กริ๊ง...กริ๊ง...นิรมลสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่แทนที่หญิงสาวจะตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น กลับกลายเป็นว่ารู้สึกเหนื่อยล้า ราวกับว่าเธอไปวิ่งมาจริงๆ ไม่ใช่ความฝันนิรมลลุกขึ้น เธอยังคงปวดหัวอยู่ ถึงแม้ว่าอาการเวียนหัวจะน้อยลงแล้ว แต่ยังเดินเซจนต้องค่อยๆ เกาะผนังเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะไลน์หาหัวหน้างานและฝ่ายบุคคลเพื่อแจ้งว่าจะลาป่วย แต่กลับมีข้อความจากหัวหน้าที่ทำให้เธอชะงัก‘เช้านี้ผมขอข้อมูลเรื่องบริษัทที่คุณจะไปเสนองานวันศุกร์หน่อย ผมว่าอาจจะต้องทำข้อมูลเพิ่ม แล้วก็คุณต้องเข้าประชุมกับผมตอนเช้านี้ด้วย ท่านประธานอยากดูข้อมูล’นิรมลที่กำลังจะพิมพ์ข้อความต้องหยุดคิดว่าจะตอบอย่างไรดี ก็พอดีกับที่เอกภพทักมาถามเธอเหมือนกัน‘จิ๋วเป็นยังไงบ้าง เช้านี้ไหวไหม ให้บีเข้าไปรับที่คอนโดฯ หรือเปล่า จะได้ไม่ต้องขับรถออกมา’‘ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นจิ๋วอาบน้ำแต่งตัวก่อน หนึ่งออกจากบ้านมาหรือยัง’นิรมลรีบพิมพ์ข้อความบอกเอกภพว่าจะไปด้วยกันกับเขา เพียงครู่เดียวเขาก็ตอบรับกลับมา‘ได้สิ...อี
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เอกภพขึ้นมาหานิรมลที่ห้องทำงาน เพื่อนร่วมงานในแผนกกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เขาเดินมาหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นเธอสีหน้าเหนื่อยอ่อนก็รีบเดินเข้าไปหาทันที“จิ๋ว...เลิกงานแล้วกลับบ้านเถอะนะ เดี๋ยวบีไปส่งเอง”“ไม่ต้องหรอกบี คอนโดฯ ก็อยู่แค่นี้เอง จิ๋วกลับเองได้”แต่เอกภพกลับส่ายหน้า ด้วยความเป็นห่วงเขาจัดการเก็บเอกสารของนิรมลที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับบอกเธอด้วยน้ำเสียงขอร้องกึ่งบังคับ“กลับเถอะจิ๋ว เดี๋ยวบีขับรถตามไป แล้วจะแวะซื้ออาหารให้ด้วย”นิรมลที่ทีแรกจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองหน้าเอกภพก็เห็นแววตาที่แสดงความเป็นห่วงฉายชัดเจน หญิงสาวยอมกลับคอนโดฯ ตามที่เขาต้องการ เธอขับรถยนต์กลับถึงคอนโดฯ แล้วมานั่งรออยู่ที่ชั้นหนึ่ง“มาแล้ว”เอกภพเดินเข้ามา ในมือของเขาถือถุงอาหารมาด้วย นิรมลพูดทักทันทีที่เห็น“ซื้อมาเยอะจังเลยบี จะกินกันหมดเหรอ”“หมดสิ นี่บีซื้อโจ๊กมาให้ แล้วก็มีของบีด้วย จะได้กินเป็นเพื่อนจิ๋วไง”เอกภพพูด ดึงมือให้นิรมลขึ้นไปข้างบนด้วยกัน เมื่อขึ้นไปข้างบนห้องพัก เอกภพจัดการเทโจ๊กให้หญิงสาว แล
วันอาทิตย์ตอนเย็น เอกภพและนิรมลขับรถกลับกรุงเทพฯ นิรมลนั่งเงียบมาตลอดทางจนเอกภพสงสัย คอยหันมามองหน้าหญิงสาวข้างๆ เป็นระยะ ในช่วงเวลาที่รถยนต์จอดติดไฟแดง“จิ๋วเป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้ ทำไมเงียบจัง หรือว่าทะเลาะกับพ่อแม่”“เปล่าหรอก จิ๋วมีเรื่องอะไรให้คิดนิดหน่อย คิดไม่ตกเสียที”เอกภพคิ้วขมวดมองหญิงสาวด้วยความสงสัย กำลังจะอ้าปากถามต่อ แต่นิรมลก็ชิงพูดถึงสิ่งที่สงสัยออกมาเสียก่อน“จิ๋วกำลังนึกสงสัยเรื่องการตายของลุงพิษณุ จิ๋วมีความรู้สึกว่าลุงพิษณุไม่น่าจะตายเพราะอุบัติเหตุอย่างที่ตำรวจสรุปคดีไว้”“บีว่าจิ๋วน่าจะฟังที่พ่อเล่าเยอะเกินไปละมั้ง ก็เลยเก็บมาคิดมาฝันต่อเป็นตุเป็นตะเอาเอง”“แต่จิ๋วว่า...”“จิ๋วคิดว่าฟังนิทานเถอะ อีกอย่างเรื่องนี้มันผ่านมาตั้งสามสี่ปีแล้ว อย่าไปคิดรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ เลยนะ”เอกภพพูดอย่างไม่สนใจนัก ทำให้นิรมลต้องเงียบไปด้วย หญิงสาวได้แต่คิดอยู่ในใจก็หนึ่งไม่ได้เห็นเหตุการณ์อย่างที่นิวเห็นนี่นา เลยต้องมานั่งคิดเนี่ยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในตอนนั้นนิ
พิษณุเป็นคนจังหวัดนครปฐม ครอบครัวของเขามีอาชีพค้าขายกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เปิดร้านขายของเล็กๆ ในจังหวัดนี้ เมื่อเขาโตขึ้นและเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้เขาเปิดโลกและได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น จนเริ่มรู้สึกว่าจังหวัดนี้เล็กเกินไป จึงคิดที่จะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อเริ่มบุกเบิกการค้าขายอย่างที่เขาต้องการ พ่อแม่ยินยอมเพราะรู้ดีว่าพิษณุเอาตัวรอดได้ แต่ก็ถามเขา“แกจะไปขายของอะไรณุ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ญาติเราไม่มีใครอยู่ที่โน่นนะ ถ้าแกไปหมายความว่าจะต้องนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้น”พิษณุไปดูลู่ทางไว้ นั่นคือเขาไปสมัครเข้าทำงานเป็นเซลล์ขายรถยนต์ ด้วยความที่เขาเป็นคนหน้าตาดี พูดจาดี หว่านล้อมคนอื่นให้คล้อยตามได้ไม่ยากนัก จนกระทั่งเขาเจอรุ่นพี่คนหนึ่งมาซื้อรถยนต์ แล้วเห็นการทำงานของเขาที่ดู ‘เข้าตา’“แกดูขายของเก่งนี่หว่าณุ คารมดีเสียด้วย”พิษณุยิ้มให้กับรุ่นพี่คนนั้น“ก็นิดหน่อยแหละ ว่าแต่พี่เถอะ ผมเห็นพี่มาดูรถแล้วยังไม่ตัดสินใจซื้อ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่”รุ่นพี่พยักหน้าช้าๆ มองหน้าเขาแล้วตัดสินใจพูด“คืออย่างนี้ พี่ร่วมหุ้นเปิดบริษัท
นิรมลตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยความไม่สดชื่น เพราะมัวแต่คิดถึงเหตุการณ์ที่เห็นจากข่าวเมื่อคืนนี้ หญิงสาวรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนที่เกิดอุบัติเหตุแต่กลับนึกไม่ออกว่าเป็นใคร แล้วความคิดของเธอกลับต้องสะดุดเมื่อมีข้อความส่งมาจากเอกภพ‘วันนี้กลับบ้านหรือเปล่า’นิรมลมองปฏิทิน จริงสินะ วันนี้วันเสาร์นี่นา เธอจึงพิมพ์ข้อความกลับไป‘กลับสิ บีมีอะไรหรือเปล่า’‘บีไปบ้านจิ๋วด้วยได้ไหม เมื่อวานนี้ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าวันนี้แม่ไปเข้าวัดถือศีลปฏิบัติธรรมเจ็ดวัน ส่วนสองกับเล็กก็ไปเข้าค่ายกันหมด บีก็เลยอยู่บ้านคนเดียว’นิรมลยิ้มให้กับโทรศัพท์ด้วยความดีใจ นานแล้วที่เอกภพไม่ได้ไปบ้านของเธอ ถ้าพ่อแม่ที่บ้านรู้เข้าคงดีใจมากทีเดียว‘ถ้าอย่างนั้นอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ’............................................เอกภพขับรถยนต์ของนิรมลมาตามทางเรื่อยๆ นิรมลดูยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้ว่าบางครั้งจะเห็น ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ตามทางอยู่บ้าง แต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น และชวนเอกภพคุยเพื่อไม่ให้เขารู้สึกง่วงนอนระหว่างขับรถ“น
ทั้งสองคนรีบเข้าไปทำงาน ต่างฝ่ายต่างมีงานยุ่งจนลืมเรื่องของเจนจิราไปเสียสนิท นิรมลนึกขึ้นได้อีกทีคือตอนเช้าของอีกวัน หญิงสาวยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าบ้านแม่ของเจนจิราอยู่ที่ไหน เธอบ่นให้เอกภพฟัง“จิ๋วลืมถามที่อยู่บ้านแม่พี่เจน ทำไงดีล่ะบี”“ไปถามฝ่ายบุคคลสิ หนึ่งว่าน่าจะมีที่อยู่นะ”นิรมลพยักหน้า จริงด้วยสิ เธอลืมไปเสียสนิท“ถ้าอย่างนั้นตอนกลางวันหนึ่งไปกับนิวหน่อยนะ จะได้ไปจดที่อยู่บ้านพี่เจนด้วยกัน”ตอนกลางวัน หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้ว นิรมลแวะไปที่ฝ่ายบุคคลเพื่อขอที่อยู่บ้านแม่ของเจนจิรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดที่พวกเธอเคยไปมากนัก นิรมลตัดสินใจทันที“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เราไปหาแม่ของพี่เจนกัน บีไปเป็นเพื่อนจิ๋วได้ไหม”“ไปสิจิ๋ว แต่คงไม่ได้อยู่ฟังสวดงานศพด้วยนะ บีต้องรีบไปรีบกลับ”เย็นวันนั้น เอกภพและนิรมลออกจากบริษัทเวลาสี่โมงเย็น พวกเขาขับรถยนต์ไปที่บ้านแม่เจนจิรา โดยมีนิรมลช่วยดูทางให้ บ้านเดิมของเจนจิราหรือพูดให้ถูกคือร้านขายของชำที่หาไม่ยาก ร้านอยู่ติดถนนในซอย มีผู้คนผ่านไปมามากมายเอกภพจอด