@ Treatise Univ.
(ภาคฤดูร้อนก่อนเปิดเทอม) ตึงงงง! “ไอ้ห่าเชนแม่งคึกเหี้ยไรชวนพวกกูลงซัมเมอร์วะ เสียเวลาปิดจ๊อบฉิบหาย!” กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกโยนลงตรงหน้าฉันพร้อมกับเสียงบ่นอุบอิบของไอ้ดิว ส่วนไอ้หมิวกับไอ้พอร์ชก็ลากสังขารเดินตามมาด้วยท่าทางไร้วิญญาณ “ชวนห่าไร แม่งเผด็จการ!” “หึ...” ฉันหลุดขำในลำคอพอได้ยินคำพูดประชดประชัน ก็จริงของพอร์ชมัน..จะเรียกว่าชวนก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะเชนมันเล่นมัดมือชกทุกคนด้วยการลงทะเบียนเรียนซัมเมอร์พร้อมจ่ายค่าเทอมให้พวกเราเสร็จสรรพ ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่พวกมันนอยด์กันอยู่ตอนนี้ ก็เพราะเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีชื่อลงเรียนซัมเมอร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ไอ้หมิวที่กำลังแพ็คกระเป๋าจะไปชะอำ กับไอ้ดิวที่มีนัดกับสาวๆ ก็ต้อง Cancel กลางคัน หนักกว่านั้นคือไอ้พอร์ชที่ต้องหาไฟล์ทด่วนบินกลับจากฮ่องกงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ จนสภาพมันตอนนี้ แค่ทิ้งตัวลงนั่งก็สลบเป็นตายอยู่ข้างฉันไปแล้วเรียบร้อย “ขำไรไอ้เฟรย์ มึงรู้เห็นกับมันใช่มั้ยฮะ เก็บเงียบเลยนะไม่บอกกูสักคำเนี่ย!” หมิวมันหันมาชี้หน้าฉันแล้วทำหน้าตาเอือมระอาพร้อมจับผิด ก็นะ... “แค่เดินผ่านไปถ่ายรูปแถวนั้น โทษมัน อย่าลามมา” พูดจบฉันก็ชี้เป้าไปที่ตัวปัญหาที่เพิ่งจะเดินเข้ามา แต่เชนมันกลับทิ้งตัวลงนั่งทำหูทวนลมไม่สนใจจนไอ้ดิวถึงกับกุมขมับโอดโอยออกมายกใหญ่ “มึงเดินผ่านไปถ่ายรูปแถวห้องลงทะเบียนแล้วลากยาวไปถึงห้องการเงินเลยเนี่ยนะ ทีหลังช่วยห้ามมันได้มั้ยว้าาา น้องพิ้งค์กูจีบโคตรนาน เปย์ไปก็ไม่ใช่น้อย เสียระบบหมดล๊าววววว อ๊ากกก T^T” “พอ! งอแงเหี้ยไร ตั้งใจเรียนไป โตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก” ถึงจะพูดติดตลกออกมาขำๆ แต่แววตาเชนมันก็ดูเหมือนกำลังหนักใจกับอะไรบางอย่างจนเห็นได้ชัด “สัส! บ่นเป็นพ่อพวกกูเลยนะ ไปเลยมึงสองตัวอ่ะ ซื้อกาแฟมาโด๊ปหน่อยดิ๊” พอร์ชส่งเสียงอู้อี้ออกมาทั้งที่ยังหลับตาด้วยท่าทางล้าขั้นสุด ดูจากสภาพคงต้องสงเคราะห์มันหน่อยล่ะนะ น่าสงสารซะไม่มี “อืม ขึ้นก่อนเลยถ้างั้น” พรึ่บ! ฉันตกปากรับคำแล้วคว้ากระเป๋าลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ เชนมันก็ลุกเดินตามมาเงียบๆ ผิดวิสัยที่น่าจะร่าเริงพอได้แกล้งไอ้สามคนนั้นแบบนี้ “ไม่ถามนะ” พอเดินมาได้สักพักฉันก็พูดลอยๆออกไป เพราะรู้ว่าเราต่างเข้าใจในความหมายนั้นดี ปกติฉันไม่ใช่คนที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องของใครเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเชนที่สนิทกว่าเพื่อนคนไหนยิ่งไม่ต้องขยายความอะไรให้ยืดยาว “ก็ไม่ได้อยากให้รู้ป่ะวะ” มันตอบกลับมาแล้วนิ่งไป ก่อนจะทิ้งตัวนั่งรอที่โต๊ะ out door หน้าร้านกาแฟด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย อืม หนักอยู่..แต่คงไม่ถึงตาย ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็คงเล่าเองนั่นแหละ กริ๊ง กริ๊ง~ กรี๊ดดดดดดดดดด ‘รุ่นพี่คะ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ’ ‘ได้สิครับ อัพแล้วแท็กมานะ’ แชะ! ‘กล้องนี้ด้วยค่ะรุ่นพี่’ ‘จ้ะ ได้จ้ะ มาพี่กดให้น้า’ แชะ! ‘อร๊ายยยย เค้าจับโทรศัพท์กูอ่ะมึงงง’ ‘กรี๊ดดดด รุ่นพี่คะ จับเครื่องนี้ด้วยค่ะ’ ‘ครับ ได้สิ’ ‘กรี๊ดดดดด ขอบคุณนะคะ’ ‘ชู่ววว ไม่ต้องกรี๊ดพี่ไม่ได้จี๊ดขนาดนั้น’ เฮ่อออออ! ทันทีที่ผลักประตูเข้ามาในร้าน ก็เหมือนฉันก้าวข้ามพรมแดนความสงบสู่ความวุ่นวาย เสียงกรี๊ดและเสียงโหวกเหวกดังก้องไปทั่วจนร้านที่เคยเงียบสงบกลายเป็นหนวกหูจนน่าหงุดหงิด แต่ถามว่าแปลกใจมั้ยก็ไม่ ถ้าให้เดาว่าคนที่มีอิทธิพลต่อเสียงหวีดจนแสบแก้วหูพวกนี้เป็นใคร คำตอบง่ายๆ ก็ Nightshade ไง แต่ถ้าให้เจาะจงว่าคนกลางวงล้อมนั่นคือใคร... จำเป็นต้องใส่ใจมั้ย? มาซื้อกาแฟรึเปล่า พรึ่บบบ! ฉันเดินฝ่าวงล้อมความวุ่นวายนั้นเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์แบบเซ็งๆ ท่ามกลางสีหน้าไม่พอใจของเหล่าแฟนคลับ Nightshade ที่เสี้ยวนาทีพอฉันเดินปาดหน้าก็ส่งสายตาจิกกัดกันกะเอาตาย -.- กลับมาที่คำถามเดิมต้องสนมั้ย? ก็ไม่อยู่ดีไง เพราะถ้าให้เดินอ้อมวงล้อมแปดร้อยเอเคอร์มาที่หน้าเคาน์เตอร์คงเหนื่อยตาย ถามจริง..เรียนโรงเรียนหญิงล้วน หรือย้ายมาจากดาวไหน ไม่เคยเจอผู้ชายกันรึไง “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ ^_^” “เอา..เอสเพรสโซ่โทนิค เมลโล่มอคค่า โคล่าเพรสโซ่ ฮันนี่บอมบ์ แล้วก็...” “...แฟร์รี่เบอร์รี่” ขวับ! “ฮู่ววว อย่าได้ทักเชียว” ฉันถอนหายใจแล้วพูดขัดออกไปพอเห็นว่าคนที่พูดแทรกขึ้นมาเป็นใคร จริงๆ หมอนี่นี่แหละเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ฉันไม่ตื่นเต้นกับการเจอ Nightshade ตัวเป็นๆ เท่าไหร่ แถมยังเป็นคนแนะนำแฟร์รี่เบอร์รี่ให้ จนฉันติดงอมแงมจนถึงทุกวันนี้ไง “ไอ้เชนไปไหน?” “บอกว่าไม่คุยเว้ย” ฉันสวนกลับไปแล้วเมินใส่ ไม่ใช่เพราะกลัวโดนแฟนคลับ Nightshade มาถล่มหรืออะไร แค่..ไม่รู้ต้องใช้คำไหน รำคาญที่รู้จักคนดังได้มั้ย? รู้สึกชีวิตมันจะวุ่นวายถ้าออกตัวว่าเคยซี้จนตบหัวกันได้ “หึ...แน่ใจ?” แล้วร่างสูงที่ยืนข้างกันก็หลุดขำในลำคอเหมือนสะใจ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากและเลิกคิ้วออกมายกใหญ่ “ไสหัวไปเลยไป” ฉันกัดฟันพูดแล้วกลอกตาใส่ คิดว่าหมอนี่สำนึกมั้ยให้ทาย? ถึงจะยอมเดินห่างออกไป แต่ท่าทางที่ดูสะใจไม่น้อยมันบอกชัดว่าไอ้บ้านั่นกวนประสาทขนาดไหน แล้วไอ้แจ๊คเก็ตสีดำนั่น จะใส่ทุกวันไม่ซักเลยรึไง -_-? กรี๊ดดดดด ‘รุ่นพี่คะ รุ่นพี่ยิ้มหน่อยน้าาา มองกล้องนี้หน่อยค่า~’ ‘อร๊ายยย วันนี้รุ่นพี่เข้า Ztudio มั้ยคะ ออกมาข้างนอกบ้างสิคะ >_<” ‘เสาร์นี้รุ่นพี่ว่างมั้ยค้าาา~’ เออ เอาเข้าไป..ทั้งไอ้บ้านั่น ทั้งความเบียดเสียดหน้าเคาน์เตอร์ที่น่าอึดอัดจะตาย วันนี้มันจะมีใครทำอะไรถูกใจฉันบ้างมั้ยเนี่ย =_=? ฉันยืนอุดอู้อยู่ข้างเคาน์เตอร์อย่างข่มใจ ไม่ใช่ไม่มีที่นั่งแต่มันไม่รู้จะนั่งยังไง เพราะไอ้วงล้อมตรงหน้านี่มันทั้งใหญ่และวุ่นวายจนโต๊ะกับเก้าอี้กระจัดกระจายมั่วไปหมด “เอสเพรสโซ่โทนิค เมลโล่มอคค่า โคล่าเพรสโซ่ ฮันนี่บอมบ์ แฟร์รี่เบอร์รี่ได้แล้วค่าาา~” “ช็อกโกแลตซิกเนเจอร์ได้แล้วค่าาา~” เสียงตะโกนของพนักงานสองคนที่ดังแข่งกับเสียงกรี๊ดในร้านทำให้ฉันละสายตาจากความชุลมุนของใครต่อใครที่กำลังรุมคนกลางวงล้อมนั่นจนน่าจะขาดอากาศตายหันกลับมารับแก้วกาแฟที่สั่งไว้จนเต็มมือ แต่แค่หมุนตัวก้าวขาออกจากเคาน์เตอร์มาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีแรงปะทะมหาศาลจากคนที่พยายามจะแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมนั้นแล้วโดนผลักจนเซถอยออกมากระแทกกับฉัน ลำพังแก้วกาแฟในมือฉันน่ะไม่เป็นไร แต่แก้วช็อกโกแลตของลูกค้าอีกคนที่โดนกระแทกเหมือนกันดันเสียหลักพุ่งเข้ามาคว่ำใส่จนฉันเปียกโชกในพริบตา พลั่กกก! ซ่าาาา! “จิ๊!” แล้วความอดทนของฉันก็หมดลงทันที เพราะเกลียดที่สุดคือความสกปรกเลอะเทอะแบบนี้ และหนวกหูจนกำมือแน่นเลยล่ะตอนนี้ไอ้ภาพความวุ่นวายและอะไรที่มันขัดตาเพราะคนทำสำนึกไม่ได้เนี่ย พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! “โอ๊ย / ว๊าย / อร๊าย” ฉันวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินฝ่าวงล้อมที่น่าอึดอัดเข้าไปจนถึงกลางวงจนเจอแผ่นหลังของร่างสูงในยูนิฟอร์มมหาลัย ก่อนจะคว้าแขนหมอนั่นอย่างแรงให้หมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากัน แล้วเอื้อมมือไปกระชากเนคไทดึงคอเสื้อหมอนั่นลงมาพร้อมกับตะคอกออกไป “ไอ้บ้าเอ๊ย! ไปหว่านเสน่ห์ที่อื่นไม่ได้รึไง?!!” “......” แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมร้านทั้งร้านทันที เช่นเดียวกับที่คนหันมาก็ดูจะทำหน้างงๆ และดูอึ้งไป “ขะ..ขอโทษครับ” สายตาของคนตัวสูงก็ก้มลงสำรวจเสื้อสูทที่เปียกโชกของฉัน ก่อนจะมองย้อนไปข้างหลังจนน่าจะพอประเมินสถานการณ์ได้ “เจ็บตรงไหนมั้ย เอาของผมไปใส่ก่อนก็ได้” หมับ! พรึ่บบบ! “อุ่ย...” ฉันปัดออกทันทีที่มือหนาถูกเลื่อนมาโดนตัว ก่อนที่หมอนั่นจะชะงักไปแล้วยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้แต่ก็แอบอมยิ้มทำตาปริบๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร จิ๊! “อ้อ...” ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาทะเล้นนั่นแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอออกไป แล้วร่างสูงก็เหมือนจะนึกได้ รีบกุลีกุจอถอดเสื้อสูทของตัวเองออกและยื่นมันมาให้ ฉันเลยสะบัดเนคไทหมอนี่ที่อยู่ในมือออกไป พร้อมถอดสูทที่โคตรจะเลอะของตัวเองปาใส่หมอนี่เต็มแรง พรึ่บบบ! “ไปซักมาคืนด้วย!” “คะ..ครับ รับทราบครับ ^^” พรึ่บบบ! พูดจบฉันก็คว้าสูทตัวใหญ่ที่ถูกเสนอให้มาคลุมร่างตัวเองไว้ เพราะช็อกโกแลตมันซึมเข้ามาข้างในจนเกือบจะเห็นชั้นในอยู่ละ ก่อนจะหมุนตัวเดินฝ่าสีหน้าที่อึ้งทึ่งกันยกใหญ่ของคนรอบข้าง แต่ก็ถูกคว้าแขนไว้ด้วยมือใหญ่ที่แค่ออกแรงกระชากเบาๆ ก็รั้งตัวฉันไว้โดยไม่ต้องพยายามอะไร หมับ! พรึ่บ! ฉันสะบัดมือหนานั่นออกอีกครั้ง ไอ้หมอนั่นก็ทำตาปริบๆ แล้วส่งยิ้มกว้างหว่านเสน่ห์มาให้ “เอ่อ..ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ^^” ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนหน้าหมอนั่น กับน้ำเสียงที่ดูร่าเริงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแบบนั้นฉันยิ่งหัวร้อนตัวสั่น ไอ้ท่าทางทีเล่นทีจริงที่ทำอยู่ คือหมอนี่สำนึกผิดสุดในชีวิตแล้วรึไง! พรึ่บบบบ!!! ‘เฮ้ยยย O[]O’ ฉันกระชากเนคไทหมอนี่ แล้วดึงคอเสื้อลงมาอย่างแรงอีกครั้ง จนเหล่าแฟนคลับตาโตเดือดร้อนกันพัลวัน ก่อนจะกัดฟันพูดออกไปสั้นๆ “น่ารำคาญ!!!” พลั่กกกก! พูดจบฉันก็ผลักร่างสูงเทอะทะนั่นออก แล้วเดินมาคว้าแก้วกาแฟเปิดประตูร้านออกมาอย่างไม่พอใจ “ผอมลงรึไง เสื้อตัวใหญ่ขึ้นเยอะ” เชนมันเข้ามารับแก้วกาแฟในมือฉันไป แล้วเอ่ยปากพูดบางอย่างที่ไม่เข้าหูชวนให้อารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมขึ้นมาใหม่ “อยากใส่ตาย” ฉันตอบกลับไปแล้วมองสภาพตัวเองที่โคตรเละจนอยากกลับไปอาบน้ำใหม่ -.- “คาบเดียวเอง ทนไป” พูดจบเชนมันส่งสายตาเป็นเชิงให้ติดกระดุมเสื้อสูทปิดส่วนที่เปียกโชกไว้ “พูดง่าย ไม่ลองโดนเองดูบ้าง” ฉันบ่นๆ ออกไป แล้วเอื้อมมือมาติดกระดุมพร้อมกับจ้องหน้าเชนอย่างรู้อยู่แล้วว่ามันจะพูดอะไร แล้วก็ใช่อย่างที่คิดจนได้ “หมดฤดูจำศีลแล้วรึไง ถึงออกมาอาละวาดได้ ฮ่ะๆ” แล้วเชนมันก็เดินขำนำไป ส่วนฉันก็ปรายตามองคนในร้านที่ก็กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้าซ้ำๆ อยู่ได้ เหอะ! ไม่ได้อยากรู้จักแต่ก็ดันจำได้ ประธานชมรมวารสาร... ทายาทเจ้าของมหาลัย... เลโอ Nightshade! ———————————————— รฐนนท์ ธีระธาดา (เลโอ) Journal Club’s PRESIDENT KING OF IE กำลังศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ (ปี 2) ทายาทเจ้าของมหาลัย Treatise Univ. บุคลิก : เฟรนด์ลี่ น่ารัก คึกคัก รักทุกคน โหมดธรรมดาใจดีขี้อ้อน connection เหลือล้น โหมดทำงานจริงจังจนเปลี่ยนเป็นคนละคน (สมาชิกชมรมรู้ดี -_-) งานอดิเรก : ไม่มี ของสะสม : ไม่มี สเปคสาวในฝัน : ไม่มี เอ้ย จริงๆ ก็มี แต่ไม่บอกหรอก ปล.ไม่ต้องกรี๊ดพี่มาทุกวันนนน รวั๊กนะะะ ————————————————“คิระ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ไม่ใช่แค่ฉันหรอก แต่ DS Member ทุกคนก็ดูสับสนพอกัน ถ้าเรียกตัวคืนสู่สังกัด แปลว่ามาโครอยู่สังกัดของเรา? แต่จะเป็นไปได้ไงก็ในเมื่อแม็ค...“ว่ากันว่า...ถ้าจะหลอกศัตรูให้ตายใจ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ซะก่อน”คิระเดินตรงเข้ามาหาฉัน และมองลงไปที่กลางสนามประลอง เห็นแม็คกับเลย์ยืนอยู่ข้างล่างท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนั้นกับติณณ์และท่านพ่อ ก็ยังหันมาดูปฏิกิริยาของฉันด้วยซ้ำพรึ่บ! หมับ!ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ก้าวขาจะเดินลงไปข้างล่าง แต่คินมันดันมาคว้าแขนไว้ และกระชากกลับไปอย่างแรง พร้อมกับพูดด้วยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ติณณ์“ครั้งนี้ไม่เอาตัวแถม ถ้าพวกมันรักเธอ...พวกมันก็มีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”แล้วพอคินพูดจบ อยู่ๆติณณ์ก็โยนดาบคาตานะสองเล่มให้แม็คกับเลย์ที่ก็ยื่นมือไปรับมัน นั่นทำให้ฉันวิตกขึ้นมา เพราะแม็คน่ะ...ใช้ดาบคาตานะคล่องมากอยู่ละ แต่เลย์กับดาบคาตานะน่ะ...“ศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่เห็นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้น”“สำนักเดียวกัน?” ฉันหันไปหาคินด้วยสีหน้างงๆ“ก็ใครสอนไอ้แม็ค? ใครประทับตราให้มัน?”คิระตอบกลับคำถามขอ
สองวันต่อมา...@ Dark Shadow Castle (JAPAN)“โห สวยมากกกก เจ๊คือสวยในสวย สวยโคตรๆ สวยแบบถ้าเลย์เห็นต้องยกเลิกงานแต่ง ลากไปขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาพบผู้คนแน่ๆ O[]O”เสียงนิลลาอวยฉันที่ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาในชุดเจ้าสาวที่เคยใส่แล้ว แต่วันนี้มันดูแปลกตากว่าครั้งนั้น คงเพราะทรงผมที่ทำมันไม่เหมือนกันล่ะมั้ง“หรอ -/////- แต่นั่นน่าจะเป็นนิสัยดิบเถื่อนของพายุมากกว่า”“แหะๆ อย่าเปิดประเด็นนินทาพายสิคะ รายนั้นยิ่งชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้แต่งๆอยู่ได้ ไม่สนใจคนรอบข้างเลยอ่ะ -*-”“อ้าวโรส เฮียพายมาหรอ”“เย้ยยย ไอ้ด้า! เดี๋ยวกูตบกบาล”อ๋อ! รู้ละอีกอย่างนึงที่มันต่าง คือความครื้นเครงในห้องแต่งตัวเจ้าสาวตอนนี้ ที่เต็มไปด้วยบรรดา Nightshade’s Lady มาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้ แถมยังตื่นเต้นกว่าฉันที่สวมชุดเองซะอีก“ก็สวยจริงๆนั่นแหละนะ”โมเน่ต์พูดไปแล้วจัดระเบียบชุดเจ้าสาวของฉันไปด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแบบเคลียร์ใจกันทั้งหมดแล้วก็นะ เพราะฉันกับติณณ์อายุห่างกันนิดหน่อย แถมยังเรียนมหาลัยปีเดียวกัน เราเลยคงสรรพนามเดิมคือเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ๊หรืออะไรจริงจัง เพราะทั้งติณณ์และคิระ ถ้า
หลายวันต่อมา...@ Dark Shadow Castleหลังผ่านการพิพากษาคิระ ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพียงแต่...ไอ้สองพี่น้องขี้เก๊กนั่นมันก็ยังไม่ยอมเปิดใจคุยกันตรงๆสักทีก็...แล้วแต่นะ การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอยู่แล้วนี่อ้อ...ลืมบอกไปนิด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันนี่แหละ ที่เป็นคนประทับตรา Dark Shadow ให้โมเน่ต์ตามคำขอของติณณ์ ซึ่งเราก็ไม่เห็นหน้ากันตรงๆหรอกนะ ฉันเข้าไปประทับให้ตอนที่เธอหันหลัง เพราะยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน และอย่างที่รู้... โมเน่ต์กับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันหรอกตั้งแต่ที่ชมรมละแต่ไม่รู้ไปประทับอะไรผิดพลาดรึเปล่า เพราะอยู่ๆโมเน่ต์ก็ขอให้ติณณ์พามาที่ Castle ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นตลอด Nightshade เองก็แวะเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน จนตอนนี้กลายเป็น Ztudio Nightshade นั่นแหละที่ร้าง ในขณะที่ Castle ฝั่งติณณ์...ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงลั่นไกในห้องซ้อมยิงปืนจาก CCTV ที่เคนชินมันต่อเข้ามานั่งดูในห้องโถงของ Castle ฝั่งฉัน ดังสนั่นแบบที่ไอ้หมอนี่ไม่เห็นหัวเจ้าของ Castle ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ -_-แถมลูกน้องของฉันอีกหลายคนก็กำลังสุมหัว รอลุ้นวิถีกระสุนของโมเน่ต์
อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castleก๊อก ก๊อก ก๊อก...ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่...กำลังเสียใจก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย...แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้“ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่”พรึ่บ!ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไรแต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้“หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป”ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้“เข้าด้วยมั้ย?”คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง
หลายชั่วโมงต่อมา...“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว“คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^”“แล้วสองคนนั้น?”ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.-ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^“คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^”น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...“คนของเราวางบอมบ์ได้ 60% จากพื้นที่ทั้งหมดแล้วครับ พิกัดแรกเราจะระเบิดคลังยาที่…”“คุณโมเน่ต์อาการไม่ดีเลยครับนายหญิง”ระหว่างที่ฉันกำลังสนใจสัญญาณที่คนของเราให้มาเป็นระยะว่าจะระเบิดคลังยานรกแต่ละที่ตอนไหน เคนชินที่หันไปเห็นโมเน่ต์จากภาพใน CCTV ที่เราเลิกสนใจตั้งแต่ติณณ์เดินออกไปก็พูดขึ้นมาได้ฟังแบบนั้นฉันเลยละความสนใจและหันไปดูโมเน่ต์ที่เดินวนไปวนมาโดยมีมือถือเครื่องหนึ่งแนบหู ซึ่งก็คงพยายามโทรหาติณณ์ที่ชิ่งออกไปแบบให้คำตอบคลุมเครือนั่นแหละนะถ้าให้ทาย“คนของเราอยู่ในนั้นแล้วใช่มั้ย?”“ครับ แฝงตัวเข้าไปตอนรายงานพิกัด”“งั้นก็ไม่มีไรต้องกังวลนี่”แล้วจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปดูพิกัดวางระเบิดหลังคุยเรื่องโมเน่ต์กับเคนชิน เสียงคนของเราที่ Castle ฝั่งติณณ์ก็ตะโกนเรียกออกมาดังลั่น‘นายหญิงครับ นายหญิง!!!’ “ว่า?”“คุณโมเน่ต์อยู่ๆก็หมดสติไปครับ”ตึงงงง!ได้ยินคำตอบจากเคนชินที่ตอบแทนลูกน้องที่อยู่ข้างใน ทำให้ฉันรีบผลักประตูและวิ่งข้ามทางเชื่อมตรงไปที่ Castle ฝั่งติณณ์ทันที“เคนชินเรียกรถพยาบาล! โมเน่ต์เป็นอะไร?”ฉันหันไปถามลูกน้องติณณ์ที่กำลังอุ้มร่างโมเน่ต์ที่ไร้ส