ไม่กี่นาทีต่อมา...
“กินได้จริงๆหรอคะ?” ฉันเลิกคิ้วถามเฮียคินที่นั่งมองผักในจานตรงหน้า เรื่องของเรื่องคือเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย พอจะออกไปกินข้างนอกก่อนหน้านี้ก็.... ‘เฮียขาหนูหิว ไปกินข้าวกันมั้ยคะ?’ ‘สั่งมากินที่นี่’ ‘แต่ว่าหนูเบื่อ ใครเค้าอยากกินข้าวเที่ยงในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้บ้างอ่ะ’ ‘งั้นซื้อห้องใหม่ เอาทรงสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามั้ย’ ‘บ้าหรอ หนูเปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆค่ะ ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอ่ะ ที่จริงจะชวนไปกินร้านดังเลยด้วย แต่ว่าดันมีเรื่องซะก่อนนี่นา -3-’ ‘อยากเปลี่ยนบรรยากาศ?’ ‘อื้อ ไปนะ’ ‘ไม่ เดี๋ยวสั่งไปกินบนหลังคา’ นั่นแหละจ้ะ ต้นเหตุทั้งหมดทั้งมวลมันมาจากเขาอ่ะ -3- แล้วพอต้องสั่งเดลิเวอรี่ ฉันก็ดันเผลอสั่งแต่เมนูที่มีผักเพียบเลย ก็มันลืมไปว่าเขาไม่ชอบกินผักเท่าไหร่อ่ะ =_=^ “แค่ผัก” เฮียคินตอบกลับมาเสียงเรียบแล้วเขี่ยมันออกแทนที่จะเอาเข้าปาก เดี๋ยวเซ่ -*- เขาต้องพูดว่า ‘แค่ผัก’ แล้วตักมันเข้าปากเท่ๆถึงจะถูกรึป่าว แถมยังเท้าคางมองมาแบบกวนๆใส่ซะด้วย “ก็ช่าง กินไม่ได้เค้าก็ไม่สนใจเล่า ชอบมาป่วนทุกทีนี่นา -3-” ฉึก! แล้วพอฉันพูดจบ ส้อมในมือเฮียก็ถูกส่งมาจิ้มอะไรต่อมิอะไรในจานฉันไปกินอ่ะ เอ้า - -* ครืดดด “งั้นเอาจานที่มีผักมาเลย เดี๋ยวเค้ากินเอ...” ครืดดด “ยุ่ง นี่ของเค้า :)” เอ๊.... เฮียคินไม่พูดเปล่า ทั้งที่มือข้างนึงยังควงส้อมไปมา น่ากลัวจะปลิวมาจิ้มลูกตาฉัน มืออีกข้างก็เปลี่ยนจากเท้าคางเลื่อนไปดึงจานตัวเองหนี ไม่ยอมเปลี่ยนจานซะงั้น แต่ตัวเองก็เอาแต่กินอาหารในจานคนอื่นอยู่นั่น “อะไรเนี่ย อีกนิดนึงของเค้าก็จะหมดจานเล่า >[]<” เห็นแบบนี้ฉันก็โวยวายสิ โถ่! ก็ฉันอ่ะ ยังไม่ทันได้กินอาหารในจานตัวเองเลยสักคำ -3- “กินด้วยไม่ได้ไง๊?” “ได้ แต่ถ้าอยากกินจานนี้ก็เปลี่ยนจานกัน” ฉันทำท่าจะเลื่อนจานตัวเองเข้าไปให้อีกครั้ง เฮียคินก็ดึงจานเขาหลบแล้วพูดมาหน้าตาเฉยแต่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจที่ส่งมาให้ฉัน “จะกินจานนี้ แล้วก็จานนั้น” พูดไป นิ้วยาวๆนั่นก็ชี้ที่จานตัวเองสลับกับจานของฉัน ให้ตายสิให้ตาย คุณพระอาทิตย์เป็นอะไรของเขาเนี่ย ทำไมดื้อจัง “หนูไม่กินแล้วก็ได้! งั้นก็เอาไปเลยไป กินไปให้หมดเลยนะสองจานนั้น! =_=^” “อือ กินหมดแล้วได้ไรเป็นรางวัล?” โอ้โหววว กล้ามาก หน้ามึนที่สุดในปฐพีนี้ ตัวเองแย่งเค้ากินแล้วยังมีหน้ามาถามแบบนี้อีกหรอ งอนแล้วด้วย! งอนจริงจัง! “ไม่ได้! ไม่มี! ไม่สน! ไม่ต้องมายุ่งเลยด้วย ห้ามยื่นแขนข้ามแจกันนี้นะ หนูจะย้ายไปกินตรงนั้น อย่ามายุ่งแล้วกัน!” เพราะโต๊ะอาหารที่เรานั่งกินข้าวประกอบด้วยเก้าอี้ประมาณ 6 ตัวได้ ฉันเลยย้ายสำมะโนครัว ยกอาหารที่เหลือในถุงอย่างอื่นมานั่งกินเงียบๆคนเดียว แต่เฮียก็ยังเดินตามยกจานสองใบนั้นมานั่งตรงข้าม แล้วหยิบนั่นหยิบนี่ในถุงไม่เว้นแม้แต่ใบเสร็จ รื้ออะไรออกมาวางไปทั่ว ย้ากกกก -3- “โว้ยยย! เฮียต้องการอะไรจากหนูเนี่ย” ฉันโวยวายออกไปทั้งที่ปากยังเคี้ยวอะไรตุ้ยๆ แก้มสองข้างนี่ป่องเป็นปลาทอง เขาเองก็แค่มอง แล้วก็รื้อต่อ แล้วก็มอง -*- “กินหมดได้ไรบอกก่อน” “ฮึ่ย! หนูไม่มีไรจะให้เฮียหรอก -3-” กวนใจๆ ตาลุงคนนี้มันกวนใจ พอตอบกลับไปฉันก็ยัดนั่นยัดนี่เข้าปาก แต่มันรู้สึกตะหงิดๆแปลกๆพอเงยหน้ามาก็เห็นเฮียคินเอาแต่นั่งจ้อง “อารายอีกกก -3-” งั่มๆๆๆ “...ได้เรานะ” “แค่กๆๆๆ” แล้วแค่นั้นแหละ แค่นั้นเลยที่เฮียคินพูดมา ฉันก็แทบสำลักข้าวในปากจนควานหาแก้วน้ำไม่ทันอ่ะ “แค่กๆๆๆ” โอ๊ยติดคอ อะไรก็ไม่รู้ติดคอ อาหารติดคอต้องทำไง ต้องหันซ้าย ขวา ซ้าย เลื่อนขึ้น เลื่อนลง เงยหน้า ก้มลง แค่กกกก! “โอเคหรอ ดีเลย ตามนั้นก็ได้ ^_^” เย้ยยย =[]=! ระหว่างที่ฉันกำลังออกกำลังกายช่องคอให้อาหารมันลงไหลผ่านหลอดอาหารลงไปโดยสวัสดิภาพ เฮียคินที่กลั้นขำสุดฤทธิ์ก็พยักหน้ารัวๆจนเป็นเขาเองที่กลั้นไม่ไหวต้องเอามือปิดปากขำอะไรคนเดียวอยู่ได้ “ไม่ต้องเลยค่ะ ตามนั้นนี่ตามไหน หนูไม่ได้...ตกลงซะหน่อย -/////- ได้เราอะไร พูดจาไม่รู้เรื่องไม่เห็นจะเข้าใจ >[]<” เชอะ! ถึงจะพูดติดๆขัดๆแต่ฉันรู้นะ ที่จริงฉันรู้ด้วย! ว่าเฮียคินพูดจาทะลึ่งอ่ะ >_<!!! “อ้าว ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจไมไม่บอก เฮียสอนได้” “ไม่! >////< หนูเรียนเก่งแล้วค่ะ เข้าใจทุกหลักสูตรบนโลกนี้นะ!” “แปลว่าเฮียสอนดีใช่ป่ะ” วี๊ดดดดดดด >_< แล้วทำไมต้องมาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ตอนนี้ด้วยอ่ะ “มั่ว! บ้า! เพราะหนูเรียนเก่งหรอกน่า >////<” “ใช่ป่าว ยังเฉียด F อยู่เลยเราอ่ะ คืนนี้ต้องค้างนี่แล้วป่ะ ^_^” เฮียคินพูดมาแล้วยักคิ้วทำหน้ามึนๆใส่ฉัน โหยยยย...เฉียด F เลยหรอ?! “ไม่! ใครเค้าจะไปค้าง แค่ห้องที่มีกาแล็คซี่สวยๆ ก็แค่นั้น -3-” ฉันจิ้มอะไรในจานเข้าปากต่อ แล้วพอเหลือบตาไปมอง เฮียคินก็ยังเอาแต่จ้อง เขาจ้องทุกการกระทำ จ้องด้วยสายตาที่ดูอบอุ่นและน่าค้นหาอยู่แบบนั้น ก็เล่นเอาฉัน....แอบเขินอยู่เหมือนกัน -/////- “กาแล็คซี่อย่างเดียวที่ไหน มีพระอาทิตย์เท่ๆอยู่อีกคน ลืมผัวได้ไงกัน” “แค่กๆๆๆ” แล้วคำพูดเฮียก็ทำให้ฉันสำลักออกมาอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาพูดไปยิ้มไป ยิ่งเห็นฉันสำลักแทนที่จะช่วยก็เอาแต่ขำอยู่ได้ “หึ...” “งื้อออ หนูไม่เล่นแล้ว กินข้าวก่อนค่อยมาเล่นกัน” เห๊อะ! นี่เขาจะให้ฉันตายเพราะข้าวติดคอให้เลยใช่มั้ยเนี่ย =_=^ แล้วยิ้มร้ายๆไม่น่าไว้ใจนั่นคือไรอ่ะ “อือ เอาดิ เล่นยันเช้าอีกวันเลยนะ งั้นต้องกินเยอะๆแล้วววว” ละ...ลากเสียง เล่นยันเช้าอีกวัน?! “เฮียคินบ้า! หนูไม่ได้หมายถึงเล่นแบบนั้น >[]<” ทำไมคุณพระอาทิตย์ชอบพูดจาสองแง่สองง่ามอยู่เรื่อย หนูเขินน้าาาา! “แบบนั้นนี่แบบไหน?” “ก็แบบ...” ครืดดดด “แบบ?” บะ...บ้าหรอ ไอ้ท่าลุกออกจากเก้าอี้แล้วโน้มตัวข้ามมาจากโต๊ะอีกฟังด้วยสายตาคาดคั้นแบบกวนๆน่ะ มัน... งื้ออออ “จะแบบอะไรเล่า! ก็แบบได้กัน! วี๊ดดดด เลิกพูดอะไรแบบนี้เถอะค่ะ หนูไม่อยากพูดเลยนะคำนั้นอ่ะ >////<” ฉันโวยวายเสียงดังแล้วเอามือปิดหน้า แต่ก็แอบถ่างนิ้วไปมองว่าเฮียปฏิกิริยายังไง แล้วเขาก็เอาแต่ขำ “หึ....” พรึ่บ! มือหนาของเฮียคินถูกส่งมาวางบนหัวฉันเบาๆ แล้วเขาก็มองมาเหมือนกำลังคิดอะไร อย่าบอกนะว่าจะหาเรื่องแกล้งกันอีกแล้ว T^T “งื้อออ หิวข้าว T^T” “น่าสงสารจริง กินไปไม่แกล้งละ เฮียไปเล่นเกมส์รอนะ” “อือ” ดีเลย ดีเลยที่ฉันต้องกินข้าวคนเดียวแถมโดนเขาแย่งกินอาหารที่ฉันเลือกไว้ไปซะเกลี้ยง ดีจริงๆเล้ยยยย บ่นๆๆๆ....ในใจ ง่าาา “เสียงอ่อยขนาดนี้ หรือว่าอยากเล่นกัน? เอาป่ะ” “ม่ายยยยย ม่ายน้าาา >[]<” จุ๊บ! “หืม? -/////-” แล้วจังหวะที่ฉันปฏิเสธคำถามนั้นรัวๆ อยู่เฮียคินก็โน้มตัวลงมาจุ๊บขมับของฉัน “หึ...กินเสร็จเรียก เฮียมาช่วยเก็บจาน” “อื้อ -/////-” แต่พอเดินพ้นจากโต๊ะอ้อมไปที่โซนรับแขกข้างหลังฉันได้ไม่เท่าไหร่ เฮียที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ส่งเสียงเรียกออกมา ฉันเลยหันไป “เออลิซ” “คะ?” “คอนโดชั้นที่อยู่มีกี่ห้อง?” เอ๋...??? “คอนโดหนูหรอ? อืมมมม....” ฉันถามกลับไปงงๆ มีกี่ห้องหรอ ก็.... “ทำไมหรอคะ?” พรึ่บ! “เฮียถามก็แค่ตอบ” ฉันหยุดคิดได้ไม่เท่าไหร่ เฮียคินก็เดินเข้ามาประชิดตัวกันตอนไหนไม่รู้ และโน้มตัวยื่นหน้าลงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จนปลายจมูกเราห่างกันนิ๊ดดดดดเดียวอีก “อะ...เอ่อ สะ...สิบมั้งคะ -//////-” หยึ๋ยยย พูดจบฉันก็หมุนตัวหนีหันกลับมาที่โต๊ะอาหารทันที นี่มันเป็นมื้ออาหารที่แปลกประหลาดที่สุดเลยอ่ะ มันเขินง่ายอย่างน่าประหลาด หน้ามันร้อนๆตอนคุณพระอาทิตย์เข้ามาใกล้ทุกที >_< ตู้มมม! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ตู้มมมมมมม! เฮือก O_O! แต่พอคิดอะไรเพลินๆฉันก็ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เฮียคิน เขาเองพอเห็นแบบนั้นก็คว้าไหล่ฉันไว้ไม่ให้ตกใจไปมากกว่านี้ หมับ! “...ขวัญอ่อนจริง” แล้วเสียงกระซิบข้างหูนี่แหละที่ทำให้ฉันเปลี่ยนอารมณ์เป็นอาฆาตเล็กๆออกไปทันที “งื้ออออ สักวันหนูจะขโมยมาเปลี่ยนเสียงให้รู้แล้วรู้รอดเลยนะ คอยดูสิ!!!” แต่ครั้งนี้เฮียไม่ตอบโต้แฮะ และแปลกที่เขาซึ่งกำลังยืนซ้อนตัวอยู่ข้างหลังฉัน อยู่ๆก็เอื้อมแขนหันจอมือถือมาให้ฉันดูจากข้างหลัง “ไอ้ไคยะนะ” เอ๋... ??? “กะ...ก็รับสิคะ มาบอกหนูทำไมอ่ะ -////-” งื้อออ >////< ทำไมถึงแอบคิดว่ามันเหมือนจัง เหมือน.... เอ่อ.... เหมือนซีรี่ย์น่ารักๆที่เคยดู แบบว่า.... ตู้มมม! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ตู้มมมมมมม! “ก็กลัวเมียคิดว่ากิ๊กโทรมา หึ...” เสียงกระซิบให้ความมั่นใจพูดกับฉันท่ามกลางเสียงเรียกเข้าที่ดูน่ากลัวแบบนั้น แล้วเฮียก็หลุดขำในคอก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงหน้าตาเฉยทิ้งให้ฉัน.... งื้ออออ เฮียคินนน >_< จะบ้าหรอเฮียคิระ ทำไมต้องมาพูดจาอะไรแบบนี้กันนนน >/////////<อีกด้านหนึ่งของคิระหลังเดินออกมาที่ระเบียง…
[ขอโทษที่ไม่ได้รับสายครับนาย พอดีผมช่วยคุณมาร์ธาปลูกต้นไม้....] “Take over คอนโดลิซ” คิระบอกความต้องการออกไปโดยไม่ได้สนใจว่าไคยะที่อยู่ปลายสายจะมีคำแก้ตัวที่ไม่ได้รับสายเขาตั้งแต่หลังเกิดเรื่องยังไง [ทั้งตึกหรอครับนาย?] “ไม่ ทั้งชั้นก็พอ ประมาณสิบห้องได้” เสียงเรียบพูดออกไปอย่างนึกห่วงและหวั่นใจ เหตุการณ์วันนี้สิ่งที่เขาคิดว่าต้องใช่แน่คือคนพวกนั้นเป็นคนของเตโช เพราะนอกจากมัน เขาเองก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร อาจเพราะเขาเข้าไปที่ Ztudio หลายคืนก่อนเลยโดนจับได้ [มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับนาย?] “มันชนเข้ามาจากฝั่งลิซ รถกูเละไปคัน” [เมื่อไหร่ครับ คุณมาโครรู้มั้ย แล้วนาย...] “ไอ้แม็คไม่รู้ โดนชนวันนี้ กูยังไม่ตาย” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่พอนึกภาพว่าตัวเองไม่เป็นไรในขณะที่ลิซผวาจนเขาต้องหาทางทำให้เธอคิดเรื่องอื่นแทนเรื่องการลอบทำร้ายนั่นมาหลายชั่วโมง ก็ทำให้คิระนึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกจนได้ [แล้วนายหญิง...] “ไม่เป็นไร จัดการให้ด้วย ทั้งชั้นห้ามมีคนนอก ทุกห้องส่งคนของเราพร้อมอาวุธเข้าไป แล้วก็มึง...กลับมาเป็นเพื่อนเล่นนายหญิงมึงได้ละ หลังจากนี้กูน่าจะยุ่ง” [รับทราบครับบบ นี่ผมจะได้กลับเข้าเมืองแล้วใช่มั้ย แต่ผมว่า Take ทั้งตึกดีกว่าครับนาย ให้เข้าได้แค่...] “ไม่ได้” ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจะ Take มันทั้งตึกตั้งแต่แรก แต่ทำแบบนั้นมันเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างมากไป [ทำไมล่ะครับ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของนายหญิง] “มึงจะให้เมียกูอยู่คอนโดร้างรึไง” [งั้นก็ให้นายหญิงย้ายไปอยู่กับนาย] “นั่นยิ่งโคตรอันตราย” ใช่... แม้จะอยากอยู่ด้วยทุกวันและทั้งวันแค่ไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ทำให้คิระรู้ได้ทันทีว่าลิซ่าไม่พร้อมที่จะต้องรับความจริงในหลายสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่สักนิด ทั้งความจริงว่าเขาเป็นใคร มาที่นี่ทำไม และความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงระหว่างเขากับอีกฝ่าย เพราะงั้นอย่าตัวติดกับเขาตลอดลิซ่าจะปลอดภัย แค่โทรศัพท์มือถือของเขาที่ลิซ่าใช้มี GPS ให้ตามตัวเธอได้ตลอดโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ และเธอมี Contact ติดต่อเขากับคนสำคัญที่ไว้ใจได้อย่างมาโครและเฟรย่าในกรณีฉุกเฉินเขาก็วางใจ แม้จะยังไม่ได้พาลิซ่าไปทำความรู้จักกับเฟรย่าอย่างเป็นทางการเท่าไหร่ อีกอย่าง...คิระต้องการให้ลิซ่าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและปกติที่สุด ต้องการคงความไร้เดียงสาและความสดใสตลอดเวลาของเธอไว้ให้มากที่สุด เขาไม่อยากเห็นเธอกังวลที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาใครในฐานะคนของเขา ที่ถูกอีกฝ่ายจ้องจะทำร้ายอย่างวันนี้จนเธอหน้าซีดและถอยหนีเขาอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความตื่นตระหนกและหวั่นใจ นี่เป็นครั้งแรกที่คิระรู้สึกผิดมหันต์ที่ตัวตนของเขาทำให้ความสดใสราวกับสีขาวบริสุทธิ์ถูกราดสีดำลงไปจนความสดใสนั้นเลือนหายกลายเป็นความหมองหม่น... ความรู้สึกลึกๆพวกนั้นมันแสนจะชัดเจนซะจน...คิระรู้สึกตัวตั้งแต่ลั่นไกจนถึงตอนนี้ว่าเขาหวงแหนสีขาวในอ้อมกอดมากเกินกว่าจะให้อะไรมากระทบเธอ แม้ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเขานี่แหละ... เขา...ที่เป็นสีดำที่ใกล้เธอที่สุด มากกว่าใครทุกคน! [หรือนายจะให้ผมแจ้งคุณมาร์ธา ให้ย้ายไปอยู่เป็นเพื่อนนายหญิงตั้งแต่พรุ่งนี้เลยดีมั้ยครับ] “ไม่ ห้ามลิซ่าใกล้ฟาเดีย” คิระปฏิเสธเสียงแข็ง ทุกข้อเสนอที่ไคยะพูดมาเขาคิดและทบทวนอย่างดีแล้วกว่าจะตัดสินใจแบบนี้ออกมา [งั้น....] “พอ นอกจากลิซ่า ที่นั่นยังมีโรเซ่...” [ใครกันครับโรเซ่?] “พี่สาวเธอ ลิซ่าอยู่กับพี่สาวชื่อโรเซ่ ยัยนั่นเป็นผู้หญิงของวาโย Nightshade” [Nightshade? นี่นายหญิงมีความเกี่ยวข้องกับสมาชิก Nightshade? งั้นที่เธอพูดถึงคุณเตโช...] “แค่วาโยและพายุ เอาเป็นว่าทำตามที่สั่ง และห้ามทำอะไรผิดสังเกต” [รับทราบครับ] “…….” [อยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยครับนาย?] ไคยะรู้จากนิสัยที่มักจะตัดสายไปเลยหลังพูดจบ แต่ครั้งนี้คิระกลับเงียบ ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไร “อืม เรื่องว่าที่ Leader’s Wife ที่สั่งไป...” [อ๋อครับ คนของเราตามดูแล้วที่ Treatise ถ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เข้าใกล้คุณเตโชที่สุดในรัศมีหนึ่งเมตรก็มีอยู่คนหนึ่ง แต่น่าจะแค่รู้จักกันผิวเผินเท่านั้นครับนาย จะใช้คำว่าว่าที่ Leader’s Wife เรียกเธอคงไม่ถูก เธอเป็นผู้หญิงบ้านๆ คนหนึ่งเท่านั้น เบื้องต้นยังไม่เห็นว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับคุณเตโชเลยครับ และเธอดู...ติดดินจนน่าตกใจ ถ้าเป็นคนรักของคุณเตโชไม่น่าจะถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตแบบนี้ได้ ยังไงผมจะส่งประวัติและที่อยู่ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเธอให้ครับ] ไคยะรายงานผู้เป็นนายยาวเหยียด คิระเองแค่รับฟังแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่ เพราะการทำร้ายผู้หญิงไม่ใช่วิสัยของเขา แต่น่ารังเกียจดีเหมือนกัน ที่มันดันเป็นความชอบใจของอีกฝ่ายจนถึงกับตั้งใจทำร้ายลิซ่าได้ แต่นอกจากเรื่องวันนี้...มันก็ยังมีอีกเรื่องที่เขาคาใจ “อืม แล้วอีกเรื่อง...” [ครับ ว่าไงหรอครับนาย] “……” ความเงียบจากคำพูด แต่ไม่ได้ปิดบังเสียงลมหายใจของคิระถูกปล่อยออกไป ก่อนเชาจะพูดต่อเสียงเครียด “น้ำในตู้...ไอ้แม็คเป็นคนสั่งให้เปลี่ยนใช่มั้ย?”หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X