LOGINบทที่ 1
หลายเดือนก่อนหน้าพนักงานสาวที่ทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่าง ศิศิราได้ถูกเรียกให้ขึ้นมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขารองประธานบริษัท ใช่! เธอได้เลื่อนตำแหน่ง ถึงแม้มันจะเป็นตำแหน่งที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ทำหรือทำได้ แต่ก็นะผลตอบแทนที่มันมากขึ้นก็ทำให้เธอฮึกเหิมและมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ นี่ไม่ได้งกนะ เขาเรียกว่าทำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ขอบคุณมากนะคะพี่ตาที่เลือกศิ” ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอแทบจะเข้าไปกอดศรุตาด้วยความซาบซึ้งที่อีกฝ่ายเลือกตนมาเป็นผู้ช่วย
“อื้อ! ตั้งใจให้มากๆ นะ ให้สมกับที่ถูกเลือก เอาเป็นว่ามีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอด ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกันไปอีกนาน” ศรุตายิ้มให้
“แน่นอนค่ะ หนูจะตั้งใจ จะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” เธอเข้าไปกอด ศรุตาประหนึ่งเด็กขี้อ้อน พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเทิดทูนบูชา
ตัดมาที่ภาพตอนนี้ ที่เธอได้เลื่อนขั้นจากผู้ช่วยมาเป็นเลขาเต็มตัว เพราะเลขาคนเก่าดันลาไปคลอด ใช่! เธอถูกเทรนมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อหน้าที่อันหนักอึ้งที่แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอได้แห้งเหี่ยวเฉาตายอยู่บนคานแน่ๆ
“อย่าว่าแต่ผัวในชีวิตจริง แม้แต่ผัวในจินตนาการฉันก็หาไม่ได้” เธอก้มมองหนังสือนิยายในกระเป๋าที่ชอบพกติดตัวไปไหนมาไหนตามประสาผู้หญิงที่ชอบเพ้อฝันด้วยความรู้สึกทดท้อ หลายเดือนมานี้เธอแทบไม่ได้หยิบมันขึ้นมาอ่าน ทั้งๆ ที่มันเป็นหนังสือเล่มโปรดที่เธอชอบอ่านเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะออกไปไหนจำต้องหยิบหนังสือนิยายติดมือออกไปด้วยทุกครั้ง เรียกได้ว่าว่างเมื่อไหร่ จะต้องหยิบมันขึ้นมาอ่านทุกที หลายคนอาจจะคิดว่ามันก็แค่นิยายประโลมโลก แต่สำหรับเธอมันมีความหมายมากกว่านั้น เพราะมันทำให้เธอยิ้ม หัวเราะ แล้วก็ร้องไห้ได้โดยไม่ต้องพยายาม และใช่! มันทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วความสุขของเธอก็ถูกริดรอนไป
“เพราะอีตาบอสมหาโหดนั่นคนเดียวเลยที่เอาเวลาของเราไปหมด หืม! ใช้เราประหนึ่งทาสในเรือนเบี้ย ใช้เหมือนแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน ชาติก่อนฉันไปขี้บนหลังคาบ้านคุณรึไงฮะ” เธองึมงำพลางหันไปมองที่ประตูห้องด้วยความขุ่นเคือง ราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงคนข้างใน
“ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เป็นอุปสรรคในการหาผัว เอ๊ย! หาสามีของฉันเด็ดขาด เราจะต้องปฏิวัติ ปฏิวัติให้เขารู้ว่า…เขาไม่มีสิทธิ์ขโมยเวลาของฉันไป” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินตรงไปเคาะประตูห้องเจ้านายด้วยความมุ่งมั่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก สิ้นเสียงเธอก็เปิดประตูพร้อมกับเดินเข้าไปยืนตรงหน้าคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสาร
“บอสคะ!” เธอเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ก่อนรวบรวมความกล้าโพล่งออกมาในที่สุด
“เที่ยงนี้บอสจะทานอะไรดีคะ” คำถามของศิศิราทำให้ภากรต้องเงยหน้าขึ้นมา
‘โอ๊ย! อะไรของแกเนี่ยยัยศิ พูดไปสิว่าแกจะไม่ทำงานล่วงเวลาให้เขา แกจะไม่ไปไหนต่อไหนกับเขาจนไม่มีเวลาพัก ฮือ! ขนาดไม่มองหน้ายังพูดไปคนละเรื่อง แล้วนี่จ้องเขม็งขนาดนี้ ฉันจะพูดออกไปได้ยังไง’ เธอได้แต่โอดครวญในใจ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขาด้วยซ้ำ
“แล้วคุณกินอะไร” จู่ๆ เขาก็ถามออกมา ทำเอาคนถูกถามที่จิตใจยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวถึงกับทำหน้างง
“คะ?”
“ผมอยากรู้ว่าเที่ยงนี้คุณจะกินอะไร” เขาทวนคำถามให้
“เอ้อ! ก็ทั่วไปค่ะ” เธอตอบกลางๆ ไว้ก่อน ด้วยตนนั้นยังไม่ทันได้คิดเหมือนกัน ก็ไอ้ที่เข้ามาไม่ได้จะเข้ามาคุยเรื่องนี้สักหน่อย ที่สำคัญมันควรเป็นเขาไหมล่ะที่ต้องตอบเธอ
“งั้นผมเอาเหมือนคุณ” คำตอบของเขาทำเธอถึงกับออกอาการเลิกลั่กทันที
“เอ่อ…ตะแต่บอสคะ คือ…” ยังไม่ทันที่เธอจะได้อธิบาย เขาก็ย้ำคำตอบเดิมอีกครั้ง
“ผมเอาทั่วไปเหมือนคุณ” ศิศิราเม้มปากแน่น เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังกวนประสาทหรืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ไอ้คำว่าทั่วไปมันก็กว้างเกินไป แล้วที่แย่ยิ่งกว่านั้นมันดันมาจากเธอด้วยนี่สิ พูดมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวเข้าตัวอีก เฮอะ! แต่คนอย่างศิศิราไม่จนตรอกง่ายๆ หรอก
“บอสคะ บอสควรมีจุดยืนค่ะ เรื่องปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ บอสจะมากินตามคนอื่นไม่ได้”
“แต่คุณไม่ใช่คนอื่น” คำพูดโพล่งของเขา ทำเธอหันขวับมามอง
“ผมหมายถึง..คุณเป็นเลขาของผม คุณก็ต้องรู้สิว่าผมชอบไม่ชอบอะไร กินอะไรได้ หรือกินอะไรไม่ได้ ควรกินหรือไม่ควรกินอะไร แล้วอะไรที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับผม”
“โอ๊ย! นี่เลขานะคะไม่ใช่เมีย” เธอเผลอโพล่งออกมาเสียงดัง ก่อนจะรีบเอามือปิดปากหลังนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร
“ก็นี่แหละหน้าที่เลขา เพราะถ้าเป็นเมียคงไม่ได้ทำแค่นี้” พระเจ้า! นี่มันรอยยิ้มปิศาจชัดๆ หลายเดือนที่ทำงานด้วยกันมา เธอก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ
“เอ่อ…โอเคค่ะ งั้นเที่ยงนี้เป็นข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว รอประมาณยี่สิบนาทีนะคะ เดี๋ยวดิฉันเอาเข้ามาให้” เธอสรุปให้อย่างเสียมิได้ ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกไปด้านนอก แต่ทันทีที่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ โทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น
“เข้ามาพบผมหน่อย” เสียงปลายสายทำให้เธอต้องกัดฟันกรอด แต่ก็ทำได้เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเปิดประตูเข้าไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดังเดิม ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่ปลอมมากก็เถอะ
“ต้องการอะไรเพิ่มเหรอคะบอส”
“คุณ” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังชี้มาที่เธอ
“ฉันก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น วาไม่ใช่คนอื่น แต่คุณก็…ฮึ่ย! ช่างเถอะ พูดไปฉันก็ไม่ได้กินอยู่ดี” ศิศิราเม้มปากด้วยความหงุดหงิดขุ่นเคือง ขุ่นเคืองที่ว่าอะไรอีกฝ่ายมากไม่ได้ เพราะเขาเป็นเจ้านาย “อีกนานไหมคะ” ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินไปที่รถด้วยกัน จู่ๆ เธอก็ถามขึ้น ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วและหันมามอง “เนี่ย? อีกนานไหมคะ” เธอย้ำอีกครั้ง พร้อมกับเหลือบไปมองมือเขาที่ยังจับอยู่ที่แขนของเธอ ทำให้คนจับจำต้องรีบปล่อย ซึ่งเป็นตอนที่ถึงที่รถแล้วพอดี คนรถที่เห็นเจ้านายเดินมา ก็รีบเดินมาเปิดประตูรถให้อย่างรู้หน้าที่ “เอ้า! นี่บอสจะขับเองเหรอคะ” เธอร้องถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับแทนที่จะเป็นเบาะหลังอย่างที่ควรจะเป็น “อืม! ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไม่ทัน” คำตอบของเขาทำให้เธอต้องรีบเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งเคียงข้างกันออกไป กระทั่งรถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง “ฉันจำได้ว่าเรานัดลูกค้าไว้ที่โรงแรมไม่ใช่เหรอคะ แต่นี่มัน…” เธอลงมาหยุดยืนอยู่หน้าภัตตาคารด้วยสีหน้างุนงง “รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ท
“ผมหมายถึง ผมต้องการให้คุณเข้ามากินข้าวเป็นเพื่อนผม…ในห้องนี้” เธอได้ฟังถึงกับลอบถอนหายใจ แต่แล้วหัวคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากัน เมื่อได้ทบทวนในสิ่งที่เขาต้องการ “นี่เป็นคำสั่งหรือว่าหน้าที่ที่เลขาต้องทำคะ” นั่นสินะ ก่อนหน้าถ้าเขาไม่ออกไปหาอะไรกินข้างนอก เธอก็มีหน้าที่เตรียมเข้ามาให้เขากินในห้อง เหมือนที่กำลังจะทำตอนนี้ “ก็ถ้าคิดแบบไหนแล้วสบายใจก็แบบนั้นแหละ” สิ้นเสียงเขาก็ก้มลงไปง่วนกับแฟ้มงานต่อ “ตะแต่ว่า…” เธอพยายามจะหาเหตุผลดีๆ สักข้อมาอธิบาย แต่ก็ถูกขัดอีกจนได้ “รีบไปจัดการเถอะ ผมหิวแล้ว” เขาบอกปัด ใช่! ปัดปัญหามาที่เธอนี่แหละ ก็เขาบอกว่าจะกินเหมือนเธอ แล้วเธอก็ดันเสนอข้าวกะเพรา แต่เรื่องของเรื่องคือ…เธอไม่กินใบกะเพรา ฮือ…! นี่สินะที่เขาเรียกว่าอาหารสิ้นคิด ไม่ทันคิดเลยจริงๆ ว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรม เธอเดินคอตกออกมาด้านนอก เพื่อสั่งอาหารที่ว่าด้วยความทดท้อใจ “ถ้าสั่งกะเพราไก่ แต่ไม่ใส่ใบกะเพราได้ไหมเนี่ย ฮือ! สั่งไปมีหวังโดนด่าสามวันไม่ซ้ำแน่ เอาวะกินก็กินว
บทที่ 1 หลายเดือนก่อนหน้าพนักงานสาวที่ทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่าง ศิศิราได้ถูกเรียกให้ขึ้นมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขารองประธานบริษัท ใช่! เธอได้เลื่อนตำแหน่ง ถึงแม้มันจะเป็นตำแหน่งที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ทำหรือทำได้ แต่ก็นะผลตอบแทนที่มันมากขึ้นก็ทำให้เธอฮึกเหิมและมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ นี่ไม่ได้งกนะ เขาเรียกว่าทำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “ขอบคุณมากนะคะพี่ตาที่เลือกศิ” ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอแทบจะเข้าไปกอดศรุตาด้วยความซาบซึ้งที่อีกฝ่ายเลือกตนมาเป็นผู้ช่วย “อื้อ! ตั้งใจให้มากๆ นะ ให้สมกับที่ถูกเลือก เอาเป็นว่ามีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอด ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกันไปอีกนาน” ศรุตายิ้มให้ “แน่นอนค่ะ หนูจะตั้งใจ จะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” เธอเข้าไปกอด ศรุตาประหนึ่งเด็กขี้อ้อน พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเทิดทูนบูชา ตัดมาที่ภาพตอนนี้ ที่เธอได้เลื่อนขั้นจากผู้ช่วยมาเป็นเลขาเต็มตัว เพราะเลขาคนเก่าดันลาไปคลอด ใช่! เธอถูกเทรนมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อหน้าที่อันหนักอึ้งที่แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอได้แห้งเหี่ยวเฉาตายอ
บทนำ กลางคืนที่เงียบสงัด หลายคนอาจหลับไปแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่สนใจทำอย่างอื่นมากกว่านอนหลับ หนึ่งในนั้นก็คือเขา ภากร จงวิสุทธิ์รังสรรค์ รองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันหลงเสน่ห์ ก็ไอ้การนอนหลับมันจะไปสู้การหลับนอนได้ยังไงล่ะ “……..” เสียงหอบหายใจของชายหนุ่มกับหญิงสาวดังกระชั้นสอดประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อชัดเจนอยู่ในโสตประสาท ยิ่งบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดมากเท่าไหร่ เสียงของพวกเขาก็ยิ่งดังมากเท่านั้น “อา…!” เขาครางกระหึ่มขณะกำลังโหย่งขยับตอกอัดใส่บั้นท้ายงามงอนเป็นจังหวะเร็วขึ้น สะโพกผายที่กำลังโก่งยกเปิดทางให้ท่อนเอ็นลำใหญ่ได้ดำดิ่งสู่เนินสาวอวบอูมสมใจอยาก ขณะที่สะโพกสอบโก่งกระแทกเป็นจังหวะเร่าร้อนรุนแรง สะโพกผายที่กำลังดีดเด้งตามจังหวะตอกอัดก็กำลังดึงดูดสายตาให้เขาอดใจไม่ไหว ใช้สองมือบีบขยำความหนั่นแน่นตรงหน้าสลับลูบไล้ความเนียนนุ่มน่าสัมผัสนั้นด้วยความหลงใหล ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นไปสัมผัสโลมเล้าบนแผ่นหลังเนียนละเอียด ที่เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทั้งนุ่มทั้งลื่นจนเขาแทบอยากจะเกลือกกลิ้งใบหน้าลงไป แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาเคย







