@PUB TW
"ไอก้ามึงขยับไปนั่งตรงนู้น พี่กูมาแล้ว" คีริวใช้มือดันไลก้าที่นั่งอยู่ด้านข้างทันทีที่สายตาคมเหลือบไปเห็นพี่ชายฝาแฝดที่กำลังมุ่งตรงเดินเข้ามาที่ประจำโต๊ะของเขาและเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ก่อนหน้า
"ไอเฮียยย!..." ไลก้าขึ้นเสียงใส่พี่ชายคนสนิทเมื่อถูกดันออกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาเกือบตกเก้าอี้หัวทิ่มทว่ากลับประคองตัวได้ทัน ใบหน้าคมคายเผยสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ แต่สุดท้ายไลก้าก็ยอมย้ายตัวเองลุกเดินจากที่นั่งเดิมไปนั่งอีกฝั่งแต่โดยดี
"อีกนิดเดียวมึงจะเรียกกูว่าเหี้xละ"
"ทำตัวให้เรียกเองอะ"
"ไอเด็กเวร!..." ไลก้าเล่นหูเล่นตาใส่คีริวใหญ่ทำเอาทั้งโต๊ะที่มีแค่เพื่อนพี่น้องที่สนิทกันมาแต่เด็กหัวเราะด้วยความชอบใจ
"..." คีรันหย่อนสะโพกลงด้านข้างคีริวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มือหนากวักให้พนักงานเสริฟ์จัดการเครื่องดื่มมาให้อย่างเช่นทุกวัน
"เฮียรันไปไหนมาอะ ทำไมวันนี้ถึงมาช้ากว่าเฮียริวได้ ปกติเห็นตัวติดกันตลอด"
"พี่กูจะไปไหนก็ช่างมันเถอะ จะอยากรู้ไปทำไม" คีริวเป็นคนเอ่ยตอบแทนพี่ชายอย่างรู้ใจ แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหน้าที่การตอบคำถามในครั้งนี้ควรเป็นหน้าที่ของเขาไปโดยปริยาย
"โห่ว...ผมก็แค่ถามไหมเฮีย" เพิร์ธทำเสียงออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับนิสัยการตอบคำถามที่แสนกวนโอ้ยของพี่ชาย
"หึ แม่งรักกันจริงๆ" วอมเค้นเสียงพูดอย่างรู้เท่าทันในท่าทีพวกนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่คีริวมักจะพูดเพื่อปกป้อง เขามักจะทำแบบนี้จนคนรอบข้างอย่างวอมรู้ทันทุกอย่างไปเสียแล้ว
"ไอเพิร์ธ...นั้นเจ๊ฝนปะ" กระทั่งเสียงของไลก้าทำให้ทั้งโต๊ะเงียบพร้อมกัน สายตาคมของชายหนุ่มทั้งหกคนบนโต๊ะต่างพากันหันไปมองตามที่ไลก้าชี้พร้อมกันเป็นตาเดียว
"เจ๊ฝน!!" เพิร์ธพูดด้วยเสียงขึงขัง ตวัดสายตาคู่คมจ้องมองพี่สาวตัวเล็กด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่เขาจะรีบลุกจากโต๊ะมุ่งตรงไปหาพี่สาวด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร
"ไปไหนอะเฮีย?..." ตามด้วยร่างหนาของวอมที่ลุกยืนตามเพิร์ธหมายจะเดินออกไปอีกคน
"ห้องน้ำ" วอมตอบเสียงนิ่งแล้วเดินออกไปทันที
"กูว่าไม่ได้ไปห้องน้ำแน่ๆ" เวกัสแสยะยิ้มมองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชายตัวเองอย่างรู้ทัน เพียงแค่สายตาของวอมที่มองไปยังน้ำฝนก็ทำให้เขารู้ได้ในทันที
"เอวาเป็นยังไงบ้าง" คีริวอาศัยจังหวะตอนที่ทุกคนเผลอให้ความสนใจกับน้ำฝนหันมาเอ่ยถามถึงเพื่อนตัวเล็กที่คีรันหนีหายไปตามเฝ้าตามดูแลเกือบครึ่งวัน
"ดีขึ้นแล้ว กูให้อิงดาวไปนอนเป็นเพื่อน" มือหนายกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นมากระดกดื่มตอบน้องชายฝาแฝดเสียงนิ่ง
"อืม...มามี๊ได้โทรหามึงหรือเปล่า"
"โทรแล้ว"
"แล้วมึงจะกลับไหม ถ้ามึงกลับกูจะได้กลับด้วย กูไม่อยากโดนมามี๊บ่นจนหูชา"
"กลับ"
"โอเค...จะได้กลับไปหาตัวแสบด้วย โทรมาบ่นคิดถึงทุกวัน" คีรันตวัดสายตาคู่คมไปมองยังภาพตรงหน้าขณะที่น้องชายกำลังคุยกับเขา ดวงตาคมเผลอสบเข้ากับร่างสวยหุ่นดีที่ยืนส่งยิ้มให้จนเขาสัมผัสได้จนเขาต้องหันมามอง
"มีอะไร" คีริวมองตามสายตาของพี่ชายที่กำลังมองไปทางนั้นด้วยทีท่าเรียบนิ่ง ก่อนที่คีรันจะเบือนหน้าหันหนีแสดงออกถึงความไม่ชอบอย่างชัดเจน
"หึ" ผิดกับคีริวที่ยกรอยยิ้มร้ายยกมุมปาก นี่นับว่าเป็นนิสัยอีกอย่างที่ฝาแฝดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คีริวเป็นประเภทที่ไม่ว่าใครเสนอเขาก็พร้อมที่จะสนอง หากว่าคนนั้นเด็ดมากพอ ต่างกับคีรันที่ไม่ชอบการมีอะไรกับใครถ้าหากเขาไม่รู้สึกรักหรือชอบจริงๆ...
"เจอกันพรุ่งนี้..."
"ป้องกันให้ดี...กูจำได้" คำพูดติดปากของพี่ชายที่มักจะพูดกับเขาทุกครั้งจนจำขึ้นใจ คีริวพูดชิงตัดหน้าเขาก่อนที่จะหยัดตัวเดินเข้าไปทักทายเหยื่อของวันนี้
"ไอเฮียริวเร็วชิบหาย คนนี้กูเล็งอยู่ตั้งนาน โดนตัดหน้าไปเฉยเลย..."
เอี๊ยด!
รถสปอร์ตหรูคันสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ คีรันเดินลงจากรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่งผ่านชายชุดดำมากมายของผู้เป็นพ่อที่ยืนก้มหัวเคารพนายน้อยคนโตของบ้าน
"คิดถึงจังเลยครับ..." มือหนาเลื่อนมาสวมกอดหญิงวัยกลางคนที่ยืนหันหลังทำอาหารในครัวขนาดใหญ่พร้อมกับสาวใช้อีกหลายคนที่คอยช่วยเหลือ
"ลูกชายมี๊กลับมาแล้ว แล้วน้องล่ะ...มาด้วยกันหรือเปล่า?" พะพายมาหันกลับมากอดตอบลูกชายคนโตด้วยความดีใจ เรียวปากสวยยกยิ้มอย่างเก็บไว้ไม่มิด ก่อนที่จะถามหาลูกชายอีกคนเมื่อไม่เจอเจ้าตัวที่กลับมาด้วยกัน
"แยกกันมาครับ เดี๋ยวก็คงถึง"
"ป่านนี้ยังไม่ตื่นอีกแน่ๆ ลูกคนนี้น่าตีตั้งแต่เด็กจนโตจริงๆ..."
"อย่าไปสนใจเลยครับ มามี๊ทำอะไร หอมมาตั้งแต่ไกลเลย" ความเงียบขรึม เย็นชา และแข็งกระด้างหายไปเพียงพริบตาเดียว ต่อหน้าผู้เป็นแม่แล้วคีรันจะกลายเป็นเด็กผู้ชายขี้อ้อน อ่อนโยน พูดเก่ง และเอาใจเก่งเสมอ และมีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะได้เห็นอีกมุมของเขา...
"เราก็ปกป้องน้องตลอด คีริวถึงไม่รู้จักโตสักที ตามติดพี่ชายไปทุกที่" พะพายส่ายหัวเอ่ยอย่างรู้ทัน ถึงแม้สองพี่น้องจะแยกคอนโดกันอยู่ แต่เธอก็รู้นิสัยของลูกชายคนเล็กเป็นอย่างดี
"ว่าแล้วว่าต้องมีคนกำลังนินทาผม แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย...คิดถึงจังเลยค้าบ~" เสียงก้องกังวาลดังแทรกเข้ามาแต่ไกล ก่อนที่จะปรากฏเจ้าตัวที่รีบสาวเท้าหนักเดินเข้ามาออดอ้อนคลอเคลียอีกข้างของผู้เป็นแม่
"คิดถึงแต่ไม่มีใครกลับมาหามามี๊เลย"
"ผมตั้งใจว่าจะกลับอยู่แล้ว แต่มามี๊โทรมาตามก่อน" คีรันเอ่ยกับคนที่กำลังยู่หน้าแสดงท่าทีน้อยใจกับลูกชาย
"จริงหรือเปล่า..."
"จริงสิครับ ริวคิดถึงกับข้าวฝีมือมามี๊มากเลย"
จนกระทั่ง...
"เอามือออกจากแก้มของเมียป๊าเดี๋ยวนี้ไอริว" แต่แล้วร่างของสามคนที่ยืนยิ้มให้กันก็ต้องชะงักกับเสียงของคนที่เข้ามาใหม่ เสียงทุ้มตั้งใจพูดอย่างจริงจังแล้วสาวเท้าหนักเดินเข้ามาขัดขวางการอ้อนของทั้งสองคน
"เมียป๊าแต่แม่ผม"
"แม่จะไปใหญ่เท่าเมียได้ยังไง ไปๆ...ขยับออกไป แก้มนี้ป๊าเล่นได้คนเดียว ถ้าอยากจะบีบก็ไปหาเมียเป็นตัวเป็นตน...คนนี้ป๊าหวง"
"ยอมเลยครับ...คนหลงเมีย"
"เฮียรัน!...เฮียริว!..." เสียงหวานสดใสตะโกนดังมาแต่ไกล
พรึ่บ!
เท้าเล็กรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองแล้วกระโดดสวมกอดพี่ชายทั้งสองด้วยความดีใจ ทำเอาร่างสูงที่ยืนอยู่ถึงกับเซถอยหลังไปเล็กน้อยตั้งรับแทบไม่ทัน
"ยัยแสบ...ถ้าเฮียรับไม่ทันได้ลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นแน่ๆ" คีริวเอ่ยพูดกับน้องสาวคนเล็กของบ้านที่อายุห่างกันเกือบสี่ปี
"พรีมรู้ว่ายังไงเฮียก็รับได้ทัน คิคิ..."
"มากันครบแล้วก็ไปทานข้าวกันเนอะ มามี๊ทำกับข้าวเสร็จพอดีเลย~" ทันทีที่พะพายพูดจบ ทุกคนก็เดินเข้าไปนั่งที่ห้องอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
"ช่วงนี้เรียนเป็นยังไงกันบ้างลูก" เสียงหวานของพะพายเอ่ยถามอย่างต้องการชวนคุย
"ปกติครับ ไม่มีวิชาไหนที่ดูยากเป็นพิเศษ"
"จริงเหรอ...เป็นเพราะมีคีรันอยู่ด้วยหรือเปล่า ทำให้ริวรู้สึกว่ามันไม่ยาก" ใบหน้าสวยยกยิ้มหวานถามลูกชายคนเล็ก
"พรีมว่าต้องใช่แน่ๆ เลยค่ะมามี๊ เฮียริวไม่ชอบทำการบ้าน ไม่ชอบอ่านหนังสือสอบจนโดนเฮียรันดุทุกวันแน่ๆ เลย~"
"รู้มากเกินไปแล้วนะเรา" ประโยคเสริมทัพของพรีมทำให้ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะชอบใจ มือหนาเลื่อนไปโยกหัวน้องสาวด้วยความหมั่นไส้
กระทั่ง...
"คีรัน" เสียงเอ่ยเรียบนิ่งของคีรินทำให้ทุกคนบนโต๊ะชะงักนิ่งอย่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าเป็นเรื่องที่ผู้เป็นพ่อกำลังจริงจัง
"ครับป๊า" ใบหน้าคมผละออกจากจานอาหารแล้วขานรับผู้เป็นพ่อที่กำลังมองหน้าเขา
"ไม่ได้ลืมเรื่องงานที่ป๊าเคยบอกใช่ไหม"
"ไม่ลืมครับ" คีริวปรายตาไปมองยังพี่ชายที่กำลังพูดคุยกับผู้เป็นพ่ออย่างจริงจัง ใบหน้าคมคายที่คล้ายกันฉายถึงความหนักใจแทนพี่ชายอย่างปกปิดไว้ไม่อยู่ รวมไปถึงพะพายและพรีมที่นั่งนิ่งมองทั้งสองอย่างไม่วางตาทว่ากลับไม่มีใครพูดขัดออกมา
"อืม...ก็ดี ป๊าจะให้นธีไปช่วยอีกแรง มีอะไรก็ปรึกษานธีไม่ก็มาปรึกษาป๊า คีรันจะไม่ทำทำให้ป๊าผิดหวังใช่ไหม"
"ครับ...ผมจะไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง"
เรือนร่างฉันถูกจับพลิกตัวให้นอนราบไปกับโซฟาหรู ก่อนที่มือหนาจะจับเอวคอดไว้แล้วดันให้บั้นท้ายฉันกระดกขึ้นตั้ง หันหน้าไปมองทางประตูระเบียงแล้วเอื้อมมาล็อกมือฉันไว้แน่น"วิวสวยไหม?" คีริวถามพร้อมกับลูบไล้ต้นขาอ่อนฉันเบาๆ เขาเอ่ยเสียงแหบแห้งเพิ่มความเร่าร้อนในจินตนาการของฉันที่เริ่มคิดไปไกลว่าเขาจะลงโทษร่างกายฉันอย่างหนัก"สะ สวย…" ฉันตอบเสียงสั่นเครือ ตัวลอยไปตามแรงเคลิบเคลิ้มของสัมผัสยั่วอารมณ์จากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ก้นงอนของฉันด้วยความเบามือ"วันนี้อิงแสบมากรู้ตัวหรือเปล่า…""ระ รู้…""ริวเตือนอะไรไม่เคยฟังเลย""ฟังแล้ว…""ฟังแล้วทำไมยังดื้ออยู่อีก"เพียะ!ทันทีที่เขาพูดจบฝ่ามือหนาจากที่ลูบไล้กลับฟาดลงบนแก้มก้มฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้งโหยงหลุดออกจากห้วงภวังค์ของความวาบหวาม"จะ เจ็บนะ" ฉันหันกลับมาจะลุกหนีแต่คีริวกลับจับเอวมั่นแล้วจัดการฟาดก้นฉันอีกครั้งอย่างไม่ยั้งแรงเพียะ!"สำหรับเด็กดื้อ" อย่างนี้มันหลอกกันนี่นา ฉันคิดว่าเขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียแล้ว เขาทำดีเพื่อทำให้ฉันชะล่าใจ สุดท้ายก็กลับมาตีก้นฉันเป็นการลงโทษโดยที่ฉันไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะถูกเขาล็อกไว้ทุกทาง"งื้อ…เจ็บ ไหนริวบ
"อิงมีเหตุผลที่ทำไปนะ ไม่ได้ทำเพราะอยากแกล้งสักหน่อย" ทันทีที่เข้ามานั่งในรถฉันก็รีบพูดแก้ต่าง ปรายตามองคีริวที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อที่จะขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด"ว่าอะไรหรือยัง" เขาตอบโดนไม่มองหน้า ลดกระจกยิ้มให้พ่อกับแม่ฉันแล้วรถก็เคลื่อนขับออกไปจากหน้าบ้าน"งั้นก็แสดงว่าริวไม่โกรธอิงเหรอ?""ถ้าบอกว่าโกรธ?""อิงทำเพราะทดสอบ ริวต้องห้ามโกรธ""แล้วฉันเลือกอะไรได้ สุดท้ายฉันก็โกรธเธอไม่ได้อยู่ดี""อย่าพูดแบบนั้นสิ…" ฉันตอบเสียงหงอย ผิดคาดที่คิดว่าขึ้นมาในรถแล้วเขาจะโกรธและโวยวายใส่ ไม่คิดว่าเขาจะมาแนวดราม่าตัดพ้อแบบนี้ เจอแบบนี้ยัยอิงดาวถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว"คาดเข็มขัดด้วย" เขาเหลือบมามองฉันแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่สนใจที่จะแก้ต่างจนลืมคาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าตัวก็รีบพูดขึ้นทันที"ขับไหวหรือเปล่า สลับให้อิงขับไหม""ไม่เป็นไร นอนเถอะ ถึงห้องเดี๋ยวฉันปลุก""ไม่เอาจะนั่งเป็นเพื่อน" ฉันรีบส่ายหัว แบมือไปตรงหน้าตักเขาจนเจ้าตัวก้มมามอง"อะไร?""ไม่โกรธก็ขอจับมือหน่อย""จับมืออะไรขับรถอยู่เห็นไหม?"โกรธชัวร์…"ทีตอนอื่นริวยังให้จับเลย" ฉันทำหน้าหงอยมองเขา เฮ้อ…มีหลายคดีตามติดตัวมาต
"อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน ไม่มีใครเคยบอกหรือไง?" หลังจากที่นั่งเราสองคนนั่งลงติดเบาะโซฟาข้างกันเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นทันที พ่อฉันยังคงการแสดงละครยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ไม่เคยผิดหวังที่เกิดมาเป็นลูกของท่านเลยสักนิด"ขอโทษครับ" คีริวเอ่ยเสียงเรียบ ยอมรับโดยไม่มีเถียงอะไรสักคำ"พ่อไม่เห็นต้องว่าริวขนาดนั้นเลย…" ฉันเอ่ยเสียงเบา มองหน้าพ่อกับแม่เลิ่กลั่ก เพราะฉันคิดแต่แผนแกล้งเพื่อทดสอบเขาแต่ฉันไม่ได้คิดว่าต้องเฉลยยังไง…ตอนนี้ไม่อยากแกล้งต่อแล้ว รู้ซึ้งทุกอย่างจนต้องมองหน้าพ่อแม่เพื่อพยายามหาทางออกและหาตัวช่วยแล้ว"ผมซื้อของมาฝากคุณพะ…เอ่อ…คุณอัทธ์ด้วยครับ ขอโทษที่พึ่งเอามาให้ครับ" คีริวที่ปรายตามองของฝากที่อยู่ข้างๆ โซฟาก็รีบยกขึ้นมาไว้บนโต๊ะกลาง เป็นเซ็ตของรังนกแท้กล่องสีทองราคาแพงที่เขาตั้งใจเลือกก่อนมาถึง รีบวางไว้เพราะเจ้าตัวพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเอามาฝากด้วย"รังนกของโปรดคุณเลยนี่คะ ขอบคุณนะจ้ะ" แม่ที่เหมือนจะเข้าใจท่าทีของฉันก็พยายามลดใบหน้าที่กำลังตึงใส่คีริว เอื้อมไปหยิบกระเช้าตรงหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณให้จนคนด้านข้างฉันเหวอไปเลยพึ่งจะชมไปหมาดๆ ว่าการละครบ้านนี้ดีแค่ไหน แต่การที่แม่แสดงแ
"ยังเรียนกันไม่จบ จะเลี้ยงลูกสาวฉันได้เหรอ?" ทันทีที่ฉันเดินมาถึงวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะกลางของโซฟากลางห้อง เสียงทุ้มของพ่อฉันก็พูดขึ้นแสดงละครบทโหดอย่างต่อเนื่อง"ผมช่วยงานป๊าได้รับค่าตอบแทนทุกเดือนครับ" คีริวตอบอย่างไม่ลังเล ฉันหันไปขยิบตาใส่พ่อโดยไม่ให้คีริวเห็น ก่อนที่จะลงไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆ คีริวที่กำลังโดนสอบสวนอย่างหนักหน่วง"อิงดาวมานั่งใกล้แม่" ก้นถึงเบาะได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีแม่คนสวยก็เรียกฉันไว้ ฉันแสร้งทำหน้ายิ้มแหย่ๆ หันมามองหน้าคีริวอย่างลำบากใจจนเจ้าตัวพยักหน้าฉันก็เปลี่ยนไปนั่งข้างแม่แทนตีบทแตกกระจายทั้งพ่อและแม่ ลูกคนนี้ภูมิใจมากที่สุดเลย"ช่วยงาน? งานอะไร?" พ่อถามต่อ"ผู้ช่วยผู้บริหารครับ หลังจากที่ผมเรียนจบผมต้องบริหารที่นั้นต่อทันที คุณพ่อวางใจได้ครับ ผมไม่ทำให้อิงดาวต้องลำบากแน่ๆ""ใครพ่อแก!" พ่อฉันรีบตวาดลั่นจนคีริวสะดุ้งโหยง ฉันแทบอยากจะขำกับท่าทีตั้งตัวไม่ทันของคีริวที่ไม่คิดว่าพ่อฉันจะเล่นใหญ่เสียงดังใส่จนตัวเองตกใจแต่ก็ต้องหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ ไว้ อดทนไว้ก่อนอิงดาวห้ามขำ แกยังต้องพิสูจน์ในตัวเขาต่อ"ขอโทษครับคุณลุง""ฉันไม่เคยมีน้องชายเป็นพ่อแก" เนียนมากค่ะพ่อ ทำเ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นตกอยู่ในความเงียบงันไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ฉันปรายตามองพ่อและแม่ที่กำลังมองมาที่เราสองคนอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงทั้งสองก็ต่างไม่มีใครพูดอะไร เว้นแต่ประโยคชวนจากแม่ฉันเพียงแค่หนึ่งประโยคที่ยังตามให้เรานั่งทานข้าวด้วยกัน"เป็นอะไรกัน?" เสียงนุ่มลึกของคนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นกลางวงอาหาร ฉันตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เข้มดุ แต่ดูเหมือนว่าคนด้านข้างฉันจะไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เขารีบโพล่งตอบแทนฉันทันที"ผมเป็นแฟนอิงดาวครับ" คีริวตอบเสียงฉะฉาน เขากลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ฉัน มุมจริงจังที่ยากจะเห็นเขาในมาดนี้ เว้นแต่ตอนที่ดุฉันเท่านั้น"ฉันถามลูกสาวฉัน" เหมือนการทานอาหารครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นสินะ พ่อฉันช้อนสายตามองคีริว เข้มดุอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่สายตานั้นจะกลับมามองที่ฉันเพื่อรอคำตอบ"แฟนค่ะพ่อ" ทันทีที่ฉันตอบคีริวก็หันขวับมามอง คงจะตกใจในคำตอบของฉันที่พูดออกไปว่าเป็นแฟนกัน ทั้งที่ทุกครั้งที่เขาขอ ฉันปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง"คบกันนานเท่าไหร่แล้ว?" คำถามที่สองมาอีกครั้ง"เรา…""พ่อถามมัน" ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบ คนที่นั่งหัวโต๊ะกลับพูดด
"อะ โอ้ย…เจ็บ…" เสียงทุ้มร้องลั่นทั่วห้องคอนโดหรูทันทีที่ฉันใช้สำลีที่ชุ่มด้วยแอลกอฮอล์แตะลงที่มุมปากหนาของคีริว ท่ามกลางสายตาของคีรันและเอวาที่กำลังมองมาที่ฉันที่กำลังทำแผลให้ก็พากันหัวเราะชอบใจใหญ่ โดยเฉพาะพี่แฝดของคีริวเอง"หึ สมน้ำหน้า" คีรันหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้ามองดูสภาพของน้องชายตัวเอง"ผู้หญิงบ้าอะไรมือหนักชิบ" จนเจ้าตัวเอื้อมมาจับที่มุมปากพร้อมกับตาขวางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้"ก็สมควรกับที่มึงทำไม่ใช่เหรอ?" คีรันเอ่ยต่อ"ตกลงนายพิสูจน์ให้อิงดาวดูยังไงถึงกลับมาเจ็บตัวแบบนี้" เอวาเอ่ยถาม วันนี้หลังจากที่เราอ่านหนังสือสอบกันมาได้ครึ่งวัน คีริวก็นึกคึกเมื่อเราเถียงกันเรื่องที่เขาไปดูรูปสาวๆ แล้วฉันจับได้ หลังจากนั้นฉันก็ถูกลากให้ไปที่คอนโดที่ไหนสักที่ บอกฉันว่าจะพิสูจน์ให้ฉันมั่นใจว่าเขาเลิกกับผู้หญิงทุกคนแล้วจริงๆ สภาพถึงออกมาอย่างที่เห็น"ก็คงเรียกพวกผู้หญิงของมันมายืนยันให้อิงดาวเข้าใจว่าเลิกกันแล้วจริงๆ" คีรันตอบแทนน้องชาย ซึ่งฉายารู้ใจน้องชายมากที่สุดไม่เกินจริงเลย อย่างที่คีรันบอกทุกอย่าง เขาเรียกอดีตผู้หญิงของเขาเกือบห้าคนมายืนเรียง เพื่อยืนยันให้ฉัน