เลิกเรียน..
ฉันค่อยๆ ปั่นจักรยานกินลมชมวิวอยู่ใน ม. อย่างมีความสุข แล้วกะว่าจะกลับห้องไปนอนยาวๆ เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียน ส่วนบรรดาลูกคนรวยก็ขับรถโฉบไปโฉบมา ไม่ก็มีรถที่บ้านหรือผู้ชายฐานะดีจาก ม. อื่นๆ ไปจนถึงเสี่ยอายุคราวพ่อมารับ ซึ่งก็แล้วแต่ชีวิตใครชีวิตมันนั่นแหละนะ ตอนเย็นๆ มันชิลจริงๆ เลยนะเนี่ย ดูสระน้ำที่อยู่ถัดจากสนามบอลนั่นสิ..ใหญ่โตมโหฬารเห็นแล้วสดชื่นชะมัด โชคดีจริงๆ ที่ฉันหลุดเข้ามาในมหาลัยที่มีสิ่งแวดล้อมดีๆ แบบนี้เนี่ย โฮ่งงง โฮ่งๆ ๆ ๆ “เฮ้ยยยย O_O?!” ระหว่างที่ฉันกำลังชมนกชมไม้ไปเพลินๆ หันมาอีกทีก็มีลูกหมาที่ไหนไม่รู้วิ่งออกมาอยู่กลางถนนตัดหน้าจักรยานฉันพอดี ฉันเลยกำเบรคจักรยานเต็มแรงจนล้อลาก แล้วหักมันเข้าข้างทางอย่างรีบร้อนจนเสียหลักล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นก็มีเสียงรถยนต์ข้างหลังเบรคตามกะทันหันจนล้อลากจนเสียงดังสนั่นไม่ต่างกัน เอี๊ยดดด โครมมม! เอี๊ยดดดดดด “โอ๊ยยยย” ฉันร้องออกมาดังลั่นเพราะตอนนี้ลงมากลิ้งอยู่ข้างทาง ใช้เรือนร่างวัดถนนใน ม. ไปแล้วเรียบร้อย ส่วนน้องหมาที่วิ่งมาตัดหน้าก็ยืนเห่าอยู่แบบนั้น เกือบตายยังไม่รู้ตัวอีก โอ๊ยยย เจ็บชะมัด!!! โฮ่งงง โฮ่งๆๆๆ ตึงงงงง! จังหวะที่ฉันก้มหน้าก้มตาปัดเนื้อตัวที่เลอะฝุ่นอยู่ ก็ได้ยินเสียงประตูรถเปิดออกและปิดลงอย่างแรง จนนึกได้ว่าเจ้าของรถคันหลังก็คงอารมณ์เสียน่าดูเหมือนกันที่ฉันเบรคไปกะทันหันแบบนั้น ฉันเลยเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วก็เจอหมอนั่น ไอ้สมาชิกหน้านิ่งของแก๊งค์เทพเจ้าคนนั้น หมอนี่ชื่อไรนะวันนี้เพิ่งบอกมาเอง คิดแป๊บ -_-? “ขะ..ขอโทษค่ะรุ่นพี่ เป็นอะไรมากมั้ยคะ พอดีหนูไม่ทันดูหันมาอีกทีมันก็วิ่งออกมานี่แล้ว” “ขอโทษจริงๆ นะคะรุ่นพี่” โฮ่งๆๆๆ เสียงรุ่นน้องสองคนที่วิ่งหน้าตาตื่นมาจากสนามบอลอย่างเลิ่กลั่กพูดออกมาอย่างรีบร้อนจนฉันหลุดจากภวังค์ แล้วรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาอุ้มลูกหมาตัวนั้นไว้ ส่วนอีกคนก็ยกมือไหว้ขอโทษฉันยกใหญ่ “ถ้าดูแลไม่ได้ ทีหลังไม่ต้องเอาเข้ามา” น้ำเสียงเรียบของใครอีกคนที่เพิ่งลงจากรถพูดขึ้นแบบดุๆ จนรุ่นน้องสองคนนั้นหน้าซีดแล้วก้มหน้ามองพื้นอย่างเกรงกลัว แถมยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ กลัวอะไรขนาดนั้น “ช่างเหอะ คราวหน้าระวังด้วยละกัน” ฉันเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีเลยบอกปัดๆ ไป แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ แต่กลับไม่มีแรงยกจักรยานขึ้นจากตัวซะอย่างงั้น ส่วนรุ่นน้องสองคนนั้นน่ะหรอ..พอฉันไม่เอาความ พวกนางก็ยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งและรีบวิ่งหนีออกไปละ เฮ้อ! ให้ตายเหอะ แขนขาฉันถลอกปอกเปิกหมด -.- แล้วคือยังไง? ต้องอยู่ในสภาพนี้จนกว่าจะยกไหวหรือว่า… พรึ่บบบ! โครมมม! ฉันยังคิดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ อยู่ๆ จักรยานที่ทับร่างฉันก็ลอยขึ้นจากพื้นและถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับพื้นที่ว่างข้างๆ อย่างแรงจนล้อกระจุย -*- ด้วยฝีมือของคนร่างสูงตรงหน้าที่เมื่อกี๊เกือบนึกชื่อออกละ ชื่ออะไรน้าาา? วันนี้ก็ยังท่องอยู่กลัวลืม อ๋อ..ใช่! เตโช! เตโช Nightshade! เฮ้ยยย แต่เดี๋ยวสิ... “นี่นาย..รุนแรงไปป้ะ -_-?!” ฉันเงยหน้าถามคนตรงหน้าอย่างหัวเสียพอนึกขึ้นได้ว่าเขาโยนจักรยานฉันซะพังเละไปหมด โหย..นี่ฉันต้องเก็บตังค์ตั้งนานนะกว่าจะซื้อจักรยานคันนี้ได้อ่ะ การที่หมอนี่ขับ Supercar ไม่ได้แปลว่าเขาจะทิ้งๆ ขว้างๆ จักรยานคนอื่นได้แบบนี้นะเฟ้ย! “ลุก” นายเตโชอะไรนี่พูดขึ้นมา พร้อมกับยืนล้วงกระเป๋ามองฉันด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ฉันเลยค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นแบบเจ็บๆ แล้วปัดเนื้อปัดตัวเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาก็เสียหลักเซล้มลงมาอีก พรึ่บบบ! “โอ๊ย!” ฉันหันมองข้อเท้าตัวเองแบบงงๆ ทำไมถึงเจ็บๆ แสบๆ ขนาดนี้เนี่ยฮะ ก่อนจะพลิกอีกด้านมาดูแล้วเจอรอยหินบาดขนาดใหญ่จนเหลือไหลออกมาท่วม หืมมม... จิ๊! ฉันสบถออกไปอย่างอารมณ์เสียแล้วพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นอีกที แต่ก็เหมือนเดิมคือขาข้างนั้นของฉันมันชาจนไม่รู้สึกอะไรและกำลังจะเสียหลักร่วงลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ได้แขนหนาของคนตรงหน้าเข้ามาคว้าเอวฉันเอาไว้ทั้งที่สีหน้าของเขาก็ยังนิ่งเรียบอยู่แบบนั้น “ขะ..ขอบใจ” ฉันบอกออกไปแล้วยืนกะเผลกๆ เอนไปเอนมาแบบโคตรเจ็บ แล้วก็ถูกร่างสูงของเตโชกึ่งอุ้มกึ่งลากมาที่รถ ก่อนที่เขาจะเปิดประตูแล้วดันตัวฉันเข้ามาในรถแบบไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น แล้วเขาก็เดินอ้อมมานั่งประจำที่นั่งคนขับของตัวเองพร้อมกับออกรถทันที “เฮ้ย! เดี๋ยวดิจะพาไปไหน?!” ฉันโวยวายออกไปเพราะอยู่ๆ หมอนี่ก็ทำอะไรปุบปับจนฉันงงไปหมด แล้วคนหน้านิ่งข้างๆ ก็ตอบออกมาเสียงเรียบแบบไร้ชีวิตชีวาตามเดิม “ทำแผล” “ไปเองได้” ฉันสวนกลับไปทันที เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หมอนี่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แล้วนี่ยังจะลากฉันมาขึ้นรถไปไหนด้วยกันสองต่อสองนี่นะ ตลก! เอี๊ยดดดดดด แล้วพอฉันพูดจบเตโชก็เหยียบเบรคจนล้อลากอีกทีจนหน้าฉันเกือบทิ่ม ก่อนจะส่งสายตาอำมหิตมาให้พร้อมกับเปล่งเสียงที่ฟังดูเหมือนกำลังหงุดหงิดมากออกมา “ลงไป” ได้ยินแบบนั้นฉันคงไม่รอให้หมอนี่ไล่ซ้ำอ่ะ ทันทีที่เขาพูดจบฉันก็เปิดประตูรถแบบไม่หยุดคิดอะไรให้เสียเวลา แต่จังหวะที่จะก้าวลงไป ขาฉันมันดันก้าวไม่ออกไง ทำไมอยู่ๆ มันถึงชาไปหมดจนแทบไม่รู้สึกแล้วแบบนี้ล่ะ “ไม่ลง?” น้ำเสียงที่ดูเหมือนเยาะเย้ยถูกส่งออกมาจากปากของเจ้าของสีหน้าเงียบขรึม ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไปแล้วพยายามขยับตัวลงจากรถอีก “แป๊บดิ พยายามอยู่” ใช้เวลาอยู่นานสองนาน ขาฉันมันก็ขยับแทบไม่ได้เลย แถมเลือดยังไหลออกมาเยอะมากจนไม่รู้ว่าแผลลึกขนาดนี้ต้องเย็บมั้ย ให้ตายเหอะ ไอ้หมาเวร! “อวดเก่ง!” พรึ่บบบ! ตึงงง! พอเห็นท่าทางของฉัน เตโชก็ส่งเสียงตำหนิออกมา แล้วเอื้อมแขนมาดึงประตูรถฝั่งฉันให้ปิดลงอย่างแรงจนหน้าเขาห่างจากฉันแค่คืบเดียวเท่านั้น เล่นเอาฉันใจหายไปนิดหน่อยเพราะไม่เคยมีใครใกล้ฉันมากขนาดนี้มาก่อน แล้วเขาก็กลับไปประจำที่นั่งตัวเองและขับรถออกมาจาก ม. ด้วยความเร็วสูงแบบที่ฉันเคยเห็นเมื่ออาทิตย์ก่อน เหอะ..สงสัยจะไม่ได้ตายเพราะเลือดหมดตัวหรอก จะตายเพราะรถคว่ำ ไม่ก็แหกโค้งโดดข้ามแบริเออร์มากกว่ามั้งเนี่ย ควายที่บ้านหายรึไงรีบอะไรเบอร์นั้น -_-?!@ HOSPITAL
“คนไข้นั่งรอรับยาและชำระเงินด้านนี้นะคะ” เสียงหวานของพยาบาลพูดกับฉัน แต่ส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้เตโชที่มาด้วยกันแบบอ่อยสุด เออเว้ยแบบนี้ก็ได้เน่อะแต่ช่างเหอะ ว่าแต่..ที่นี่มันโรงบาลเอกชนนะเฟ้ย ไม่บอกก็รู้ว่ารักษามันต้องแพงหูฉี่ นี่ฉันเพิ่งจะได้เงินค่าแปล Text จากเลโอมาเอง ได้ปุ๊บต้องใช้ปั๊บเลยงั้นสินะ คิดละเซ็ง -_-! “ทั้งหมด 4,285 บาทค่ะ” นั่นไง นั่นนนไง -[]-! ฉันคว้ากระเป๋าสตางค์มาควานหาบัตรเดบิตที่พอจะรูดเงินในบัญชีออกได้ขึ้นมา แต่ก็ถูกใครบางคนตัดหน้าด้วยแบล็คการ์ดสีดำที่เคยอ่านในกระทู้เว็บดังว่ามูลค่าของมันรูดอะไรก็ได้ไม่จำกัด แถมมีไม่กี่ใบในประเทศหรือในโลกอะไรสักอย่าง แต่ดูจาก Supercar ราคาแพงโฮกฉันก็ไม่แปลกใจหรอกถ้าเขาจะพกแบล็คการ์ดเดินโบกไปโบกมาน่ะ “เรียบร้อยค่ะ เชิญรับยาช่อง 3 นะคะ อันนี้นี่ยาแก้ปวด ย่าฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ยาลดบวม บลาๆๆ >/////<” ทั้งแผนกจ่ายเงินและเภสัชจ่ายยาของโรงพยาบาล เอาตรงๆ ทุกคนที่พูดกับฉันไม่มีใครมองหน้าฉันสักคนอ่ะ เอาแต่จ้องไปที่หมอนั่นแล้วทำท่าเขินๆ ออกมาในขณะที่เตโชทำหน้าเฉยๆ ออกจะไม่สนใจคนพวกนี้เลยด้วยซ้ำ เฮ้ย..เค้าอ่อยไงก็สบตานิดหนึ่ง จะเก๊กทำไม -.-?! พอรับยาเสร็จเราก็เดินออกมาที่ลานจอดรถ โดยที่ฉันก็พอจะกะเผลกๆ ได้แล้วหลังโดนยาแก้ปวดแบบแรงเว่อร์ไปเข็มหนึ่ง อีกอย่างเพราะไม่ชอบนั่งรถเข็นด้วย ป่าวหรอกที่จริงกลัวโดนชาร์จค่ารถเข็นอ่ะ จุดนี้ต้องรอบคอบเมื่อกี๊ยังโดนไปเกือบ 5,000 แพงสุดดด “ใส่ให้หน่อยจะโอนคืน” มาถึงรถฉันก็ยื่นมือถือที่เปิด E-Banking ไปให้เขาใส่เลขบัญชีให้ แต่เตโชก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วสตาร์ทรถขับออกมาแบบไม่พูดไม่จา “เอาคืนไปเหอะเงินตั้งเยอะ” ฉันยื่นมือถือให้เขาอีกครั้ง จังหวะที่รถติดไฟแดง เขาเลยมองมานิ่งๆ แล้วพูดเสียงเรียบอีกตามเคย “ค่าแปล Text” “Text?” ฉันถามออกไปแบบงงๆ แล้วเขาก็ชี้ไปหลังรถ ก่อนที่ฉันจะหันตามไปแล้วเห็น Text เล่มที่ตัวเองแปลเมื่อคืนวางอยู่ที่หลังเบาะของเขา “แต่เลโอให้มาแล้ว” พูดจบฉันก็เปิดรูปสลิปในมือถือที่เลโอส่งมาเมื่อเช้าให้เขาดู แต่เตโชก็ยังทำเฉย “ใส่เร็วๆ อย่าลีลา มันเปลืองเน็ต” ฉันบอกออกไปอีกครั้งแล้วยื่นมือถือไปให้เขาอีก แต่หมอนี่ก็ยังทำหน้านิ่งไม่พูดอะไรตามเคย เหอะ! เหมือนคุยกับคนเป็นใบ้ สนุกเป็นบ้า -_- “พักที่ไหน” ขับมาได้สักพักเขาก็ถามออกมา ฉันเลยบอกทางไป แล้วเขาก็พยักหน้ากลับมานิ่งๆ ไม่พูดอะไรจนพักใหญ่ๆ เราก็มาถึงแถวหอพักของฉัน แต่เพราะทางมันแคบและไม่เหมาะจะเอารถราคาแพงแบบนี้เข้าไปแลกรอยข่วนออกมา ฉันเลยชี้ให้เขาจอดตรงร้านบะหมี่ลุงตี๋ที่ตอนนี้กำลังเริ่มตั้งร้านอยู่ “อ่ะ ใส่สักทีดิ” ฉันยังคงยื่นมือถือที่เปิด E-Banking ให้เขาอีกครั้งก่อนลงจากรถ แต่หมอนั่นกลับกดล็อคจอแล้วคว้า Text ต้นฉบับหลังรถกับ Text ฉบับแปลของฉันออกมาและเปิดไปที่บทสุดท้ายเทียบกัน “อีกบทอยู่ไหน?” ฉันมองทั้งสองเล่มสลับกันแล้วนึกได้ว่าที่จริงมันมี 10 บท แต่ฉบับแปลตอนนี้มีแค่ 9 เพราะบทสุดท้ายฉันแยกออกไปอ่านบนเตียงแล้วตรวจสอบคำผิดจนหลับไป “โทษที พอดีลืมไว้ที่ห้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้…” “วันนี้” ฉันยังพูดไม่ทันจบ เตโชก็ขัดขึ้นมาซะก่อน “งั้นนายรอนี่ เดี๋ยวฉัน…” “ไปไหว?” แล้วเขาก็ขัดขึ้นมาอีกครั้งพอฉันทำท่าจะลงจากรถและจะเดินเข้าไปเอา Text อีกบทที่หอพักมาให้ แถมเตโชยังหันไปมองทางเหมือนกำลังสำรวจอะไร แล้วทำท่าจะออกรถจนฉันต้องพูดขัดออกไป “รถแพงๆ ของนายมันเข้าไปไม่ได้หรอกน่า” ฉันขยายความให้เขาเข้าใจ หอพักที่ฉันอยู่มันธรรมดาจะตาย แถมอยู่ในซอกหลืบที่คนเดินพลุกพล่านบนถนนไปมา ถ้าเอา Supercar ราคาหลายล้านแบบนี้เข้าไปไม่วายได้เอื้อมมือมาลูบรถขูดหาเลขเด็ดกันตลอดทางแหงๆ “บอกทาง” แล้วเตโชก็พูดออกมาเสียงเรียบอย่างไม่สนใจอะไรสักนิด ก่อนที่เขาจะออกรถช้าๆ ปล่อยรถไหลมาเรื่อยๆ รอให้ฉันบอกทาง ฉันเลยบอกไปตามที่เขาต้องการ “อืม.. ตรงไปสุดทาง หอสีฟ้าซ้ายมือ” ..เหอะๆ ก็ไปลุ้นเอาข้างหน้าละกันนะว่าคนแถวนั้นจะฮือฮากันแค่ไหนอ่ะ =_=หลังจากประทับตราเสร็จ ติณณ์ก็ให้ฉันเข้ามารอเขาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไปทำธุระแล้วตามเข้ามาทีหลัง พอติณณ์เดินมาทิ้งตัวลงทั้งข้างฉันปุ๊บ ฉันเลยถามถึงเรื่องวันนี้ออกไปอย่างสงสัยทันที“ถามได้มั้ย? ติณณ์รู้ได้ยังไงว่าสภากฎ....”“ท่านปู่บอก”ฉันยังพูดไม่ทันจบติณณ์ก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน คำถามนี้ฉันว่าใครๆ ก็สงสัยอ่ะ เพราะดูเหมือนเขาจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เสียเวลาทะเลาะกับคิระตั้งนานหรอก จริงมั้ย…“แล้ว..ท่านปู่ได้บอกมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”ฉันทำหน้าสงสัยออกไปเพราะลึกๆ ก็อยากรู้... มันจะด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ถึงทำให้สภากฎที่ดูจะน่าเคารพนับถือทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ Make sense เอาซะเลยแฮะ แล้วติณณ์ก็พยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านปู่ออกมา“แม่ติณณ์ไปรู้มา..ว่าสภากฎจะยึดอำนาจ Dark Shadow เลยจำเป็นต้องกำจัดทายาททุกคนเพื่อให้ไม่มี Leader อีกต่อไป ซึ่งตอนนั้นว่าที่ Leader และ Leader’s Wife คือพ่อแม่ติณณ์และลุงกับป้า ...หรือพ่อแม่คิระ”พรึ่บบบ!พูดจบติณณ์ก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันอุ้มขึ้นไปนั่งตักเขาเบาๆ แล้วมุดหน้าของเขาลงมาใช้คางเกยไหล่ฉันเอาไว้“ท่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!“.....”เสียงปืนดังสนั่นอยู่นานกว่าจะหยุด ฉันเลยใช้จังหวะนี้คว้ามือเลโอออก ก่อนจะหันไปเห็นโศกนาฏกรรมที่ทั้งติณณ์และคิระที่น่าจะเพิ่งเข้าใจอะไร กราดกระสุนรัวใส่ตัวแทนสภาฯ จนไม่หลงเหลือลมหายใจ แถมเลือดสีแดงฉานยังเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แล้วเลโอก็รีบยื่นมือมาจะปิดตาฉันอีกแต่ยังคว้ามือเขาเอาไว้ และพูดออกไปเสียงเรียบหมับ!“นั่นติณณ์นะเลย์…”ฉันพูดออกไปพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของเลโออย่างต้องการให้เขาเข้าใจ คือภาพตรงหน้ามันน่ากลัวน่ะใช่ แต่นั่นติณณ์ไง! จะให้ฟังแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ใช่เรื่อง!พอฉันพูดจบเลโอก็พยักหน้าแล้วยอมเอามือออกทั้งที่ยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ แถมยังไม่ยอมถอยออกห่างจากฉันแม้แต่ก้าวเดียวแล้วอยู่ๆ Member กว่าครึ่งหอประชุมที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาที่ดูจะป่าเถื่อนแบบนั้น ก็ถึงกับวิ่งวุ่นลงมาและคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่ติณณ์และคิระแบบไม่เกรงกลัวอะไร เท่าที่ดูคนพวกนั้นน่าจะเคารพในอำนาจของสภาฯ กันมากมายแบบที่ยอมตายแทนได้เลยด้วยซ้ำ“ไอ้พวกสวะ!”เสียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเหมือนตั้งตัวเป็นอร
@ DARK SHADOW CASTLE (JAPAN)ผลัวะ!เสียงฝ่ามือของรันเวย์กระทบเข้าที่หัวของติณณ์อย่างแรงพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉันท้อง ตามมาด้วยเสียงบ่นอุบอิบอย่างเอาแต่ใจจน Nightshade คนอื่นๆ ถึงกับส่ายหน้าให้กับความพาลหาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปทั่วของพ่อลูกอ่อนขี้เหวี่ยงตรงหน้าฉัน“ไวนัก! ไม่ต้องเสือกคลอดก่อนล่ะ”พูดจบรันเวย์ก็ถลึงตาใส่ติณณ์ คือต้องใช้คำนี้จริงๆ อ่ะ เขาถลึงตาแบบจริงจังมาก! เดี๋ยวนี้หมอนี่อาการหนักน่าดู คือกลัวขั้นสุด กลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นน้อง ซึ่งมันตลกชะมัด!“หึ..ก็ไม่แน่”แล้วติณณ์ก็ตอบกลับไปแบบกวนๆ จนรันเวย์ยิ่งหงุดหงิดหนัก เดินไปตบหัวบรรดาพ่อลูกอ่อน Nightshade ทั้งหมดแบบเรียงตัวอีกทีอย่างหมั่นเขี้ยวผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!“ไอ้พวกเวร!”เขาบ่นอุบอิบออกมาแบบพาลๆ แล้วเดินกลับมานั่งหน้าบูดต่อจนเจด้าถึงกับออกอาการเอือมๆแต่ก็แอบขำในท่าทางนั้น แล้วติณณ์ก็ยังไม่วาย..พูดออกมาแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้ง แถมยังลอยหน้าลอยตาใส่รันเวย์อย่างอารมณ์ดีว่าใครในตอนนี้“เห็นแก่เพื่อนเหอะ ให้ลูกกูเป็นพี่”พอติณณ์พูดจบเท่านั้นแหละ รันเวย์ก็ชี้หน้าติณณ์กลับมาแบบเกรี้ยวกราดมาก แล้วโพล่งออกม
“อีกทีได้นะติณณ์..แต่มิณท้องเพิ่มไม่ได้แล้ว :)"พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทำหน้าอึ้งออกมาแบบเห็นได้ชัด แล้วถอดท่อนเอ็นของเขาออกจากร่างกายของฉันแบบรีบร้อนและตกใจ“พูดใหม่มิณ.. พูดอีกที”ติณณ์จ้องหน้าฉันและพูดซ้ำๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ แม้เขาจะดูตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูตื่นเต้นมากจนฉันหลุดยิ้มให้กับท่าทางนั้น และชี้นิ้วไปที่ติณณ์ช้าๆ“...นี่พ่อ”ก่อนจะย้อนกลับมาชี้ตัวฉัน…“...นี่แม่”และจบลงด้วยการชี้ไปที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองที่ด้านในมีบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น โดยที่ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตัว ซึ่งเขาก็มองมาอย่างตั้งใจฟัง“นี่ลูก”“หึ...”พรึ่บบบ!พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วและกอดฉันไว้แน่นมาก แถมยังมุดหน้าหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างดีใจ จนฉันอดแซวทั้งที่ยังขำกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ >__มัวแต่ดีใจ คิ
พรึ่บบบ พลั่กกก “อื้อออ~”ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำ ติณณ์ก็วางร่างฉันลงแล้วดันตัวฉันให้ถอยไปติดกับผนังห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำฝักบัว และประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างรวดเร็วและร้อนแรงผ่านม่านน้ำจากฝักบัวตรงหน้าติณณ์แทรกลิ้นของเขาเข้ามาไล่ต้อนลิ้นฉันอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระชากเสื้อผ้าของฉันจนขาดวิ่นหลุดติดมือ แล้วโยนมันออกไปแบบสนใจทิศทางใดๆ สักพักเขาก็ผละจูบออกแล้วโน้มตัวลงมาทิ้งรอยมากมายบนตัวฉันในพริบตา“อื้อออ อ๊ะ!”ฉันร้องครางออกไปอย่างเสียวซ่านกับสัมผัสที่ติณณ์มอบให้ และเลื่อนมือไปขยำกลุ่มผมของติณณ์เอาไว้อย่างระบายอารมณ์ พร้อมกับเงยหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ…แล้วติณณ์ก็เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมหน้าอกของฉันเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ บีบเคล้นมันเบาๆ จนแรงขึ้น..แรงขึ้นตามลำดับ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายฉัน จนฉันเคลิบเคลิ้มล่องลอยตามรสสัมผัสของเขาไปอย่างกู่ไม่กลับ“อย่าอ่อยบ่อยได้มั้ย…”ติณณ์พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหายใจถี่ขึ้นตามระดับความรุนแรงของการกระทำ และเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงตัวเองอย่างรีบร้อน แต่ฉันกลับปัดมือเขาออกแล้วเป็นฝ่ายปล
::: TECHO :::หลังจากเสร็จภารกิจทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รวมถึงผมกับมิณที่กำลังขับรถกลับคอนโด ส่วนเรื่องคำพิพากษาไอ้คิระกับคำอธิบายเรื่องข้อตกลงของ Emergency Privilege ทั้งของผมและมิณ จะมีการเรียกประชุม Member ทั้งหมดที่ Dark Shadow Castle (JAPAN) ในอีกสองวัน ซึ่งก็จะตรงกับวันสถาปนาพอดี และ Nightshade ที่มีเอี่ยวด้วยวันนี้จะต้องไปฟังคำพิพากษาร่วมกันทั้งหมด“ยิ้มไรคนเดียว”พอหันไปเห็นใบหน้าเล็กกำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีและดูจะแฮปปี้เกินเรื่องไปหน่อยทั้งที่วันนี้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ผมเลยถามออกไปแบบงงๆ ในท่าทางที่แปลกไป แล้วมิณก็ตอบกลับมา“เปล่าหนิ”ใบหน้าเล็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ดูจะปกปิดรอยยิ้มในแววตานั่นไม่มิด หน้าผมมีไรติดหรอวะ -.-? หรือมิณไปกินไรผิดมาตั้งแต่ที่เกาะละ วันนี้เมียแลอารมณ์ดีจัด“มีไรบอกมา”ผมส่งเสียงเข้มออกไป แล้วเอามือไปยีหัวมิณซ้ำๆ อยู่หลายที หึ..เกือบจะไม่ได้กลับมาเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วมั้ยกู มีเมียเก่งแม่งโคตรน่าภูมิใจ เปิดใช้คำขอทีเล่นเอาตัวแทนสภากฎเหวอไปเลย บอกตามตรงใจผมตอนนั้นแม่งกระตุกวูบ เวลามิณทำอะไรแม่งเหนือความคาดหมายของผมตลอด แล้วมิณก