ตอนที่2 Partอดีต…จุดเริ่มต้น
Part…อดีต (3 มิ.ย. 20XX - 7 ปีที่แล้ว) Dindan Jirayu talk… “ร้อนชิปหาย ไปซื้อน้ำแดกแปปเดี๋ยวมา” หลังจากหมดคาบพละเป็นคาบสุดท้ายของวัน ผม ไอ้กันต์ ไอ้หนึ่ง ก็พากันมานั้งพักที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลเพื่อนั้งพักเหนื่อย “เออ กูฝากด้วย/กูเอาด้วย” ไอ้กันต์และไอ้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกันพลางนั่งหอบเหนื่อย “เออๆ ฝากกระเป๋าด้วยเดี๋ยวกูมา” ผมบอกไว้เท่านั้นแล้วหันหลังเดินออกมา เดินตรงไปที่มินิมาร์ทของโรงเรียน แต่ในขณะเดินผ่านหน้าตึก วิทยาศาสตร์ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังเดินลงจากตึกมาพอดี พวกเธอมีกันห้าคน ‘คนแรก(กิ๊ฟ) ก็ถือว่าสวยอยู่ ผิวขาวจัด มัดรวบผมหางม้าปล่อยปอยผมข้างหน้าลงมานิดหน่อย หน้าออกหมวยๆหน่อย ตัวเล็กๆส่วนสูงน่าจะไม่เกิน160เซน’ ‘คนที่สอง(โบว์วี่) หน้าออกไปทางลูกครึ่ง มัดรวบผมเช่นกันแต่ปล่อยผมหน้าม้าปัดข้าง ใบหน้าสวยเฉี่ยว ผิวขาวจัดเช่นกัน หุ่นค่อนข้างดี ความสูงน่าจะประมาณ170เซน‘ ‘คนที่สาม(อิงฟ้า) เดินอยู่ตรงกลางไม่ได้สวยเฉี่ยวสะดุดตาในคราแรก แต่น่ารักมาก ถักเปียสองข้างปล่อยผมหน้าม้าลงมาบางๆ รับกับใบหน้ารูปไข่ มีแก้มน่าฟัด มีเสน่ห์เหลือล้นมองนานๆได้ไม่มีเบื่อ ผิวไม่ได้ขาวมากเท่าสองคนแรกแต่ก็ถือว่าขาวอมชมพูในระดับนึง ตัวเล็กน่ารักความสูงน่าไม่เกิน165เซน’ ‘คนที่สี่(แป้งหอม) เป็นพี่ข้างบ้านผมเอง เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆเพราะพ่อแม่พวกเราเป็นเพื่อนกัน ก็ถือว่าเราสนิทกันอยู่พอสมควร พี่แป้งน่าสูงพอๆกับคนแรกแหละมั้งถ้าดูจากสายตาที่เดินเรียงกันมา รายนี้นิสัยจะออกแนวห้าวๆหน่อย เธอน่ารักสวยสดใส แต่ค่อนข้างปากร้าย โดยเฉพาะกับพี่ชายผม เจอหน้ากันทีไรเป็นทะเลาะกัดกันทุกที’ ‘ส่วนคนสุดท้าย(พอลลี่) ไม่ต้องบอกก็ดูออกว่าเป็นสาวสองแน่นอน ถึงจะหน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ออกสาวแบบชัดเจน หน้าขาว ปากแดงแบบจัดเต็มมาก’ ตอนกำลังจะเดินผ่านกันพี่แป้งหอมก็ร้องทักผมขึ้นมา ”อ้าวดิน ไปซ้อมฟุตบอลมาอีกแล้วหรอ เหงื่อท่วมเชียว” “ครับ แล้วนี่กำลังจะกลับบ้านกันหรอ” ผมพยักหน้าพร้อมถามกลับ แต่สายตาของผมกลับเลยไปจดจ้องอยู่ที่อีกคน ที่ถักผมเปียสองข้างอย่างไม่ละสายตา พอเธอเห็นผมมอง เธอก็ยิ้มกลับมาให้ผมนิดหน่อยก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนต่อ “อื้อใช่ แต่ก็ว่าจะแวะกินไอติมกันหน้าโรงเรียนก่อนกลับอะร้อนชะมัดวันนี้ต้องหาไรเย็นๆมากระแทกปากซะหน่อย งั้นพี่ไปก่อนนะเพื่อนรอแล้ว” พี่แป้งบอกพร้อมกับโบกมือเป็นการลา “ครับ” ผมพยักหน้าและยืนมองพวกเธอเดินจากไป แต่ชั่วขณะพี่สาวผมเปียก็หันกลับมามองผม เราสบตากันครู่นึงก่อนเธอจะหันกลับไป ผมได้แต่ยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศร้อนหรืออะไร แต่ก็ต้องสบัดหัวเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา และเดินไปซื้อน้ำ…หลังจากซื้อน้ำเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่โต๊ะหินอ่อนที่เพื่อนๆนั้งรอกันอยู่ “โอ้โห!!!! ไอ้ห่าดินไปซะนานเลยกูนึกว่าไปเหมาร้านน้ำเหอะ” ไอ้กันต์บ่นอุบให้ผมตอนมันเห็นผมเดินมา “บ่นมาก ไม่ต้องแดก” ผมว่าพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่ง “ขอโทษค้าบคุณเพื่อน หิวน้ำจะตายห่าอยู่แล้วไม่แดกได้ไง” มันพูดพร้อมเปิดฝาขวดยกน้ำดื่มจนเกือบจะหมดขวดดูท่าจะหิวน้ำกันจริงๆ หลังจากดื่มน้ำ นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว ก็เก็บของกันเตรียมตัวกลับบ้าน พวกผมพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อที่จะไปโรงจอดรถ ก็พอดีกับกลุ่มสาวๆที่คุยกันหน้าตึกวิทย์ ก่อนหน้านี้เดินออกมาจากร้านไอติมตรงข้ามโรงเรียนกันพอดี ผมจึงหยุดรอว่าจะถามพี่แป้งว่าจะกลับด้วยกันไหม หรือว่าจะรอคนขับรถมารับ ในขณะที่พวกเธอเดินข้ามถนนกันมาแล้ว คนสุดท้ายกำลังใกล้จะถึงริมฟุตบาท ผมก็หันไปเห็นรถมอไซค์ขับคู่กันมาด้วยความเร็ว ไวกว่าความคิดก็เท้าผมนี่แหละพุ่งตัวไปอย่างไว งงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน Ingfah Kawintra talk… . . “แฮ่ม ยืนเหม่อมองอะไรจ๊ะชะนี!!!” พอลลี่กระแอมไอขึ้น หลังจากเห็นฉันยืนมองไปทางฝั่งตรงข้ามที่มีกลุ่มน้องข้างบ้านของยัยแป้งหอมยืนอยู่อย่างเนิ่นนาน ฉันสะดุ้งนิดหน่อยพร้อมหันมายิ้มเจื่อนให้ยัยพอลลี่ “ปะ เปล่าซะหน่อย ก็เห็นน้องข้างบ้านยัยแป้งมองมาก่อนฉันสงสัยน่ะ ว่ามองมาทำไมก็เลยมองกลับไปก็แค่นั้นเอง ฉันแค่คิดว่าหรือน้องเค้าอาจจะรอยัยแป้งไง” ฉันตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่เต็มเสียงนัก พร้อมหยิบยกหาเหตุผลมาตอบเพื่อน พลันหน้าฉันก็ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะอายกับความโป๊ะของตัวเอง เพื่อนทุกคนต่างก็หันมามองฉันเป็นตาเดียวกันหมด พากันหรี่สายตาจ้องหน้าฉันอย่างจับผิดแล้วยิ้มกริ่มมาให้ “จ้า…เชื่อ” เพื่อนทั้งกลุ่มพูดรับลากเสียงยาวพร้อมกัน ส่วนฉันได้แต่ยิ้มเขินไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี “ชอบไอเจ้าดินหรอแกยัยอิง ฉันเห็นนะว่าแกกับดินมองสบตากันตั้งแต่ในโรงเรียนแล้วอะ” แป้งหอมกระซิบถามฉันเสียงไม่เบานัก แต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมด ไม่รู้จะทำท่ากระชิบทำไม “บะ บ้าหรอ พึ่งจะเจอกันเองจะไปชอบได้ไง ไร้สาระ” ฉันปฏิเสธเสียงติดขัดพร้อมหันหน้าหนีไปมองทางอื่น ระหว่างนั้นเราก็พากันเดินข้ามถนนเพื่อกลับไปฝั่งหน้าโรงเรียน เพื่อนฉันพากันเดินนำหน้าไป ส่วนฉันเดินรั้งท้ายสุด ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปถึงริมฟุตบาทหน้าโรงเรียนแล้วก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับแข่งกันมาด้วยความเร็ว “พี่ครับ ระวังงงง!!!!” “เห้ยยย ยัยอิง” ฉันได้ยินเสียงใครซักคนร้องดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของกลุ่มเพื่อนสาวของฉัน พร้อมกับรับรู้ได้ถึงแรงกระชากดึงรั้งเข้าสู่อ้อมกอดใครคนนึง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันงงไปหมด ฉันได้แต่หลับตาปี๋ ยืนเกร็งแข็งไปชั่วขณะ แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลึกข้างใบหู “เป็นอะไรไหมครับพี่” ฉันเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับตาคู่คมใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของน้องข้างบ้านยัยแป้งหอมนั่นเอง สมองฉันมึนเบลอไปชั่วขณะ ยืนอยู่ในอ้อมกอดเขาสบตากันนิ่ง “พี่ครับ…พี่สาวเจ็บตรงไหนไหมครับ” ผมมองใบหน้าน่ารักตรงหน้าและถามออกไปอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอที่เอาแต่ยืนจ้องมองหน้าผมนิ่ง รอบนี้เธอน่าจะได้ยินแล้วสินะ เธอกระพริบตา ปริบๆพร้อมกับเด้งตัวผละออกจากอ้อมกอดผม ‘คนอะไรวะตัวนุ่มนิ่ม แถมผมหอมมากเลยว่ะ ให้ตายสิ น่ารักเป็นบ้า’ ผมได้แต่คิดในใจพร้อมอมยิ้มออกมา “เอ่อ...ขอบคุณนะคะที่ช่วยเราไว้ เราไม่เป็นอะไรค่ะไม่ได้เจ็บตรงไหน” เธอตอบผมสบตากับผมครู่นึงก่อนจะก้มหน้าลงหลบตาผม ‘หึ พี่สาวตัวนุ่มนิ่มคนนี้ดูท่าจะขี้อายไม่เบาเลยสินะ’ ผมคิดในใจพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย “ครับ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วงั้นผมขอตัวนะครับ” เธอพยักหน้ารับ จากนั้นผมจึงเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนตัวเองโดยลืมสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกเลยว่ายืนรอเพื่ออะไร “เท่ชิลหายเพื่อนกู วิ่งเข้าไปช่วยสาวแบบไม่คิดชีวิต”หลังจากเดินกลับมาหาเพื่อน ไอ้หนึ่งก็พูดแซวขึ้น “ช่วยสาวสวยซะด้วย ทำคะแนนเอาหน้าปะเนี่ย”ไอ้กันต์นี่ก็อีกคนแซวกันเข้าไป “เอาหน้าเหี้ยไร ก็แค่ช่วยเค้าเฉยๆ แม้แต่ชื่อกูยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ” ผมส่ายหัวตอบอย่างเอือมๆความคิดมันตอนพิเศษ4 เดือนผ่านไปแว๊ อุแว๊ อุแว๊!!!! แอ้!!!!!เสียงแฝดน้อยส่งเสียงร้องพร้อมกันในห้องทำงานกว้าง ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่เลี้ยงเด็กไปเป็นเรียบร้อยแล้ว“ ใจเย็นๆครับลูก นมหม่ำๆกำลังมาแล้วนะครับ…โอ๋ๆไม่ร้องนะคะคนสวยของพ่อจ๋า ” มือข้างนึงของผมก็อุ้มลูกสาวโยกไปมา ส่วนอีกข้างก็ไกวเปลให้ลูกชายไปด้วยที่ผมต้องพาลูกมาทำงานด้วยเพราะมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็น ส่วนพี่เลี้ยงสองแฝดก็ลาหยุดหนึ่งวันกลับมาตอนเย็น คุณแม่คนสวยอย่างอิงฟ้าก็มีเคสพิเศษเข้ามาพอดี อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นใช่ไหมล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละครับมันเป็นไปแล้วและตอนนี้ผมกำลังรอนมแม่ที่ให้ไอ้ทิวไปอุ่นอยู่ อิงฟ้าเธอค่อนข้างเก่งมาๆทีแรกน้ำนมไม่ค่อยเยอะเธอก็สรรหาของอะไรมาบำรุงเยอะแยะเต็มไปหมดผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เวลาเมียใช้ให้ไปซื้ออะไรก็หาอยู่นานทีเดียว“ ไอ้ทิวโว้ยยยย!!! ได้หรือยังวะ ลูกกูจะกินชาตินี้นะเว้ยไม่ใช่ชาติหน้า ” พอผมตะโกนว่าไอ้ทิวไปแบบนี้ลูปผมหยุดร้องไปทันที แล้วพากันมองมาที่ผมตาแป๋ว“ ได้แล้วๆ…ท่านรอง ต่อหน้าเด็กไม่ควรพูดคำหยาบนะครับ ถ้าคุณอิงฟ้ามาได้ยินท่านรองจะโดนบิดหูชาเหมือนวันนั้นนะครับ ”ใช่ครับที่
ตอนที่38 END….เจ้าสองแฝดหลังจากเพื่อนๆกลับไปกันหมดแล้ว ฉันก็มานั่งจับมือดินแล้วก็เอาไดอารี่ที่เขาเขียนไว้ขึ้นมาอ่านไปด้วยเริ่มตั้งแต่เล่มแรก เขาเป็นคนละเอียดใส่ใจเหมือนกันนะเนี่ย มีรูปฉันแปะหน้าสมุดทุกเล่มแถมมีเลขเขียนติดมาด้วยว่าเล่มไหนเป็นเล่มที่เท่าไหร่[ ถึงที่รักของดิน…อิงฟ้า]วันนี้เป็นวันที่เราตัดสินใจบอกเลิกอิงแต่รู้ไหมว่าเราเจ็บปวดมากแค่ไหนยิ่งเห็นตอนอิงร้องไห้ ใจเรามันเหมือนจะขาดตาม ที่เราพูดไปทั้งหมดวันนี้มันไม่จริงเลย อิงมีค่ากับดินมากที่สุดแต่เป็นดินเองที่ไม่ดี ดินอยากบอกให้อิงรู้ว่าอิงมีความหมายและสำคัญกับดินมากนะดินไม่เคยอยากเลิกกับอิงเลยแต่ดินไม่มีทางเลือกดินไม่อยากให้อิงเกลียดดินดินรักอิงนะ…รักมากที่สุด…รักมากกว่าชีวิต….....ดิน....ฉันอ่านไปก็ร้องไห้ไปดินเขียนไว้หมดทุกช่วงเวลาตลอด7ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งตอนที่เขาเรียนมหาลัยแล้วเขาเดินผ่านฉันเขาก็ยังเขียนไว้หมดเขาคงเจ็บปวดมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฉันเองก็ไม่ต่างกัน กว่าที่ฉันจะผ่านมาได้แต่ละวันมันช่างยากลำบาก ‘และฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะรักฉันได้มากขนาดนี้ทุกเล่มที่เขียนเขามักจะลงท้ายด้วยคำว่า รักมากกว่าชีวิต ทุกหน
ตอนที่37 บันทึกแดนดิน3วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพเหตุการณ์นั้นย้อนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันได้เสียเขาไปแล้วตลอดกาลจริงๆ ‘แดนดิน จิรายุ’ ผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักหมดหัวใจ และไม่รู้ว่าจะสามารถรักใครได้เท่าเขาอีกหรือเปล่า แล้วเขายังฝากตัวแทนของเขาอีกหนึ่งชีวิตไว้กับฉันด้วย“ดิน ฮึก” ฉันตื่นขึ้นมามองไปบนเพดานห้องถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล“อิงฟ้าลูก ฟื้นแล้วหรอ” ทันทีที่แม่กับพ่อเห็นฉันขยับตัวก็รีบลุกจากโซฟามาดูฉันทันที“แม่คะ ฮือออ พ่อคะ…ดินอยู่ไหนคะ ฮึก”“ใจเย็นๆนะลูกร่างกายเพิ่งจะฟื้นตัวอย่าขยับเยอะ ไม่ห่วงตัวเองก็เป็นห่วงหลานแม่กับพ่อบ้าง”“พะ พ่อแม่รู้แล้วหรอคะ?” ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองพ่อกับแม่“ใช่…พ่อเป็นหมอนะทำไมพ่อจะไม่รู้” พ่อลูบหัวฉันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ลูกท้องกับดินใช่ไหม หลานแม่ไม่ใช่ลูกของเสือใช่ไหมยัยอิง” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่มีดุหรือด่าเลยซักคำ“...” ฉันได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ แต่ทันใดนั้นก็มีคน เคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา ฉันเคยเห็นพวกเขาผ่านจอทีวีมาบ้าง แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงก็อกๆ ก็อกๆ คลืดดดดดดเป็นพ่อ แม่ น้องช
ตอนที่36 ขอร้อง ได้โปรดกลับมา“เห้ยยย ไอ้ดิน / อ๊ายยย / กรี๊ดดด” เสียงผู้คนอื้ออึงหลากหลายเสียง แต่สำหรับฉันเหมือนโลกแตกสลายหูดับไปชั่วขณะ“ไม่ๆๆ ดินทำแบบนี้ทำไม มาบังอิงไว้ทำไม ฮือๆๆ” ฉันร้องไห้นั่งกอดเขาราวกับจะขาดใจ“ไอ้คินเอารถออกเร็ววว” เสียงพี่เสือวิ่งมาหาฉัน “อิงๆเป็นอะไรรึเปล่า” พี่เสือถามด้วยความร้อนรน“มะ ไม่ค่ะ แต่ดิน ฮืออ! ดินลืมตามามองอิงก่อนนะห้ามหลับเด็ดขาดเลยนะ”แล้วพวกเพื่อนดินก็พากันมาแบกดินขึ้นรถ ฉันก็นั่งไปกับเขาโดยที่เขาหนุนตักฉัน“ไม่ เป็นไร นะ ดะ ดินไม่เจ็บเลย อย่าร้องไห้ เพราะ ดินอีกเลย นะ” ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าเบาหวิวเอ่ยปลอบฉันที่เอาแต่กอดเขาร้องไห้“ไม่นะดิน ดินห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด อิงยังรักดินอยู่นะ รักมาตลอด ดินห้ามตายไม่งั้นอิงจะไม่รักดินแล้ว ฮึก ฮือออ”“ดิน ก็ รักอิงนะ อิงฟ้า ระ รักมากกว่า ชะ ชี…” เสียงเขาขาดห้วงไปในตอนท้ายมือของเขาจากที่จับแก้มฉันอยู่ก็ตกลงข้างลำตัวนิ่งสนิทไป“ไม่ๆๆไม่นะดิน ลืมตามาคุยกับอิงสิ ฮือๆ แล้วอิงจะอยู่ยังไง ลูกของเราเค้าก็ต้องการดินนะ ฮือๆๆ!” ฉันเพิ่งตรวจพบเมื่อวานนี้เอง ว่าฉันท้อง น่าจะได้เดือนกว่าๆแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้น
ตอนที่35 ทำไมทำแบบนี้วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองก่อนวันหมั้นจะเกิดขึ้นในอีกสองวันของฉัน และพี่เสือ ซึ่งฉันก็ได้เชิญเพื่อนทุกคนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมและมหาลัย วันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบปิดรู้กันเฉพาะเพื่อนและคนรู้จักเท่านั้น เรามาจัดกันที่ผับของพี่คินกัน ถึงจะเป็นงานเลี้ยงแบบปิดแต่คนก็ยังเยอะอยู่ดีมีประมาณ 30 กว่าคนทั้งเพื่อนฉันเพื่อนพี่เสือ แล้วฉันก็ยังเชิญกลุ่มของน้องกันต์มาด้วย ซึ่งในนั้นก็มีแดนดิน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่านะ“ยินดีด้วยค๊าาเพื่อนสาว เผลอแปปๆก็จะมีสามีก่อนเพื่อนคนอื่นๆซะแล้ว” พวกเพื่อนฉันต่างมายืนล้อมวงชนแก้วฉัน“ยังๆ สามงสามีอะไร คู่หมั้นก็พอไหม แกก็เวอร์เกิน” ฉันว่าให้ยัยกิ๊ฟ ที่พอเมาแล้วพูดเก่งกว่าใครเพื่อนเลย“เอาน่าอีกไม่กี่เดือนก็เป็นสามีแล้ว” ใช่ค่ะ ที่เพื่อนพูดก็มีส่วนถูก เพราะเราหมั้นกัน แล้วอีกสามเดือนก็จะเกิดงานแต่งขึ้นซึ่งมันไวมาก จนฉันก็แทบจะตั้งรับไม่ทันเพราะพวกผู้ใหญ่เค้าคุยและจัดการกันเองฉันเพิ่งจะมารู้เรื่องก็วันที่แม่โทรมาบอกให้ฉันไปลองชุดงานหมั้นที่บ้านนั่นเอง “เฮ้อ!!” ฉันได้แต่ถอนหายใจ“เป็นไรแก ไม่มีควาทสุขหรอจะได้หมั้นกับพ่อหนุ่มเทพบุตรเชียวนะ” ยัยแ
ตอนที่34 ทรมานจนไม่รู้จะอยู่ยังไงหลังจากปรับความเข้าใจกับอิงฟ้า ผมก็หอบสังขารกับใจที่แตกสลายกลับมาบ้านด้วยใจที่แสนจะเจ็บปวด ผมไม่มีวันได้เธอคืนมาจริงๆแล้วสินะ เธอใจแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมคิดว่าถ้าผมได้บอกความจริงกับเธอไปแล้ว เธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมคิดผิด เธอยังคงยืนยันจะหมั้นกับผู้ชายคนนั้น ผมก็คงทำได้เพียงแค่ยินดีกับเธอขอให้เธอไม่เจ็บปวดเหมือนตอนคบกับผม และดูจากสายตาทุกครั้งที่ผู้ชายคนนั้นมองอิงฟ้ามันเต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น หวังว่าเขาจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าคนอย่างผมมาถึงบ้านผมก็หมกตัวอยู่แต่บนห้องนอน ในห้องผมจะมีห้องทำงานแยกออกไปอีก มีโซฟากลางห้องและมีทีวีจอยักติดผนังอยู่ซึ่งผมก็นั่งตรงนั้น ตรงโซฟาตัวยาวกลางห้องทำงาน จอภาพยังคงฉายวนซ้ำๆกับคลิปวิดิโอต่างๆที่ผมชอบถ่ายเก็บไว้เวลาผมกับอิงฟ้าใช้เวลาอยู่ด้วยกัน วันๆผมก็มักจะมาหมกตัวอยู่แต่ในห้องนี้ตลอด และเขียนไดอารี่ถึงเธอทุกครั้งที่คิดถึงผมนั่งกระดกเหล้าลงคอไม่รู้เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เหม่อมองวิดิโอตอนที่เราไปเที่ยวทะเลและเล่นน้ำด้วยกันซ้ำๆ มันเล่นวนไปมาตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ก็เช้าแล้ว ผมก็ยังไม่ลุกไปไหน[ ถึงท