เช้าวันจันทร์..
“อ่ะพี่เหมียว งานร้อนนิดหนึ่งนะคะพี่ ระวังลวกมือ” ฉันส่งเอกสารต้นฉบับที่ได้รับไปเมื่อเย็นวันศุกร์ให้พี่เหมียวแบบง่วงๆ ที่ว่าเป็นงานร้อนก็เพราะมันเพิ่งจะเสร็จตอนเช้าตรู่ของวันนี้ โดยที่ฉันได้พักสายตาไปแค่ชั่วโมงเดียวก่อนจะหอบร่างตัวเองมา ม. ต่อน่ะสิ ง่วงเป็นบ้า ฮ้าววว “ไหวมั้ย ไปหาที่นอนสักแป๊บไป” “อือ” พอพี่เหมียวบอกมาก็ฉันพยักหน้าตอบกลับไปแบบมึนๆ ก่อนจะเดินสะเปะสะปะเข้าไปแถวชั้นหนังสือในมุมมืดๆ แล้วหาที่ทิ้งตัวลงไปทันทีแบบหมดเรี่ยวหมดแรง เอาตรงนี้ละกันเงียบดี มุมอับด้วย… ครืดดด ครืดดด แต่พักสายตาไปได้ไม่เท่าไหร่ มือถือของฉันก็ดันสั่นขึ้นมาขัดจังหวะ ฉันเลยควานหามันในกระเป๋าทั้งที่ยังหลับตาอยู่แบบนี้นี่แหละ ‘P.MEAW’ “อื้อออ ว่าไงคะพี่” พอลืมตามาดูเห็นเป็นพี่เหมียวโทรเข้ามา ฉันเลยกดรับและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้พร้อมจะหลับเต็มที [โมออกมานี่แป๊บ ตอนนี้เลยนะ] “อือ แป๊บนะ” ตริ๊ด! แล้วพี่เหมียวก็วางไป เฮ่อออ.. อย่าบอกนะว่าฉันทำงานพลาดอ่ะ แต่มันก็มีโอกาสนั่นแหละนะ เล่นทำหามรุ่งหามค่ำแบบนั้น ฉันค่อยๆ ลืมตาช้าๆ พอปรับสายตาได้สักพักฉันก็ลุกขึ้นจากมุมอับของห้องสมุดที่สิงอยู่เดินมาหาพี่เหมียวที่เคาน์เตอร์บรรณารักษ์ทันที “งานพลาดหรอพี่” ฉันเอามือเท้าขอบเคาน์เตอร์ที่มีพี่เหมียวนั่งอยู่ด้านใน แล้วอยากจะมุดหน้าลงไปด้วยความง่วงซะจริง แต่พี่เหมียวก็ส่ายหัวก่อนจะตอบกลับมา แล้วหันไปหาผู้ชายอีกคนที่ยืนก้มหน้าดูงานเก่าๆ ของฉันที่ยืนอยู่ถัดออกไป “เปล่า มีงานใหม่” ฉันหันมองตามพี่เหมียวไป ก็เจอกับใครบางคนที่ดูคุ้นๆ แฮะเหมือนจะเป็นหนึ่งในแก๊งค์เทพเจ้าอะไรนั่นล่ะมั้ง “นาย...” ฉันเอ่ยปากทักออกไปอย่างใช้ความคิด แล้วผู้ชายคนนั้นหันมองฉันนิ่งๆ ก่อนที่ฉันจะพูดต่อไปแบบง่วงๆ “...ชื่อไรนะ” เหอะๆ ก็มันจำไม่ได้จริงๆ หนิ คือพอรู้ว่าอยู่แก๊งค์นั้นนั่นแหละ แต่ชื่อแซ่มีใครนักฉันไม่เคยจำอ่ะ หรืออาจเพราะฉันเห็นหมอนี่บ่อยตาม Know more ที่เป็นแอพพลิเคชั่นยอดฮิตของมหาลัยด้วยมั้งก็เลยจะคุ้นกว่าคนอื่นหน่อย “เลโอ” ผู้ชายตรงหน้าตอบมาสั้นๆ ฉันเลยพยักหน้าให้และถามออกไปแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก “อืม มีไร?” เอาจริงตอนนี้ถึงคนรอบข้างจะซุบซิบๆ แล้วชี้มาที่คนตรงหน้าฉันอย่างระริกระรี้กันแค่ไหนก็เถอะ แต่คือ..ใครจะกรี๊ดแก๊งค์นี่ก็แล้วแต่นะ แต่ฉันน่ะโคตรง่วงเลยจริงๆ ตรงไหนมีที่ให้นอนบ้าง “น้องเลโอ..นี่โมเน่ต์ เด็กอักษรฯ ปี 3 งานแปลเอกสาร พิสูจน์อักษรเป็นงานถนัดของโมมัน เนื้องานก็ตามนี้เลย ถ้าไม่ติดอะไรพี่แนะนำคนนี้ค่ะ” แล้วพี่เหมียวก็แนะนำฉันให้คนนั้นตรงหน้ารู้จัก ส่วนเขาก็พยักหน้ารับรู้เบาๆ และมองมาด้วยสายตาที่ดูเป็นมิตร อ๋อ.. เลโอ Nightshade เริ่มคุ้นขึ้นมาละ.. ประมวลผลได้บ้างละ อือๆ “ปี 3 งั้นก็รุ่นพี่ ตรงๆ เลยนะเจ๊งานนี้ผมโคตรรีบ อยากได้ศุกร์นี้ทำทันมั้ย” แล้วท่าทางนิ่งๆ ของคนตรงหน้าฉันก็เปลี่ยนไปเป็น Friendly ขึ้นมาทันตา ก่อนที่หมอนี่จะยื่น Text หนาๆ เล่มหนึ่งมาให้ฉันด้วยท่าทางรีบร้อนจริงๆ แต่เรียกฉันว่าเจ๊เนี่ยนะดูแก่ชะมัด “คุยเรทกันแล้ว?” ฉันหันไปถามพี่เหมียวกับเลโอสลับกัน แล้วทั้งสองคนก็พยักหน้าออกมา “อืม ของานดีก็พอ” เลโอตอบกลับมา แต่ดูท่าหมอนี่ก็ไม่ได้ใส่ใจจำนวนเงินที่ต้องจ่ายฉันเท่าไหร่อยู่แล้วนี่นา ก็ใส่แบรนด์เนมทั้งตัวแบบนั้นอ่ะนะ แค่ค่าแปลภาษากิ๊กก๊อกขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกมั้ง “อือ..งั้น Deal” ฉันตอบไปแล้วรับ Text ในมือเลโอมาเปิดดูนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า แล้วหมุนตัวกลับไปหาชั้นหนังสือหนีเข้ามุมนอนต่อรอเรียนคาบบ่ายหลายวันต่อมา..
ครืดดด ครืดดด MEAW : โม วันนี้พี่ลา MEAW : แต่แกมีนัดส่งงานเลโอใช่ป้ะ ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งเรียนแบบสัปหงกเพราะมัวแต่เอาเวลานอนไปโฟกัสอยู่กับไอ้ Text บ้ามหากาฬของเลโอ Nightshade ที่มันโคตรยาก โคตรหิน แถมศัพท์เฉพาะโคตรเยอะทำให้ต้องหาข้อมูลหลายๆ คืนติดกันจนร่างแทบพัง มือถือก็สั่นแจ้งเตือนว่าพี่เหมียวก็ไลน์เข้ามา ฉันเลยตอบกลับไปทันที MONÉ : ใช่พี่ MEAW : งั้นเอา contact ไปติดต่อกันเองนะ ว่าจะนัดรับที่ไหน MONÉ : ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ MEAW ส่งรายชื่อผู้ติดต่อถึงคุณพอได้ Contact ของหมอนั่นมาฉันก็ทักไปทันที แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะตอบกลับมา
MONÉ : วันนี้พี่เหมียวลา MONÉ : นายจะนัดรับ Text ที่ไหน? อืม..ช่างเหอะ ว่างเดี๋ยวก็ตอบเองแหละ แล้วฉันก็เลคเชอร์ต่อทั้งที่ง่วงๆ แบบนี้แหละ ชีวิตฉันมันจะง่วงแบบนี้ตลอดเวลาเลยรึไงเนี่ยฮะ แต่ก็ช่วยไม่ได้.. ไม่มีพ่อแม่สายเปย์เหมือนคนอื่นเขานี่ กว่าได้ทุนเรียนที่นี่ตลอดหลักสูตรก็อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำแบบนี้จนชินไปละ แล้วข้อสอบที่นี่คือหินมาก นึกแล้วยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะผ่านมันมาได้ ครืดดด ครืดดด แล้วสักพักมือถือฉันก็สั่นแจ้งเตือนอีกครั้ง คราวนี้พอหันไปดูก็เห็นเป็นเลโอตอบกลับมา ฉันเลยละสายตาจากสมุดเลคเชอร์หยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านทันที LEO : ผมออกมาทำกิจกรรมนอก ม. LEO : รบกวนฝากไว้ที่ Nightshade ทีครับ ใครก็ได้ MONÉ : เค LEO : ขอบคุณครับ ฉันอ่านแล้วตอบกลับไปก่อนจะนึกขึ้นได้ทีหลังแล้วนั่งมึนๆ อยู่สักพัก.. ให้ฝากไว้ที่ Nightshade คนไหนก็ได้อ่ะเข้าใจ แต่ฉันรู้จักใครในแก๊งค์เทพเจ้านั่นบ้างวะเนี่ย =_=? แล้วก็ดันตอบตกลงหมอนั่นไปซะงั้นอ่ะ เออ.. หาเรื่องให้ยุ่งยากแท้ๆ ครืดดด ครืดดด LEO ส่งรูปภาพถึงคุณ MONÉ ส่งสติ๊กเกอร์ หลักจากตอบกลับไปได้ไม่นาน มือถือก็สั่นแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าบัญชี พร้อมกับเลโอที่ส่งรูปภาพสลิปการโอนมาให้ในไลน์ ฉันเลยส่งสติ๊กเกอร์กลับไปว่ารับรู้แล้วและกดปิดจอไปทันที พอจบคาบเรียนฉันแอบไปถามเพื่อนในคลาสมาละว่าจะเจอใครสักคนใน Nightshade ได้ที่ไหน และทุกคนก็แนะนำให้ไปที่ตึก IST เห็นแต่ละคนบอกว่ามันจะมีห้องอะไรสักอย่างที่ Nightshade ชอบไปสิงสถิตกันในนั้น ก็นะ.. งั้นไปห้องนั้นละกันยังไงก็ต้องสักคนแหละน่า ใช้เวลาไม่นานฉันก็เดินมาถึงหน้าห้องๆ หนึ่งที่เดาว่าน่าจะใช่ห้องที่พวกเพื่อนๆ ในคลาสแนะนำมาและไม่ลังเลที่จะเปิดประตูเข้าไป จะได้รีบฝากงานไว้เพราะอยากกลับห้องไปนอนเต็มที แกร๊กกก แอ๊ดดด แต่พอก้าวขาเข้ามาข้างใน ห้องทั้งห้องกลับเงียบกริบ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่เลยสักคน เหอะ.. อย่าบอกนะว่ามาเสียเที่ยวน่ะ ฉันหันมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจแต่ก็ไม่เจอใครเลยนอกจากโน๊ตบุ๊ค โต๊ะทำงาน โซฟารับแขก และพวกเอกสารอื่นๆ เลยถอนหายใจออกมาแบบเซ็งๆ แล้วหมุนตัวกลับไปที่ประตู เฮือก ! แต่พอหันกลับมาฉันถึงกับต้องสะดุ้ง เพราะดันมีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังฉัน ซึ่งหมอนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มาแบบเงียบมาก ฉันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลยด้วยซ้ำ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านฉันไปนั่งที่โซฟาแบบไม่พูดไม่จา แถมยังส่งสายตาที่ดูแล้วแอบแฝงไปด้วยความน่ากลัวมาให้ “ที่นี่..ใช่ห้อง Nightshade ป้ะ?” ฉันเอ่ยปากถามออกไปแล้วคนตรงหน้าก็พยักหน้าตอบกลับมาแทน แต่ยังส่งสายตาดุๆ นั่นมาไม่หยุด “แล้วนาย..เป็นเพื่อนกับเลโอรึเปล่า?” เออแฮะ มันดูเป็นคำถามที่โง่มากไปมั้ยอ่ะ แต่เท่าที่ดูก็เหมือนจะคุ้นๆ หน้าหมอนี่อยู่นะ และถ้าให้เดาจากภาพรวมนี่...ก็มีเปอร์เซ็นต์ว่าจะใช่ใครสักคนในแก๊งค์เทพเจ้าอยู่ แต่อย่างที่บอกฉันไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว เพราะงั้นถ้าคนตรงหน้าคอนเฟิร์มว่าใช่เพื่อนเลโอจริง ฉันก็จะได้ฝากงานเอาไว้ แล้วผู้ชายคนนั้นก็พยักหน้าออกมาแทนคำตอบ ก่อนจะจ้องมาที่ฉันนิ่งๆ อยู่แบบนั้นไม่หยุด หมอนี่เป็นคนประเภทไหนกัน มนุษยสัมพันธ์แย่สุด พูดบ้างดอกพิกุลมันจะร่วงจากปากรึไง -*- พรึ่บบบ! พอแอบบ่นในใจเสร็จ ฉันก็หยิบ Text ในกระเป๋าพร้อมกับฉบับแปลที่ทำฉันร่างแทบพังออกมาแล้วเดินเอาเข้าไปยื่นให้ แต่หมอนี่ก็ไม่ยอมยื่นมือมารับมัน แถมยังทำท่าทางขี้เก๊กแบบนั้นตลอดเวลา ฉันเลยโยนมันไว้บนโต๊ะนั่นแหละ จะเแอคทำไมให้เสียเวลา น่าหงุดหงิดชะมัด! ตึงงงง! “เลโอให้ฝากไว้” หลังจากที่ฉันโยน Text ลงบนโต๊ะ ดวงตาคมเข้มดูดุดันก็ก้มมองมันและตวัดสายตาขึ้นมามองฉันทันที เออ ยอมรับว่าสายตานั้นมันน่ากลัว แต่ช่วยไม่ได้..หมอนี่ไม่มีมารยาทก่อนเอง! แล้วฉันก็หมุนตัวกลับไปที่ประตู ก่อนจะนึกได้ว่าอย่างน้อยถามชื่อแซ่หมอนั่นไว้หน่อยก็ดีเผื่องานฉันไม่ถึงมือเลโอจะได้ตามกันได้ “นาย..ชื่ออะไร?” ฉันถามออกไปแล้วหยุดฟัง แต่ร่างสูงบนโซฟานั้นกลับจ้องมาที่ฉันอย่างพิจารณาอยู่นานอยู่สองนานกว่าจะยอมตอบกลับมาแบบโคตรประหยัดคำ “เตโช” อ่าหะ.. เตโช Nightshade เหมือนจะเคยได้ยินแหละมั้งจำไม่ได้ พอได้คำตอบแล้วฉันก็เปิดประตูเดินออกจากห้องมาทันที เหอะ! คนอะไรนิ่งชะมัด มีหัวจิตหัวใจรึเปล่าเนี่ยฮะ ตอนเด็กๆ ไม่มีเพื่อนเล่นรึไง ถึงได้ทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้ตลอดเวลาหลังจากประทับตราเสร็จ ติณณ์ก็ให้ฉันเข้ามารอเขาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไปทำธุระแล้วตามเข้ามาทีหลัง พอติณณ์เดินมาทิ้งตัวลงทั้งข้างฉันปุ๊บ ฉันเลยถามถึงเรื่องวันนี้ออกไปอย่างสงสัยทันที“ถามได้มั้ย? ติณณ์รู้ได้ยังไงว่าสภากฎ....”“ท่านปู่บอก”ฉันยังพูดไม่ทันจบติณณ์ก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน คำถามนี้ฉันว่าใครๆ ก็สงสัยอ่ะ เพราะดูเหมือนเขาจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เสียเวลาทะเลาะกับคิระตั้งนานหรอก จริงมั้ย…“แล้ว..ท่านปู่ได้บอกมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”ฉันทำหน้าสงสัยออกไปเพราะลึกๆ ก็อยากรู้... มันจะด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ถึงทำให้สภากฎที่ดูจะน่าเคารพนับถือทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ Make sense เอาซะเลยแฮะ แล้วติณณ์ก็พยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านปู่ออกมา“แม่ติณณ์ไปรู้มา..ว่าสภากฎจะยึดอำนาจ Dark Shadow เลยจำเป็นต้องกำจัดทายาททุกคนเพื่อให้ไม่มี Leader อีกต่อไป ซึ่งตอนนั้นว่าที่ Leader และ Leader’s Wife คือพ่อแม่ติณณ์และลุงกับป้า ...หรือพ่อแม่คิระ”พรึ่บบบ!พูดจบติณณ์ก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันอุ้มขึ้นไปนั่งตักเขาเบาๆ แล้วมุดหน้าของเขาลงมาใช้คางเกยไหล่ฉันเอาไว้“ท่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!“.....”เสียงปืนดังสนั่นอยู่นานกว่าจะหยุด ฉันเลยใช้จังหวะนี้คว้ามือเลโอออก ก่อนจะหันไปเห็นโศกนาฏกรรมที่ทั้งติณณ์และคิระที่น่าจะเพิ่งเข้าใจอะไร กราดกระสุนรัวใส่ตัวแทนสภาฯ จนไม่หลงเหลือลมหายใจ แถมเลือดสีแดงฉานยังเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แล้วเลโอก็รีบยื่นมือมาจะปิดตาฉันอีกแต่ยังคว้ามือเขาเอาไว้ และพูดออกไปเสียงเรียบหมับ!“นั่นติณณ์นะเลย์…”ฉันพูดออกไปพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของเลโออย่างต้องการให้เขาเข้าใจ คือภาพตรงหน้ามันน่ากลัวน่ะใช่ แต่นั่นติณณ์ไง! จะให้ฟังแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ใช่เรื่อง!พอฉันพูดจบเลโอก็พยักหน้าแล้วยอมเอามือออกทั้งที่ยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ แถมยังไม่ยอมถอยออกห่างจากฉันแม้แต่ก้าวเดียวแล้วอยู่ๆ Member กว่าครึ่งหอประชุมที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาที่ดูจะป่าเถื่อนแบบนั้น ก็ถึงกับวิ่งวุ่นลงมาและคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่ติณณ์และคิระแบบไม่เกรงกลัวอะไร เท่าที่ดูคนพวกนั้นน่าจะเคารพในอำนาจของสภาฯ กันมากมายแบบที่ยอมตายแทนได้เลยด้วยซ้ำ“ไอ้พวกสวะ!”เสียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเหมือนตั้งตัวเป็นอร
@ DARK SHADOW CASTLE (JAPAN)ผลัวะ!เสียงฝ่ามือของรันเวย์กระทบเข้าที่หัวของติณณ์อย่างแรงพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉันท้อง ตามมาด้วยเสียงบ่นอุบอิบอย่างเอาแต่ใจจน Nightshade คนอื่นๆ ถึงกับส่ายหน้าให้กับความพาลหาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปทั่วของพ่อลูกอ่อนขี้เหวี่ยงตรงหน้าฉัน“ไวนัก! ไม่ต้องเสือกคลอดก่อนล่ะ”พูดจบรันเวย์ก็ถลึงตาใส่ติณณ์ คือต้องใช้คำนี้จริงๆ อ่ะ เขาถลึงตาแบบจริงจังมาก! เดี๋ยวนี้หมอนี่อาการหนักน่าดู คือกลัวขั้นสุด กลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นน้อง ซึ่งมันตลกชะมัด!“หึ..ก็ไม่แน่”แล้วติณณ์ก็ตอบกลับไปแบบกวนๆ จนรันเวย์ยิ่งหงุดหงิดหนัก เดินไปตบหัวบรรดาพ่อลูกอ่อน Nightshade ทั้งหมดแบบเรียงตัวอีกทีอย่างหมั่นเขี้ยวผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!“ไอ้พวกเวร!”เขาบ่นอุบอิบออกมาแบบพาลๆ แล้วเดินกลับมานั่งหน้าบูดต่อจนเจด้าถึงกับออกอาการเอือมๆแต่ก็แอบขำในท่าทางนั้น แล้วติณณ์ก็ยังไม่วาย..พูดออกมาแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้ง แถมยังลอยหน้าลอยตาใส่รันเวย์อย่างอารมณ์ดีว่าใครในตอนนี้“เห็นแก่เพื่อนเหอะ ให้ลูกกูเป็นพี่”พอติณณ์พูดจบเท่านั้นแหละ รันเวย์ก็ชี้หน้าติณณ์กลับมาแบบเกรี้ยวกราดมาก แล้วโพล่งออกม
“อีกทีได้นะติณณ์..แต่มิณท้องเพิ่มไม่ได้แล้ว :)"พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทำหน้าอึ้งออกมาแบบเห็นได้ชัด แล้วถอดท่อนเอ็นของเขาออกจากร่างกายของฉันแบบรีบร้อนและตกใจ“พูดใหม่มิณ.. พูดอีกที”ติณณ์จ้องหน้าฉันและพูดซ้ำๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ แม้เขาจะดูตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูตื่นเต้นมากจนฉันหลุดยิ้มให้กับท่าทางนั้น และชี้นิ้วไปที่ติณณ์ช้าๆ“...นี่พ่อ”ก่อนจะย้อนกลับมาชี้ตัวฉัน…“...นี่แม่”และจบลงด้วยการชี้ไปที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองที่ด้านในมีบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น โดยที่ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตัว ซึ่งเขาก็มองมาอย่างตั้งใจฟัง“นี่ลูก”“หึ...”พรึ่บบบ!พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วและกอดฉันไว้แน่นมาก แถมยังมุดหน้าหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างดีใจ จนฉันอดแซวทั้งที่ยังขำกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ >__มัวแต่ดีใจ คิ
พรึ่บบบ พลั่กกก “อื้อออ~”ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำ ติณณ์ก็วางร่างฉันลงแล้วดันตัวฉันให้ถอยไปติดกับผนังห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำฝักบัว และประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างรวดเร็วและร้อนแรงผ่านม่านน้ำจากฝักบัวตรงหน้าติณณ์แทรกลิ้นของเขาเข้ามาไล่ต้อนลิ้นฉันอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระชากเสื้อผ้าของฉันจนขาดวิ่นหลุดติดมือ แล้วโยนมันออกไปแบบสนใจทิศทางใดๆ สักพักเขาก็ผละจูบออกแล้วโน้มตัวลงมาทิ้งรอยมากมายบนตัวฉันในพริบตา“อื้อออ อ๊ะ!”ฉันร้องครางออกไปอย่างเสียวซ่านกับสัมผัสที่ติณณ์มอบให้ และเลื่อนมือไปขยำกลุ่มผมของติณณ์เอาไว้อย่างระบายอารมณ์ พร้อมกับเงยหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ…แล้วติณณ์ก็เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมหน้าอกของฉันเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ บีบเคล้นมันเบาๆ จนแรงขึ้น..แรงขึ้นตามลำดับ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายฉัน จนฉันเคลิบเคลิ้มล่องลอยตามรสสัมผัสของเขาไปอย่างกู่ไม่กลับ“อย่าอ่อยบ่อยได้มั้ย…”ติณณ์พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหายใจถี่ขึ้นตามระดับความรุนแรงของการกระทำ และเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงตัวเองอย่างรีบร้อน แต่ฉันกลับปัดมือเขาออกแล้วเป็นฝ่ายปล
::: TECHO :::หลังจากเสร็จภารกิจทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รวมถึงผมกับมิณที่กำลังขับรถกลับคอนโด ส่วนเรื่องคำพิพากษาไอ้คิระกับคำอธิบายเรื่องข้อตกลงของ Emergency Privilege ทั้งของผมและมิณ จะมีการเรียกประชุม Member ทั้งหมดที่ Dark Shadow Castle (JAPAN) ในอีกสองวัน ซึ่งก็จะตรงกับวันสถาปนาพอดี และ Nightshade ที่มีเอี่ยวด้วยวันนี้จะต้องไปฟังคำพิพากษาร่วมกันทั้งหมด“ยิ้มไรคนเดียว”พอหันไปเห็นใบหน้าเล็กกำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีและดูจะแฮปปี้เกินเรื่องไปหน่อยทั้งที่วันนี้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ผมเลยถามออกไปแบบงงๆ ในท่าทางที่แปลกไป แล้วมิณก็ตอบกลับมา“เปล่าหนิ”ใบหน้าเล็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ดูจะปกปิดรอยยิ้มในแววตานั่นไม่มิด หน้าผมมีไรติดหรอวะ -.-? หรือมิณไปกินไรผิดมาตั้งแต่ที่เกาะละ วันนี้เมียแลอารมณ์ดีจัด“มีไรบอกมา”ผมส่งเสียงเข้มออกไป แล้วเอามือไปยีหัวมิณซ้ำๆ อยู่หลายที หึ..เกือบจะไม่ได้กลับมาเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วมั้ยกู มีเมียเก่งแม่งโคตรน่าภูมิใจ เปิดใช้คำขอทีเล่นเอาตัวแทนสภากฎเหวอไปเลย บอกตามตรงใจผมตอนนั้นแม่งกระตุกวูบ เวลามิณทำอะไรแม่งเหนือความคาดหมายของผมตลอด แล้วมิณก