนของเขาสั่นเทา “ไอโกะ…มันมาแล้วจริง ๆ”ลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส