เปิดเทอมวันแรกที่แสนจะวุ่นวายของภาคเรียนที่ 2 ของโรงเรียนขยายโอกาสไม่ไกลจากมหาลัยวิทยาลัยชื่อดังเท่าไหร่นัก เด็กหญิงพรสิตาวิ่งกระหืดกระหอบแก้มแดงเข้าโรงเรียนจนผมหน้าม้าฟูฟ่องเปิดหน้าผากมันแผล็บมาแต่ไกล แล้วไปหยุดก้มจับเข่าหอบแฮ่ก ๆ อยู่หน้าห้องเรียนที่เพื่อนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะเรียนให้เข้าที่ สภาพเธอตอนนี้เสื้อนักเรียนคอบัวสีขาวที่เธอบรรจงรีดไว้อย่างดีเมื่อคืนถูกโคลนสาดจนกลายเป็นสีน้ำตาลเกินครึ่ง กระโปรงนักเรียนที่อัดกลีบจนมันมีน้ำสีน้ำตาลหยดที่ชายกระโปรงลงพื้นเป็นระยะ ดูแล้วมอมแมมจนครูประจำชั้นขมวดคิ้ว
"พรสิตาไปทำอะไรมาลูก ทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะ" ครูประจำชั้นเอ่ยถามเด็กน้อยอย่างเป็นห่วงสภาพนี้เธอจะนั่งเรียนกับเพื่อนได้ยังไง
"ตอนหนูวิ่งมา รถขนปลาเหยียบน้ำที่หน้าตลาดใส่ค่ะแต่หนูเห็นว่ามันจะสายแล้ว แล้วโรงเรียนก็ใกล้กว่าหนูเลยไม่กลับไปเปลี่ยนค่ะ เดี๋ยวมันก็แห้ง" เด็กน้อยว่าหงอย ๆ วันนี้เธอตั้งใจแต่งชุดสวยมาเปิดเรียนวันแรกแถมโบผูกผมอันใหม่ที่เธออยากได้ เธอกลั้นใจซื้อมาจากห้างก็เปื้อนไปด้วย
"โถ่...แล้วจะนั่งเรียนยังไงล่ะลูก" คุณครูใจดีว่าอย่างสงสาร
"หนูยืนตรงนี้ก็ได้ค่ะ ให้มันแห้งก่อนก็ได้เพื่อน ๆ จะได้ไม่เหม็น" เด็กน้อยยังยืนยันที่จะเรียนกับเพื่อนต่อ
"ไม่ได้กลัวเพื่อนเหม็นแต่เสื้อมันจะซักไม่ออกน่ะสิ เอางี้ครูให้กลับไปเปลี่ยนค่อยกลับมา รีบเอาเสื้อไปแช่ผงซักฟอกก่อน" คุณครูพูดขึ้นอย่างเอ็นดู ครูในโรงเรียนนี้รู้จักเด็กคนนี้ดี ทั้งเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ขยัน ยิ่งตอนนี้อยู่กับตาที่พิการยิ่งน่าสงสารไปใหญ่ ถ้าปล่อยไว้จนแห้งเสื้อซักไม่ออกเธออาจต้องซื้อเสื้อใหม่ซึ่งเงินร้อยสำหรับเธอคนนี้คือเยอะมาก
"แต่ว่า..." พรสิตาหรือน้ำหวานอึกอัก เธอวิ่งมายังไม่หายเหนื่อยจะให้วิ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเป็นกิโลก็เหนื่อยตายกันพอดี
"ครูครับ ๆ วันนี้ผมเอาจักรยานมาผมให้น้ำหวานยืมได้ครับ" เด็กชายร่างผอมสวมแว่นหนาเตอะยกมือบอกครูอย่างใจดี
"ขอบใจนะ แต่หวานขี่ไม่เป็นหรอก งั้นเดี๋ยวหนูวิ่งกลับไปเปลี่ยนก็ได้ค่ะคุณครู หนูขออนุญาตนะคะ สวัสดีค่ะ" เด็กน้อยหันไปตอบเพื่อนพร้อมกับยิ้มแหย ๆ แล้วหันมาบอกครูประจำชั้นก่อนจะยกมือไหว้แล้วหันหลังเดินลงบันได้ไปหน้าประตูแล้วยืนคุยกับ รปภ.หน้าโรงเรียนซักพักก่อนวิ่งข้ามถนนตรงกลับบ้าน
ปริ๊น...ปริ๊น....
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นด้านหลังของคนที่กำลังทั้งเดินทั้งวิ่งทำให้คนตัวเล็กต้องหยุดแล้วหันหลังกลับไปมอง
"จะวิ่งไปไหนเนี่ย น้ำหวาน" มาร์คเปิดหมวกกันน็อค ถามยิ้ม ๆ วันนี้เขามาส่งอาหารให้ครูที่โรงเรียนตอนเช้าแล้วตอนออกมาเขาเห็นหลังไว ๆ คุ้นตาเลยขับมอเตอร์ไซค์ตามมาถึงเห็นแม่ค้าตัวน้อยที่ไม่ได้เจอหลายวันวิ่งกระหืดกระหอบแก้มแดงอยู่ข้างถนน
"พี่มาร์ค สวัสดีค่ะ พี่ส่งอาหารด้วยหรือคะ" เด็กสาวหันไปทักอย่างดีใจพร้อมกับยกมือไหว้
"อื้อ...วันไหนลุกไหวก็มาหาตังค์เพิ่ม แล้วนี่จะไปไหน" มาร์คพยักหน้าตอบพร้อมกับถาม
"จะกลับเปลี่ยนชุดค่ะ พอดีตอนไปโรงเรียนรถขนปลาเหยียบน้ำใส่ ครูเลยให้กลับมาเปลี่ยนแล้วเอาเสื้อแช่ผงซักฟอกกลัวเสื้อมันจะซักไม่ออก" เด็กน้อยว่าปนหอบ
"วิ่งจนหน้าแดงหมดเลย มา...ซ้อนท้ายเดี๋ยวพี่พาไปส่ง" มาร์คว่าอย่างใจดี
"ขอบคุณค่ะ แต่หนูต้องขึ้นยังไงคะมันมีกล่อง" เด็กน้อยยกมือไหว้แล้วถามงง ๆ
"เออ...เอางี้ตัวนิดเดียวมานั่งหน้าละกัน" ว่าพลางขยับจนชิดกล่องด้านหลังเพื่อให้น้องนั่งหน้า แล้วพาแม่ค้าตัวน้อยกลับไปที่บ้านของเธอซึ่งเจอกับตากำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่พอดี ชายหนุ่มจึงทักทายและอาสาพาแม่ค้าตัวน้อยกลับไปส่งโรงเรียน ก่อนที่ตัวเองจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปมหาลัยที่นัดเพื่อนไว้ในช่วงสาย
"ไงครับ พี่มาร์ค จับสาวไหนนั่งหน้าครับคุณพี่ ตัวเล็กกระทัดรัดน่าพกพาเชียวนะครับ" โรมเอ่ยแซวเพื่อนเสียงดังทันทีที่เห็นหน้า
"ปากไม่พ้นลากกูเข้าคุกนะไอ้บ้า นั่นน้องน้ำหวานไงมึงจำไม่ได้เหรอ น้องมันโดนรถขนปลาเหยียบน้ำใส่กูเลยพาไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน" มาร์คว่าพลางลงข้าง ๆ ศิลา "แล้วไอ้เทนล่ะ"
"ยังไม่มา เห็นว่าจะพาแม่ไปจีบหมอก่อน" โรมตอบเพื่อนขำ ๆ
"แล้วเป็นไงมั่ง บ้านน้องมึง" ศิลาที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยถามคนเป็นเพื่อน
"ไม่รู้ดิ ไม่ได้ไปเลย เห็นน้านารถว่ามันกลับไปการไฟฟ้าที่บ้านไปขอเขาเปลี่ยนบัญชีหักจากของกูเป็นของมัน ปะปาก็ด้วย แล้วบอกน้านารถว่าอย่าใช้เปลือง" มาร์คตอบเพื่อนขำ ๆ กับคำสั่งของน้องชายต่างแม่
"ทำได้มันก็ดี มึงจะได้เก็บเงินเรียน โท ต่อ" โรมว่าขึ้น แล้วทั้ง 3 ก็นั่งคุยกัน โดยคนคุยส่วนมากจะเป็นมาร์คกับโรมส่วนเพื่อนชายอีกคนของพวกเขานั้นทั้งกลุ่มรู้ดีว่าพูดน้อยมาก และเพิ่งพูดประโยคยาวสุดตั้งแต่คบกันมาก็กับย่าของมาร์คที่งานศพพ่อมาร์คเท่านั้น ก็ได้แต่นั่งฟัง พยักหน้า ถามคำตอบคำ จนถึงเวลาเริ่มเรียนจึงพากันขึ้นห้องเรียน
~~~~~~~~~~
โรงอาหารคณะ
"พี่มาร์คคะ" สาวสวยเซ็กซี่ในชุดนักศึกษาฟิตเปรี๊ยะ เดินยิ้มหวานเข้ามาหาพร้อมทั้งเรียกชื่อชายหนุ่มที่เธอทอดสะพานเสียงหวาน
"ครับ" เจ้าของชื่อขานรับพร้อมทั้งเลิกคิ้วมองยิ้ม ๆ
"คือ... เพื่อนมิลค์ให้มาถามว่าวันนี้พี่มาร์คไปร้องเพลงที่ สรันบาร์มั้ยคะ คืนนี้พวกเราจะไปค่ะ" ว่าพลางโน้มตัวลงมาด้านหน้าชายหนุ่มแล้วใช้แขนทั้ง 2 ข้างแนบกับลำตัวค้ำยันกับโต๊ะ จนหน้าอกอวบอิ่มเกินมาตรฐานแทบพุ่งออกมานอกเสื้อ
"คืนนี้พี่ไม่มีคิว แต่ถ้าอยากให้ไปก็ไปได้ครับ" มาร์คว่ายิ้ม ๆ เป็นอันรู้กันในกลุ่มดีว่าถึงมาร์คออกจะเป็นผู้ชายที่ดูเฟรนด์ลี่ แต่ในความเฟรนด์ลี่ของมาร์คนั้น เพิ่มมาด้วยความกินเรียบ ส่งมาเป็นจัดให้ ประเภทน้องเสนอพี่สนองก็แค่ลองแล้วจบ และเพราะเหตุนี้เขาถึงยังไม่มีแฟนไม่คิดผูกมัดกับใครจริงจัง จึงจะเห็นได้ว่าหนุ่มหล่อเฟรนด์ลี่อย่างมาร์คโสดเสมอไม่เคยควงใครให้เรตติ้งตก
"งั้น...คืนนี้เจอกันนะคะ" สาวเซ็กซี่ว่าพลางขยิบตาเล็ก ๆ ให้อย่างยั่วยวนก่อนเดินยิ้มหวานกลับไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่
"วึ่ย~~ มาถึงที่อีกแล้วครับท่าน เกิดเป็นไอ้มาร์คนี้ดีว่ะ มีกีมาถวายถึงปากถึงท้อง" เทนว่ายิ้ม ๆ พลางขยับแว่น
"แค่หน้าท้องพอเหอะ จะมายุ่งอะไรกับปากกูครับ น้องเสนอมากูแค่สนอง แตก แยก จบ กูไม่มานั่งเปย์แบบศิลามันหรอก ใจดีฉิบหายให้รถแมรี่ไปใช้ โคตรเปย์" มาร์คว่ายิ้ม ๆ พลางพาดไปถึงเพื่อนรักที่นั่งใกล้ ๆ ที่เอารถสปอร์ตคันสวย 1 ใน 10 คันของตัวเองไปให้คู่ควงคนล่าสุดใช้
"ก็รถเค้าซ่อม" ศิลาพูดขึ้นนิ่ง ๆ
"ครับ ซ่อมมากครับ กูเห็นจอดอยู่เต็นท์รถแถวลาดพร้าวน่ะครับ จอดซ่อมมั้ง ฟรีดาวน์" โรมว่าขึ้นพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
"เออ...ช่างแม่งเหอะ มันเรื่องส่วนตัวไอ้ศิมัน เราแค่เพื่อนจะเสือกกันทำไม รีบกินรีบไปหาที่นอนครับ มีเรียนอีกทีบ่าย 2 กูต้องนอนเอาแรงครับ" มาร์คเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเงียบแล้วเร่งให้กินกันให้เสร็จก่อนพากันกลับไปนอนที่คอนโดของมาร์คที่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก และไม่ได้กลับเข้ามาที่มหาลัยอีกเพราะอาจารย์ยกคลาสบ่าย
"มาร์ค มึงจะไปร้านพร้อมกูป่ะเนี่ย" โรมเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน
"มึงรีบ?" มาร์คเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้างผนังที่บอกเวลาว่า บ่าย 3 เท่านั้น
"กูจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ ว่าจะแวะไปหาไอ้หมาน้อย (หลานลูกของพี่ชาย) มันซักหน่อย ไม่เจอหลายวันเดี๋ยวจำหน้าอาไม่ได้" โรมตอบเพื่อนยิ้ม ๆ
"เว่อร์ ไม่เห่อนะไอ้บ้า หลานมึงยังไม่เดือน จะจำอะไรได้วะ" เทนว่าขำ ๆ กับความเห่อหลานของเพื่อนที่ปากบอกไม่ชอบเด็กผู้ชายแต่กลับบ้านทีไรเป็นต้องไปขลุกอยู่กับหลาน จนบางทีพวกเขาต้องโทรตามมาที่ร้าน
"แหม ก็กูมีหลานนี่ครับ ไม่เหมือนไอ้มาร์คมีน้องสาว น่ารักน่าชัง จับนั่งตรงไหนก็นั่งได้" โรมว่าพลางหันมองหน้าเจ้าของห้องยิ้ม ๆ
"จะให้กูเข้าคุกให้ได้เลยว่างั้นไอ้โรม เอ็นดูกับดูเอ็น ความหมายมันต่างกันครับ กูเอ็นดูน้องมันที่ทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ช่วยสนับสนุนแค่นั้น ไม่จบมีตบปากนะไอ้โรม" มาร์คว่าให้เพื่อนพร้อมทั้งยกเท้ายื่นไปทางเพื่อนไม่จริงจังนัก
"มึงมีน้องสาวเหรอ?"…
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม