เสียงฝนยังคงเทลงมาอย่างหนักยิ่งทำให้ภาพระหว่างทั้งสามคนชัดเจนจนไม่มีใครหายใจได้เต็มปอด กวางยืนอยู่กลางสายฝนน้ำตากับฝนไหลรวมกันมือที่ถือกระเป๋าแน่นเริ่มสั่นกระทิงเงียบแต่สายตาเขายังคงมองที่กวางเหมือนพร้อมจะยอมแพ้… ถ้าเธอเลือกจะไม่อยู่“กวาง… กูพูดตรงๆไม่เก่ง กูปากหมา กูปากเสีย กูเคยพูดให้มึงร้องไห้เป็นสิบครั้ง แต่กูไม่เคยรู้เลย… ว่าถ้ามึงไม่อยู่บ้านนี้ กูจะหายใจยังไง” สิงโตพูดด้วยน้ำเสียงแตกพร่าฝนเปียกทั้งตัวจนเสื้อแนบลำตัว แต่เขาไม่สน“กูเคยคิดว่าแค่แกล้งมึง กวนตีนมึง มึงจะอยู่ต่อไปทุกวัน แต่วันที่มึงเดินออกไป… กูถึงรู้ว่า กูไม่มีใครแล้วจริงๆ”กระทิงขยับเข้ามาอีกก้าวสายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไปจากสงบกลายเป็นตึงเครียด“กวาง… ถ้าเขาเป็นคนที่ทำให้เธอร้องไห้…ฉันไม่รู้ว่าการอยู่ต่อมันจะดีต่อเธอรึเปล่า แต่ถ้าเธอเลือกฉัน… ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอร้องอีกเลย”กวางหันมามองหน้าเขาแววตาเธอเต็มไปด้วยความสับสน ทั้งรัก ทั้งเจ็บ ทั้งกลัวเธอมองสิงโตอีกครั้งเห็นเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ตาแดงจัดฝนสาดเต็มใบหน้าแต่ไม่ถอย“พี่เคยผลักไสฉันทุกวัน… ทำให้ฉันรู้สึกเหมือน ‘ไม่มีค่า’ แล้ววันนี้พี่แค่พูดคำเดียว… แล้วหวั
บ้านเกียรติภูมิช่วงค่ำเสียงออดดังขึ้นกวางเดินลงไปเปิดประตู“ไง กวาง~” เบอร์รี่ยืนถือร่มส่งยิ้มหวานที่ดูจริงใจเกินไป“ขอโทษนะ พอดีฝนตกแล้วฉันมีนัดแถวนี้แต่โดนเทเลยคิดว่า…ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหม?”กวางชะงักหันไปมองสิงโตที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว สิงโตหยุดเดินไปทันทีที่เห็นเบอร์รี่บรรยากาศเงียบชั่วขณะ กวางเหลือบมองไปที่สิงโต ดวงตาอ่านไม่ออก แต่ในอกกลับเต้นผิดจังหวะไปหมด“จะนอนก็เอาสิ ห้องว่างเยอะแยะ” สิงโตพูดโดยไม่หันมากลางดึกบรรยากาศบ้านที่เย็นยะเยือกกวางนอนพลิกตัวไปมาเสียงฝนยังตกใจเธอไม่สงบเลยสักวินาทีห้องฝั่งตรงข้ามมีแสงลอดออกมาจากใต้ประตูเสียงเบอร์รี่หัวเราะเบาๆกับสิงโตดังลอดออกมา…หรือมันดังขึ้นในหัวเธอเอง?เสียงบางอย่างในใจของกวางกำลังถามว่า“…ถ้าไม่รู้สึกกับเขาแล้วจริงๆจะหวงขนาดนี้ทำไม?”...เวลาเช้าบ้านเงียบๆ มีเพียงเสียงจานกระทบกันเบาๆในครัว กวางเดินลงมาในชุดลำลองธรรมดาแต่ภาพที่เห็นตรงหน้า…ทำให้เธอชะงักเบอร์รี่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผากของสิงโตขณะที่สิงโตนั่งพิงโต๊ะอาหารหน้าตาไม่แสดงความรำคาญใดๆ“ก็แค่เช็ดเหงื่อ แกจะทำท่าจะฆ่าฉันทำไมอะ สิงโต~” เบอร์รี่หัว
มหาวิทยาลัยกวางเดินถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่โถงคณะนิติศาสตร์ แสงไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นเงาสะท้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เบอร์รี่หยุดตรงหน้าเธอยิ้มบางๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีดำช่อเดียวกับที่เคยถือวันแรกที่กลับมา“เธอคือ…กวาง ใช่ไหม? ฉันชื่อเบอร์รี่นะ… ยินดีที่ได้เจอกันสักที”“ฉันรู้จักคุณค่ะ… คุณเป็นเพื่อนเก่าสิงโต” กวางยิ้มตอบด้วยมารยาทแต่แววตาสงสัย“แค่เพื่อนเก่าเหรอ… ถ้าเธอหมายถึงช่วงที่เรานอนห้องเดียวกัน แชร์ทุกเรื่องในชีวิต กอดกันทุกคืนเวลาฝันร้าย…เธออาจต้องใช้คำอื่นแล้วล่ะ” เบอร์รี่หัวเราะเบาๆ“พี่สิงโตไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังเลยค่ะ” กวางนิ่ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทันแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์“นั่นสินะ คนที่พยายามลืม บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะลืมได้…แต่อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้ต่างหากล่ะ” เบอร์รี่ตอบเรียบๆเบอร์รี่เดินจากไปทิ้งกลิ่นน้ำหอมจางๆไว้ในอากาศกวางยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมือกำเอกสารแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทแต่สายตาเธอ…เริ่มสั่นไหวอย่างปิดไม่มิดลานเปลี่ยวหลังคณะนิติศาสตร์ เวลาหัวค่ำฝนเพิ่งหยุดตกหยดน้ำยังเกาะตามใบไม้ไฟริมทางสลัวสะท้อนแสงสีทองบนใบหน้าของกวางที
ห้องทำงานของ “ภาคภูมิ” พ่อของสิงโต เวลาประมาณ 10 โมงเช้า สิงโตในเสื้อเชิ้ตตัวเก่า กางเกงยีนส์ขาดเข่านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมในห้องทำงานของพ่อมือหนึ่งจับบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดอีกมือถือโทรศัพท์แนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน“ฮัลโหล… พ่ออยู่มั้ย กูจะคุย” เสียงปลายสายเงียบไปนิดก่อนตอบรับภาคภูมิอยู่ในห้องอ่านหนังสือเก่าๆติดกับห้องทำงานทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายเขาก็เดินออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง“มีอะไร ไอ้ราชสีห์? ปกติไม่โทรหาพ่อเลยนี่”สิงโตเงียบ… ก่อนพูดเสียงนิ่งๆ“พ่อ… ถ้ากูบอกว่า กูทำให้กวางย้ายออกไปเอง…มึงจะเกลียดกูปะ”ภาคภูมิชะงัก สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนอย่างจับจ้อง เขาเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามลูกชาย โดยไม่พูดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว“พ่อ… กูไม่รู้ว่าทำไมกูต้องทำตัวเหี้ยๆแบบนั้นกับเขา แต่กูแค่… กลับบ้านแล้วมันเงียบจนทนไม่ไหว” เสียงของสิงโตเริ่มแผ่วลงแต่ไม่ได้สั่น ไม่ใช่เพราะเขาไม่เจ็บ แต่เพราะเขา “ไม่ยอมให้เสียงสั่น”“กูไม่อยากให้เขาอยู่กับกูเพราะความรักหรืออะไรไร้สาระทั้งนั้น…กูแค่…อยากให้เขากลับบ้าน…”ภาคภูมิมองลูกชายที่มักหยิ่งทะนงในทุกเรื่องวันนี้กลับนั่งตรงหน้าในสภาพเหมือนคนพ่ายแพ้และพู
เสียงของเสือฟังดูเหนื่อยและหนัก“กวาง… ไอ้สิงโตโตมัน… รถชนเมื่อคืน”“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล BMC ห้องฉุกเฉิน…”“ยังไม่ฟื้น แต่ปลอดภัยแล้ว… แค่… เขาไม่ได้บอกใครเลยนอกจากพวกพี่”กวางเงียบไป“เขาเมาหนักมากเลยนะ… ก่อนจะขับรถออกไปคนเดียว เมื่อคืนมันเรียกชื่อเธอตอนเมา… ทั้งคืนเลยว่ะ”กวางยังคงเงียบ น้ำตาคลอ… แต่ยังไม่หล่น“ขอบคุณที่บอกนะคะพี่เสือ…แต่กวาง… คงไม่ไปค่ะ”เสือเงียบ“แน่ใจนะกวาง…มันไม่มีใครเลยตอนนี้นะ”“เขาเคยมีค่ะ…แต่เขาเป็นคนผลักทุกคนออกไปเอง… โดยเฉพาะกวาง กวาง… ไม่ใช่น้องสาวเขา ไม่ใช่ใครในชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็พูดไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ…”เสียงในสายเงียบก่อนที่กวางจะพูดเบาๆจบสายด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่สุด“ขอให้เขาหายดีค่ะ… เท่านี้”ติ๊ดกวางวางสาย หันหน้าไปทางหน้าต่าง แสงเช้าอ่อนๆสาดเข้ามาทางม่านบาง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกช้าๆเหมือนคนที่กำลังฝืนเดินต่อทั้งที่หัวใจยังบอบช้ำ“พอแล้ว… กวางต้องหยุดเจ็บเองให้ได้…”โรงพยาบาลเสียงเครื่องวัดชีพจรยังดังเป็นจังหวะสิงโตนอนอยู่บนเตียงริมฝีปากขยับเบาๆเหมือนละเมอ“…กวาง… อย่าไปนะ…”แต่ไม่มีใครได้ยินและไม่มีใครตอบกลับเขา…...ช่วงบ่ายวันอ
บนดาดฟ้าบ้านสิงโตกลับมาถึงบ้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เขาขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ สูดลมกลางคืนแรงๆ มือหนึ่งสั่น มือหนึ่งถือมือถือที่ไม่กดโทรหาใครแต่เปิดรูปถ่ายกวางตอนที่แอบถ่ายไว้ในมือถือตัวเองรูปเธอนั่งกินข้าว ยิ้มเงียบๆข้างเตาในครัว“มึงมีคนดูแลแล้วใช่มั้ย…ดีแล้ว… ดีแล้วเว้ย…”แต่เสียงที่พูดออกมามันสั่นจนไม่เหลือความแน่ใจน้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนมุมปากก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะฝืนๆ“มึงแม่งเก่งว่ะกวาง…ไปจากกูได้จริงๆ…”…“แต่กูแม่ง… ไปจากมึงไม่ได้เลย…”วันถัดไปข่าวลือกระฉ่อนในกลุ่มไลน์คณะมีคนแอบถ่ายรูปกระทิงซื้อดอกไม้ให้กวาง โพสต์พร้อมแคปชัน “หวานจนแสบตา”คอมเมนต์ถล่มว่า “รักวัยมหาวิทยาลัยคู่ใหม่กำลังมา”สิงโตนั่งในรถมองโพสต์นั้นผ่านมือถือเงียบๆ มือเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะโยนมือถือกระแทกเบาะข้างแล้วทุบพวงมาลัยรถเต็มแรง!“กูแม่ง… มึงจะไปจริงๆใช่มั้ยวะ…” เสียงคำรามจากในอกเหมือนสัตว์ที่รู้ตัวว่า มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้...ผับราชสีห์ในค่ำคืนที่ฝนตกสิงโตนั่งอยู่ในผับของตัวเอง โต๊ะ VIP ชั้นล่างที่ไม่เคยนั่ง รอบกายไม่มีใคร มีแค่เสียงฝนข้างนอก กับเหล้าเข้มในมือเขาไม่ชวนใคร ไม่ให้