คนถูกขู่ถึงกับหน้าซีดเผือด วรรณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตามองวัตถุอันตรายสีดำตรงหน้าแทบจนลืมหายใจ จากโวยวายเพื่อหวังเรียกร้องค่าสินสอดตามความต้องการของตัวเอง กลายเป็นพยายามฝืนยิ้มเจื่อนแทน
“มะ…แหม คุยกันดีๆ ก็ได้นิคะ”
“ตอนแรกก็คุยดีๆ ใครกันนะที่ทำให้ผมต้องใช้วิธีนี้”
คิระกำลังจะบอกว่าเป็นเพราะวรรณีต่างหากที่ทำให้ต้องใช้วิธีนี้ สายตาวรรณีเหลือบมองหลานสาวที่ยืนนิ่งไม่ยอมปริปากพูดอะไร ส่วนลูกชายก็ไม่คิดจะช่วยเพราะเรื่องมันเกิดจากคนเป็นแม่ล้วนๆ
“ฉันแค่ล้อเล่นน่ะค่ะ เรามาคุยกันใหม่นะคะ” วรรณีหัวเราะอย่างรีบแก้สถานการณ์ตรงหน้าก่อนมันจะลามปามไปมากกว่านี้
“ครับ” คิระกระตุกยิ้มมุมปาก หากยอมคุยดีๆ ตั้งแต่แรกคงจบสวยไปนานแล้ว
“หากทางนั้นจะให้ค่าสินสอดห้าล้าน ดิฉันขอเพิ่มอีกสองล้านเป็นเจ็ดล้าน ส่วนทองสิบบาทดิฉันจะยกเลิกไม่เอา คิดซะว่า…” วรรณีปรายสายตามองนาเนียร์ “เป็นค่าเลี้ยงดูหลานสาวแล้วกันนะคะ”
“ตามนั้นครับ” เขาเบื่อจะต่อรองกับป้ามหาภัยคนนี้เต็มแล้ว เจ็ดล้านก็แค่เศษเงิน คิดซะว่าทำบุญทำทานไปแล้วกัน “ไปเก็บของเถอะนาเนียร์ ไปจากที่นี่กัน”
“ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆ ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวกลับขึ้นไปเก็บของข้างบน
ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง เธอไม่ได้ดีใจที่จะได้แต่งงาน ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะบรรลุนิติภาวะแล้ว หากแต่ก็ยังดูเด็กเกินไปที่จะต้องแต่งงาน ที่เธอดีใจก็เพราะจะได้หลุดพ้นจากป้าสักที เธออดทนมานานหลายปีจนกระทั่งวันนี้มันก็มาถึง…
นาเนียร์ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง คนของคิระเข้ามาช่วยยกของอย่างรู้งาน ส่วนป้าก็นั่งยิ้มแย้มเพราะคิดว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายไปพร้อมกับนาเนียร์ แต่แล้วสิ่งที่ได้ยินกลับทำให้สิ่งที่วาดฝันพังทลายไม่เป็นชิ้นดี
“ต่อไปนี้นาเนียร์ไม่ใช่คนของบ้านหลังนี้ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์อะไรกับนาเนียร์อีกต่อไป”
“คะ?” วรรณีถึงกับหันขวับมองคิระ
“กำหนดงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้…คุณไม่ได้รับเชิญให้มาในฐานะครอบครัวฝ่ายหญิง”
“แต่ฉันเป็นป้ามัน ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ไปร่วมงานแต่ง!” วรรณีโวยวายอีกครั้ง ความคิดที่จะได้เฉิดฉายในงานแต่งของหลานสาวกับมหาเศรษฐีพังทลายลงในชั่วพริบตา
ทีมแอบยิ้ม ถึงแม้จะเป็นแม่ลูกกันแต่ที่ผ่านมาเขาก็สนับสนุนให้นาเนียร์ไปจากที่นี่มาโดยตลอด ต่อให้วันพรุ่งนี้เขาไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับวันสำคัญของคนที่ตัวเองนับถือเป็น ‘พี่สาว’ แต่อย่างน้อยแค่นาเนียร์ได้หลุดพ้นจากแม่ของเขา เขาก็ดีใจมากแล้ว
“ฉันเลี้ยงดูมันมา อย่างน้อยฉันก็ควรได้รับกลับมาบ้างสิ!”
“ไปกันเถอะนาเนียร์” คิระเมินเฉย หันไปบอกนาเนียร์แล้วหยัดกายขึ้นเต็มความสูงโดยไม่คิดแม้แต่จะปรายสายตามองวรรณีสักนิด
หมับ!
“ฉันจะไม่ให้มันไปไหนทั้งนั้น!” วรรณีคว้าแขนนาเนียร์เอาไว้ ตนหวังจะสุขสบายได้เป็นคุณนายเหมือนน้องสาวแต่วาสนาดันไม่ถึง ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสก็ต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้มีวาสนานั้น
“ป้า…”
“ถ้ามึงจะไป มึงก็ต้องเอากูไปด้วย! มึงจะหนีไปอยู่อย่างสุขสบายคนเดียวไม่ได้!”
“ปล่อยมือออกจากว่าที่ลูกสะใภ้ของผม ในตอนที่ผมยังใจดีอยู่”
“มึงเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาสั่งกู! กูเป็นป้ามัน! กูมีสิทธิ์ในตัวมันมากกว่ามึงทุกอย่าง คิดรวยแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอวะ!” วรรณีเปลี่ยนไปใช้สรรพนามหยาบคายกับมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลอย่างไม่เกรงกลัว
คิระกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้วรรณีแล้วจับมือที่จับแขนนาเนียร์อย่างแรงจนแดงออกอย่างไม่ปรานีเช่นกัน
“อะ…โอ๊ย!” วรรณีร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด จนในที่สุดคิระคลายมือออกแต่โดยดี “กูจะแจ้งตำรวจให้มาลากคอมึงออกไป!”
“เชิญเลย” คิระพูดแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดต่อจนอีกคนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ “เพราะคนอย่างกู…ไม่เคยกลัวตำรวจ”
แค่มีเงินก็สามารถเปลี่ยนจากดำเป็นขาวได้ง่ายๆ ยิ่งนามสกุลไกรวณิชคุณมีอิทธิพลเหลือล้น มีหรือจะไม่รอด…
“ป่ะ นาเนียร์ ลุงจะพาไปในที่ที่หนูควรอยู่” หากเขารู้เร็วกว่านี้ว่าลูกสาวนวคุณต้องทนอยู่กับป้าสันดานแย่ๆ อย่างนี้ เขาจะไม่รอช้ารีบมารับตัวนาเนียร์ออกไปจากที่นี่อย่างไม่รีรอ
วรรณีจะเข้าไปหานาเนียร์อีกครั้งหากแต่คราวนี้ชายชุดดำเข้ามาขวาง ปืนกระบอกทึบที่เหน็บข้างเอวทำให้วรรณียอมลดละความพยายามลงแต่โดยดี
“พอเถอะแม่ เดี๋ยวก็โดนเป่าหัวทิ้งหรอก” ทีมพูดแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจคนเป็นแม่ เด็กหนุ่มเดินออกมาส่งนาเนียร์ “โชคดีนะพี่เนียร์”
นาเนียร์หันกลับไปมองทีมแล้วยิ้มบางๆ ถึงเธอจะดีใจที่ได้ออกไปจากบ้านหลังนี้ ทว่าก็แอบใจหายที่ต้องห่างไกลทีม ที่ผ่านมาทีมดีกับเธอเหลือเกิน…
“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ อย่าลืมส่งข้อความมาหาผมบ้าง”
“ไม่ลืมแน่นอน ไว้ทีมสอบติดวิศวะ พี่จะพาไปเลี้ยงฉลอง”
ทีมพยักหน้าแล้วยิ้ม
“พรุ่งนี้ถ้าเราอยากมาร่วมงานแต่งมาได้นะ ยกเว้นแม่ของเราคนเดียว” คิระเดินเข้ามาบอก เด็กคนนี้เป็นคนดีผิดกับแม่ผู้ให้กำเนิด เขามองคนออกแม้ไม่ได้รู้จักมาเนิ่นนาน
“ขอบคุณครับ” ทีมตอบคิระกลับอย่างนอบน้อม สายตามองตามนาเนียร์ที่เดินขึ้นรถคันหรูไปด้วยความยินดี เสียงร้องโวยวายของแม่บังเกิดเกล้าทำให้ตนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“แม่แกผีเข้าหรือไงทีม” คนในซอยเดียวกันเดินผ่านได้ยินเสียงวรรณีโวยวายก็เอ่ยถาม
“ครับป้า”
“ว่างๆ ก็พามันไปเข้าวัดฟังธรรมหน่อย จิตใจจะได้สงบขึ้นมาบ้าง”
ทีมแค่ยิ้มแห้ง ยอมรับว่าเขาอายที่โดนทักแบบนี้เกือบทุกวัน แต่ถามว่าแม่อายไหม? แบบนั้นคงไม่เรียกอายหรอก
“อยู่ที่นั่นสบายไหม” คิระที่นั่งมาพร้อมกับนาเนียร์เอ่ยถามตรงๆ
“ไม่เท่าไรค่ะ…” เธอตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่ได้เจอคุณลุงคิระนานมาก เจอกันล่าสุดคงเป็นตอนเธอยังเด็กๆ ปกติเธอกลัวคุณลุงคิระอยู่แล้ว ด้วยบุคลิกและความเป็นผู้นำทำให้ดูน่าเกรงขาม พอกลับมาเจอกันอีกครั้งเธอก็ยังมีความรู้สึกเกร็งเหมือนเคย
จำได้ว่าเขามีลูกชาย…
เธอกำลังคิดว่าตอนนี้นิสัยคนๆ นั้นเปลี่ยนไปบ้างแล้วหรือยัง
“คุณลุงคะ”
“หืม?”
“ลูกชายคุณลุง…ยังเหมือนเดิมไหมคะ”
คำถามของนาเนียร์ทำให้คิระนิ่งชะงัก ตอนเด็กๆ คิรันชอบแกล้งนาเนียร์แถมยังล้อทุกครั้งที่เจอว่า ‘หมูอ้วนฟันเหยิน’ ทำให้นาเนียร์ฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะตอนนั้นและตอนนี้นิสัยของคิรันไม่ได้จากต่างเดิมเท่าไรนัก
“ก็…ไม่ถึงกับดีขึ้น”
คนฟังใจหายวาบ สิ่งที่เคยโดนคิรันแกล้งฝังใจเธอเป็นอย่างมาก กลัวว่าแต่งงานกันไปจะโดนแกล้งอีก
หลุดพ้นจากป้าแล้วยังต้องมาเจอกับคนที่ตัวเองแกล้งตอนเด็กๆ อีกหรือนี้ ชีวิตเธอเคยอยู่อย่างสงบสุขกับคนอื่นเป็นบ้างไหม
“ถ้าลูกชายลุงรังแกหนูมาฟ้องลุงได้ตลอดเลยนะ ลุงจะจัดการให้”
“ค่ะ…” เธอตอบรับสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มบางเบา แค่ลองจินตนาการว่าได้แต่งงานกับคนๆ นั้น…เธอก็สงสารตัวเองอีกครั้งแล้ว
‘ยัยอ้วนฟินเหยิน’ คนที่เขาเคยประกาศกล่าวว่าเกลียดนักเกลียดหนา ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่เขา ‘รักมาก’ ที่สุดอดีตที่ผ่านมาเขาไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ เขาให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียใจ และผิดหวังในตัวเขาอีกครั้งเด็ดขาด กว่านาเนียร์จะยื่นโอกาสให้อีกครั้งไม่ง่ายเลย เขาจะไม่ทำโอกาสนั้นหลุดมืออีกไปแล้ว…หัวใจแกร่งเต้นดังโครมครามในยามมองคนตรงหน้าในชุดเจ้าสาวอีกครั้ง มือหนาที่ประสานไว้ด้านหน้าบีบเข้าหากันแน่น ดวงตาคมเข้มคลอเคล้าด้วยคราบน้ำตาเธอสวย… สวยจนไม่อาจละสายตาไปไหนเลยในขณะที่นาเนียร์เดินเข้าไปหาคิรันบนเวที โดยมีคิระเดินส่งตัวเข้าพิธีแต่งงาน มือเล็กเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าสวยหวานฉายชัดถึงความประหม่าปนตื่นเต้นนี่เป็นการแต่งงานแบบเปิดเผย ไม่ใช่แบบลับๆ อย่างตอนนั้น แขกเหรื่อมากมายต่างเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน มีทั้งเพื่อนสนิทตัวเอง เพื่อนสนิทคิรันที่มาพร้อมภรรยาและลูกๆ คนรู้จักฝั่งพ่อแม่คิรัน และอีกมากมายที่เธอก็ไม่คุ้หน้า“นวคุณกับพิมพ์ดาวต้องดีใจมากแน่ๆ” คิระเอ่ยขึ้น ขณะเดินส่งตัวนาเนียร์“ขอบคุณคุณลุงนะคะ ที่ดูแลหนูเป็นอย่างดี”“เรียกพ่อได้แล้ว”คิระย
วันรับปริญญาเสียงหัวเราะของนักศึกษาดังระงมทั่วลานกว้างหน้าตึกปรีคลาสสิคในมหาวิทยาลัยชั้นนำใจกลางเมือง ต้นไม้สูงตระหง่านรายรอบพื้นที่เปิดโล่งที่เต็มไปด้วยชุดครุยสีดำพริ้วไหว และหมวกทรงสี่เหลี่ยมที่บางคนวางไว้บนหัว บางคนถอดออกมากอดถ่ายรูป สะท้อนแสงแดดยามสายที่สดใสแต่ไม่ร้อนจนเกินไปท่ามกลางผู้คนจอแจ มีหญิงสาวร่างโปร่งในชุดครุยปริญญาเอกออกแบบเฉพาะของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เย็บขลิบด้วยเส้นด้ายทองละเอียดบนพื้นดำสนิท ยืนอยู่ใต้ต้นราชพฤกษ์ที่กำลังออกดอกเหลืองสด เธอคือ ‘นาเนียร์’ หญิงสาวที่เคยผ่านเรื่องราวหนักหนาทั้งกับความรัก ครอบครัว และชีวิต จนวันนี้ เธอก้าวมายืนอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะ ‘บัณฑิต’ คนหนึ่งเสียงกดชัตเตอร์ดังรัวเป็นจังหวะ พร้อมเสียงกรี๊ดเบาๆ จากผู้หญิงคนหนึ่ง“นาเนียร์หันมาทางนี้หน่อย!” เสียงของเกรซ เพื่อนสาวสุดแซ่บที่สวมชุดเดรสสีพีชยาวกรุยกราย ถือกล้องราคาแพงจ่อไปยังเพื่อนสนิท“ขอช็อตยิ้มละลายใจหน่อยสิบัณฑิตป้ายแดง”“ขนาดนั้นเลยเหรอ” นาเนียร์หัวเราะพลางยิ้มให้กล้อง ก้าวเท้ามากอดเพื่อนแน่นๆ “ขอบคุณที่มานะ”“วันสำคัญของเพื่อนไม่มาได้ไง”ก่อนที่นาเนียร์จะพูดอะไรต่อ มือใหญ่และอบอุ่นค
ห้องนอนเพนท์เฮาส์ในย่านทองหล่อยังคงเงียบสงบ ยามเช้าแสงแดดอ่อนลอดผ้าม่านสีขาวนวลเข้ามาปะทะกับร่างบางที่นอนซุกอยู่บนแผงอกของผู้ชายคนเดิมนาเนียร์ขยับตัวเบาๆ ซุกหน้าลงกับอกเขาอีกครั้ง อ้อมแขนของคิรันตวัดรั้งแน่นขึ้นทั้งที่ยังหลับ ดวงตาของเขาแม้ปิดสนิท แต่การตอบสนองทุกสัมผัสของเธอช่างแม่นยำ“ขยับอีกที พี่ไม่รับประกันว่าหนูจะได้ลุกไปกินข้าวเช้านะ”เสียงทุ้มงัวเงียแต่มากด้วยอำนาจทำให้เธอหัวเราะเบาๆ “พี่คิรันอะ…”“เรียกชื่อพี่แบบนี้…” เขาขยับขึ้นมาคร่อมร่างเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงใกล้จนปลายจมูกแตะกัน “ระวังโดนเอาอีกรอบนะ”“คนหื่น” เธอพูดแล้วรีบพลิกตัวหนีเขาทันทีคิรันจับข้อเท้าเธอไว้แล้วลากกลับมาหาอย่างง่ายดาย ราวกับล่อลูกแมวกลับเข้ากรง “หึ คิดจะหนี?”“หนูจะรีบไปทำอาหารเช้าให้ไงคะ”“กินหนูเป็นอาหารเช้าได้ไหม?”“พอเลยย”“งั้นขอนอนกอดหนูอีกสิบนาทีได้ไหม?”“แค่กอดนะคะ”“ค้าบบ” เขาลากเสียงยาวๆ ก่อนจะพลิกตัวนอนกอดนาเนียร์ดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่ฝนเพิ่งหยุดตกไปช่วงเช้ามืดหลายวันต่อมาหลังจากคิรันเคลียร์งานเสร็จสรรพ ทั้งคู่ก็มีเวลาว่างร่วมกัน คิรันพานาเนียร์ไปคาเฟ่ริมแม่น้ำชื่อว่า ‘Verand
เสียงคลื่นซัดสาดเบาๆ สัมผัสฝ่าเท้าเปล่าของนาเนียร์ ขณะที่เธอเดินอยู่บนผืนทรายละเอียด ริมทะเลยามเย็นในช่วงปลายฝนต้นหนาว ท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยสีส้มอมชมพู ตัดกับเส้นขอบฟ้าของน้ำทะเลที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า“หนูชอบเวลาที่ได้อยู่กับพี่คิรันสองคนจัง”“งั้นหนูก็อย่าทิ้งพี่ไปไหนสิ”“หนูกลัวพี่คิรันทิ้งหนูมากกว่า”“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สิ” กว่าเขาจะทำให้นาเนียร์กลับมาเชื่อใจอีกครั้งไม่ง่ายเลย แล้วทำไมเขาต้องปล่อยเธอไปอีกครั้งด้วยล่ะ “พี่รักหนูมากขนาดนี้ จะทิ้งลงได้ยังไง”นาเนียร์หน้าแดงจัด ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันหน้าหนีไปทางทะเล คิรันยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน ขยับเข้าไปยืนด้านหลังพร้อมกับสวมกอดจากข้างหลัง อ้อมแขนเขากว้างและอบอุ่น มีกลิ่นน้ำหอมจากเขาที่เธอจำได้อย่างแม่นยำ ราวกับมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ขอบคุณนะคะที่พาหนูมาเที่ยว”“อะไรที่ทำให้หนูมีความสุข พี่พร้อมทำ” ส่วนอะไรที่ทำให้เธอไม่มีความสุข…เขาพร้อมทำลายมันนาเนียร์รู้สึกหัวใจเต้นแรงจนอยากแอบเอามือทุบตัวเองเบาๆ เพื่อระบายความเขิน แต่ไม่ทันจะได้ทำ เขาก็จับมือนั้นไปแนบไว้ที่หน้าอกของเขา“รู้ไหมว่าตอนนี้หัวใจพี่
เอแคลร์โยนกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงลงเตียงนอนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงขอบเตียงด้วยสีหน้าแดงก่ำจากโทสะ มือเรียวสวยจิกขอบเตียงแน่นจนชา แววตาฉายความเคียดแค้นอย่างเปิดเผยเธอสะอื้นแรงๆ อย่างไม่แคร์ว่ามาสคาร่าจะเลอะเป็นคราบดำ สะบัดรองเท้าส้นสูงราคาเหยียบแสนออกจากเท้าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหยิบขวดไวน์มาเปิดมันด้วยแรงโทสะ ฝาจุกกระเด็นไปกระทบกำแพงดัง ปึก! ราวกับระบายความคั่งแค้นในอก“แกเป็นใคร! กล้าดียืนข้างคิรันแทนฉัน!” เอแคลร์พูดกับตัวเองเสียงลอดไรฟันเธอเคยได้ทุกอย่างของคิรัน แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพรากเขาไปจากเธอ และคิรันก็โง่เลือกยัยหน้าใสนั่นแทนผู้หญิงอย่างเธอที่เหมาะสมมากกว่าเอแคลร์ยกไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่จนเลอะขอบปาก แล้วตะโกนลั่นห้องอย่างไร้สติ“คิดว่าแกจะชนะฉันหรือไง!? คิดว่าได้คิรันไปแล้วจะอยู่อย่างมีสุขเหรอ!? ฝันไปเถอะ!” เธอจะทำให้นังนั่นเสียทุกอย่างรวมถึงคิรัน มือเรียวจับขวดไวน์แน่นราวกับอยากทำให้มันละเอียดคามือเช่นเดียวกับใครบางคน…ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด ภาพในวันวานของเธอและคิรันไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว ราวกับกำลังตอกย้ำว่าเธอไม่มีสิทธิ์กลับไปยืนจุดนั้นได้อีกแล้วเธอพลาดที่ป
วันต่อมาติ๊ง…นาเนียร์ที่กำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์เหลือบไปเห็นข้อความจากเกรซที่ส่งเข้ามา ก่อนจะกดเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็วเกรซ : เห็นข่าวนี้ยังเกรซ : ส่งรูปภาพนิ้วเรียวสวยกดเข้าไปดูรูปที่เกรซแคปหน้าจอส่งมาให้ เธอตั้งใจอ่านก่อนจะรู้สึกใจสั่นไหว เพราะสิ่งที่เกรซส่งมาเป็นเรื่องของตัวเองซึ่งกำลังติดเทรนทวิตเตอร์ข้อความจากแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์เจ้าหนึ่ง พร้อมแคปชันยาวเหยียดที่เขียนด้วยถ้อยคำประชดประชัน ถากถาง และเจือความสะใจ‘สะใภ้ตระกูล ก. อัปเกรดตัวเองโดยใช้ร่างกายเพื่อไต่เต้าขึ้นมาเป็นคนของลูกชายคนโตจากตระกูลผู้ทรงอิทธิพลอย่าง ค. วงในกระซิบมาว่าป้าชีเพิ่งโดนจับสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานจากคดีค้ายาเสพติดและอีกมากมาย แต่นางกลับไม่เคยสลด แต่ไม่แปลกเพราะมีคนบอกว่านางใจแตกมีผัวตั้งแต่อายุ20’ แม้จะไม่มีชื่อเธอเต็มๆ แต่ภาพเบลอหน้าที่แนบมากับข้อความนั้น คือรูปเธอจากมุมด้านข้างในงานเลี้ยงที่ไปกับคิรันตั้งแต่หลายเดือนก่อน มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่น หัวใจบีบรัดแน่นจนน้ำตาคลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเกรซ : ตอนแรกฉันว่าจะปล่อยผ่านแล้ว แต่รู้สึกว่าคนในรูปเหมือนแกก็เลยส่งมาให้ดูเกรซ : มีคนจงใจเล่นงานแกแน่ๆนาเนียร์