เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง
.
เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า
.
“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”
“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”
.
กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็หาได้ใส่ใจ เธอยังคงด้อม ๆ มอง ๆ ต่อไปโดยไม่ลดละ
.
“หลังเสาตอม่อน่าสงสัยที่สุด?”
“ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติจุดนี้มักจะเป็นที่ ๆ ผู้ชายมักจะมายืนฉี่กัน มันค่อนข้างเปลี่ยวและเป็นมุมอับ แต่ถ้าเป็นช่วงนี้แล้วล่ะก็บอกเลยว่ามีความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน ที่จะมีคนใช้ที่นั่นเป็นจุดซุ่ม!”
.
ร่างบางเยื้องย่างแช่มช้า เจนิสผสานทุกข้อมูลที่ได้รับมาเข้าด้วยกัน ก่อนจะพบว่าแม้แต่เสียงจิ้งหรีดที่เจ้าตัวสงสัยเมื่อครู่ ก็ยังดังออกมาจากเสาตอม่อต้นนี้ ขาดแค่หลักฐานว่าเธอคิดถูกรึเปล่า เจนิสจึงตัดสินใจพุ่งทะยานเข้าไปแบบไม่ให้เหยื่อตั้งตัว!
.
“ฟุบบบ!!!”
.
“หวี๊ดดด ๆ ๆ , หวี๊ดดด ๆ ๆ , กึก ๆ , แคล๊กกก.. ก.. ก , กึก ๆ”
“หวี๊ดดด ๆ ๆ , หวี๊ดดด ๆ ๆ , แคล๊กกก.. ก.. ก ๆ , แคล๊กกก ๆ ๆ , หวี๊ดดด!”
.
ไม้พลองที่ถูกง้างขึ้นสุดแขนแทบจะร่วงหลุดออกจากมือ ท่าทางเกรี้ยวกราดของสาวมัธยมหายไปในบัดดล ทันทีที่ได้เห็นเจ้าสิ่งนี้เข้า
.
“มะ.. ไม่ใช่คนนี่ แต่เป็นหุ่นยนต์?!”
หรี่ตาดูอย่างพิถีพิถันอีกที กระทั่งเหลือบไปเห็นใบพัดจำนวน 4 ใบที่ติดตั้งไว้รอบตัว เจนิสจึงรู้ว่าที่แท้เจ้านี่ก็คือ “โดรน” หรือ “อากาศยานไร้คนขับ” นั่นเอง
.
ดูท่ามันจะเสียหายหนักมาก มีประกายไฟสปาร์คเป็นระยะพลางส่งเสียงจี่ วี๊ด ๆ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ จนละม้ายคล้ายกับเสียงจิ้งหรีดร้องตามที่เจนิสสังสัย ตรงจุดกึ่งกลางเครื่องมีหลอดไฟสีแดงสว่างติด ๆ ดับ ๆ ราวกับกำลังแจ้งเตือนสถานะอะไรบางอย่าง จนสุดท้ายเจนนิสก็อดเห็นใจไม่ไหว มีอันต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่สิ! ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเอาไม้เขี่ยช่วยและแงะออกมามากกว่า
.
“ฮึบ! ไหนดูซิว่าพอจะบินได้อยู่ไหม หือ.. ฮึ่ย! นี่ฉันช่วยแกแล้วนะ!”
.
ปีกด้านซ้ายถูกงัดออกจากซอกตอม่อ และในที่สุดเจ้าโดรนลำนี้ก็บินหลุดออกมาได้จริง ๆ แต่ก็โชคร้ายอย่างหนึ่งที่บินได้แค่ต่ำ ๆ ในระดับหัวไหล่ของเจนิสเท่านั้น ไฟสถานะของมันยังคงติด ๆ ดับ ๆ เสียงใบพัดก็ดังอื้ออึงไม่สม่ำเสมอคล้ายจะตกแหล่มิตกแหล่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะทำยังไงกับมันต่อไป เด็กสาวก็เลยสอดมือยกโดรนทั้งลำกลับไปหาแพรวกับเพื่อน ๆ
.
.
น้ำหนักราว 2 -3 Kg. เส้นผ่านศูนย์กลางวัดจากซ้ายไปขวาได้ราว 1 - 2 ฟุต ใบพัดเสียหายใช้การติดขัด แต่สถานะและระบบสั่งการทางไกลยังคงทำงานอยู่ หลักฐานคือการกระพริบของดวงไฟที่ติดตั้งมา
.
“นี่คือ Riot โดรน..”
แพรวเอ่ยปากบอก แสงไฟจากถังน้ำมันตรงกลางแคมป์ลุกโชติช่วงย้อมบรรยากาศ เช่นกันกับบรรดาพวกเด็ก ๆ ที่ต่างก็ทำตาโตลุกวาว ต่างคนต่างอยากรู้ว่าไอ้ “Riot โดรน” ที่แพรวว่านั้นคืออะไร
.
ทว่าแพรวกลับเลือกที่จะแสดงให้ดูแทนการตอบด้วยคำพูด ร่างบางสะบัดผ้าห่มทิ้งกันความเกะกะ ก่อนจะทำการเหยียบย่ำลงไปที่ตัวโดรน แล้วตะแคงเท้าสอดแงะเข้าไปให้ถึงภายใน เพื่องัดเอาสิ่งที่มันซุกซ่อนเอาไว้ให้โผล่ออกมาให้เห็น ปรากฏว่ามีตับกระสุนเจาะเกราะขนาด 50 BMG หล่นออกมาเพียบ ถัดลงมาหน่อยเป็นกล้องสโคปเลนซ์ซูม 40 มม.สำหรับติดบนปืนไรเฟิล แถมยังมีศูนย์เล็งแบบจับความร้อน Red dot ติดมาด้วยอีกต่า่งหาก
.
แพรวเตะโดรนพลิกสลับด้าน คราวนี้เธอใช้ฝ่ามือแงะบางส่วนที่เป็นเกราะด้านนอกออก เผยให้เห็นอาวุธอีกจำนวนมากที่ถูกยัดเข้ามาในโดรนลำนี้ หนึ่งในนั้นคือเครื่องยิงวัตถุระเบิด Grenade launcher รุ่น M203 แบบเดียวกับที่กองทัพสหรัฐ ใช้ติดตั้งไว้บนปืนกลกึ่งอัตโนมัติให้แก่ทหารที่ไปรบในสงครามซีเลีย ขีดความสามารถสูง สามารถเปลี่ยนลูกระเบิดเป็นกระปุกแก๊สน้ำตาได้ ในกรณีที่ต้องการใช้เพื่อสลายการชุมนุม หรืองานด้านการรักษาความปลอดภัย
.
“นี่แหละคือ Riot โดรน!”
“เด็ก ๆ เอาเป้มาเก็บยุทธภัณฑ์เหล่านี้ไปหน่อยเร็ว ฉันว่ามันช่วยเราได้เยอะเลยล่ะ เธอเยี่ยมมากเจนิสที่อุ้มมันมาถึงที่นี่”
แพรวหันมายกนิ้วให้ ส่วนเท้าด้านล่างก็ได้ทำการเตะพลิกด้านให้โดรนกลับมาตั้งตรงตามเดิม รอพวกเด็ก ๆ มาจัดการตามคำสั่งอีกที
.
แต่ทว่าเจนิสก็ยังอดสังสัยไม่ได้อยู่ดี เธอจึงถามขึ้น
.
“เอิ่ม.. คือ.. แล้วตกลงพี่จะไม่บอกเราหน่อยเหรอคะว่าไอ้ “Riot โดรน” เนี่ยะมันคืออะไร? ตอนนี้เหมือนพี่รู้เรื่องอยู่คนเดียวอ่ะ ซึ่งไม่แฟร์เลย!”
.
“หึ.. เธอนี่ช่างอยากรู้อยากเห็นสมเป็นเด็กซะจริงเชียว สรุปให้สั้น ๆ ก็คือ “Riot โดรน” นั้นเป็นหนึ่งในนวัตกรรมรุ่นเรือธงของบริษัท AP มีหน้าที่หลักเป็นงานด้านการทหาร ภายในตัวถังจะอัดแน่นไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ว่ากันว่ามันคือผลงานที่จะเป็นพระเอกหากเกิดสงครามโลกครั้งใหม่ขึ้น ทหารหน่วยหน้าจะตายน้อยลง และคนสั่งการตัวจริงก็อาจจะเป็นแค่เด็กติดเกมส์สักคนหนึ่ง ที่สั่งงานทุกอย่างผ่านแป้นคีย์บอร์ดในห้องแอร์แล้วก็เคี้ยวป็อปคอร์นไปด้วย"
.
“มีข่าวลือออกมาเหมือนกันว่า ทีมวิจัยและพัฒนาของ AP มีการรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ถ้าไม่เกิดภาวะโควิดระบาดซะก่อน เราอาจได้เห็น Riot โดรนรุ่นพิเศษที่ดร็อปอาวุธหนักลง แล้วชดเชยด้วยปืนยิงตาข่ายและแก๊ซน้ำตาก็เป็นได้ แต่นั่นก็แค่ข่าวลือล่ะนะ ฉันไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรอก ก็แค่อยากจะเล่าสิ่งที่รู้ให้พวกเธอฟัง”
.
“โป๊ก! , โป๊ก! , โป๊ก! , แกร๊กก.. ก.. ก.. , โป๊ก! , โป๊ก!”
เสียงพวกเด็ก ๆ กำลังงัดอาวุธจากโดรนออกมาใช้ จะมีก็แต่เจนิสกับแพรวนั่นแหละที่ยังคุยกันจ้อกินแรงชาวบ้าน
.
“โห.. แค่นี้ก็สุดยอดแล้วพี่แพรว แล้วพี่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ?”
.
“โถ่เอ๊ย! ก็เปรมกับมิวท์เคยเป็นเพื่อนสนิทฉันมาก่อนยังไงเล่า เธอลืมไปแล้วหรอ? คงไม่ต้องเล่าซ้ำมั้ง?”
.
“เหอะ ๆ จริงด้วยหนูดันลืมไปซะสนิท เอาเป็นว่าหนูจะไม่ซักไซร้พี่มากแล้วกัน หนูรู้ว่าพี่คงไม่อยากพูดถึงเรื่องเพื่อนเก่านัก”
.
“ใช่.. ไม่จำเป็นซะหรอก!”
“เธอน่ะรีบหันหลังไปช่วยเพื่อนได้แล้ว จับกระเป๋าเป้ถ่างปากถุงให้เขาหน่อยก็ยังดี อย่าเอาแต่กินแรงคนอื่น”
.
เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันพอพูดถึงมิวท์ทีไร ฮอร์โมนสายวายรักร่วมเพศในร่างกายนั้นเหมือนจะทะลัก จู่ ๆ เจนิสก็หน้าแดงแล้วก็ยิ้มออกมาเองอย่างไม่ทราบเหตุผล ครั้นจะหยิบจับอะไรก็มือไม้อ่อนไปหมด จนเพื่อนต้องรีบกระเถิบตัวถอย
.
เปล่าหรอกนี่ไม่ใช่ความผิดของเจนิสแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของกลไกเทคนิคที่ถูกฝังไว้ในตัวโดรนมากกว่า เด็ก ๆ ต่างกุลีกุจอถอยห่างออกมาในวินาทีเดียวกันกับที่ตัวเครื่องเริ่มสั่นแล้วก็ร้อนขึ้น Riot โดรนปรับองศาใบพัดได้ด้วยตัวเอง ไฟสถานะก็เปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว ซึ่งไม่มีใครรู้สักคนว่ามันหมายถึงอะไร
.
มันเริ่มลอยขึ้นจากพื้นแบบกระท่อนกระแท่น ก่อนที่ต่อมาจะมีท่อสั้น ๆ ยื่นออกมาจากใต้ลำ พลันหมุนเป็นวงกลม 360 องศารอบตัวเอง!
.
“หนูจับตรงส่วนท้องครั้งล่าสุด มันร้อนมากเลยค่ะพี่แพรว!”
เด็กหญิงคนหนึ่งพยายามรายงาน
.
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ระวังตัวด้วยนะเด็ก ๆ !”
.
พูดยังไม่ทันขาดคำระบบป้องกันตัวเองของ Riot โดรนก็ทำงาน! โปรดอย่าลืมว่าปืนไฟหรือ (Flamethrower) ก็เป็นหนึ่งในอาวุธยุคสงครามโลกเหมือนกัน โดรนก็เลยพ่นไฟบรรลัยกัลป์ออกมา ฟู่~! ฟู่~! หมุนวน 360 องศา! เพื่อขับไล่กลุ่มคนที่คิดจะงัดแงะตัวมันออกไปให้พ้น!
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ
เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง.เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า.“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”.กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็
ฝุ่นตลบอบอวลควันโขมงโฉงเฉง ต่างคนต่างกรี๊ดกันไม่ออกด้วยเพราะถูกแพรวใช้ฝ่ามือปิดปากเอาไว้ 4 ชีวิตรอดตายแบบเฉียดฉิว รอจนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเจือจาง และแสงจันทร์เริ่มจะสาดแสงทุกสายตาถึงเริ่มขยับเขยื้อน แผ่นปูนผืนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านเป็นกำบังให้ ส่วนพวกสาว ๆ เองก็ต่างพยายามจะชะเง้อออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังการถล่มของตึกหลังใหญ่ผ่านพ้น.“เบา ๆ นะระวังด้วย..”แพรวกระซิบเตือน.ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละที่เป็นทั้งคุณและโทษ มันทำให้เกิดความกระตือรือร้นก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ได้ในคราวเดียวกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือขบวนรถพยาบาลที่วิ่งเข้ามากันอย่างขวักไขว่ สัญลักษณ์ AP บนตัวถังเด่นหลา มีการขนคนเจ็บรายทางออกมา แถมยังมีบางส่วนที่วิ่งตรงเข้าไปยังจุดปะทะเพื่อไปเอาคนเจ็บที่ตกค้างออกมาจากสมรภูมิ ไฟไซเรนหมุนติ้ววนวกคล้ายกันกับความสับสนแน่นอก ว่าจะเอายังไงต่อไปดี.พิจารณาแล้วคงเป็นไปไม่ได้หากแพรวจะยังดันทุรังทำตามแผนเดิม ถึงจะไม่รู้ว่าพวก AP กำลังสู้อยู่กับอะไร แต่ยังไงซะถ้าเข้าไปในสภาพแบบนี้ก็เท่ากับไปตายเปล่า แคลนของแพรวจะเอาอะไรไปสู้ ลำพังอาวุธที่มีอยู่ในมือก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเอง