วันต่อมา...
IST Building @ Treatise University ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งปวดหัวกับ code หฤโหดของเฮียพาย ที่ว่างเมื่อไหร่ก็ไม่วายหาเรื่องวางยาแล้วส่ง Error มาให้ฉันแก้ด้วยสีหน้านิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความสะใจ ซึ่งเป็นวิธีการแกล้งที่ประเทืองปัญญาแต่ชวนให้ล้าสมองสุดๆ แล้วอยู่ๆก็มีร่างสูงของใครก็ไม่รู้ทิ้งตัวนั่งลงมา ฟุ้บ! หืม.... “เครียดจังเลยนะครับนายหญิง” เอ๋??? แล้วพอฉันเงยหน้าไปดู พร้อมกันกับที่คนตรงหน้าเอ่ยปากทักทายออกมาก็... “อ้าว นี่พี่ไคยะนี่นา ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ^_^” “ครับ ผมเอง และต่อไปจะได้เจอกันทุกวันเลยล่ะฮะ ^_^” พี่ไคยะตอบกลับมาอย่างไม่ค่อยเกร็งฉันเท่าไหร่แล้วล่ะ ถ้านับจากตอนที่เจอกันครั้งแรกนี่คือก้มหน้ามองพื้นแบบสุดฤทธิ์สุดเดชไปเลยนะ แต่... “เจอกันทุกวัน...หมายความว่าไงหรอคะ? โอ๊ะ นี่พี่ไคยะเรียนที่นี่ด้วยหรอ เรียนคณะไหนอ่ะคะไม่เห็นเฮียคินเคยบอก” พูดไปฉันก็พับจอโน้ตบุ๊คลงกะว่าจะดอง Error พวกนี้เอาไว้ก่อน แล้วก็นะ...มาอ่านตำราแม่มดคลายเครียดบ้างดีกว่า จะว่าไปไอ้หนังสือแฟนตาซีที่เฮียคินให้มาอ่ะ กฎเยอะแยะพวกนั้นมันแจ๋วมากเลยนะ แล้วฉันก็หยิบติดมือมาด้วยแหละเมื่อเช้าอ่ะ “ผมเรียนได้ทุกคณะแหละครับ” ตึง! “อุ่ย วางแรงไปหน่อยขอโทษทีค่ะ - -*” พี่ไคยะตอบกลับมาพอดีกับที่ฉันวางตำราแม่มดลงบนโต๊ะตรงที่นั่งข้างตึก แล้วเขาก็มองมายิ้มๆ “Commandment นี่ครับ จำได้กี่ข้อแล้วล่ะครับนายหญิง ^_^” “หืม พี่ไคยะรู้จักหนังสือเล่มนี้ด้วยหรอคะเนี่ย o_O?” ฉันเลิกคิ้วสงสัยพอเห็นว่าพี่ไคยะรู้จักมัน แล้วเอื้อมมือเปิดไปที่หน้า 20 กว่าๆ เพราะพยายามจำแบบสุดๆแล้วก็เพิ่งจะได้แค่นี้เองอ่ะ สงสัยจะหมดหวัง อดอ่านนิยายฉบับเต็มที่มีผีอยู่ในปราสาทอะไรนั่นแล้วสินะ ง่าาา -3- “รู้จักสิครับ ทุกคนต้องอ่านมัน นายหญิงสู้ๆนะฮะ อาจจะซับซ้อนสักหน่อยแต่มันคุ้มค่า” หมายความว่าไงหรอ คุ้มค่า? ว่าแต่... “พี่ไคยะยังไม่ตอบหนูเลยนะคะ ว่าที่ต้องเจอกันทุกวันหมายความว่าไงอ่ะ” ฉันส่งเสียงคาดคั้นออกไปแล้วทำตาชิ้งๆใส่ พี่ไคยะก็ขำๆ “อ๋อ ก็ผมจะมาเรียนเป็นเพื่อนนายหญิงไงครับ” “เอ๋ o_O? มาเรียนเป็นเพื่อน หมายถึงว่า...” “ก็ไปไหนไปกันเลยฮะนายหญิง ผมจะตามเป็นบอดี้การ์ดให้นายหญิงเอง นายสั่งมาน่ะครับ” “บอดี้การ์ด o_O?” อ้าว งงเข้าไปใหญ่ แล้วเฮียคินสั่งให้พี่ไคยะมาเป็นบอดี้การ์ดเราทำไม เพื่ออออ? เพื่อไรไม่เข้าใจ? “แล้วทำไมหนูต้องมีบอดี้การ์ดด้วยล่ะค่ะ” “เพราะว่าวันก่อนนายหญิง...” “?” ยังพูดไม่ทันจบพี่ไคยะก็ดูอ้ำอึ้ง มีพิรุธยังไงชอบกล “เอ่อ... เหงาไงครับ นายบอกว่าเพราะนายหญิงชอบเหงา นี่ดูท่าจะไม่ค่อยมีเพื่อนนะครับเนี่ย ใช่รึเปล่า?” อะจึ๋ย... “หึหึ....ถ้าพี่ไคยะจะจี้ปมหนูแบบนี้ละก็นะ - -*” ฉันจิกตาขู่พี่ไคยะไปสองวิแล้วเขาก็ขำซะลั่นออกมา “ฮ่าๆๆ ก็มันจริงมั้ยล่ะฮะ มีผมนายหญิงจะได้ไม่เหงา ผมพาไปได้ทุกที่ ตามใจทุกอย่าง ว่านอนสอนง่ายยิ่งกว่านายอีกนะครับ และจะดีมากเลยถ้านายหญิงบอกนายขึ้นเงินเดือนให้สักพักสองพัน ^_^” แล้วคำพูดของพี่ไคยะก็ทำให้ฉันหลุดขำออกมาดังลั่นไม่ต่างกัน “คิกๆๆๆ ว่านอนสอนง่ายกว่าเฮียหรอ พี่ไคยะนี่พูดจาเข้าท่าจังเลยนะคะ เพราะว่าเฮียคินน่ะ พูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แถมขู่ฟ่อๆเก่งเหมือนงูหิวข้าวคลุกน้ำปลา และจะดีมากเหมือนกันถ้าพี่ไคยะไม่เอาบอกเฮียว่าหนูนินทาเขาแบบนั้น ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วฉันกับพี่ไคยะก็คุยอะไรต่อมิอะไรกันต่อ แถมคาบบ่ายเขาก็มานั่งเรียนเป็นเพื่อนฉันจริงๆด้วย ถึงแม้จะเขียนโค้ดออกมาได้แย่มาก Error จนอาจารย์ถามว่าเธอแฝงตัวเข้ามาในคณะช้านช่ายมั้ยยย >[]< และนั่งเท้าคางสัปหงกตลอดเวลาจนเกือบหมดคาบ เล่นเอาอาจารย์มองค้อนยกใหญ่ “ผมไปห้องน้ำนะครับนายหญิง” “ค่าา อีกแป๊บก็เลิกคลาสแล้ว เดี๋ยวหนูไปรอหน้าห้องนะคะ” ฉันพูดทั้งที่ยังก้มหน้าเลคเชอร์อยู่ แล้วพี่ไคยะก็เดินออกไป ไม่นานอาจารย์ก็สั่งงานแล้วเราทุกคนก็แยกย้าย แต่จะว่าไปก็หนักเหมือนกันแฮะ การต้องแบกโน้ตบุ๊คและตำราแม่มดไปไหนมาไหนพร้อมกันอ่ะมัน.... พรึ่บ! ตุ้บ! เย้ยยย =[]=! “ขะ...ขอโทษค่ะ” นั่นไง! พูดไม่ทันขาดคำว่ามันหนัก อยู่ๆกระเป๋าผ้าที่ฉันใช้ก็หูกระเป๋าขาดจนหล่นพรึ่บจากบ่าซะงั้น โชคดีที่คว้าโน้ตบุ๊คไว้ได้ แต่คว้าตำราแม่มดที่เฮียคินให้ไม่ทัน แถมมันยังไปหล่นลงตรงหน้าใครสักคนที่เพิ่งเดินขึ้นบันไดมา จนคิดว่าปกน่าจะเยินพอประมาณเลยด้วย แงงงงง โดนเฮียคินด่าแน่เลยฉัน TT^TT แล้วคนตรงหน้าก็ชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะก้มลงไปเก็บตำราแม่มดเล่มนั้นในที่ขณะที่ฉันวุ่นอยู่กับการพยายามกอบโกยถุงผ้าขาดๆในมือ และรวบมันมาขยำๆไว้ด้วยกัน พรึ่บ! ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น หนังสือที่หล่นและถูกใครบางคนเก็บได้ก็ถูกส่งคืนมาให้ฉัน แล้วจังหวะที่ฉันหันไปรับก็... “ขอโทษนะคะ เอ่อ ไม่ใช่สิ ขอบคุณนะคะที่.... รุ่นพี่เตโช O[]O!!!!” นี่เป็นอีกครั้งและอีกครั้งของอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง ที่ฉันได้เจอคนตรงหน้าแบบระยะประชิดจนภูมิต้านทานไม่อาจทัดทานพลังแห่งดวงดาวจากศาสตร์แม่หมอ Myztery จนใจสั่น O_O เอื้อออออออ แม่เจ้าาา บอกทีว่าไม่ใช่เขา บอกทีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่อดีตเนื้อคู่แอนด์ปั๊บปี๊เลิฟสุดสวิงริงโก้ของเรา ถึงเฮียคินจะบังคับให้ฉันลืมเขาและบอกว่าจะขอฉันแต่งงานก็เถอะ แต่ฉันก็ใจเต้นแรงอยู่ไม่เบาเลยนะ เวลาได้สบตากับเจ้าของใบหน้าที่หล่อเหลาอ่ะ โอ้วม่ายยยยย >_< “...หนังสือสวยดี” แล้วโทนเสียงเรียบสุขุมก็ดึงสติฉันกลับมาทันที แต่น่าแปลกใจนิดหน่อยที่เขาก้มมองหนังสือในมือตัวเองสลับกับมองมาที่ฉันอย่างดู...ใช้ความคิด “เอ่อคือ... ค่ะ พอดีมีคนให้หนูมา” “ให้มา?” รุ่นพี่เตโชทวนคำพูดของฉันและจ้องลึกเข้ามาในตาเหมือนมีบางอย่างจะพูดแต่เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ นั่นยิ่งทำให้ฉันประหม่า “ค่ะ เอ่อ... รุ่นพี่ลองไปหาอ่านดูบ้างสิคะ หนูเพิ่งอ่านได้ไม่เท่าไหร่ก็คิดว่ามันน่าสนใจดี แต่ว่าจำยากไปหน่อยน่ะค่ะ - -*” หมับ! พูดจบฉันก็รีบรับหนังสือจากมือเขา และกะว่าคืนนี้จะนอนกอดลายนิ้วมืออำลาอดีตเนื้อคู่ที่ระยะห่างระหว่างดวงดาวทำให้ดาวยูเรนัสได้ใจเขาไป ฮื้อ ฮือออ เศร้าใจไม่เบา T^T แต่ทั้งที่คิดว่าเขาคงจะเดินผ่านฉันไปแบบไม่พูดอะไรต่อก็ผิดคาดแฮะ เพราะอยู่ๆรุ่นพี่ก็เอาแต่จ้องหนังสือในมือฉันและ... “เคยอ่านหนังสือญี่ปุ่นรึเปล่า?” เอ๊??? บะ...บอกทีสิ บอกทีว่ารุ่นพี่พูดกับใคร นี่เขา... นี่เขา... นี่เขาชวนฉันคุยหรอเนี่ย ใช่รึเปล่า??? พรึ่บ! “แป๊บนะคะรุ่นพี่” ฉันยกมือห้ามไม่ให้รุ่นพี่พูดต่อแล้วหันซ้าย หันขวา หมุนตัวมองไปข้างหลัง เอ๊ๆ ไม่มีใครหยุดคุยกับเขาเลย รอบตัวเรามีแต่คนเดินผ่านไปทั้งนั้น งั้นก็ใช่น่ะสิ รุ่นพี่เตโชชวนฉันคุยหรอ โอ๊ยยยย แบบนี้จะตัดใจได้ยังไงกัน >_< “?” แล้วพอหันกลับมา ฉันก็เจอรุ่นพี่มองมาแบบงงๆนิดหน่อย เลยรีบตอบกลับไปพัลวัน “หนังสือญี่ปุ่น? อ๋อเอ่อคือ ไม่เคยหรอกค่ะ เอาเข้าจริงหนูว่าจะลองไปหลายทีแล้วด้วยประเทศนั้น แต่พอดีไม่ค่อยว่างค่ะ แหะๆ - -*” Whatttttt?! ฉันตอบอะไรออกไปเนี่ย เขาพูดถึงหนังสือญี่ปุ่น ไม่ได้พูดถึงประเทศญี่ปุ่นว้อยยยยย แล้วรุ่นพี่ก็ทำหน้าเหมือนพยายามเข้าใจ แต่เอาจริงๆนะ ที่จริงเขาก็หน้านิ่งๆเดิมๆมาตลอดนี่แหละ ฉันมโนไปเองว่าเขามีอารมณ์ร่วมกับความบ้าบอของตัวเองก็เท่านั้น =_=^ โถๆๆ ห่างไกลกันเหลือเกินนะคะรุ่นพี่ หนูยอมแพ้แล้วล่ะค่ะ ยอมแพ้ให้ดาวยูคาลิปตัส เอ้ย ดาวยูเรนัสดวงนั้น T^T “อ่านกลับด้าน…จากหลังไปหน้าจะจำง่ายกว่ากัน” มือหนาที่ส่งหนังสือมาให้ฉันเปลี่ยนไปเป็นล้วงกระเป๋า ดวงตาคมเข้มจ้องมาแต่มันไม่ได้น่ากลัว ถ้าฉันไม่ได้คิดไปเองมันเหมือนว่าเขาตั้งใจให้คำแนะนำ แล้วพอพูดจบรุ่นพี่ก็เดินผ่านฉันไปเลย แต่เดี๋ยวสิ... เท่าที่จำได้เฮียคินเคยเรียกเขาว่า... “...เฮียติณณ์” กึก! แล้วพอฉันหลุดปากพูดไปแบบนั้น ฝีเท้าของรุ่นพี่เตโชที่เดินผ่านไปข้างหลังก็หยุดชะงักไปทันทีเลยเหมือนกัน ชะ...ใช่จริงหรอ? คำว่า ‘ติณณ์’ ของเฮียคิน มันถูกใช้เป็นชื่อเรียกรุ่นพี่เตโชจริงๆใช่มั้ย? นั่นทำให้ฉันรีบหันกลับไปอย่างไม่ลังเล และแน่นอน...รุ่นพี่ที่คงคาใจเหมือนกันก็เหลือบตามองฉันที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยหางตาโดยไม่หมุนตัวกลับมา และไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ “……” แล้วก็แค่เสี้ยวนาทีเดียวเท่านั้น รุ่นพี่ก็เดินหายเข้าไปในห้อง Nightshade ที่อยู่ไม่ไกล ทิ้งฉันไว้กับความสงสัยมากมาย ที่เหมือนคำตอบจะชัดเจนว่าพวกเขารู้จักกัน แต่ก็ไม่รู้ทำไม...บางทีก็รู้สึกเหมือนมันมีอะไรมากกว่านั้น@ KIRA’S CONDO
“นายหญิงรอที่นี่ก่อนนะครับ พอดีว่านายมีธุระเลยออกไปพบรักษากา... เอ่อ คุณเฟรย่าน่ะครับ ^_^” “พี่ไคยะ หนูมีเรื่องจะถามค่ะ” ฉันพูดออกไปหลังกลับจาก Treatise และมาที่คอนโดเฮียคินตามที่เขาสั่งไว้ แต่มันคาใจจังแฮะเรื่องนั้น “ได้สิครับ แต่ก่อนอื่น นี่เป็นอาหารเย็นที่นายสั่งไว้ให้ ถ้าหิวเมื่อไหร่นายหญิงทานได้เลยตามสบายนะครับ นายบอกว่าน่าจะกลับเย็นหน่อย แล้วจะเป็นคนไปส่งนายหญิงกลับคอนโดเอง” “…เฮียคินนี่มีพี่น้องรึเปล่าคะ?” ฉันไม่ได้สนใจอาหารบนโต๊ะเลย และพอถามออกไปพี่ไคยะก็เงียบ “มีใช่มั้ย?” “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?” นั่นสินะ... ทำไมถึงถามก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคาใจ๊คาใจ ถ้าพี่ไคยะก็เรียน Treatise แปลว่าต้องรู้จักรุ่นพี่เตโชด้วย แล้วจะว่าไปเฮียคินกับรุ่นพี่เตโช สองคนนี้ก็ดูคล้ายๆ... “ไม่มีหรอกครับ นายเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องที่ไหน” อืม.... “งั้นหรอคะ แล้วเฮียคินไปหาพี่สาวที่ชื่อเฟรย่าทำไม เค้าดูไม่ค่อยถูกกันกับพี่ฟาเดีย แต่ทำไมถึงไปหาพี่สาวพี่ฟาเดียได้” ฉันยังคงถามซักไซ้ออกไป พี่ไคยะก็คอยตอบทุกคำถาม “สองคนนี้เค้าสนิทกันมากน่ะครับ” เอ๋??? อันนี้ยิ่งงงใหญ่ สนิทกันมากยังไง ตอนนั้นเจอที่ Ztudio พวกเขาไม่เห็นจะพูดอะไรกันนอกจาก... ‘นี่เฟรย่า’ เฮียแนะนำชื่อแค่เนี้ย แล้วเราก็แยกย้าย =_=^ พี่ไคยะก็พูดต่อ “แต่ถ้าจะพูดถึงพี่น้อง...ยืนหนึ่งเลยนายจะให้ตำแหน่งนั้นกับคุณเฟรย่าก่อนครับ” โอ๊ะ ดูงงๆแต่ก็ อ่า...เหมือนจะเข้าใจนะ “อ๋อแบบว่า... เป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยจะพูดอะไรกันมากใช่มั้ยคะ หนูเคยเจอพวกเขาจ้องๆกันแต่ไม่พูดอะไรเมื่อหลายวันก่อนอ่ะ” “หึ :)” แล้วพอฉันพูดไป อยู่ๆพี่ไคยะก็หลุดขำ และตอบกลับมาทั้งรอยยิ้มกว้างๆอย่างนั้น “ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกครับ สองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน จะพูดมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว เดี๋ยวนายหญิงก็คงได้เห็นความวุ่นวายพวกนั้นเข้าสักวัน :)”อีกด้านหนึ่ง...
::: KIRA ::: “มาเมื่อไหร่” ผมนั่งมองยัยแม่มดที่ตักข้าวเข้าปากแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ทั้งที่น่าจะรู้ดีแก่ใจว่าลิซไม่มาด้วย นั่นแปลว่าผมต้องรีบกลับไป “มีไรก็ว่ามา” “โอ้โห เย็นชาจังเลยนะเฮีย เค้าโกรธเฮียสามบวกหนึ่งวันละ ฮ่ะๆ” พรึ่บ! นี่ไง คนอย่างยัยนี่รู้เห็นอะไรแว๊บเดียวก็อ่านขาดไปซะหมด คิดแล้วมันน่าหมันเขี้ยวฉิบหาย ผมเลยแกล้งคว้าแก้วน้ำตัวเองขึ้นมาแล้วทำท่าจะเขวี้ยงใส่ “ฮ่ะๆๆ สืบมาแล้วด้วยนะ ลิซ่า รวิษฎา” “อยู่ห่างๆยัยนั่นซะ -.-” เวรจริงๆ ยิ่งกันลิซไม่ให้เข้ามาใกล้ ก็เหมือนคนจาก Dark Shadow เองที่อยากเข้าไปวุ่นวาย ทั้งยัยนี่ ทั้งไอ้ติณณ์! “คงไม่ได้หรอก ก็นายน่ะ....มาที่นี่เพื่อฆ่าติณณ์ใช่มั้ยล่ะ” “ไม่เกี่ยวกับลิซ” ผมสวนกลับไปทันทีเพราะรู้ว่าเฟรย่าต้องการจะสื่ออะไร คงต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ผม แต่ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าแววตาทีเล่นทีจริงที่มาพร้อมน้ำเสียงจริงจังของคนที่ถือครองตำแหน่งที่ทำอะไรก็ได้ตามความชอบใจอย่างรักษาการน่ะ ท่าทางแบบนี้แม่งโคตรอันตราย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรขึ้นมา เหมือนนิ่งแต่ไม่นิ่ง เหมือนไม่ยุ่ง แต่ทุกโอกาสสำคัญยัยนี่มักจะโผล่ไปขวาง ไม่รู้ว่าว่างหรืออะไร “นั่นแหละ ยิ่งห้ามยิ่งอยากลากมา” ท่าทางจริงจังของคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับไอ้ติณณ์ใน Castle ที่นี่มาตลอดหลายปีถูกส่งมา นั่นทำให้ผมจ้องไป เพราะแม้จะยังติดต่อกันโดยนับถือ และต้องเจอกันบ้างตามประสา แต่ก็ยากจะพูดได้เต็มปากว่า... “อย่าโง่น่า ถึงเวลาวอร์กัน ก็รู้มันเซฟกว่า” แกร๊ก! พรึ่บ! หมับ! พูดจบ ความว่องไวที่ผมคุ้นชินของรักษาการก็โยนบางอย่างพุ่งตรงเข้ามา แถมยังไม่วายพูดจาเหมือนเป็นกลางสุดๆ แต่แม้แต่ท่านปู่ยังเลือกข้าง ยัยนี่ถึงแม้จะรั้นไปบ้างแต่ก็สวามิภักดิ์ต่อท่านปู่ขนาดนั้น ก็ไม่น่าจะกลางร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกมั้ง “ที่นี่มันปลอดภัยเสมอนี่นะ...แม้ใครจะหลงผิดไปบ้างน่ะ” พอบ่นๆเสร็จก็ลุกไป นี่แหละที่ยอมมาเพราะคิดว่ายัยนี่คงไม่ได้มีเรื่องอะไรจะพูดเท่าไหร่ แต่แม้ใครจะหลงผิดไปบ้างงั้นหรอวะ... ที่นั่น... ปลอดภัยเสมองั้นหรอวะ... ครั้งสุดท้ายที่ไปเหยียบ ก็ตอนมาพักร้อนกับท่านย่าล่ะมั้ง... ผมก้มมองกุญแจทางเข้าลับของ DS Castle ฝั่งขวา และย้อนคิดถึงใบหน้าของคนที่ยอมให้เราสร้างมันขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้... ทั้งที่หลายสิบปีก่อนพื้นที่ Castle ตั้งกว้าง ขนมนมเนยก็มีไม่ขาด แต่ไม่รู้ตอนนั้นเฟรย่าคิดอะไร ยัยนั่น...ชวนผมแอบหนีออกจาก Castle ปั่นจักรยานชิลๆออกไปซื้อขนมหน้าตาประหลาดจากร้านค้าเล็กๆ และถึงจะแฮปปี้ที่ได้ขนม แต่กลับมาก็โดนท่านปู่สวดยกใหญ่ เพราะมันมีประตูเดียว...เราเข้าออก Castle จากหน้าประตูใหญ่ ถึงต้องพากันไปอ้อนวอนขอร้องท่านย่า ให้สร้างประตูลับขึ้นมาโดยไม่ได้บอกใคร แค่เพื่อได้ไปซื้อขนมจากร้านค้าเล็กๆ ได้ปั่นจักรง๊อกแง๊กบนถนนจนรถเกือบเฉี่ยวตาย เหตุผลของกุญแจในมือผมแม่งแค่นั้นเลย ยัยแม่มดแม่ง...งี่เง่าฉิบหาย Line… ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆไอ้ไคยะก็ทักมา KAIYA : นายหญิงเลิกเรียนแล้วนะครับ KAIYA : ตอนนี้กลับถึงคอนโดแล้วครับนาย KAIYA ส่งรูปภาพ ข้อความรายงานความเคลื่อนไหวของลิซและรูปถ่ายตอนที่ยัยตัวเล็กกำลังนั่งอ่าน Commandment อย่างตั้งใจถูกส่งมา ทำให้ผมจ้องรูปนั้นสลับกับกุญแจในมืออีกข้างอย่างคิดหนัก ถามว่าไว้ใจเฟรย่ามั้ย ผมไว้ใจอยู่แล้ว...ในฐานะพี่ แต่ถามว่ายัยนั่นเป็นกลางมั้ย...อาจใช่หรือไม่เลย เพราะเธอมักจะเข้าข้างไอ้ติณณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับมันที่นี่ ถามว่าไอ้ติณณ์มองยัยนั่นยังไงที่เทียวไปเทียวมาก็ตอบยาก... ที่ผมไม่อยากมาเจอ เพราะไม่อยากให้เฟรย่าถูกมองว่าเลือกข้าง มันไม่มีอะไรการันตีว่าเธอจะปลอดภัยในสถานการณ์ที่ไอ้ติณณ์เพิ่งลอบทำร้ายผมไปสดๆร้อนๆแบบนี้ เฟรย่าควรเป็นคนสุดท้าย...ที่จะมีเอี่ยวเรื่องนี้ หรือทางที่ดี... ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ‘กรี๊ดดดดดดดดด!’ เสียงปืนและเสียงกรี๊ดดังสนั่นทำให้ผมหลุดจากห้วงความคิดแล้วหันมองไปทางต้นเสียงทันที ก่อนจะเห็นว่าซูเปอร์คาร์คันโปรดของเฟรย่าที่จอดอยู่โดนชายชุดดำกระหน่ำยิงเละ นั่นทำให้ผมลุกพรวด เพราะแน่ใจว่ายัยนั่นน่าจะอยู่ในรถแล้วตอนนี้ ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ‘กรี๊ดดดดดดดดด! เชี่ยเอ๊ย! เสียงลั่นไกดังสลับกับเสียงร้องของแขกในร้านไม่หยุด และมันดังขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมยิ่งสาวเท้าเร็วขึ้นจนกลายเป็นวิ่งออกจากโต๊ะพร้อมกับใจที่กระตุกวูบก่อนจะคว้าปืนที่พกไว้ออกมาและยิงสวนไปทันที แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเพราะเสียงนึงที่ดังขึ้นมาจากมุมอับของร้านไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ “อยู่ให้ห่างจากวิถีกระสุนนะคะ ห้ามออกมาจนกว่า...” หมับ! “ยังจะลีลาอยู่อีกหรอวะ!” “อะไร?!” บ้าเอ๊ย แต้มบุญยัยนี่แม่งสูงชะมัด คิดว่านอนจมกองเลือดไปแล้ว มายืนทำบ้าไรแถวนี้วะ ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! คิดได้แบบนั้นผมก็ตรงเข้าไปคว้าแขนเฟรย์ที่ยังมีน้ำใจช่วยคนอื่นพาวิ่งหลบกระสุนท่ามกลางความวุ่นวาย ไอ้พวกเวรนั่นที่ยิงรถเธอซะเละเทะพอเห็นว่าไม่มีใครในรถก็กรูกันเข้ามาในร้านแบบไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น “บอกแล้วว่าอย่ามา ไอ้ติณณ์มันสั่งเก็บเธอจนได้เห็นมั้ย!” “พูดบ้าอะไร?!” “พวกมันยิงรถเธอซะเละเทะ!” “ที่ว่าหมอนั่นสั่ง ไปเอามาจากไหน?!” เฟรย่าเถียงกลับมาในขณะที่ผมพาเธอวิ่งหนีวิถีกระสุนเพราะเอาแต่ห่วงคนอื่นอยู่ได้ แต่ไอ้แววตาแบบนั้น ไม่เชื่อว่าเป็นมันงั้นสินะ เวรเอ๊ย! ไม่ใช่แม่งแล้วจะเป็นใคร แล้วยัยนี่ประมาทไปรึเปล่า มาตัวเปล่าซะด้วย จะชิลไปไหน พรึ่บ! ปัง! ปัง! ปัง! ผมดันตัวเฟรย์หลบชายชุดดำที่วิ่งตามมาให้เข้ามุมแล้วยิงสกัดพวกเวรนั่นไว้ ยัยนี่ก็เอาแต่จ้องมาอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ “เธอมาที่นี่เท่ากับหักหลังมัน!” ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! “ผิดละ นี่ไม่เคยเลือกข้างใครทั้งนั้น!” “งั้นมันคงงอนที่ไม่มีเพื่อนกินข้าวมั้ง” “คิน! ติณณ์มันไม่เคยลอบกัดใคร แม้แต่นาย!” ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ให้ตายเหอะ! แล้วทำไมต้องมาเถียงเรื่องประสาทแดกแบบนี้ตอนกำลังจะโดนฆ่าอยู่รอมร่อแถมกระสุนก็หมดแม็กซ์แล้วด้วยวะเนี่ย ยัยแม่มดประสาท! “หึ...ไม่เคยลอบกัด? รอให้รอดจากตรงนี้แล้วค่อยเทิดทูนมันก็ได้มั้ง!” พรึ่บ! ผลัวะ! กร๊อบ! ปัง! ปัง! ผมพูดและพุ่งเข้าไปหาชายชุดดำสองคนที่วิ่งเข้ามา ก่อนจะล้มคนพวกนั้นด้วยมือเปล่าและยิงซ้ำ พร้อมกับกระชากปืนกระบอกนึงโยนไปให้ยัยรักษาการงี่เง่า เข้าข้างแต่ไอ้เวรนั่น! “ถ้าไม่ใช่ไอ้ติณณ์แล้วจะเป็นใคร หรือเธอ! ไปสร้างเรื่องอะไรไว้?” แล้วยัยนั่นก็ชะงักไปนิดหน่อย เงียบไปนี่ใช่รึไงวะ “อาจใช่ งั้นก็แค่ลัทธิงี่เง่า ไม่มีไรน่าสนใจ!” พรึ่บ!!! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! หลังจากนั้นยัยบ้านี่ก็องค์ลงขึ้นมาเลย เดินฝ่ากระสุนยิงกราดเป็นเดอะแมทริกซ์ซะงั้น เล่นเอาคนของไอ้ติณณ์วิ่งหลบกันพัลวัน หึ...ท่าทางยัยนี่จะได้ใจมากซะด้วย “สอนไม่จำ บอกว่าเวลาอยู่คนเดียวอย่าห้าว!” “เฮ้อออ ถามจริง นี่เป็นพ่อหรือน้องกันแน่เราอ่ะ?” ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! พูดจบเฟรย่าลอยหน้าลอยหน้าแล้วรัวกระสุนออกไปแบบไม่ลังเล โดยมีผมคอยระวังหลังให้ และเท่าที่ดู...ยัยนี่ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน เห็นแบบนี้ก็โล่งใจ ไม่นาน เราทั้งคู่ก็ยิงไล่คนของไอ้ติณณ์จนพวกมันพากันหนีเตลิดไป ร้านทั้งร้านเละเทะแต่ไม่มีใครบาดเจ็บ พอเดินมาดูที่ลานจอดรถ เช็คสภาพซูเปอร์คาร์คันโปรดก็มีคนโอดโอยออกมาเหมือนเด็กสองขวบ ทั้งที่เมื่อกี๊ยังทำตัวเป็นแมวเก้าชีวิตไม่กลัวตาย “Shit! ราคาไม่เบาเลยนะเว้ยคันนี้ -.-“ เหอะ! “-_-” หมับ! พรึ่บ! “น่าจะตายๆไปซะก็ดี รักษาการฯงี่เง่าแบบเธอเนี่ย!” เพราะรำคาญเสียงโอดโอยและท่าทางซังกะตาย ผมเลยลากยัยบ้านี่ขึ้นรถตัวเองและขับออกจากร้านโดยไม่วายตรวจสอบรอบข้างให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาจริงๆ แต่อย่าถามหาความสำนึกอะไรจากยัยนี่ “อ๋อหรอ เมื่อกี๊หน้าซีดเลยนะ ยิงซะหมดแม็กซ์เลยนี่” “หุบปาก ยัยแม่มดพันปี -.-” “แกสิ ไอ้น้องสมองกลวง ไหนขอตบที!” ผลัวะ! “จิ๊! จะตายอยู่รอมร่อยังจะอวดดี” เสียงแว๊ดๆข้างหูแม่งน่ารำคาญซะจริง ไหนจะหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของคนที่ขยับตัวง้างมือจะเอาเรื่องผมอีก “อย่าพูด พูดมากจะตบอีก เป็นไรมั้ยไหนดูดิ๊” “ไม่ต้องยุ่ง!” “ปากดี!” ผลัวะ! “ยัยบ้าเอ๊ย! อยากตบมากไปตบญาติเธอสิ ไอ้คนที่มันจะฆ่าเธอน่ะ!” ผมตะคอกออกไปแล้วเฟรย์ก็ทำหน้าตาไม่สนใจ แต่แววตาแม่งปิดบังไม่ได้หรอกว่ะ ยัยนี่กังวล เพิ่งจะคิดได้รึไงว่าต้องกลัวตายได้แล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนนี้! “อะไร! ญาติแกด้วย อุ๊ยเปลี่ยนรถใหม่นี่ สีม่วงไปไหน” “ไม่ต้องยุ่งสักเรื่องดิ๊” พรึ่บ! คำถามนั้นทำให้ผมผลักหัวยัยปีศาจรักษาการออกไปอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด หนวกหูชิบ! จะไปไหนได้วะ ก็ไอ้ติณณ์คนดีแม่งเล่นซะรถสีโปรดเมียกูเละเทะไปครึ่งคันขนาดนั้นน่ะ!ไม่กี่นาทีต่อมา...
@ Crown Scarlet Hotel “อยู่นี่ก็ดี กลับ Castle ไปไอ้ติณณ์ยิงทิ้งพอดี” ผมเหน็บยัยบ้าที่ตอนแรกแว๊ดๆ แต่สักพักก็นิ่งไปอย่างใช้ความคิดมาครึ่งทาง แบบไม่พูด ไม่ขยับตัวเลยสักนิด พอมาส่งเธอที่คอนโดหรูใจกลางเมือง ไม่ยักรู้ว่าบางทีก็อยู่ที่ดี แลดูดี “เลอะเทอะ ตื่นสักที” พูดจบเฟรย่าก็ลงจากรถไปด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงเป็นปกติทันที แต่ก็ไม่วายหันมาเบะปากกวนประสาทกันไม่หยุด แต่ไม่มีกระสุนเฉี่ยวตรงไหนจริงใช่มั้ยวะ? “จะตายเมื่อไหร่ รอเผา” “ถุย เลิกพูดงี่เง่าแล้วกลับไปดิ๊” ตึงงงง! พอผมตอบกลับกวนๆเข้าหน่อย ยัยนี่ก็กลอกตามองบนแล้วปิดประตูใส่ทันที หึ... ส่งรักษาการถึงอย่างปลอดภัย ต่อไปก็ตามึงแล้วสินะ คิดได้แบบนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาไอ้ไคยะทันที และไม่นานมันก็รับ [ครับนาย] “ส่งลิซให้ที” [กลับช้าหรอครับ ผมจะได้บอกนายหญิง....] “อืม ไปส่ง แล้วเฝ้าไว้ให้ดี ห้ามมึงห่างจากห้องเมียกูแม้เสี้ยวนาที และเพิ่มกำลังคุ้มกันเป็นสองเท่าจากที่มี” [เกิดอะไรขึ้นอีกรึเปล่าครับ ทำไมถึง...] “กูมีธุระต้องไปทำต่อ แค่นี้” ผมชิงตัดบทเพราะถึงแม้ไอ้ไคยะจะไม่ได้รับการอนุญาตให้ติดตามผมตลอดเวลา และเป็นผมนี่แหละ ที่เนรเทศมันให้ไปอยู่กับป้ามาร์ธา แต่มันก็ไม่ใช่คนโง่ เรียกว่าฉลาดที่สุดในบรรดาคนใกล้ตัวผมนั่นแหละนะ [เดี๋ยวฮะ นายจะไปไหนครับ? นายอยู่ห่างจากคอนโดไม่ไกลแปลว่ากลับจากกินข้าวแล้ว] นั่นไง ว่าแล้วว่าแม่งต้องเช็ค GPS ตามใจ เหมือนกันกับไอ้แม็คไม่มีผิด ไอ้พวกรู้มาก “ทำตามที่กูสั่ง” [อย่าบอกนะครับว่านาย....] “กูจะไปทักทายว่าที่ Leader มึงอยากไปด้วยรึไง?!”หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X