Home / มาเฟีย / RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก / บทที่ 9 อย่าได้เจอกันอีก

Share

บทที่ 9 อย่าได้เจอกันอีก

Author: AngelBell
last update Huling Na-update: 2025-04-15 01:29:44

บทที่ 9

อย่าได้เจอกันอีก

“ฉันไม่ได้สร้างสถานการณ์เรื่องงานในวันนี้นะคะ”

ทันทีที่เดินตามเขาเข้ามาในห้องฉันก็รีบพูดอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เป็นไป เนื่องจากรู้ดีว่าตอนนี้สถานะของตัวเองนั้นตกอยู่ในกำมือของเขาโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

“เธอเป็นอะไรกับไอ้ตุลย์”

“หะ...ฮะ?” เสียงเข้มของเขาทำเอาฉันถึงกับหลุดเสียงในลำคอออกมาเบา ๆ

ครั้นลองทบทวนถึงคำพูดของเขาซ้ำ ๆ ถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาถามนั้น คงจะหมายถึงความสัมพันธ์ของฉันและน้องชายของเขาเป็นแน่

“ถามก็ตอบ”

“อะ...เอ่อ คือเราเรียนมหา’ลัยเดียวกันค่ะ” ฉันให้คำตอบอ้อม ๆ

ก็อย่างที่เคยบอกว่าฉันรู้จักตุลย์นั้นก็เพราะเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย แถมเพื่อนของตุลย์เองก็เคยตามจีบฉันอยู่สักพักเหมือนกัน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์และความแตกต่าง ความสัมพันธ์กับเพื่อนของตุลย์จึงไม่ได้พัฒนาไปมากกว่านั้น

“รู้จักมันได้ยังไง”

“ก็เป็นเพื่อนที่มหา’ลัยไง แต่คนละคณะ รู้จักกันก็เพราะเพื่อนของน้องชายคุณเคยคุย ๆ กับฉัน แถมน้องชายคุณเองก็ไม่ธรรมดา พูดง่าย ๆ ก็เกือบทั้งมหา’ลัยรู้จักตุลย์กันหมดนั่นแหละ!”

ความหงุดหงิดส่งผลให้ฉันพูดเรื่องราวทั้งหมดออกมา โดยน้ำเสียงที่ตอบกลับล้วนเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่แสดงออกอย่างชัดเจน

แต่ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยอะไรออกไปมากกว่านั้น แรงสั่นครืดคราดของเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังแทรกขึ้น คนตรงหน้าหยิบมันมารับสาย หากแต่ดวงตาคมเข้มกลับกดมองฉันด้วยความแข็งกร้าวไม่วางตา

“ที่งานเรียบร้อยไหม”

ฉันเม้มปากแน่นเมื่อถูกจับตามอง ครั้นคิดว่าสายที่โทรเข้ามาน่าจะเป็นลูกน้องของเขาที่สั่งการให้ดูแลงานต่อ ฉันถึงถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ ๆ เพราะหากให้เดาแล้วการพูดคุยสนทนาระหว่างฉันและเขาคงต้องใช้เวลาพอสมควร

“กูฝากจัดการด้วย ให้นักข่าวกับคนในงานปิดปากให้ดี ถ้าข่าวหลุดจากสำนักไหนกูจะจัดการมันเอง!”

เสียงเข้มดุดันที่เอ่ยนั้นพลันทำให้ฉันถึงกับสะอึก คำว่า ‘จัดการ’ ทำให้ฉันคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากการตามจัดเก็บให้สิ้นซาก ตามแบบฉบับมาเฟียที่เคยเห็นในละคร

ฉันเองก็ไม่กล้าปักใจว่าคุณไตรเป็นผู้มีอิทธิพลมากขนาดไหน แต่ดูจากจำนวนลูกน้องและอาวุธปืนที่เคยถูกข่มขู่แล้ว มันก็พอคาดเดาได้ว่าเขาเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

“แล้วมึงตามจับคนยิงได้ไหม...”

ฉันนั่งฟังคุณไตรพูดกับคนปลายสายไปราว ๆ ห้านาทีจวบจนเขากดวางสายนั่นแหละ ฉันถึงได้เสสายตาไปมองเพราะอยากรีบเคลียร์กับเขาแล้วจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนสักที

ถึงจะผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาสามครั้งติด ในชนิดที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ทำให้ฉันไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะเผชิญไหว อย่างน้อยการได้กลับบ้านไปพักผ่อนก็นับว่าเป็นการปรานีคนโชคร้ายอย่างฉันมากที่สุดแล้ว

“มือปืนหนีไปได้ แต่ก็ถูกยิงบาดเจ็บไปเหมือนกัน” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ย หากแต่นัยน์ตาดำขลับกลับจดจ้องมองมาที่ฉัน ราวกับเป็นการพูดหยั่งเชิงเพื่อลอบสังเกตถึงพฤติกรรม

“แล้วไง? นี่ยังคิดว่าฉันเป็นสายสืบอีกเหรอ ฉันโดนยิงขนาดนี้คุณยังคิดว่าฉันเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้นอีกหรือไง”

“จะกลับบ้านใช่ไหม ไปสิ กลับได้เลย”

“หะ...ฮะ?” เกือบจะหลุดคำด่าออกมาแล้วถ้าไม่ได้ทบทวนคำพูดของเขาเมื่อครู่

ฉันหลุดเสียงร้องออกมาเบา ๆ เมื่อมั่นใจว่าคำพูดจากปากคุณไตรนั้นเป็นการบอกให้ฉันกลับบ้านได้โดยง่าย

“กลับไปสิ” เขาทวนย้ำอีกครั้ง พร้อมกับการเลิกคิ้วมองฉันด้วยท่าทางเรียบเฉย หากแต่ฉันกลับมองว่ามันช่างยียวนอย่างถึงที่สุด

เขาเป็นคนนิ่งที่กวนตีนมาก!

“ฉัน...ฉันกลับได้จริง ๆ เหรอ กลับจริง ๆ นะ!”

ความหมั่นไส้มีไม่มากเท่ากับความดีใจที่จะได้กลับบ้าน ฉันเอ่ยถามในขณะที่ดวงตาวาววับบ่งบอกว่ากำลังดีใจอย่างออกนอกหน้า

“อืม กลับเองได้ใช่ไหม” ใบหน้าคมคายเชยขึ้นมอง จังหวะนั้นมือหนาก็ลูบที่คางของตัวเองเบา ๆ

“ได้ค่ะ! ฉันกลับเองได้! ขอบคุณนะคะ ฉันไปแล้วนะ ฮือ อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลยค่ะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย หมดเวรหมดกรรมต่อกันนะคะ สาธุ ๆ เพี้ยง!” ความในใจเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊าขั้นสุด หนำซ้ำฉันยังยกมือไหว้ในจังหวะที่พูดถึงคำว่าสาธุ เพื่อเป็นการย้ำน้ำหนักในความศักดิ์สิทธิ์ ที่หวังว่าโชคชะตาจะช่วยดลบันดาลให้ไม่ได้พบเจอกันกับคุณไตรอีกในชาตินี้

พอกันที...อย่าได้เจอกันอีกเลย!

ฉันกลับมาถึงบ้านด้วยรถที่เรียกผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีก็มาถึงจุดหมาย

สิ่งแรกที่ทำก็คือการเดินเข้ามาในตัวบ้าน โดยไม่ลืมที่จะลงกลอนอย่างแน่นหนาตั้งแต่รั้วบ้านและประตูด้านใน หากแต่ความผิดปกติบางอย่างกลับทำให้สองขาที่กำลังจะก้าวกลับหยุดชะงัก

ประตูบ้านด้านในปิดสนิทแทบไม่มีความแปลกไป แต่มันกลับเป็นการลงกลอนชั้นเดียวอย่างที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน เพราะประสบการณ์การอยู่คนเดียวคอยสั่งสอนให้ฉันระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ ประตูบ้านแต่ละชั้นจะถูกล็อกอย่างแน่นหนาและไม่ต่ำกว่าสองขั้นตอน แต่ทว่าประตูตรงหน้านี้กลับมีการล็อกเพียงชั้นเดียว แถมข้าวของภายในบ้านก็ถูกจับวางเปลี่ยนทิศทางไปจากเดิม

ฉันถอยหลังก้าวออกมา ขณะที่ในมือก็กำโทรศัพท์ตัวเองเอาไว้แน่น กระทั่งเสียงปริศนาบางอย่างดังแทรกเข้าสู่โสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันตัดสินใจหันไปหยิบไม้เบสบอลที่ซ่อนไว้หลังตู้ใส่รองเท้ามาถือเอาไว้

หากเกิดอะไรขึ้นฉันเองก็มั่นใจว่าจะจัดการต่อสู้และฟาดมันด้วยไม้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“ไอ้โจรสารเลว ไอ้สวะ ไอ้ชาติหมา แกตายแน่!”

เสียงนั้นคืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับความรู้สึกถึงไอร้อนบางอย่าง ส่งผลให้ฉันตวาดคำด่ากราดพร้อมกับการง้างมือขึ้นฟาดไม้ไปตามความรู้สึกที่ประสาทรับรู้

แต่ทว่า...

หมับ!

“หยุด! พี่เองป่าน นี่พี่เอง!”

ข้อมือของฉันถูกคว้าหมับก่อนที่แรงบีบรัดจะหนักแน่นขึ้น จนกำลังแรงในการจับไม้เบสบอลร่วงหล่นสู่พื้น

ฉันเบิกตากว้างและรีบหันขวับใบหน้าไปมองยังต้นเสียง หัวสมองประมวลสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ทันการว่ามันใช่เสียงที่คุ้นเคยหรือเปล่า หากแต่คำพูดที่ดังขึ้นนั้นกลับทำให้ฉันเริ่มมั่นใจว่าคนคนนั้นคือพี่สาวของฉันจริง ๆ

“พะ...พี่ด้าย!”

“ก็พี่เองน่ะสิ ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย!”

ทันทีที่หันไปก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือพี่สาวของฉันจริง ๆ

“ป่าน...คือป่านนึกว่าเป็นโจรอะ”

“เฮ้อ...แต่ที่พี่ทำมันก็เหมือนโจรจริง ๆ นั่นแหละ แล้วทำไมเพิ่งกลับ ไปไหนมาทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้”

เสียงถอนหายใจดังขึ้น ก่อนที่คำถามจะสวนกลับมาพร้อมกับสายตาของคนเป็นพี่สาวที่กวาดมองเสื้อผ้าที่ฉันกำลังสวมใส่

“อย่าบอกนะ...ว่าแกไปทำงานพริตตี้ที่งานเปิดตัวไทรอัมพ์วันนี้!”

“อะ...โอ๊ย! พี่ด้ายอย่าจับแรงสิ ป่านเจ็บ” ฉันร้องขึ้นเมื่อมือของพี่สาวจับรั้งที่ต้นแขนเพื่อให้ฉันหันไปประจันหน้า ซึ่งจุดที่พี่ด้ายจับนั้นเป็นจุดที่ฉันได้รับบาดเจ็บพอดิบพอดี

“ตอบพี่!”

“คือป่าน...”

“ตอบพี่มา!” เสียงตวาดกร้าวดังกึกก้องจนฉันถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เพราะมันเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่พี่ด้ายตะคอกเสียงดังใส่กันแบบนี้

“เอ่อ...คือป่านไปทำงานที่งานเปิดตัวรถของบริษัทไทรอัมพ์ แล้วป่านก็โดนยิง...”

“ว่าไงนะ!”

“ตะ...แต่ป่านปลอดภัยนะพี่ด้าย มันแค่เฉียด ๆ นี่ก็ทำแผลแล้ว พี่ด้ายดูสิ ป่านไม่ได้เป็นอะไรมากเลย” ฉันพยายามหมุนตัวไปมาเพื่อให้พี่สาวมั่นใจว่าฉันปลอดภัยกลับมาทุกอย่าง แม้ว่าการขยับเขยื้อนจะทำให้รู้สึกเจ็บถึงบาดแผลก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องพยายามแสร้งทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด

“แกคือคนที่โดนยิงเหรอ!”

“แหะ...ป่านเอง ว่าแต่พี่ด้ายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าข่าวออกไปทั่วแล้ว!” ความสงสัยเกิดขึ้นจนคิดไปต่าง ๆ นานา แล้วสิ่งที่พอคาดเดาเองได้นั้นก็คือข่าวคงจะแพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้างแล้ว เนื่องจากภายในงานมีสื่อจากหลายสำนักที่มาทำข่าวด้วยเช่นกัน

“เปล่า ไม่มีข่าวอะไร แต่เพื่อนพี่มันไปงานนั้นพอดี มันเลยเล่าให้ฟังว่ามีคนยิงกัน”

“อ้าวเหรอคะ ป่านก็นึกว่าจะออกข่าวแล้วซะอีก”

“ฮึ...ระดับนั้นไม่ยอมปล่อยให้ข่าวหลุดออกมาง่าย ๆ หรอก เชื่อพี่สิว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมงทุกอย่างก็ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว”

คำพูดของพี่สาวทำให้ฉันพยักหน้ารับพลางคิดตามสถานการณ์ที่ควรเป็นไป คนระดับคุณไตรคงไม่ยอมปล่อยให้ข่าวเสียหายหลุดออกไปแน่ แถมตัวเขาเองก็มีอิทธิพลไม่น้อย เรื่องการปิดข่าวคงไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับคนอย่างเขา

“ก็จริงนะ อ๊ะ...แล้วที่แขนนั่นพี่ด้ายไปโดนอะไรมา!”

ทว่าสายตาของฉันดันสังเกตเห็นผ้าสีขาวที่พันอยู่ตรงต้นแขนข้างซ้ายของพี่ด้าย มันถูกซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ แต่ฉันกลับมองเห็นมันในจังหวะที่พี่ด้ายขยับแขน

“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยอะ แต่ก็ทำแผลแล้ว ทางบริษัทเลยให้พี่กลับมาพักที่บ้านอย่างที่แกเห็นนี่แหละ”

ฉันมองหน้าคนเป็นพี่สาวด้วยความแปลกใจ สลับไปกับแผลที่ถูกพันด้วยผ้าสีขาวนั้น แต่ไม่นานก็เลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะไม่อยากให้สถานการณ์เกิดความอึดอัดไปมากกว่าเดิม

“ป่านดีใจนะที่พี่ด้ายกลับมา แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีแผลกลับมาด้วย เฮ้อ...เราสองพี่น้องนี่โคตรซวยเลยเนอะ”

“รอพี่อีกหน่อยนะป่าน...หลังจากนี้ชีวิตของเราสองคนจะดีขึ้น แกจะได้ไม่ต้องลำบากทำงานหลายอย่างแบบนี้” ความสั่นเครือเจือปนในน้ำเสียงของพี่สาว ซึ่งฉันเองก็เข้าใจกับคำพูดนั้นเป็นอย่างดีว่าพี่ด้ายนั้นต้องการจะสื่อถึงอะไร

เราสองพี่น้องต้องทำงานอย่างหนัก สู้ชีวิตและต้องดิ้นรนเพื่อถีบตัวเองขึ้นมาจากโคลนตม ความลำบากยากแค้นทำให้เราต้องขยันมากกว่าคนอื่น และภาพฝันอันสวยงามในอนาคตก็คือการอยู่ด้วยกันสองพี่น้องอย่างมีความสุข

มีบ้านหลังเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง กินอิ่มนอนหลับในทุก ๆ ค่ำคืน เพียงเท่านี้จริง ๆ ที่ฉันต้องการ

“พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า แกรีบขึ้นไปนอนไป”

“มีค่ะ แต่มีเรียนตอนบ่าย ตื่นสายได้”

เราสองพี่น้องพูดคุยกันไม่นานก็แยกย้ายกันขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง แต่ก่อนจะทิ้งท้ายค่ำคืนนี้ก็ไม่วายแอบเข้าไปนอนกับพี่สาวในห้อง เพราะการได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้านับได้ว่าเป็นสิ่งที่ฉันโหยหามันมากที่สุด

อย่างน้อย ๆ การได้นอนกอดพี่สาวก็คงทำให้หลับฝันดีกว่าการนอนกอดตัวเอง...

SAIPAN’S PART ; END

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก   ตอนพิเศษใส่ไข่

    ตอนพิเศษใส่ไข่[ มารุต & เส้นด้าย ]งานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองปีใหม่ถูกจัดขึ้นที่ร้านอาหารสุดหรูริมแม่น้ำ โดยผู้สนับสนุนหลักก็คือไตรพัฒน์ผู้บริหารสูงสุดเนื่องจากต้องการให้เหล่าพนักงานภายใต้การปกครองได้พักผ่อนจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมามารุตและเส้นด้ายก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้เหมือนกัน มารุตเองก็ทำงานให้ไตรพัฒน์ไม่ต่างจากเลขาคนหนึ่ง นอกจากเขาจะเก่งกาจเรื่องการต่อสู้แล้ว เรื่องเอกสารและงานบริหารเขาก็ไม่เป็นสองรองใครเลย ส่วนเส้นด้ายเองแม้ว่าจะเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่ความสามารถของเธอก็สร้างผลงานและรายได้เข้าบริษัทมหาศาล เธอเก่งในเรื่องภาษา แถมยังมีแนวคิดใหม่ ๆ มานำเสนออยู่ตลอด ไอเดียการตลาดและการบริหารย่อมเกิดจากการตัดสินใจของเธอทั้งนั้นการทำงานอย่างดีเยี่ยมส่งผลให้บริษัทไทรอัมพ์ที่ไตรพัฒน์ถือครองนั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ในวงการธุรกิจต่างก็จับตามองและให้ความสนใจ อีกทั้งผู้ร่วมลงทุนใหม่ ๆ ก็ต่อแถวรอคอยด้วยกันทั้งนั้นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในวันนี้ไม่สามารถตอบแทนสิ่งที่ทุกคนลงมือลงแรงช่วยกันได้เลย หากแต่มันเป็นความตั้งใจเล็กน้อยของไตรพัฒน

  • RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก   ตอนพิเศษส่งท้าย ที่แรก

    ตอนพิเศษส่งท้ายที่แรกช่วงเข้าฤดูหนาวไตรพัฒน์ก็พาสายป่านและเด็กชายเตชน์มาเที่ยวที่ฮ่องกงเพื่อพักผ่อน หลังจากที่ช่วงก่อนหน้านั้นเขาเอาแต่โหมทำงานเนื่องจากต้องการหาวันหยุดยาวให้ครอบครัวถึงแม้จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ซ้ำยังมีเงินมหาศาลที่ใช้ทั้งปีทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด หากแต่คนที่เคยลำบากมาก่อนอย่างเขาย่อมเกลียดขยาดความรู้สึกนั้น นั่งจึงทำให้ไตรพัฒน์เลือกที่จะทำงานอยู่ตลอด เหตุผลก็เพื่อความสุขสบายของครอบครัวอันเป็นที่รักไตรพัฒน์เลือกมาที่ฮ่องกงอีกครั้งเพราะเป็นที่ที่ตัวเองคุ้นชิน เขามีภาพความทรงจำมากมายกับที่แห่งนี้ อีกทั้งตัวภรรยาอย่างสายป่านเองก็เห็นพ้องต้องกันว่าเธออยากมาที่นี่อีกครั้งเพราะตั้งใจจะมาไหว้เทพเจ้าแชกงเช่นเมื่อตั้งท้องเจ้าเตชน์ตอนนี้เด็กชายเตชน์เองก็อายุครบสองปีแล้ว อยู่ในช่วงกำลังซนกำลังมึน พูดจาฉอเลาะร่าเริง บ้างก็เผลอทำตัวเกินวัยจนคนเป็นพ่อและแม่แอบกุมขมับ“เอ...มันน่าจะอยู่แถวนี้สิ” ไตรพัฒน์เอ่ยในลำคอพลางกวาดสายตามองหาร้านอาหารที่ตั้งใจจะพาลูกเมียมากินโดยเฉพาะหลังจากออกจากโรงแรมที่พัก สถานที่แรกที่เขาอยากพาเมียและลูกมาก็คือร้านอาหารร้านเด็ดของฮ่องกง จากการเซิร์ซดูแผนที

  • RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก   ตอนพิเศษ 7 น้องเตชน์จะเอาของเล่น

    ตอนพิเศษ 7น้องเตชน์จะเอาของเล่นหนึ่งปีผ่านไปเด็กชายเตชน์อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือนก็เริ่มวิ่งไล่จับกับคนในบ้านแล้ว โดยผู้ถูกไล่ก็คงไม่พ้นเหล่าลูกชายหน้าโหดของไตรพัฒน์ที่มีหน้าที่เสริมก็คือการเป็นเพื่อนเล่นของนายน้อยไปโดยปริยายเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วทั้งตัวบ้าน เช่นเดียวกับเสียงฝีเท้าหนักที่วิ่งสลับขวักไขว่เพื่อหาพื้นที่หนีจากการจับกุมจากเจ้าตัวน้อย“นายน้อยทางนั้นค่ะ วิ่งเร็ว ไปจับโจรให้ได้” เสียงของแม่บ้านวัยกลางคนออกปากเชียร์พลางหัวเราะยกใหญ่ที่ได้เห็นภาพนายน้อยตัวจิ๋วของบ้านที่กำลังวิ่งไล่จับชายชุดดำหน้าโหด“จับ ๆ หยุดนะ พ้มจะจับ” เด็กชายเตชน์สับเท้าและพูดเสียงขึงขัง ตั้งหน้าวิ่งหมายไปจับโจรผู้ร้ายที่สวมบทบาท แม้คำพูดจะเจือจางไม่ชัดอยู่บ้างแต่พอจับใจความได้ว่าเจ้านายตัวน้อยนั้นกำลังพูดคำว่าอะไร“เอ้า นายน้อยจะจับพวกเอ็งแล้วนะโว้ย วิ่งหนีเร็ว” เป็นเสียงแม่บ้านอาวุโสที่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งแรงขำขันมันเป็นกิจกรรมเพียงอย่างเดียวที่เห็นมาตลอดหลายเดือน หากแต่มันกลับไม่ได้ทำให้เบื่อหน่ายเลยสักนิด หนำซ้ำยังเรียกเสียงหัวเราะและสร้างความสุขให้บ้านหลังใหญ่ได้มากขึ้นเป็นกอง“น้องเตชน์ทางนี้ครั

  • RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก   ตอนพิเศษ 6 คุณพ่อมือโปร

    ตอนพิเศษ 6คุณพ่อมือโปรเวลาเพียรผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรอบตัวและเปลี่ยนแปลง รวมถึงหนึ่งชีวิตอย่างลูกตัวน้อยของไตรพัฒน์และสายป่านก็ได้ถือกำเนิดขึ้น กลายเป็นสีสันและความรักที่เติมเต็มบ้านหลังใหญ่ให้มีความสุขมากยิ่งขึ้นก่อนที่สายป่านจะคลอดเหล่าลูกน้องและแม่บ้านต่างก็ลงพนันแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันยกใหญ่ถึงเพศเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่ลืมตาดูโลก แบ่งสัดส่วนแล้วเพศชายสี่สิบเปอร์เซ็นต์และเพศหญิงหกสิบเปอร์เซ็นต์ การคาดการณ์เกิดขึ้นกับความต้องการทางจิตใจล้วน ๆ ไม่ได้อ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ฝ่ายที่ลงพนันลูกชายให้เหตุผลว่าหากมีนายน้อยตัวจ้อยเป็นทายาทคนแรกก็คงมีผู้สืบตระกูล และแน่นอนว่าบ้านที่เต็มไปด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ย่อมมีวิธีเล่นมากมายกับเด็กชายมากกว่าผู้หญิงในส่วนฝ่ายที่ลงเพศหญิงก็ให้เหตุผลตามมาว่าหากทายาทคนแรกเป็นผู้หญิงก็คงทำให้บ้านหลังใหญ่อ่อนหวานและสดใสขึ้น ได้ยินเสียงพูดคะพูดขา ได้รับยิ้มหวาน ๆ ที่น่าจะมาจากทางคนเป็นแม่เกินร้อย หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็คงได้เห็นภาพมาเฟียหนุ่มผู้โหดเหี้ยมอ่อนระทวยให้กับลูกสาวเป็นครั้งแรกแน่นอนว่าหลังจากที่ไตรพัฒน์และสายป่านรับรู้ว่าคนใ

  • RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก   ตอนพิเศษ 5 เจอลูก

    ตอนพิเศษ 5เจอลูก“อะ...อื้อ! ฮื่อ...คุณไตร เดี๋ยว...อื้อ!” คำพูดขาดห้วงก่อนที่มันจะหายลับกลืนกลับลงสู่ลำคอ เมื่อริมฝีปากร้ายฉกฉวยลงมาอย่างเอาแต่ใจหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องแล้วจัดการล็อกประตูลงกลอนเสร็จสรรพไตรพัฒน์และสายป่านใช้เวลาในการเดินเล่นข้างนอกและทานอาหารร้านดังไม่กี่ชั่วโมงก็พากันกลับมาที่โรงแรม ครั้นเมื่อขาก้าวเข้ามาในห้องและประตูปิดสนิท คนที่รอคอยเวลานี้ก็รีบดันร่างกายเล็กของคนรักให้ชิดติดกับกำแพงเพื่อทวงคำสัญญาในทันทีอาจจะเรียกคำสัญญาไม่ได้เพราะสายป่านไม่ได้ตกลงกับเขา...“อ๊ะ...คุณไตรใจเย็นก่อน อะ...” เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระก็ทำให้สายป่านพยายามเอ่ยห้ามคนเอาแต่ใจที่ตอนนี้แทบแปลงร่างเปลี่ยนเป็นคนละคนต้นคอขาวถูกลากไล้ด้วยลิ้นจากนั้นก็รู้สึกถึงแรงดูดดึงเบา ๆ ที่เธอมั่นใจว่าผิวกายของเธอจะต้องเกิดรอยแดงเด่นชัดแน่นอนรอยเก่ายังไม่ทันหายเลย...ไตรพัฒน์คลอเคลียกับต้นคอขาวก่อนจะเคลื่อนต่ำลงมายังเนินอก เขาเปิดเสื้อไหมพรมแขนยาวของสายป่านขึ้น เผยให้เห็นอกอวบขาวเนียนใต้บราเซียจนอดที่จะก้มเข้ามาขบงับและครอบครองด้วยปากไม่ได้“อื้อ...อะ...คุณไตรอย่าดูดแรง” สายป่านพยายามยกมือปิดปากตัวเองเ

  • RISK LOVE ร้ายเสี่ยงรัก   ตอนพิเศษ 4 ขอพรต่อเทพเจ้า

    ตอนพิเศษ 4ขอพรต่อเทพเจ้าณ เมืองฮ่องกงหลังจากผ่านพ้นงานวิวาห์ไปได้สองเดือน ไตรพัฒน์ก็พาสายป่านมาฮันนีมูนโดยเลือกสถานที่ใกล้ ๆ ใช้เวลาในการเดินทางไม่กี่ชั่วโมงอย่างเมืองฮ่องกง เนื่องจากตอนนี้เธอกำลังตั้งท้อง เขาอยากพาเธอมาเปิดหูเปิดตา อีกทั้งก็ยังกังวลถึงความปลอดภัย ท้ายที่สุดจึงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่แรกสำหรับการฮันนีมูนของคู่รักเมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมที่จองล่วงหน้า ไตรพัฒน์ก็จัดการเก็บข้าวของและรวมถึงจัดการสั่งอาหารที่ฟร้อนท์มาทานเพราะข้างนอกฝนกำลังตกหนัก จึงไม่สามารถออกไปเดินเล่นหรือแวะร้านอาหารได้ ในส่วนคุณแม่มือใหม่เองก็นอนพักเอาแรงในระหว่างที่สามีกำลังดูแลความเรียบร้อยแม้จะเป็นทริปที่เดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง และตัวเธอแทบจะไม่ได้ย่ำเดินเพราะไตรพัฒน์เรียกใช้บริการรถเข็นจากสนามบินตลอดทั้งทาง หากแต่ความเหนื่อยล้าก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนกำลังได้เหมือนกัน“ป่าน...อาหารมาแล้ว จะกินเลยหรือเปล่าหืม” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยแนบชิดอย่างอ่อนโยนพานทำให้คนที่เพิ่งหลับใหลรู้สึกตัว ก่อนจะได้รับจูบหวาน ๆ ที่ประทับอยู่บนเรือนผม ทำเอาเธอแทบไม่อยากจะลืมตาหรือขยับเขยื้อนเลยสักนิด“คนดี...ตื่นแล้วแต่ทำไมไ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status