เช้าวันต่อมา...
ปริ๊น! ระหว่างที่ฉันกำลังเดินออกจากคอนโดคนเดียวเพราะวันนี้โรสไม่มีเรียน อยู่ๆก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมา พอหันไปก็เห็นรถสปอร์ตสีแดงสวยมากที่ฉันไม่ค่อยคุ้นตาจอดอยู่ เฮ่อออ ตกอกตกใจหมดเลยนะคนกำลังคิดไรเพลินๆอ่ะ ปริ๊น! ปริ๊น! หืมมม? นี่ใครทิ้งลูกไว้บนรถป่ะเนี่ย เลยบีบแตรเล่นขำๆอ่ะ ใช่มะ? แล้วไม่นานมือถือฉันก็ดังขึ้นมา พอหยิบมาดูก็.... Rrrrrrrrrrrr…. - คุณพระอาทิตย์ – “ฮัลโหลเฮีย วันนี้หนูไม่ได้เข้าไปนะคะ พอดีมีเรียนชะ...” [ขึ้นรถ] เอ๋??? เพราะจังหวะที่รับโทรศัพท์ฉันละความสนใจและหมุนตัวเดินหนีรถคันนั้นมาแล้ว แต่พอเขาพูดแบบนี้ก็รู้เลยว่า... “เมื่อวานไม่ใช่คันนี้นี่นา” [ชักช้า] เสียงบ่นแบบงัวเงียของเฮียคินทำให้ฉันบ่นๆเขาไปบ้าง แล้วก็ประชดด้วยการไม่ขึ้นรถซะเล้ยยย “เอ้า แล้วก็ไม่เห็นบอกก่อนว่าจะมาอ่ะ -3-” [จะขึ้นได้ยัง] “ยัง วันนี้หนูมีเรียนนะ บอกก่อนจะพาไปไหนคะ” [ก็ไปเรียน ขึ้นมา] พูดจบรถสปอร์ตสีแดงเพลิงสวยออร่าพุ่งทะลุเข้าตาก็ค่อยๆเคลื่อนที่มาจอดตรงหน้าฉัน แต่ไม่ขึ้นหรอก ใครบอกให้มารับกัน คิกๆ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูว่าหนูไปแท็กซี่ดีกว่า ^_^” [ลีลา] พอโดนเขาบ่นผ่านโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่มาอีก ฉันก็ลอยหน้าลอยตาเดินลิ่วๆโดยมีคุณพระอาทิตย์กับรถสีแดงของเขาเคลื่อนที่ตามมาพร้อมกันในทุกก้าวเดินช้าๆ “ก็หนูบอกว่าไม่ขึ้น” [ขึ้นมา] “ไม่ขึ้น!” คิกๆๆๆ เช้านี้ได้แกล้งคนแล้วอารมณ์ดีจังเลยอ่ะ ครืดดดดด ตริ๊ด! “ขึ้นมา!” อุ่ย! พอโดนแข็งข้อเข้าหน่อยก็มีคนเปิดกระจกตะคอกแล้วตัดสายไปเลยด้วยอ่ะ แต่เรื่องไรจะยอม อยากมารับเค้าเองต้องพูดเพราะๆก่อนป่ะ “ไม่ขึ้น! อะแฮ่ม! เชิญขึ้นรถเลยครับน้องลิซ พูดแบบนี้แล้วหนูจะยอมขึ้น พูดก่อนนน ^_^” ฉันยักคิ้วยื่นข้อเสนอออกไป แล้วเฮียก็หน้าเอือมใส่ แถมยังเหล่ตามามองค้อนเหมือนไม่อยากจะเสียฟอร์ม “ง่ะ ตั้งใจมารับเค้าไม่ใช่ นะๆ คุณพระอาทิตย์ พูดแค่นี้เอง นิดเดียวน่า พูดก่อนนนน” “แค่ผ่านมา ใครว่าตั้งใจ” โอ้โหพ่อหนุ่ม คำพูดคือไร้เยื่อใยมาก แล้วที่ผ่านมาระหว่างเราคืออะไรรรร “อ้อหรอออ คอนโดเราไกลกันพอสมควรเลยน้า แต่หนูเชื่อ 100% อยู่แล้วค่า ว่าเฮียไม่ได้ตั้งใจอ่ะ ฮ่ะๆ ^_^” “ไม่ขึ้นก็ไม่ต้องขึ้น” ครืดดดดด แล้วอยู่ๆคุณพระอาทิตย์ก็ทำหน้างอนซะงั้น พูดจบเขาก็ปิดกระจกรถขับออกไปเลย ทิ้งให้ฉันยืนงงๆ ดะ...เดี๋ยวสิ เค้าก็แค่แซวเล๊นนน เฮ้ยไปจริงหรอ เฮียยยย!!! ง่า... ไปซะละ เชอะ! เรียกแท็กซี่ไปแบบทุกวันก็ได้อ่ะ ตาลุงขี้งอน -3- แล้วพอเฮียคินขับรถหนีงอนหน้าบูดไป ฉันก็ก้มหน้าเปิดแอพจะเรียกแท็กซี่ซะหน่อย แต่ไม่ทันไรก็.... เอี๊ยดดดด! “เย้ยยย!” “ฮะ...เฮียจะฆ่าหนูรึไง >[]<?!” ใช่! ไอ้รถสปอร์ตสีแดงแสบตาคันเดิมไม่ได้หายไปไหน เขาแค่ไปวนรอบวงเวียนน้ำพุหน้าคอนโดฉันแล้วขับวนกลับมา แถมปาดหน้าฉันที่กำลังจะก้าวขา จนตอนนี้ร่างฉันกับประตูรถห่างกันแค่คืบเดียวเองอ่ะ แกร๊ก! “ขึ้นสักที จะไปส่งอย่าลีลา” เชอะ! รำคาญแขนยาวๆที่เปิดประตูมาคว้าแขนแล้วส่งเสียงบังคับคนอื่นเค้ามากเลย สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งเป็นตุ๊กตาแบ๊วๆในชุดนักศึกษาหน้ารถเฮียคิน ที่ตั้งแต่เจอกันจนวันนี้ก็เห็นว่าเปลี่ยนคันไม่ซ้ำเลย เหมือนกับ.... รุ่นพี่เตโชของฉันนนน >_< อุ๊ยอย่าคิดดังไป เดี๋ยวแม่ย่านางรถเอาไปฟ้องเฮียคิน ฉันก็จะโดนเขาเหวี่ยงใส่อีกตามเคย “แล้ว...เฮียรู้ได้ไงว่าหนูมีเรียนเช้า หนูเคยไปบอกเฮียตอนไหน” ฉันปรายตามองเขาทั้งที่ลึกๆมันก็..แอบรู้สึกดีใจ ก็คือแบบว่า แบบ...ว่า ถ้าเป็นพวกเฮียๆก็จะถามก่อนว่าให้ไปส่งมั้ย แล้วเราก็นัดกันว่าเดี๋ยวเฮียมารับนะไรงี้ แต่ว่าเฮียคิน เขารู้ และยังมารออยู่ก่อน มันก็เลย...ประทับใจเล็กน้อยถึงปานกลางน่ะสิ อิ๊อิ๊ >_< “Class schedule หัวเตียง” เฮียตอบกลับมาทั้งที่ตายังมองถนนแบบคนง่วงๆ อ่าฮะ ตารางเรียน ก็คงได้ดูเมื่อวานตอนเข้าไปในห้องฉัน “อื้ม ช่างสังเกตเหมือนกันนะคะเนี่ย แล้วนี่เมื่อวานแอบขโมยอะไรจากห้องหนูไปรึป่าว” “?” พอคิดไรหนุกๆได้ขึ้นมา ฉันก็แกล้งแซวเขาออกไปเล่นๆ แล้วองศาคิ้วบนใบหน้าเข้มถูกเลิกขึ้นนิดหน่อยอย่างไม่เข้าใจซะงั้น ก็แหม.... ^_^ “เอ้า ก็เวลานอนไม่หลับ เฮียต้องกอดอะไรที่มีกลิ่นเค้าไม่ใช่หรอ บอกมานะว่าแอบขโมยอะไรของเค้าไปรึปล่าวววว” ฟุดฟิดๆๆๆ พูดไปฉันก็ทำจมูดฟุดฟิดแก้เขิน เพราะว่าวันนี้มันแปลกๆน้า มีบางอย่างแปลกๆที่ฉันรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่ ครีมอาบน้ำนี่ยังเป็นกลิ่น Ice Dive แต่ว่า... “หืม? วันนี้ไม่ฉีดน้ำหอมหรอคะ โอ๊ะ หัวก็ยุ่งจังนะ เมื่อเช้าได้อาบน้ำแปรงฟันรึเปล่าอ่ะ” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วใช้มือจัดทรงผมที่ยุ่งนิดหน่อยให้เข้าที่ในขณะที่เฮียก็ยังขับรถไป “ถ้าบอกว่าไม่” สักพักเฮียคินก็หันหน้ามาตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ ฉันเลยแกล้งย่นจมูกใส่เขาไปทีด้วยความหมั่นไส้ “ยี๋ งั้นจอดเลยจอด หนูไม่อยากหายใจร่วมกับคนไม่อาบน้ำ เหม็นตุๆจะตาย งื้ออออ” “หึ...” แล้วพอฉันพูดจบ เฮียก็ส่งมือใหญ่ๆนั่นมาบีบจมูกฉันเหมือนหมันเขี้ยวกันทั้งที่ยังดูงัวเงียแบบนั้น แต่ท่าทางง่วงๆแบบนี้นี่มัน... “นี่... ตื่นเช้าขนาดนี้เมื่อคืนได้...” “นอนแล้ว” “หนูไม่เชื่อ! เอ๊ะหรือจะเชื่อดี อ๊ะๆ หรือว่าแอบขโมยอะไรในห้องหนูไปกอดจริงๆ สารภาพมาเลยนะ เสื้อ กางเกง กระโปรง เก้าอี้ หรือว่ารองเท้าอ่ะ???” เพราะเขาแลดูไม่สดชื่นเท่าไหร่ ฉันเลยแกล้งพูดอะไรขำๆออกไป เฮียก็ทำหน้าเอือมๆกลับมาใหม่ “ใครมันจะนอนกอดรองเท้า -_-” “แหมๆ จะไปรู้หรอคะ เฮียอาจจะหลงเสน่ห์มันมากก็ได้ เพราะว่านั่นเป็นรองเท้าของเค้า >////< อุ๊ยหมูปิ้ง! หนูอยากกินหมูปิ้งข้างทางตอนเช้ามาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่วันนี้มีเรียนเช้า” “กินมั้ย?” ถึงเช้านี้เฮียคินจะดูไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ แต่เขาก็ดูใจดีอยู่นะที่หันมาถามฉันซึ่งก็กำลังเกาะกระจกอาลัยอาวรณ์หมูปิ้งคิวยาวข้างทางร้านนั้น “แหะๆ ไม่กินหรอกค่ะ หนูสายแล้วต้องรีบไปเรียนอ่ะ ไว้กินวันหลังแล้วกัน อุ๊ย น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋วววว โอ้โหนั่นร้านโจ๊กเปิดใหม่ป้ายใหญ่เบ้อเร่อเลยเหอะ” “ถามจริงกินไรก่อนมั้ย -_-” “ฮ่ะๆ ไม่ค่ะ เดี๋ยวไปกินที่ ม. เอา เอ้อพูดถึงหมูปิ้ง เฮียรู้ป่าวว่าหน้าคอนโดเฮียมีหมูปิ้งที่อร่อยมากๆด้วยนะ รีวิวเพียบเลยอ่ะ เช้านี้ต้องกลับไปลองล๊าววว” ถึงตาจะสอดส่องร้านอร่อยข้างทางยามเช้า แต่ฉันก็พูดไปเพราะกะจะบอกเขาหลายทีแล้ว หมูปิ้งร้านนั้นเด็ดดวงมากระดับมิชลินยังไม่เคยลองกินรู้ป่าว ฮ่าๆๆๆ “ไม่ลอง เหม็นควัน” “อะจึ๋ย - -* มันอร่อยจริงๆนะคุณชาย เหม็นควันก็ไปอาบน้ำได้มั้ย” คำตอบของเฮียทำให้ฉันหันกลับไปส่งสายตาจิกกัดใส่เขา ที่ก็มองมานิ่งๆเหมือนตั้งใจกวนประสาทกันยามเช้า “อืม เดี่ยวให้ไอ้แม็คไปซื้อ” “ไม่ต้องเลย หัดทำไรเองมั่งก็ได้ จะคอยพึ่งเฮียแม็คตลอดเลยรึไง” “ขี้บ่นไปไหน” โอ้โห... ได้ฟังแบบนี้ฉันนี่เอามือเท้าเอวใส่เลย ถึงจะอึดอัดที่เข็มขัดรัดพุงไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร “อ้อออ บ่นนิดบ่นหน่อยไม่ได้เลยใช่มั้ย” “แล้วบ่นในฐานะไร แฟนก็ไม่ใช่” อะ...อ้าว ไหลเลย มือที่เท้าเอวไหลมากองบนตักเฉยเลย ก็จริงของเขา แล้วจะไปบ่นเขาทำไม เฮียไม่พูดเปล่าด้วย เขาเหล่ตามามอง มองเฉยๆ มองนิ่งๆ มองแบบ... “ก็… ก็... แล้วทำไมไม่ยอมขอล่ะ แล้วนี่ที่มารับก็แค่อยากไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนใช่มั้ย U_U” เศร้าเลยอ่ะ อยู่ๆก็ Sad ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราอะไรฉันถึงได้พูดแบบนั้นออกไป แล้วสายตาที่ดูไม่คิดอะไรเลยก็มองมานิ่งๆ คงใช่... เมื่อวานเขาก็พูดชัดแล้วว่าไม่ขอ... ไม่ขอฉันเป็นแฟนไง... “น้องสาว?” เฮียพูดคำนั้นออกมาเสียงเรียบในขณะที่ฉันเริ่มจะก้มหน้าลง ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนอกหักเลย ทำไมคำว่าน้องสาวมันทำให้ฉันรู้สึกหวิวๆข้างใน “อือ พวกเฮียๆก็เคยมารับไปเรียนแบบนี้ เฮียก็คงจะคิด...ว่าตัวเองทำไปในฐานะพี่เหมือนกันใช่มั้ย…” เหอะ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะมาอยากหอมแก้มเค้าบ่อยๆทำไม เมื่อวานก็มารับไปกินข้าว แล้วไหนจะเรื่องหลักสูตรได้กันของเรา เรื่องที่เดินจับมือตลอดๆให้เค้ารู้สึกตะหงิดๆในใจ “.......” แล้วพอฉันพูดไป รถทั้งรถก็เงียบสนิท แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วมั้ย... มันก็คงจะจริงนั่นแหละที่พวกเฮียๆเคยบอกเอาไว้ ว่าผู้ชายบางที...ก็แค่ทำอะไรสนุกๆไป หลังจากนั้น...เราทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย จนรถของเฮียขับเข้ามาข้างใน Treatise เขาจอดหน้าตึก IST ก็คงจะถามจากเฮียแม็คมา ว่าฉันเรียนคณะไหน แล้วก็นะ...ถ้าจะไม่มีเรื่องพูดกันขนาดนั้น ฉันก็... “ขอบคุณนะคะ แต่ว่าคราวหน้า...” ฉันก้มหน้าพูดออกไปโดยที่ความรู้สึกลึกๆมัน...ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ยังไม่ทันจะพูดจบเฮียคินก็พูดสวนขึ้นมา “ทำไมอยากเป็นนัก...แค่แฟน” คำถามนั้นทำฉันอึ้งไป นั่นสินะ ทำไมอยากเป็นนัก เมื่อก่อนไม่เห็นจะอยากเป็นเลย “หนู...ก็ไม่รู้” ฉันพูดออกไปตรงๆ พอตอบคำถามนั้นฉันก็เลื่อนมือไปปลดเข็มขัดและกำลังจะเปิดประตูรถ แต่ก็โดนเสียงเข้มของเฮียมารั้งไว้ “ตั้งใจเรียน เลิกเรียนเฮียมารับ” “หนูกลับเองได้... ไม่เป็นไร” พรึ่บ! หมับ! ตึง! พูดจบฉันก็เปิดประตูรถออกไป แต่อยู่ๆก็มีแรงดึงมหาศาลของเฮียมาคว้าแขนอีกข้างของฉันดึงเข้าไปหา พร้อมกับเสียงประตูรถที่ปิดลงตามมาด้วยคำพูดที่ฉันแอบเดาไว้แล้ว ว่าเขาต้องพูดมันแน่ๆอ่ะ “ลืมไรมั้ย?” “ไม่...หนูไม่อยาก Morning Kiss อีกแล้ว” “ทำไม?” ใช่จริงๆด้วย คนที่ไม่ยอมขอเค้าเป็นแฟนแต่จะมาจุ๊บแล้วก็มารอ Morning Kiss จากเค้าแบบที่พวกเฮียๆไม่เคยทำอยู่ได้ แบบนี้มันหมายความว่ายังไง T^T “มะ...ไม่มีเหตุผลหรอก หนูก็แค่...” พรึ่บ! “งื้อ” “ก็แค่อะไร?” พอฉันอ้ำอึ้ง เฮียคินก็คว้าร่างฉันด้วยแขนข้างเดียวให้ลอยลิ่วไปนั่งตักเขา ก่อนจะก้มหน้าลงมาถามด้วยท่าทางซื่อๆ แล้วพอได้สบตาเขาใกล้ๆ ใจฉันมันก็เต้นรัวขึ้นมา แต่แทนที่จะใจเต้นรัวแล้วจะรู้สึกดี ฉันกลับยิ่งรู้สึก...น้อยใจ “หนูไม่อยาก Kiss เฮียอีกแล้ว…” “พูดใหม่” น้ำเสียงที่ส่งมาดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ดูจากแววตาเหมือนเขากำลังแอบยิ้มด้วยซ้ำ เฮียคินกำลังแอบยิ้มทั้งที่ฉันกำลังเศร้าแบบนี้เนี่ยนะ ทำไมเขาใจร้ายจัง T^T ตุ้บ! “หนูบอกว่าหนูไม่อยาก Kiss เฮียอีกแล้วเข้าใจมั้.... อื้อ!” เพราะความโกรธทำให้ฉันเผลอทุบอกเขาไปเต็มแรง แต่ยังไม่ทันจะพูดจบเฮียคินก็ชิงกดจูบลงมาและหลุดยิ้มเหมือนกำลังพอใจ “อื้อ! ปล่อยหนู” “ไม่ ไม่อยาก Kiss กัน...งั้นใช่มั้ย?” เฮียคินผละจูบออกเบาๆ แล้วส่งน้ำเสียงอ่อนโยนแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นดุพอประมาณมาพูดคลอเคลียข้างหูฉันเบาๆท่ามกลางแอร์ที่เย็นฉ่ำ พรึ่บ! แล้วอยู่ๆเขาก็ดันร่างฉันให้เอนถอยไปแนบกับพวงมาลัยเล่นเอาใจฉันสั่นจนรู้สึกได้ ก่อนจะโน้มตัวลงมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ และแทรกลิ้นเรียวเข้ามาในโพรงปากฉันอย่างว่องไว ยิ่งไปกว่านั้น เฮียคินทำให้ฉันนั่งไม่ติดรีบขยับตัวลุกลี้ลุกลนจะลุกออกจากตัวเขาเพราะมัน... “อื้อออ...อ๊ะ!” บะ...บ้าไปแล้ว พอไล่ต้อนลิ้นฉันจนพอใจ จมูกโด่งๆก็ถูกเลื่อนมาตามซอกคอของฉัน ริมฝีปากที่คุ้นเคยกดจูบลงบนซอกคอ มือข้างหนึ่งปลดกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อนักศึกษาและมุดหน้าไปทิ้งรอยจ้ำแดงๆเอาไว้บนเนื้อตัวของฉัน พร้อมกันกับมืออีกข้างที่สาละวนเลื่อนผ่านหน้าท้องแบนราบขึ้นมาถึงหน้าอกจนฉันตัวอ่อนยวบ ทำหน้าเหยเกออกไปและกำเสื้อเขาแน่นพร้อมกับหายใจแรงจนอกกระเพื่อมซ้ำๆแบบนั้น “....ไม่อยาก Kiss เฮีย แปลว่าอยากโดนมากกว่านั้น” น้ำเสียงแหบพร่าเล่นเอาขนลุกซู่พูดออกมา ก่อนจะไม่รอคำตอบ เฮียเริ่มปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่สองของฉันก่อนจะ... ตุ้บ! “มะ...ไม่ใช่ หนูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แฮ่กๆ >_<” ฉันใช้มือข้างนึงดันออกเขาออกไปและพูดเสียงสั่น กลับกันเฮียคินดันลอยหน้าลอยตา ยื่นหน้าเข้ามาถามฉัน “งั้นเลือกเอา… ได้กันตรงนี้? หรือแค่ Kiss กัน?” อึก... คำถามแบบนี้ สายตาแบบนี้อีกแล้ว ฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคอพอได้ฟัง และหันหน้าไปมองทางอื่นแบบพูดไม่ออก ทั้งที่กำลังโกรธอยู่นะ แต่เขาก็ยังมาทำอะไรแบบนั้น แต่ดูเหมือนท่าทางของฉันตอนนี้ จะยิ่งทำให้เฮียหลุดยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือมาปัดไรผม จัดเสื้อสูทตัวนอก และเลื่อนนิ้วมาลูบรอยจูบแดงๆที่ตัวเองทำไว้อย่างวาบหวามบนเนินอกของฉัน และ... จุ๊บ! เขากดจูบลงมาเบาๆที่รอยเดิมซึ่งอยู่ในตำแหน่งหมิ่นเหม่ แทบจะเห็นบางอย่างที่แอบไว้ใต้เสื้อชั้นในของฉัน เล่นเอาฉันหน้าร้อนผ่าว และมันยิ่งร้อนยิ่งขึ้นอีก หลังจากใครบางคนเงยหน้าขึ้นมาสบตาและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เด็กบ๊อง... เฮียไม่ได้มาส่งน้อง เฮียมาส่ง ‘เมีย’ เข้าใจอะไรยากจัง :)”หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X