LOGIN“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มโทนต่ำค่อนไปทางเรียบนิ่งเอ่ยถามคนในอ้อมแขน
วินาทีนั้นกรรณิการ์คล้ายตกอยู่ในภวังค์ เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติในระยะใกล้ รูปหน้าของเขาดูคมคาย ริมฝีปากหยักบางสีชมพูธรรมชาติ ดวงตาคมดุสีถ่านด้านหลังเลนส์แว่นใสไร้ขอบดูมีเสน่ห์ยากจะต้านทาน เรือนผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นเปิดหน้าผากกว้าง เผยให้เห็นโครงหน้าหล่อได้อย่างชัดเจน ผิวของเขาค่อนข้างขาว แต่ดูเหมือนจะสว่างน้อยกว่าผิวของเธอสักหน่อย กรรณิการ์มองสำรวจใบหน้าดุจพระเจ้าสร้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอจ้องเขานานเกินไป แต่เพราะกลิ่นโคโลญจน์อ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากร่างสูงตรงหน้าทำให้เธอไม่อยากผละออก “ได้ยินรึเปล่าครับ?” เขาถามซ้ำขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูเหม่อลอย คนที่เพิ่งได้สติขึ้นมารีบผละตัวออกจากอ้อมแขนหนา กรรณิการ์กระแอมเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา ชายหนุ่มตรงหน้าจัดว่าหล่อมาก น่าแปลกที่เธอไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเท่าไหร่นัก หรือจะเป็นเด็กใหม่ก็ไม่แน่ใจ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า... “ขอโทษนะคะ” “ไม่เป็นระ-” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว “ตอนนี้เรายังไม่สะดวกให้จีบน่ะ ไว้ค่อยทักเรามาใหม่นะ” รอยยิ้มหวานพราวเสน่ห์ถูกมอบให้กับชายหนุ่มร่างสูงล่ำ ซึ่งจากที่คาดคะเนด้วยตาเปล่าแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร คนถูกกล่าวหาว่าจะมาจีบยืนนิ่ง เขากวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาอ่านยาก “ขอตัวก่อนนะคะ” กรรณิการ์บอกลาชายหนุ่มที่เพิ่งพบหน้า ก่อนจะเตรียมเดินเลี่ยงเขาออกไป ทว่า... “ขอโทษด้วยนะถ้ามันทำให้เธอคิดว่าฉันจะจีบ แต่ว่าเราก็แค่บังเอิญเดินชนกัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น รั้งให้หญิงสาวหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะเดิน และทันทีที่แก้ต่างให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายเดินออกมาจากตรงนั้นก่อน ทิ้งให้หญิงสาวยืนเหม่อ ทำหน้าเหวออยู่ตรงนั้น ครั้นคิดประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง กรรณิการ์ก็แทบอยากกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง รสชาติของการถูกปฏิเสธเป็นแบบนี้เองอย่างนั้นเหรอ! ใบหน้าสวยแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมา พลางมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มไปจนสุดสายตา ทัศนัยเดินกลับมาที่โต๊ะในโรงอาหาร ซึ่งมีเพื่อนสนิทอีกสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ “ทำไมไปนานจังวะไทม์” เมื่อหันมาเห็นว่าคนที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำกลับมาแล้ว พชรจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “เจอคนแปลก ๆ นิดหน่อย” คนถูกถามตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งดังเดิม ร่างสูงทิ้งกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสนิททั้งสอง ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบนิ่ง ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ ผ่านสีหน้าและแววตาเลยสักนิด “ยังไงนะ คนแปลก ๆ แบบไหนมึงเล่ามาดิ๊” พอร์ชหรือพชรยังคงซักถามอย่างต่อเนื่อง ในบรรดากลุ่มเพื่อนสนิททั้งสามคน พชรเป็นคนที่ดูเข้าถึงง่ายที่สุด เพราะภาพลักษณ์เจ้าชู้ของหนุ่มแบดบอยประจำกลุ่ม ทำให้สาว ๆ ต่างกล้าเข้าหาเขามากกว่าคนหน้านิ่งปากหนักอย่างทัศนัย หรือหนุ่มเนิร์ดพูดน้อยอย่างศุภวิชญ์ “ก็แค่ผู้หญิงแปลก ๆ คนนึงหาว่ากูจะไปจีบเขา” ทัศนัยตอบกลับอย่างคนประหยัดคำพูด “เดี๋ยวนี้เขามีมุกจีบแบบใหม่แล้วเหรอวะ ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะจีบมึง แต่บอกว่ามึงเป็นฝ่ายอยากจีบ เพื่อจะได้หาเรื่องเข้าใกล้มึงอะไรแบบนี้” พชรคิดเป็นเรื่องเป็นราวพลางยกยิ้มขบขันไปด้วย ได้เห็นเพื่อนรักหน้านิ่งแสดงออกว่ากำลังเบื่อหน่ายกับประเด็นที่พูดคุยกัน ดูท่าแล้วชาตินี้มันคงไม่มีแฟนง่าย ๆ หรอก พวกเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมากว่าเจ็ดปีแล้ว นับตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัยปีสี่ พวกเขาสามคนก็ตัวติดกันมาตลอด และในบรรดาสามคนนี้ ทัศนัยเป็นคนเดียวที่ไม่เคยมีแฟนหรือคนคุยมาก่อน อย่าว่าแต่คนคุยเลย แค่พูดกับผู้หญิงให้เกินสามประโยคนั้นก็ยากกว่างัดฝาท่อระบายน้ำเสียอีก “ไม่รู้สิ ไม่ได้สนใจ” ดวงตาคู่คมภายใต้เลนส์แว่นหลุบมองหน้าจอมือถือของตัวเอง ทว่าก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นความผิดปกติบางอย่าง “แหวนกูหาย” ทัศนัยพูดขึ้นเสียงเข้ม เมื่อมองสำรวจมือทั้งสองข้างของตัวเองแล้วไม่พบแหวนสีเงินที่เขาสวมติดนิ้วตลอดเวลา “ลองหาในกระเป๋าเสื้อกับกระเป๋ากางเกงดูยัง” ศุภวิชญ์ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้าง “หาแล้ว” คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม แหวนวงนั้นมีความสำคัญกับเขามาก เพราะเป็นแหวนประจำตระกูล ซึ่งทัศนัยไม่เคยถอดมันออกจากนิ้วเลยนับตั้งแต่บิดามอบมันให้เขา หากไม่ใช่ตอนอาบน้ำหรือล้างมือ เดี๋ยวนะ ล้างมือ... “มึงทำหล่นไว้ไหนรึเปล่า?” พชรช่วยนึกถึงสิ่งที่พอจะเป็นไปได้ พวกเขารู้ถึงความสำคัญของแหวนวงนั้นดี เพราะทัศนัยใส่มันติดตัวตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะสามารถสั่งทำใหม่ได้ แต่เพื่อนเขาคงจะรู้สึกแย่น่าดูที่รักษาเอาไว้ไม่ได้ “นี่นาย” พลันน้ำเสียงหวานของใครบางคนก็ดังแว่วมาจากด้านหลังของพชรกับศุภวิชญ์ และเมื่อเจ้าของเสียงเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ สองหนุ่มที่กำลังช่วยเพื่อนหาของอยู่ก็ถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กัน กรรณิการ์เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายของชายหนุ่มที่เพิ่งเดินชนกับเธอเมื่อครู่ พร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้กับเจ้าของใบหน้าหล่อสะดุดตา แถมวาจายังสะดุดใจเธอไม่น้อย แต่ทว่าเขากลับมีสีหน้าเรียบนิ่ง และไม่แม้แต่จะหันมามองเธอด้วยซ้ำ คนอะไรหยิ่งเป็นบ้าเลย! พชรกับศุภวิชญ์หันมองหน้ากัน สลับกับมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยังนั่งนิ่ง ก่อนจะเหลือบมองไปยังคนมาใหม่ด้วยความสงสัย พวกเขารู้จักกรรณิการ์พอสมควร เพราะชื่อเสียง (เสีย) ในมหา’ลัยของหญิงสาวนั้นมีให้ได้ยินอยู่แทบทุกวัน อย่างเหตุการณ์ที่เธอปฏิเสธคนคุยคนล่าสุดกลางโรงอาหารเมื่อเช้าก็กำลังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ตอนนี้ แถมพวกเขาสองคนก็เห็นกับตาเนื้อ มีเพียงทัศนัยที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรพวกนี้ด้วย “นี่ ได้ยินไหม เราพูดกับนายอยู่นะ” กรรณิการ์วางมือค้ำลงบนโต๊ะพลางจ้องใบหน้าของอีกคน เพื่อเน้นย้ำให้เขารู้ว่าเธอกำลังพูดกับเขาอยู่ ทัศนัยเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยแววตานิ่งเรียบ มีเพียงหัวคิ้วเข้มซึ่งยังขมวดน้อย ๆ เพราะกำลังห่วงของสำคัญ “มีอะไร” เขาถามเสียงทุ้มห้วนสั้น ตอนนี้ทัศนัยแทบไม่มีกระจิตกระใจจะคุยกับใครแล้ว เขาอยากรีบตามหาแหวนของตัวเองให้เจอโดยเร็ว คิ้วเรียวสวยกระตุกเล็กน้อยด้วยความขัดใจกับความประหยัดคำพูดของเขา ราวกับกลัวว่าถ้าพูดกับเธอมากเกินกว่านี้ ดอกพิกุลจะร่วงออกมาจากปากอย่างไรอย่างนั้น แต่กรรณิการ์ก็เลือกที่กลบเกลื่อนความไม่สบอารมณ์นั้นเอาไว้ในใจ แล้วคลี่ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาวางตรงหน้าเขา “นายทำหล่นตรงที่เราเดินชนกันน่ะ” หญิงสาวไขข้อข้องใจให้กับชายหนุ่มไปในตัว แหวนเงินแท้ฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ ไว้ตรงกลางหนึ่งเม็ด และรอบวงแหวนมีรอยสลักเป็นลวดลายแสนประณีต ด้านในมีนามสกุลของเขาสลักเอาไว้ กรรณิการ์เก็บมันได้ตอนที่เธอเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว และกำลังจะเดินกลับไปที่ตึกคณะ แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นแหวนวงนี้สะท้อนกับแสงแดดจนเกินเป็นประกายระยิบระยับ ซึ่งจากตำแหน่งที่เจอเธอก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นของผู้ชายที่เดินชนกันก่อนหน้านั้น เธอจึงคิดว่าควรเอามันมาคืนเจ้าของ แต่เธอไม่ได้เอามาคืนฟรี ๆ หรอกนะ “ขอบใจ” มือหนากำลังจะยื่นมาหยิบของสำคัญของตัวเองคืน ทว่าหญิงสาวกลับคว้ามันไปเสียก่อน ทำเอาใบหน้าหล่อเริ่มฉายแววหงุดหงิดออกมาเล็กน้อย “แค่ขอบใจเองเหรอคะ” คนตัวเล็กจงใจถามอย่างยั่วเย้า สองหนุ่มที่นั่งมองเหตุการณ์ต่างลอบมองหน้ากันด้วยความสงสัยปนตื่นเต้น เพราะเพิ่งเคยเห็นใครรุกใส่เพื่อนสนิทของพวกเขาขนาดนี้ แถมคนรุกยังเป็นสาวฮอตในมหา’ลัยอีกด้วย ซึ่งนี่มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากกว่าอีก “ต้องการอะไร” ทัศนัยยังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบ เขานึกรำคาญผู้หญิงคนนี้อยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าอะไรดลบันดาลให้เขาต้องเจอกับเธอ “เราสนใจนายอ่ะ จีบได้ป้ะ?”“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ไทม์เขาอยากให้ฉันนั่งใกล้นี่นา ฉันฝากแกซื้อข้าวด้วยสิ เอากระเพราหมูกรอบไม่เผ็ดเหมือนเดิมเลย” สาวลูกครึ่งเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งคุณากรที่ลอบมองอยู่ ก็แอบอยากดุเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่พอคิดว่า ถึงบ่นไปเพื่อนสาวตัวดีก็คงไม่ยอมฟังอยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร ออกมา แต่เลือกที่จะเดินไปซื้อข้าวกับลลิตาด้วยกันสองคนแทน“น้องกรีนสนใจเพื่อนพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่ไม่เห็นมันจะมีอะไรน่าสนใจเลยนะ นิ่งเหมือนรูปปั้นขนาดนี้” พอมีโอกาสพชรก็ชิงถามรุ่นน้องสาวคนสวยในทันทีเขาไม่ได้อิจฉาเพื่อนแต่อย่างใด เพียงแค่อยากใส่ใจเรื่องของเพื่อนก็เท่านั้น“แรก ๆ กรีนก็สนใจที่หน้าตาก่อนน่ะค่ะพี่พอร์ช แต่ว่าตอนนี้ก็คงต้องค่อย ๆ ดูไปก่อน ยังมีอีกหลายอย่างที่กรีนยังไม่เคยเห็น คงต้องรอให้พี่ไทม์ถอด อุ้ย หมายถึงเปิดเผยออกมาให้ดูค่ะ” กรรณิการ์ตอบกลับหนุ่มรุ่นพี่อย่างเป็นกันเอง โดยเธอจงใจพูดประโยคเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ของเขาได้คิดจินตนาการไปเรื่อย และแน่นอนว่ามีเจตนาจะก่อกวนคนที่นั่งอยู่ข้างกันไปพร้อม ๆ กันจากแชตกลุ่มมหา’ลัยเมื่อเช้านี้ ก็ทำให้เธอได้รู้ชื่อของพวกเขาทุกคน เพราะทั้งกลุ่ม
ทัศนัยชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าเด็กนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้พูดจาแก่แดดแบบนี้ออกมาได้“คิกคิก ล้อเล่นค่ะ” ก่อนที่เสียงหัวเราะของกรรณิการ์จะดังขึ้น ร่างเล็กสั่นเทิ้มจากการพยายามกลั้นเสียงขำไว้ท่าทางของเขาตอนที่เธอพูดประโยคนั้นไป ทำเอาหญิงสาวรู้สึกขบขันไม่น้อย เธอก็แค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงหน้านิ่ง ๆ แสนหยิ่งของเขาถึงจะเปลี่ยนอารมณ์บ้างแต่ทัศนัยที่รู้สึกคล้ายถูกปั่นหัวนั้นเริ่มมีสีหน้าแววตาอึมครึมลงไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าเนียนสวยของหญิงสาวตัวป่วนไว้คล้ายกำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่ให้ลุกขึ้นไปจับตัวผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้มาฟาดให้เข็ดหลาบ“เธอต้องการอะไรกันแน่” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอดกลั้นวันนี้ทั้งวันเขารู้สึกชีวิตวุ่นวายมากเสียจนน่าปวดหัว แค่เพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวที่เพิ่งเจอกันยังไม่ทันถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ และเพราะผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งวันเขาเลยแทบไม่มีสมาธิเรียน คอยพะวงห่วงกลัวว่าแหวนวงสำคัญจะหายไปแต่ทว่าคำถามนั้นของเขาก็ทำเอาคนตัวเล็กหยุดเสียงหัวเราะลง ดวงตาคู่สวยมองสบนัยน์ตาของรุ่นพี่หนุ่มแล้วคลี่ยิ้ม
ตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองเธอก็มักจะได้รับสายตาล้อเลียน และท่าทางกลั้นขำเหมือนคนเส้นตื้น จากทั้งสองคนอยู่เสมอ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายของวัน“นี่ พวกแกหยุดหัวเราะได้แล้ว มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้น?” เรียวคิ้วสวยขมวดมยุ่งอย่างขัดใจ เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ“ก็มันตลกนี่ ปกติแกไม่เคยต้องหัวเสียเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อน แล้วดูวันนี้สิ เพิ่งเปิดเทอมแต่แกหงุดหงิดผู้ชายไปแล้วสองคน” ลลิตาพูดพลางกลั้นขำไปด้วยมันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องตลกอะไรมากมาย แต่สำหรับเธอที่เห็นเพื่อนรักปั่นหัวผู้ชายเล่นมาตลอดก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ ที่เห็นว่าเพื่อนถูกผู้ชายสร้างเรื่องให้กลุ้มใจบ้าง“นี่ยัยเลิฟ แกเส้นตื้นเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวหน้าลูกครึ่งปรี่เข้าไปตวัดแขนกอดคอของเพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่า แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟันคล้ายกำลังข่มขู่“นี่แกจะฆาตกรรมฉันหรือไง ฮ่าฮ่า” คนถูกกอดรัดยังคงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจแม้จะดูอันตรายไปสักหน่อยที่สองสาวเล่นกันระหว่างเดินลงบันได แต่ด้านหลังของหญิงสาวทั้งสองมีร่างของคุณากรเดินตามมาไม่ห่าง ซึ่งทำให้สองสาวไม่ค่อยระวังตัวมากนัก เพราะเชื่อว่าเพื่อนหน
“เราสนใจนายอ่ะ จีบได้ป้ะ?”คำพูดของกรรณิการ์สร้างความตกตะลึงระคนตกใจให้กับสองหนุ่มที่นั่งฟังอยู่ทั้งพชรและศุภวิชญ์ต่างหันมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างทัศนัยซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ปนงุนงงสาวฮอตเป็นฝ่ายรุกว่าอึ้งแล้ว แต่นี่เพื่อนพวกเขายังโดนสาวสวยดีกรีอดีตดาวมหา’ลัยขอจีบซึ่ง ๆ หน้าอีก มันจะหล่อเท่เสน่ห์แรงอะไรเบอร์นั้นแต่คนถูกขอจีบกลับไม่แสดงสีหน้าอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อย เขาทำเพียงจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากนิ่งสุขุมเป็นเบื่อหน่ายแทน“ไร้สาระ” เขาเอ่ยเสียงเรียบกรรณิการ์นึกหมั่นไส้ท่าทางไม่สนใจอะไรของชายหนุ่มไม่น้อย แต่เธอก็ยังทำทียิ้มแย้มแล้วตื๊อเขาต่อมาถึงขนาดนี้แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะถอยกลับไปมือเปล่า เขาทำเธอหน้าแตกละเอียดชนิดหมอไม่รับเย็บขนาดนั้น เธอคงจะยอมได้อยู่หรอก!“เราจริงจังนะ ถือว่านายอนุญาตก็แล้วกัน งั้นขอไอจีหน่อยสิ แลกกับแหวนวงนี้” หญิงสาวยกเรื่องแหวนเข้ามาเป็นข้อต่อรองทัศนัยนึกเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยเจอผู้หญิงน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อน หากเป็นปกติป่านนี้เขาคงลุกหนีไปแล้ว ไม่ยอมนั่งอยู่กับตัววุ่นวายอย่างนี้เป็นแน่แต่เ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มโทนต่ำค่อนไปทางเรียบนิ่งเอ่ยถามคนในอ้อมแขนวินาทีนั้นกรรณิการ์คล้ายตกอยู่ในภวังค์ เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติในระยะใกล้ รูปหน้าของเขาดูคมคาย ริมฝีปากหยักบางสีชมพูธรรมชาติ ดวงตาคมดุสีถ่านด้านหลังเลนส์แว่นใสไร้ขอบดูมีเสน่ห์ยากจะต้านทานเรือนผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นเปิดหน้าผากกว้าง เผยให้เห็นโครงหน้าหล่อได้อย่างชัดเจน ผิวของเขาค่อนข้างขาว แต่ดูเหมือนจะสว่างน้อยกว่าผิวของเธอสักหน่อยกรรณิการ์มองสำรวจใบหน้าดุจพระเจ้าสร้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอจ้องเขานานเกินไป แต่เพราะกลิ่นโคโลญจน์อ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากร่างสูงตรงหน้าทำให้เธอไม่อยากผละออก“ได้ยินรึเปล่าครับ?” เขาถามซ้ำขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูเหม่อลอยคนที่เพิ่งได้สติขึ้นมารีบผละตัวออกจากอ้อมแขนหนา กรรณิการ์กระแอมเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาชายหนุ่มตรงหน้าจัดว่าหล่อมาก น่าแปลกที่เธอไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเท่าไหร่นัก หรือจะเป็นเด็กใหม่ก็ไม่แน่ใจแต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า...“ขอโทษนะคะ”“ไม่เป็นระ-” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว
ลูกคุณหนูตระกูลผู้ดีอันมีประวัติยาวนานในแวดวงสังคม หญิงสาวที่ถูกจับตามองและเพียบพร้อมไปด้วยฐานะทางสังคมสวย หุ่นดี มีชื่อเสียง ถูกรายล้อมด้วยผู้ชายที่พากันเข้ามาหยอดคำหวาน นั่นอาจจะเป็นชีวิตที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันแต่ไม่ใช่กับเธอ!“ให้โอกาสธันอีกสักครั้งไม่ได้เหรอครับ”“เราบอกว่าจบก็คือจบไงธัน เธอจะมาเรียกร้องอะไรอีก”“ทำไมล่ะกรีน ธันไม่ดีตรงไหน ทำไมกรีนถึงตัดธันง่าย ๆ แบบนี้”กรีน หรือ กรรณิการ์ สาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ของดีประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดีกรีอดีตดาวมหา’ลัยหญิงสาวรูปร่างอรชรซึ่งมีส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร ใบหน้าสวยตามแบบฉบับลูกครึ่งสาว เรือนผมถูกย้อมเป็นสีบลอนด์ทอง รับกับรูปหน้าอันโดดเด่นขับให้หญิงสาวดูมาดมั่นและมีเสน่ห์น่าหลงใหลเครื่องหน้ารูปไข่ประดับไว้ด้วยเรียวคิ้วสวยได้รูป ดวงตาเรียวรีซึ่งมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย ปลายจมูกโด่งรั้นดูน่าหยิก ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงเรื่อ มุมปากสวยยกขึ้นเล็กน้อยดูซุกซน“มันไม่ใช่ว่าเธอไม่ดี แต่เราก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าเบื่อก็จบ” กรรณิการ์ตอบกลับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวานเจือความหงุดหงิดธันว







