อีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ เลโอนาร์ด
ในความเงียบสงัด มีสายตาคมคู่หนึ่งจับจ้องมองภาพทั้งหมดจากระเบียงชั้นบน ไลออนยืนจิบไวน์แดงช้า ๆ ขอบแก้วเรียบหรูแนบกับริมฝีปากของเขา แสงไฟที่สาดส่องจากข้างนอกทำให้ใบหน้าคมของเขายิ่งดูเคร่งขรึมและลึกลับ
เขาถือสร้อยสีเงินเส้นนั้นไว้ในมือ นิ้วมือแข็งแรงบีบมันแน่น ราวกับจะบีบความทรงจำบางอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายใน
“เหอะ ๆ ใฝ่ต่ำดีนิ” เมื่อเขามองดูภาพลิเดียที่เพิ่งกอดลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของเธอ เขาจ้องมองหญิงสาวที่อ่อนแอไร้ค่าก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
ย้อนกลับไปในอดีต
ภาพในหัวของไลออนย้อนกลับไปยังวันวานเมื่อเขายังเป็นเด็ก กว่าที่เขาจะเติบโตมาเป็นไลออนที่โหดเหี้ยมได้แบบในวันนี้ เขาผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักจากผู้เป็นพ่อ และลูกน้องของพ่อที่มากฝีมืออีกหลายคน และหนึ่งในคนที่เขาสนิทมากที่สุด ก็คือคุนหมิง คนที่เป็นมือขวาคนสนิทของรามสูรนั้นเอง
“ยิงมาครับคุณหนู” คุนหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย พลางยกผลแอปเปิลสีแดงวางเทินไว้บนหัวของเขาเอง ดวงตาของชายคนนั้นยังคงมั่นคง ไม่แสดงถึงความกลัวใด ๆ เลยสักนิด
“แล้วถ้าฉันยิงพลาดล่ะ?” เสียงของเด็กชายในวันนั้นแฝงไปด้วยความกังวล และความไม่มั่นใจ แม้ว่าเขาจะถูกฝึกให้ยิงปืนอยู่ทุกวัน แต่การที่ยิงเป้าที่เป็นคนจริง ๆ มันกดดันมากเกินไปจริง ๆ สำหรับเด็กชายวัยเพียงหกเจ็ดขวบแบบเขา
“ผมเชื่อในฝีมือของคุณหนูครับ” คุนหมิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น พร้อมกับหยิบแอปเปิลขึ้นมากัด และวางบนหัวที่เดิม
เขายืนเคี้ยวกินแอปเปิลสีแดงผลนั้นด้วยใบหน้าที่ไม่มีความกังวลใจใด ๆ เลย ทั้งที่ถ้าเด็กชายคนนี้ยิงพลาดเพียงเล็กน้อย นั่นหมายถึงชีวิตของเขาเลยนะ
“ผมฝากชีวิตไว้กับคุณหนูแล้วนะ ถ้าพลาดผมก็แค่ตาย”
“และนี่เป็นบททดสอบบทสุดท้ายจากผม” คุนหมิงจ้องมองตรงไปยังเด็กน้อยที่ยืนเล็งปืนอยู่ตรงหน้าของเขา
ไลออนยกปืนขึ้นจ่อไปที่แอปเปิลลูกนั้น เขาพยายามควบคุมสมาธิและมือไม่ให้สั่น
สายตาคมกริบเด็กชายประสานสายตากับคุนหมิงที่ยืนมั่นคงอยู่เบื้องหน้า ความเชื่อใจของคุนหมิงทำให้เขามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ปัง!! ไลออนเหนี่ยวไกปืนลั่น กระสุนเจาะเข้าใจกลางแอปเปิลสีแดง จนแตกกระจาย
“เก่งมากครับ ท่านหัวหน้า” คุนหมิงเอ่ยชมเชยนายน้อยของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นสักหน่อย!” ไลออนรีบเอ่ยปฏิเสธทันควัน
“ผมเชื่อว่าคุณหนู จะเป็นหัวหน้าที่เก่งและแกร่งที่สุดได้แน่ ๆ”
“ถ้าวันหนึ่ง ฉันได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งจริง ๆ เราจะได้ทำงานด้วยกันใช่ไหมคุนหมิง” ด้วยความที่ไลออนยังเด็กมากเขาจึงถามกลับไปด้วยความซื่อ ๆ และอยากให้คุนหมิงสอนศิลปะการต่อสู้ไปเรื่อย ๆ
เป็นคนที่สอนให้เขายิงปืนได้แม่นยำมากที่สุด เพราะคุนหมิงคือนักแม่นปืนระดับเทพ ที่ไม่ว่าจะยิงใกล้หรือไกลแค่ไหน เขาก็ไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“แน่นอนสิครับ เพราะผมจะรับใช้เลโอนาร์ด ตราบเท่าลมหายใจสุดท้าย”
“ถ้าผิดสัญญา ขอให้ไม่ตายดี!” ทั้งไลออนและคุนหมิงเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน และมันคือคำมั่น สัญญาสาบานจากปากลูกผู้ชาย
ภาพนั้นยังคงฝังแน่นในหัวของเขา ทักษะและความมุ่งมั่นที่เขาได้รับมาจากคุนหมิง ทำให้ไลออนสามารถยิงปืนและพัฒนาฝีมือตัวเองมาได้จนถึงวันนี้ แม้ว่าคุนหมิงจะทิ้งลูกศิษย์คนนี้ไปนานแล้วก็ตาม แต่เขายังคงเป็นครูคนแรกและคนเดียวที่สอนไลออน ให้ยิงปืนเป็น
กลับมายังเหตุการณ์ปัจจุบัน
“คนที่ยอมทิ้งอำนาจ บารมี และทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อความรัก...คือคนโง่”
“เพราะถ้าไม่มีอำนาจ บารมี ก็ไม่สามารถจะปกป้องตัวเองและคนที่รักได้เช่นกัน” ไลออนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
เสียงลมพัดกระทบกับผนังคฤหาสน์ เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งดังเบา ๆ อยู่ไกลออกไป ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ห้องพักของลิเดีย
ก๊อก ๆ ๆ ทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลิเดียที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาในทันที เธอรีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นตึกตักคิดว่าพี่ดินเปลี่ยนใจกลับมาพาเธอหนีไปด้วยแล้วแน่ ๆ
แต่เมื่อเปิดประตูออก เธอกลับพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะรุ่น ๆ เดียวกับเธอหรือไม่ก็แก่กว่าไม่กี่ปี ใบหน้าของเธอสวยสไตล์ลูกครึ่ง ผมสีบลอนด์สว่างที่เหมือนจะย้อมสีมา ริมฝีปากสีแดงสด แต่งตัวด้วยชุดที่เซ็กซี่ ดูไม่เหมือนกับแม่บ้านเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะ” ลิเดียเอ่ยทักทายไปอย่างงุนงง
“นี่อาหารของเธอ จะมีคนเอามาให้สามมื้อต่อวัน” หญิงสาวพูดพร้อมกับยกถาดอาหารยัดใส่มือของลิเดียไป
“แล้วนี่ก็เสื้อผ้าของเธอ ใส่เสร็จแล้วก็ใส่ตะกร้าไว้หน้าห้อง ทุกเช้าจะมีแม่บ้านมาเก็บไปซักให้” เธอวางถุงเสื้อผ้าลงที่พื้นอย่างไม่ใส่ใจ
ลิเดียพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร หญิงสาวก็กระตุกยิ้มเย็นชาแล้วเอ่ยต่อ
“แล้วคุณคือ...” หญิงสาวเอ่ยถามไปด้วยความสงสัย
“ฉันก็...เป็นเมียของนายท่านไง!”
“อ๋อค่ะ” ลิเดียพยักหน้ารับอย่างไม่โต้เถียงใด ๆ
‘ไม่รู้เลยว่าฉันควรจะรู้สึกสงสารคนตรงหน้าดีไหม ที่ได้สามีที่ทั้งโหด ใจร้าย อย่างเขาคนนั้น’ เธอทำได้แค่คิดเบา ๆ ภายในใจเท่านั้น
“เธอก็คงจะเป็นนางบำเรอคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาสินะ...ยังไงก็เจียมเนื้อเจียมตัวหน่อยแล้วกันนะ”
คำพูดนี้ทำให้ลิเดียหน้าเสียไปทันที เธอพยายามรวบรวมความกล้าและอธิบาย “คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาเป็นนางบำเรอของเขา แต่ฉันคือ.....”
ยังไม่ทันที่ลิเดียจะพูดจบ หญิงสาวกลับหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดแทรกขึ้นมา
“นี่! ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่แบบไม่มีปัญหาละก็...อย่าเรียกร้องความสนใจจากนายให้มันมากนัก”
“วันแรกก็ให้นายอุ้มเข้าบ้าน...วันนี้ก็ร้องไห้งอแงเรียกร้องความสนใจไม่หยุดไม่หย่อน”
ลิเดียยืนนิ่ง เธอพยายามจะเถียงแต่ก็ไม่ทัน
“ถ้าเธอทำตัวให้มันน่าหมั่นไส้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ระวังจะโดนรุมตบคาห้องเข้าสักวันน่ะ” น้ำเสียงเย้ยหยันปนข่มขู่ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันเตือนเพราะหวังดี” เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไป ทิ้งให้ลิเดียยืนงงกับสิ่งที่เธอพูดออกมา แต่ตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการกินข้าวอีกแล้ว
“ต่อให้มียาพิษ ก็ต้องกินแล้วเดีย” ลิเดียถอนหายใจมองถาดข้าวในมือของเธอ อาหารมันก็ไม่ได้แย่อะไร เป็นพวกติ่มซำฮ่องกง ๆ ทั่ว ๆ ไป รสชาติก็ไม่แย่ แม้จะไม่ใช่อาหารในแบบที่เธอชอบสักเท่าไร แต่ความหิวตอนนี้มันก็ทำให้เธอจัดการกินเข้าไปทั้งหมดนั่นแหละ
“หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว” หญิงสาวนั่งเคี้ยวแก้มตุ้ย ๆ และมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่นั้น
“พี่ลีอองจะเป็นยังไงบ้างนะ” เธอกลืนซาลาเปาคำใหญ่ลงไปทั้งน้ำตา
วันต่อมา
“เฮ่อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไรกันแล้ว
ตั้งแต่วันที่เธอเดินออกไปจากห้องแล้วเจอภาพนั้น ทำให้ลิเดียไม่กล้าจะเดินออกไปจากห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว จริง ๆ แล้วในห้องมันก็ไม่ได้อึดอัดอะไรมาก มีทั้งระเบียงให้ดูวิว มีห้องแยกเป็นสัดส่วน แถมมีคนเอาข้าวมาให้ครบสามมื้ออีกด้วย
ชีวิตตอนนี้มันก็ไม่แย่...แต่ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร เธอถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง ขณะที่เดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ริมระเบียงห้องของตัวเองไปพลาง ๆ และแล้ว...เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง
ก๊อก ๆ ลิเดียเดินตรงไปยังประตู เธอเม้มปากเล็กน้อยเพราะไม่รู้เลยว่าในแต่ละวันเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง
“….” ลิเดียเปิดประตูห้องไปและยืนก้มหน้าลงทันทีอย่างน้อมรับในชะตากรรม ที่ไม่รู้เลยว่าวันนี้เธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
“หนู....ลิเดียใช่ไหมลูก?”
🦌__________🦁
🦌__________🦁