ตู๊ด~
[ว่า?] คำทักทายที่แสนสั้นกระชับดังขึ้นหลังจากคนปลายสายกดรับ
“พรุ่งนี้จะแวะไปที่คาสิโน มีเรื่องด่วน”
[อื้ม! ตามนั้น] ปลายสายพูดไว้เพียงเท่านั้นก็กดตัดสายไป
ผมกับมันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคาสิโนมาถึงสี่ปี ที่มันไม่ถามว่าผมจะไปทำไมมันคงขี้เกียจมากกว่า เพราะยังไงผมไปถึงที่นู่นก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดี
เพราะมันเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ซักไซ้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ผมกับมันเลยไม่เคยมีปัญหาอะไรผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้
“ยัยน้องพี่ชายคนนี้กำลังจะไปหาเธอแล้ว รอพี่ก่อนนะ น้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยรอพี่ไปรับกลับบ้านเรา” น้ำเสียงผมสั่นเครือมากผมรับรู้ได้
บางทีการเสแสร้งว่าเข้มแข็งต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับผู้เป็นนายอย่างผมเสียทีเดียว มันกลับจะทำลายหัวใจผม
ความเข้มแข็งที่ซุกซ่อนความปวดร้าวและอ่อนแอไว้มากๆ มันก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่คอยกัดกินพละกำลัง บางทีก็เหมือนจะตายทั้งเป็นเสียให้ได้ นี่ผมเป็นผู้ชายยังรับกับเหตุการณ์เลวร้ายนี้แทบไม่ไหว แล้วน้องสาวผมล่ะ ตอนนี้เธอจะไม่สติแตกไปแล้วหรือไง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เธอเข้มแข็งอยู่แล้วน้องพี่
ปัจจุบัน @ประเทศไทย
“มึงรีบร้อนมาหากูมีอะไร ได้ข่าวเพิ่งกลับไปยังไม่ถึงอาทิตย์ดี” เสียงราบเรียบของเพื่อนร่วมธุรกิจเอ่ยถามผม
ก็อย่างที่มันว่าก่อนหน้านี้ผมมาพักที่นี่ และกลับไปยังไม่ถึงอาทิตย์ดี และเมื่อสี่ชั่วโมงก่อนก็รีบร้อนโทรหามันเพื่อที่จะกลับมาสถานที่เดิมที่เพิ่งจากไป
“กูมีเรื่องให้ช่วย เรื่องสำคัญมากแต่ขอเป็นความลับที่สุด” ผมพยายามพูดช้าๆ ก็จริง แต่ในใจตอนนี้โคตรจะร้อนรนกับเรื่องที่สุมอยู่ในอกเป็นอย่างมาก
“มึงดูตื่นๆ แปลกๆ” ไอ้ยูกิมันคงจะมองสีหน้าและท่าทางผมออก
ลืมบอกไป เพื่อนร่วมธุรกิจผมคือ ‘ยูกิ’ เจ้าของยุกกี้คาสิโนที่ผมกำลังนั่งอยู่
ยูกิเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งฐานะ หน้าตา ยกเว้นอย่างเดียว ‘หัวใจ’ ที่ตอนนี้คงด้านชาแทบเรียกว่าตายด้านเลยก็ว่าได้
“อื้ม!” ผมตอบมันกลับได้แค่คำเดียว เพราะต้องค่อยๆ ปรับลมหายใจให้เข้าที่เพื่อที่จะได้เล่าเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือจากมันแบบไม่ต้องให้สะดุด
“...” ยูกิเงียบเสียงก็จริง แต่สายตามันกำลังจ้องหน้าผมแบบคนรอฟัง
“คืองี้นะ มึงพอมีเส้นสายหรือว่านักสืบดีๆ หรือเปล่า” ผมถามหาบุคคลที่จะช่วยเบาแรงพวกเราก่อนเป็นอันดับแรก
“มึงกำลังจะตามหาคน?” ยูกิเลิกคิ้วข้างหนึ่งถามผมกลับ
“น้องสาวกูเอง” ผมเริ่มบอกสิ่งที่ทำให้ผมนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ออกไป
“น้องสาว?” ไอ้ยูกิเลิกคิ้วทวนคำบอกเล่าผมอีกครั้ง
ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนทางธุรกิจ แต่มันไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวผมเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ผมกับไอ้ยูกิก็อายุไล่เลี่ยกัน ผมอาจจะแก่เดือนกว่ามันสองสามเดือน
“เธอกำลังถูกตามล่า และมีคนบอกว่าเธอข้ามเรือมาที่ไทย” ผมค่อยๆ เล่าเรื่องราวออกมาทีละนิด ไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดกับครอบครัวผมทั้งหมดออกมา ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือตามหาน้องสาวให้เจอก่อน
“มีรูปมั้ย?” ไอ้ยูกิมันก็ดีตรงนี้ มันจะเป็นพวกไม่ค่อยเซ้าซี้ ถ้าจะช่วยคือช่วย ผมถึงคบกับมันมานานแบบนี้ไงล่ะ
ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีดำเพื่อหยิบเอามือถือเครื่องหรูออกมา กดเข้าไปที่คลังรูปภาพในตัวเครื่อง เปิดรูปสาวน้อยวัยใส สวมเสื้อเปิดไหล่สีแดงสด ใบหน้ายิ้มสดใส ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลอ่อนๆ ให้ไอ้ยูกิดู
หลังจากที่ไอ้ยูกิหยิบมือถือผมไปดู มันทำหน้านิ่ง แต่แววตาวูบไหวไปชั่ววิ พร้อมกับใบหน้าเชิดขึ้นไปมองลูกน้องมันที่ชื่อมอม้าที่ยืนขนาบข้างพร้อมกับส่งมือถือผมให้มันดู
“เฮ้ยเฮีย!” ทันทีที่ไอ้มอม้าเห็นรูปในมือถือผมก็ร้องอุทานเสียงลั่นห้อง
ใจผมเต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว เดาเอาจากปฏิกริยาตอบโต้นั่นแสดงว่าสองคนนี้ต้องเคยเห็นน้องสาวผมแน่ๆ
“บอกกูมาถ้ามึงรู้หรือเคยเห็น” ผมรีบถามเสียงปนสั่น
“เอ่อ” เป็นมอม้าเองที่เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ชะงักไว้ พร้อมกับเบือนสายตามองลูกพี่มันที่นั่งหัวโด่ไขว่ห้างแต่หน้าตาเหมือนกำลังคิดอะไรในหัว
“อย่าเงียบสิวะ กูซีเรียส” ทนไม่ไหวกับอาการนิ่งเฉยของไอ้ยูกิ ผมเลยเร่งมันอีกทีเผื่อสติมันหลุดออกไปนอกโลก
“เฮีย!” ไอ้มอม้าช่วยผมเรียกสติลูกพี่มันอีกแรง “อยู่นี่” มันหมายถึงอะไร?
“ไฉ่หงอยู่ที่นี่เหรอ มึงพูดจริงหรือล้อเล่นวะ” ผมถามสิ่งที่คิดออกไปอย่างร้อนรน แต่ไอ้ยูกิตอบกลับเพียงแค่ใบหน้านิ่งเฉย เยือกเย็นตามแบบฉบับมัน
นี่สรุปมันจะกลายเป็นคนหน้านิ่ง หน้าเดียวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อดีตเหี้ยๆ มันก็ผ่านมาเกือบจะปีแล้ว มันน่าจะปล่อยวางได้แล้ว
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ”
“ฉันส่งข้อความบอกคู่หมั้นเธอแล้วว่าเธอเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อ”วะ ว่าไงนะ! นี่มันมากไปแล้วนะ ฉันไปตัดสินใจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“มากไปแล้วนะยูกิ” ฉันเผลอตัวเรียกเขาด้วยชื่ออีกแล้วแต่แทนที่ยูกิจะใส่ใจในเรื่องนั้นเขากลับนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งฉันกลับเห็นความตื่นเต้นกับสิ่งที่ฉันเรียกเขาก่อนหน้าในแววตาคู่คมนั้น“มากตรงไหน ใครจะยอมให้เมียตัวเองไปกับอิแค่คู่หมั้น” ยูกิยังคงเรียกฉันด้วยสรรพนามน่าอายนั้น ตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง ฉันไม่...”“หรือจะให้ฉันจัดให้อีกสักครั้ง หรือจะเหมายันเช้าดี เธอจะได้จำได้สักทีว่าร่างกายของเธอเป็นของใคร”“อ๊ะ อย่าเข้ามานะ ถอยไป”ยูกิพูดจบก็คุกเข่าค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงที่มีฉันนั่งอยู่บนนี้ สายตาเขามีแววความสะใจอยู่ในนั้น เขากำลังสนุกที่ไล่ต้อนฉันได้สำเร็จ“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณอย่าเอาคำนั้นมาเรียกคนอื่นดีกว่า” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจฉันอีกแล้วฉันมีคู่หมั้นแล้ว เมื่อวันที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็น่าจะเห็น และอีกอย่างเฮียเทียนบอกฉันว่าเขาเล่าเรื่องฉันกับเฉินฮ่งให้ยูกิฟังแล้ว แล้วดูสิ่งที่เขากำลังทำ
“นี่จะไม่เอาอะไรไปเลยเหรอหงส์” เสียงสิตาถามฉันฉันออกมาจากโรงพยาบาลสองวันแล้วล่ะ และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนแห่งนี้“ตอนมาก็มีแค่ตัวกับเสื้อผ้าชุดนี้ชุดเดียว อย่างอื่นมันไม่ใช่ของหงส์อยู่แล้วนี่”ถึงจะบอกสิตาไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกลับปวดหนึบแปลกๆรู้สึกโหวงๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่สอนฉันในหลายๆ อย่าง สถานที่ที่ทำให้ฉันได้เจอกับความรักครั้งใหม่ตอนที่ลืมคู่หมั้นตัวเอง และได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมที่บังอาจลืมแม้กระทั่งคู่หมั้นได้ลงคอ“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนเหรอ” เจ๊ลิชาที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ปลายเตียงถามฉันน้ำเสียงฟังดูหดหู่หลังจากที่ฉันกลับจากโรงพยาบาลฉันก็ได้คุยเรื่องเฉินฮ่งกับเฮียเทียน เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าฉันกับเฉินฮ่งเราเพิ่งหมั้นกันได้หกเดือนก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่และเขาก็ยังบอกอีกว่าที่เฉินฮ่งไม่ได้ออกตามหาฉันเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องทำ แต่ฉันจับผิดสีหน้าพี่ชายตัวเองได้ เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องกง“ไว้มีโอกาสเรานัดเจอกันที่อื่นดีไหมคะ” ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามเจ๊ลิชาบางทีการออกจากที่นี่ในวันนี้อ
“…” เจอผมด่าหน่อยทำเป็นเงียบปาก“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี” ผมชี้หน้าคาดโทษกรุงโซลสายตาดุกร้าวแม้จะสืบสาวราวเรื่องที่มาของยานรกนั่นได้แล้ว แต่พวกเราเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้อยู่ดี ผมกับไฉ่หงยังไงเราก็เป็นของกันและกันแล้ว“แล้วมึงจะเอายังไง” เฮียไททันหันไปถามไอ้เทียน“กูบอกมันแล้ว น้องกูว่าไงกูว่าตาม” ไอ้เทียนยืนยันคำเดิมที่เคยบอกผมให้ทุกคนฟัง “กูก็เคลียร์แล้ว” ผมรีบพูดออกไปคล้ายคนร้อนรน“เคลียร์? ไอ้สัส! เมื่อกี้มึงเรียกว่าเคลียร์เหรอวะ!” ไอ้เทียนขึ้นเสียงใส่ผมคำว่า ‘เคลียร์’ ของผมในสายตาไอ้เทียนคงเห็นว่าผมกำลังรังแกน้องมันอืม แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเกือบรังแกไฉ่หงอีกรอบอย่างที่มันคิดนั่นแหละ“เออ นั่นล่ะเรียกเคลียร์ น้องมึงยอมให้กูรับผิดชอบแล้ว”และนั่นคือบทสนทนาที่จบลงของลูกผู้ชายอย่างผม[End part]หลังจากพายุคลั่งของพวกผู้ชายหายไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มอม้ารับหน้าที่พาทิวลิปที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามฉันออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับแก้มใสสองคน“หงส์ เจ้ขอโทษ” เสียงขอโทษที่ฉันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ“...” ฉันเงียบแต
[Lantian’s part]“พอ แยกๆ” เสียงคมเข้มของไททันดังขึ้น“กูบอกมึงว่ายังไง กูบอกว่ายังไงห๊ะ!” ผมตะคอกหน้าไอ้ยูกิ แม้พวกเพื่อนๆ ของมันจะแยกพวกเราออกจากกันแล้วก็ตามผมว่าจะไม่ระเบิดอารมณ์กับมันแล้วนะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหว ใครเห็นผู้ชายคนอื่นกำลังคร่อมร่างน้องสาวตัวเองอยู่จะไม่ของขึ้นได้วะ ครั้งนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นเลยดูว่าผมใจเย็นไม่ใส่ใจอะไรใช่ไหม มันถึงได้กล้าหยามหน้าผมแบบนี้“ถุ้ย!” เสียงถ่มน้ำลายของไอ้ยูกิดังขึ้นมันยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปากที่ปริ่มออกมาเล็กน้อยออก สองตาคมเข้มของมันยังคงจ้องมองผม ไม่ใช่แววตาเกลียด โกรธ แต่มันมองผมด้วยสายตาธรรมดาๆ เหมือนกับชอบใจที่เห็นผมระเบิดอารมณ์ใส่มันแม่งเป็นมาโซคิสหรือไงวะ สงสัยจะชอบความเจ็บปวด“มึงขัดคำสั่งกู” ผมชี้หน้ายูกิ พร้อมจะกระโจนใส่มันอีกรอบแต่ติดตรงกรุงโซลมันรั้งแขนผมไว้ ส่วนอีกข้างเป็นเอฟวัน“คุยดีๆ สิวะ กัดกันยังกับน้องมึงถูกไอ้ยูกิจับกินงั้นแหละ” เสียงไททันที่อายุเยอะสุดพูดขึ้น ไอ้ห่า! สาบานว่ามึงไม่รู้ ดันมาเสือกพูดถูกจุดมากสัสสงสัยเมื่อกี้พวกมันคงไม่ทันเห็นว่าไอ้ยูกิกำลังคร่อมน้องสาวผมอยู่เพราะผมพรุ่งปรี่เข้าไปกระชากมันลงมาก่อนล่ะมั้ง “กร
เฮือก!สัมผัสกรุ่นร้อนจากริมฝีปากหนากำลังซุกไซ้อยู่ข้างซอกหู ความนุ่มชื้นของปลายลิ้นกำลังลากไล้ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณลำคอระหงของฉัน“อ๊ะ! อย่าทำ อื้อ” ทั้งสั่งห้าม ทั้งข่มกลั้นเสียงครางที่น่าเกลียดของตัวเองสองตาเพ่งมองไปยังบานประตูห้องผู้ป่วย กลัวจะมีใครเปิดเข้ามาเห็นฉากที่น่าอายแบบนี้ “อื้อ เธอยังหอมเหมือนเดิม”ยูกิไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียนฉันตอนเอ่ยประโยคนั้น นั่นยิ่งทำให้ฉันเสียวซ่านจากการเสียดสีของริมฝีปากและลมหายใจกรุ่นร้อนที่ออกมาพร้อมคำพูดเขา“ฉันเกลียดคุณ” ข่มกัดฟันบอกเขาออกไปยูกิชะงักการกระทำ แต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็เริ่มรวบมือทั้งสองข้างฉันไปกุมไว้ที่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขา มือที่ว่างก็เริ่มสอดแทรกเข้ามายังชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“อ๊ะ ไม่” ทั้งเสียงสั่งห้าม ทั้งเสียงน่าอายหลุดรอดจากปากฉันอีกครั้งไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว“หยุดฉันให้ได้สิไฉ่หง เก่งยั่วนักไม่ใช่ ครั้งเดียวเธอไม่นับเองนี่”งั้นสินะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ยูกิต้องการอะไร เขาต้องการให้ฉันบอกให้เขารับผิดชอบฉันสินะไม่มีทาง! ฉันเกลียดเขาแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมอบให้เขาม
“รีบตื่นขึ้นมาสิ มาปากเก่งด่าฉันอีกสิ ฉันอยากได้ยินเสียงด่าทอของเธอ”ความอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวหยักศกด้านหลังฉันช่างขัดกับคำพูดปากดีของยูกกิเสียจริง แต่การกระทำนั้นมันกำลังทำให้ความอ่อนแอเริ่มเล่นงานฉันอีกครั้งกึก พยายามกัดฟันไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเมื่อหลายชั่วโมงก่อน หลังจากที่เหตุการณ์เลวร้ายจบลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นมาอีกทีฉันกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง เนื้อตัวที่คาวไปด้วยคราบต่างๆ ก่อนที่จะหมดสติหายไปจากเรือนร่างบนตัวมีเสื้อแขนยาวของฉันเองสวมทับอยู่ บ่งบอกว่ามีคนอุ้มฉันมาที่ห้องเช็ดล้างคาบสกปรกเหล่านั้นและเปลี่ยนชุดนี้ให้ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งเสียใจ ดีใจ ที่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำร้ายน้ำใจของฉันคือคนๆ เดียวกับที่ดูแลฉันหลังจากทำเรื่องนั้นลงไปแต่จิตใจด้านลบมันมีมากกว่า ฉันเกลียดเขาไปแล้วความตื้นตันใจที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้มันหายไปตั้งแต่เขาย่ำยีฉันเมื่อคืน ฉันจะถือซะว่าได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันจะเลือกทางเดินของตัวเองและจะไม่กลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกทางใครทางมัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้ในต