ความเงียบงันเข้าปกคลุมบรรยากาศ ในห้องรับรองส่วนหน้าบนชั้น 4 ของตึก Parallel ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว มันเงียบสงัดไม่ต่างจากป่าช้า แล้วพอเงี่ยหูฟังที่ข้างฝาก็ได้ยินแต่เสียงแอร์คอร์ดิชั่น
.
"ร้องไห้อยู่หรอยูมิจัง? หมอเข้าใจว่าทำใจได้ยากแต่เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ยอมรับความจริงซะเถอะ"
หมอยูมิโกะพยายามปลอบประโลม พลางวางมือนุ่ม ๆ ลงบนไหล่ของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์
.
"เป็นไปไม่ได้ค่ะหมอ! มันไม่ใช่เลย! มันจะเป็นไปได้ยังไง! ในเมื่อยูมิกับนาริตะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเราเล่นด้วยกันเรียนด้วยกันมาตลอด ความทรงจำของเราสองพี่น้องยูมิจำฝังใจไม่เคยลืมเลยสักครั้ง ไม่มีทาง! หมอโกหก! หมอหลอกยูมิอยู่ใช่ไหม!"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"ใช่ไหมคะหมอ!?"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"นี่แหน่ะ!" , "น่าเจ็บใจที่สุดเลย หึ๊ย!!!"
.
"ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!"
.
ยิ่งโกรธยิ่งต้องหาที่ลง แล้วจำเลยสังคมก็ตกเป็นของเจฟเฟอร์ไปโดยปริยาย ลำควยที่ตั้งชูชันของเขาแข็งโด่ทะลุร่มผ้า มันเด่นหลาอยู่ในระดับสายตาของยูมิแบบพอดิบพอดีเป๊ะ! จะป่วยจะไข้อะไรก็ไม่สนแม่งแล้ว รู้แต่ว่าอะไรที่มันขวางหูขวางตายูมิทุบกำปั้นใส่หมด
.
ก็เลยทำให้หมอยูมิโกะต้องรีบปรี่เข้าไปขวางเอาไว้ ความโอบอ้อมอารีอ่อนหวานเช่นนี้แหละ คือแพทย์หญิงเวอร์ชั่นตัวจริงที่ทุกคนรอคอย
.
"ไม่เอานะยูมิจัง.. อย่าทำกับผู้ป่วยแบบนี้สิ.. หมอไม่เคยสั่งให้ยูมิทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ? หยุดได้แล้ว! เห็นยูมิจังเป็นแบบนี้หมอยิ่งเสียใจรู้ตัวบ้างไหม.."
น้ำเสียงหมอชักเร่ิมกระเส่า นัยต์ตาสั่นระเรื่อคล้ายกับมีผดน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
.
"หมอไม่ได้ตั้งใจจะบอกความจริงให้ยูมิรู้หรอกนะ แต่หมอไม่มีทางเลือกจริง ๆ หมอไม่อยากให้ยูมิจังต้องทุกข์ใจแบบนี้เลย.. ขอโทษนะ.. ฮือ ๆ ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ "
.
โน้มตัวลงไปช้อนเอาตัวสิ่งประดิษฐ์ของเธอขึ้นมากอด สลับกับร้องไห้ออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะความจริงแล้วเราเองก็รู้กันอยู่ว่าโลกในยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 2078) นั้นแทบจะไม่มีมนุษย์ตัวเป็น ๆ หลงเหลืออยู่เลย เทคโนโลยีมากมายถูกนำมาใช้เพื่อให้มนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น อายุยืนขึ้น ดั่งที่ได้เห็นจากร่างกายของเจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งใช้แท่งควยแข็ง ๆ ปะทะกับดาบซามูไรคม ๆ มาแล้ว
.
แต่ทว่ายูมิจังกับนาริตะสองสาวผู้ช่วยนั้นต่างออกไป พวกเธอเป็นแค่โปรเจคใหม่ที่หมอยูมิโกะกำลังทดลองอยู่ ด้วยมุมมองส่วนตัวของหมอที่มองว่า การดัดแปลงเครื่องจักรมาทำเป็นอวัยวะเทียมนั้นแข็งกระด้างเกินไป ปอดที่ทำจากอะลูมิเนียมงี้ กระเพาะอาหารที่ทำจากแร่แมงกานิสงี้ หรือแม้แต่หัวใจที่เต็มไปด้วยน็อตสกรูกับถุงลมพอลิเมอร์ ยิ่งนานวันรูปร่างหน้าตามนุษย์ยิ่งกลายเป็นตัวอะไรไปก็ไม่รู้
.
หมอยูมิโกะก็เลยต้องการสร้างมนุษย์เทียมที่สวยงามขึ้น เธอเพาะทุกอย่างขึ้นจากยีนในหลอดทดลอง สร้างเซลล์เนื้อเย่ือให้ร่างกายมีความสมจริง มีเนื้อมีหนัง มีผิวสัมผัส แล้ว Parallel ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี บอสใหญ่ทุ่มงบประมาณให้เธอทดลองประดิษฐ์ร่างเทียมสังเคราะห์อย่างเต็มที่ โดยใช้พื้นที่ด้านหลังม่านเจลเหนียวหนืดทั้ง 70 % บนชั้น 4 แห่งนี้ เป็นแล็บทดลอง
.
.
ตัดภาพกลับมาที่ยูมิอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นจริงใจเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยังคงนิ่ง สีหน้าเธอเรียบเฉยตาลอยราวกับคนจิตตก
.
"ไม่นะ! เฮ้! ยูมิอย่าแกล้งหมอเล่นสิ ขยับสิยูมิ! อย่าบอกนะว่าเธอ Shut Down ตัวเองไปแล้ว! ยูมิ! ยูมิจัง!!!"
จากโอบกอดก็เลยกลายเป็นการเขย่าไหล่ตัวโยน ในท่ายืนตรงแนบชิดติดขอบเตียง อันมีลำหำของเจฟเฟอร์เป็นพยานยืนยันที่อยู่ ยูมิยังคงตีหน้านิ่งชินชาไร้ความรู้สึก ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแสนเย็นชาว่า
.
"ตลกล่ะหมอ.. หมอเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่ายูมิไม่ใช่คน แล้วยูมิจะเอาเวลาไหนไปศึกษาการปิดระบบตัวเองมิทราบ ก็ คะ.. แค่.."
.
"แค่อะไร?"
.
"คะ.. แค่ ไม่เคยโดนหมอกอดแบบนี้มาก่อน.. ถ้าการมีตัวตนของยูมิทำให้หมอต้องร้องไห้ขนาดนี้ งั้นก็แปลว่าที่หมอพูดมาทั้งหมดคงจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ"
.
มนุษย์เทียมหน้าหมวยค่อย ๆ แกะแขนเรียวสวยของหมอยูมิโกะออก ต่อด้วยการจ้องเขม็งกลับเข้าไปในแววตาเธอ ดุจดั่งกำลังจะเค้นเอาความจริงในแบบที่อยากให้เป็นอยู่
.
"แต่หมอมีพิรุท! ถ้าเรื่องนี้จริงทำไมหมอถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ยังไงซะยูมิก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรอกค่ะ , หึ๊ยยยย! , แบร๊!!!"
.
เดชะบุญ! ลมหายใจโพยพุ่งออกมาจากริมฝีปาก หมอยูมิโกะโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นโปรเจคที่ผิดพลาด แต่การสร้างยูมิจังที่มีอารมณ์ความรู้สึกเสมือนคนมากขนาดนี้ขึ้นมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว หากปล่อยให้มีการ Shut Down ตัวเองเกิดขึ้นคงเสียดายแย่
.
"งั้นเหรอ.. ยูมิจังเป็นพวกถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองก็จะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ สินะ เดี๋ยวหมอจะแสดงให้ดูก็ได้ มามะ! เรามาเริ่มรักษาผู้ชายคนนี้กันดีกว่า"
ยิ้มหวานพราวเสน่ห์โปรยออกมา เจตนาของหมอเพียงแค่ต้องการให้สิ่งประดิษฐ์สังเคราะห์ของเธอ ได้เรียนรู้วิธีการยอมรับความจริง
.
"เอิ่ม.. แต่เขายังไม่ฟื้นเลยนะคะหมอ หรือเราต้องปลุก?"
.
"ไม่ต้องหรอกจ่ะ ดูที่เป้ากางเกงเขาสิ ถ้าอวัยวะเพศตื่นตัวระดับนี้ได้ ย่อมหมายความว่าเจ้าตัวรู้สึกตัวดีทุกอย่างแล้ว แต่แค่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาก็เท่านั้น!"
"หมอพูดถูกไหมคะ เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ serial : number J 48213"
.
.
"ซวยแล้วไงกู!"
เจฟเฟอร์คิด นี่เขาถูกจับผิดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ลองเป็นอีหรอบนี้ก็คงจะเล่นแผนแกล้งหลับต่อไปไม่ได้อีกแล้วสินะ
.
"อะ.. อืม , ชะ.. ใช่ครับคุณหมอ ผมตื่นแล้วแต่ลืมตาไม่ได้ มันหนักอึ้งไปหมดเลย!"
.
"คงเป็นรีเฟลกซ์จากฤทธิ์ของยาชาน่ะค่ะ แล้วส่วนต่าง ๆ ในร่างกายล่ะคะ แขน ขา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จมูกได้กลิ่นไหม ลิ้นชิมรสอะไรได้บ้างรึเปล่า?"
หมอยูมิโกะพูดไปพลางควานหาเครื่องไม้เครื่องมือในตู้ยาใหญ่ยักษ์ด้านหลังไปด้วย ส่วนยูมิจังผู้ช่วยยืนแสตนบายด์รอรับคำสั่ง
.
"ยังได้กลิ่นดีครับ ผมได้กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์แถว ๆ ด้านบน ลิ้นก็โอเคครับรู้สึกฝาด ๆ ตรงโคนนิดหน่อย ส่วนเรื่องเสียงผมได้ยินหลายอย่างเลยล่ะ แต่ขอไม่พูดถึงดีกว่า.."
.
"หืม.. ไม่ฉลาดเลยนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ ถ้าคุณคิดจะแบล็คเมล์ฉันกับยูมิจังด้วยประโยคเมื่อครู่ล่ะก็ หมอบอกได้เลยว่าคุณคิดผิด! คุณก็น่าจะเคยได้ยินไม่ใช่เหรอคะว่าหมอกับบอสน่ะสนิทกันมาก เขาไม่ทำอะไรหมอหรอก!"
.
กลืนน้ำลายฝืดคอ เจฟเฟอร์ก็แค่ต้องการจะหยอกเล่นนิดเดียว ไม่นึกไม่ฝันว่าหมอยูมิโกะจะขึ้นเสียงจริงจังใส่
.
"ผมขอโทษครับ ผมสัญญาว่าจะลืมเรื่องที่ได้ยินทั้งหมด แล้วอีกอย่างผมก็มองไม่เห็นด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหมหมอ?"
.
"เฮ้อ.. พวกผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้ด้วยสิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะ Drain ความทรงจำของคุณออกมาแล้วกันเน๊าะ! แฟร์ดี! ไหน ๆ ก็เป็นงานถนัดของพวกหน่วยภาคสนามอยู่แล้วนี่ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นหมออยากใช้คุณเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน.. ยูมิจ๊ะลงมือเลยจ่ะ^^ "
.
แพทย์หญิงชาวอาทิตย์อุทัยยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วหมุนวนเป็นวงกลม ยูมิจังพยักหน้ารับดุจดั่งว่าเคยชินแล้วกับสัญลักษณ์ดังกล่าว หล่อนซอยเท้ายุกยิกเข้ามาที่ข้างเตียง ก่อนจะใช้เครื่องมือบางอย่างที่มีลักษณะเป็นสี่เหล่ียมเล็ก ๆ คล้ายกับแฟลชไดร์ มาเกี่ยวลงตรงกกหูของเจฟเฟอร์ เท่านั้นยังไม่พอ มือเรียวยังเอื้อมไปหยิบเอาผ้าปิดปากผืนหนึ่งขึ้นมา เธอสะบัดมันสองสามทีต่อด้วยการขึงพืดเข้ากับปลายคางตวัดโอบรัดพื้นที่ใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง เพื่อทำการยุติสำเนียงเสียงสนทนาของชายหนุ่มเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับว่าบัดนี้เจฟเฟอร์ได้ถูกพันธนาการร่าง ไว้บนเตียงผ่าตัดโดยสมบูรณ์แบบแล้ว! ซึ่งต่อให้เจ้าตัวจะพยายามดิ้นรนสักเพียงใด ก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน
.
"ใจเย็นก่อนนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาค่ะ หมอจำเป็นต้องใช้สมาธิขั้นสูงเพราะงั้นคุณจะปริปากพูดไม่ได้ ยูมิจ๊ะช่วยดึงจอภาพลงมาให้ด้วยจ่ะ"
.
"ไฮ้! ได้ค่ะ"
.
"พรืดดดดดดด"
.
เพียงเสี้ยวอึดใจจอโปรเจคเตอร์ขนาดพอเหมาะพอดีก็ขึงตรึงลงมาจากเพดาน พร้อมกันกับตัวรับสัญญาณบลูทูธบนกกหู ที่กระพริบปิ๊บ ๆ อยู่ตลอด เจ้าเครื่องนี้จะทำการเชื่อมต่อสัญญาณ ดึงความคิดและความทรงจำต่าง ๆ ของเจฟเฟอร์ขึ้นมาบนจอ ทำให้หมอหรือผู้ให้การรักษารู้ว่าผู้ป่วยกำลังรู้สึกยังไง แม้ว่าเจ้าตัวจะสลบไสลหรือว่าโดนปิดปากอยู่ก็ตาม
.
แต่ทว่าจะเป็นเพราะความกลัวหรือตกใจก็มิอาจทราบได้! เมื่อพ่อหนุ่มเจฟเฟอร์กลับเลือกที่จะตอบสนองสิ่งนี้ด้วยการกระตุกที่แขน!
.
"หือ? แขนที่ขาดงั้นเหรอคะ? ยังไม่ใช่ค่ะเราจะยังไม่รักษามันตอนนี้ เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในร่างกายคุณคือเจ้านี่ต่างหาก!"
.
"หมับ!"
.
"อั๊กกกก! , อ่ำอึ่ง ๆ , อั๊กกกก!"
.
"อวัยวะเพศที่ซุกซนขนาดนี้ หมอว่ามันน่าจะถึงเวลาสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้แล้วนะคะ อุ๊ย! แค่เผลอจับนิดเดียว! ทำไมถึงอ้วนพลีขึ้นได้ถึงเพียงนี้กันล่ะคะเนียะ?"
.
"ยูมิจัง!"
.
"คะ? คุณหมอ?"
.
"รีบถอดกางเกงเขาออกสิ! เร็วเข้า!"
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส
สะบัดลำตัวสะดีดสะดิ้งหวิดหวิวเสียวสะท้าน ทันทีที่ภาพเสมือนโดนตัดสัญญาณ เจฟเฟอร์ก็รีบดึงสติกลับมาที่ตัวเอง เดชะบุญที่เขาไม่ได้ไปไหนไกลจากเบอร์แบโต้นัก จากตรงนี้ในชุดรัดรูปที่ใช้สำหรับทำภารกิจโดยเฉพาะ เจฟเฟอร์ยังคงมองเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นน้องได้อย่างชัดเจน."โถ่เอ๊ย! ไอ้โต้ ดูสิดูมันทำ! ทำอย่างกับคนไม่เคยฝึกมา รื้อสถานที่เกิดเหตุกระจุยกระจาย ถุงมือก็ไม่ใส่ หลักฐานสำคัญหายหมดแล้วมั้งน่ะ! "."น่าเสียดายที่บอสรู้ตัวเร็วไปหน่อย ไม่งั้นเราคงได้ข้อมูลมามากกว่านี้ ดอกลาเวนเดอร์สดดอกหนึ่งราคาเฉียด 500 เหรียญ ไม่อยากจะเชื่อว่าแกจะกล้าปาเข้าใส่เราได้! ชูู่ววววว! ถึงที่ส่งไปจะเป็นแค่ภาพ visual ระบบ wireless ก็เถอะ แต่มันก็เสียวท้องน้อยดีเหมือนกันแฮะ.. วู้วววว!".วนมือเป็นวงบนพุงตัวเองวูบวาบ สายลับหนุ่มเป่าปากพ่นลมหายใจพรู อย่างที่เราทราบว่านวัตกรรมของ Parallel นั้นมีมากมายหลายชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้านี่ "เครื่องฉายภาพระยะไกลระบบ wireless " มันเป็นอุปกรณ์ย่อยที่ถูกติดตั้งเข้ามาใหม่ เพียงแค่กลับด้านหัวเข็มขัดนิดเดียว จากอุปกรณ์แปลงร่างก็จะกลายเป็นเครื่องส่งสัญญาณในทันที เดชะบุญที่โลกยุคนี้เป็น
บรรยากาศมาคุแผ่สยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น เงียบซะจนได้ยินเสียงแอร์ดังครือ ๆ ครือ ๆ เจฟเฟอร์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เขาทำได้เพียงคุกเข่่าแล้วก็ก้มหน้าลงปลดปลงกับบานประตูอันเว้าแหว่ง กูไม่น่าพังมึงเข้ามาเลย!."ว่าไงล่ะ! จะเงียบทำไมมิทราบไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันถามเหรอ ว่าคุณเสียมารยาทเข้ามาที่นี่ทำไม!"บอสสาวแห่งองค์กรตวาดเสียงเข้มดุดัน และระหว่างที่เจฟเฟอร์กำลังจะอ้าปากตอบ."อ่ะ.. เอิ่ม คือผมจะเอา.. า.. า.."."หยุด! อย่าเพิ่งพูดอะไร ส่งหัวเข็มขัดคุณมาก่อน!"."หัวเข็มขัด! บอสจะเอาคืนเหรอครับ งั้นก็หมายความว่า.. ห๊ะ! นี่อย่าบอกนะว่า! บอสจะไล่ผมออก! ด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยะนะ! ไม่ครับบอสไม่ ไม่ ไม่ ๆ ๆ ไม่มีทาง! ยังไงผมก็ไม่ออก ออกไปผมจะเอาไรแดก!"."ใครอนุญาตให้เงยหน้ามิทราบคุณเจ้าหน้าที่ ฉันบอกว่าส่งมาก็คือส่งมาไง! ทำไมต้องให้ย้ำ!".กัดกรามกรอด ๆ ฝืนใจเจ็บทน ต้องก้มหัวให้ผู้หญิงแล้วยังต้องมาโดนปลดออกจากตำแหน่ง เพราะความจังไรของตัวเองอีก รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั้น ถึงจะไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องยอมปลดหัวเข็มขัด ที่มีตราสัญลักษณ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) แห่งองค์กร Parallel ค