จากประโยคด้านบนหลายคนอ่านแล้วอาจรู้สึกว่ามันเป็นประโยคจับผิดสามีตัวเองแต่สำหรับฉันบอกเลยว่ามันเป็นประโยคทั่วไปอันแสนธรรมดาและก็ไม่ได้พิเศษอะไรไม่แอบแฝงอะไรทั้งนั้น
การจับผิดใช้ไม่ได้กับผู้ชายตรงหน้าหรอกฉันรู้ดีเพราะความหน้าด้านหน้าทนขนาดเปรียบกับคอนกรีตพื้นถนนยังบางกว่าเป็นร้อยเท่าเสริมความสามารถพิเศษไปอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาผู้ชายคนนี้ก็จะผลิตสารเคลือบความอดทนเอาไว้อย่างแน่นหนา
จับได้ก็ไม่สนใจ
จับได้ก็ทำไปเรื่อยๆ
จับได้ก็ไม่สำนึก
อย่างเดียวที่เขาทำคือไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามายุ่งกับฉันและลูก สักครั้งก็ไม่มีแต่จะเรียกว่าความดีงั้นเหรอมันคงใช้ได้หรอกมั้ง ความเจ้าเล่ห์เผยแผ่ออกมาทั่วทุกรูขุมขนบนร่างกายเขาฉันนี่แหละที่จะหยุดยั้งมันเอง
“ไม่มี สินบนอะไร”
“หึ...”
ร้อยไม่เชื่อพันก็ไม่เชื่ออีก ความใจดีที่จู่ๆ วันหยุดทั้งทีจะพาลูกเมียไปเที่ยวทะเลตามคอนเซ็ปต์ครอบครัวสุขสันต์ Happy Family อะไรประมาณนี้เขาจะทำทำไม สู้เอาเวลาไปเที่ยวควงสาวไม่ดีกว่าเหรอแบบที่เคยทำทุกวัน
มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ
การพยายามมองเข้าไปสบตากับนัยน์ตาสีนิลเพื่อหาจุดหลอกลวงหรือโกหกที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ทว่าฉันกับหาไม่เจออะไรเลยเพราะมีการหลีกเลี่ยงแบบชัดเจน การหลีกเลี่ยงที่แนบเนียนโดยแขนใหญ่อุ้มลูกขึ้นมาคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มากมายเสียงเจี๊ยวจ๊าวของต้องตาดังขึ้นเป็นระยะๆ กระทั่งสาวใช้เดินเข้ามาเพื่อรับต้องตาขึ้นไปอาบน้ำด้านบนสองพ่อลูกตัวแสบจึงหยุดเล่น
“ไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ กับพี่นาก่อนนะลูก”
“ค่าพ่อตามขา”
พอเท้าเล็กเตะพื้นหินอ่อนกำลังผ่านหน้าฉันกับใช้มือคว้าเนื้อตัวนุ่มนิ่มอวบของลูกเอาไว้มาในอ้อมกอด ต้องตาส่งยิ้มจนตาหยีเมื่ออยู่ใกล้กันมากฉันจะโน้มตัวเข้าไปฟัดแก้มนุ่มๆ นั่นอย่างเสียไม่ได้จริงๆ
คิกๆ คิกๆ
“แม่ตูนหนูจั๊กจี้ค่า”
นั้นแหละความตั้งใจของแม่
คิกๆ คิกๆ
พ้นจากเสียงหัวเราะก็มีประโยคนี้ตามมาติดๆ
“อย่าอาบน้ำนานนะลูกเดี๋ยวจะเป็นหวัดไม่สบายแล้วหนูจะได้กินยาขมปี๋ที่ไม่ชอบ เข้าใจมั้ยคะ” ฉันปล่อยตัวอ้วนๆ ของต้องตาจากนั้นก็เอื้อมเอากระเป๋าเป็ดน้อยส่งให้พี่นาสาวใช้ประจำตัวของต้องตา ตั้งแต่เกิด “ปะแป้งหอมๆ นะคะ”
“ค่าแม่ตูนขา”
พ้นหลังลูกความเงียบก็เข้ามาสู่ระหว่างฉันและพี่ตาม ฉันเรียกเขาว่าพี่เพราะยังไงก็อายุห่างกันเกือบสองปีเรียกอย่างอื่นคงไม่เหมาะเท่าไหร่อีกอย่างพี่ตามมีวุฒิภาวะมากกว่าจะเรียกห่างชั้นมากกว่าฉันเยอะทั้งนี้ต้องนอกจากตอนโมโหฉันมักเรียกแค่ชื่ออย่างเดียว
“มีอะไรจะพูด”
เป็นเขาเองที่ทนความกดดันไม่ได้
“ทำไมถึงต้องไปเที่ยว”
ฉันเรียกว่าเป็นคำถามปัญญาอ่อนมากแต่ก็ยังเลือกถามไถ่ขึ้นมาเพราะเชื่อว่ามันจะซ่อนอะไรดีๆ ให้รับรู้ออกมา
“เรื่องเที่ยว?” ใบหน้าพี่ตามบิดเบี้ยวไปด้วยคำถามที่เขาไม่เข้าใจแกมสงสัยด้วยมั้ง “เรื่องแค่เนี่ย ถามจริงหาเรื่องทะเลาะกันใช่มั้ย”
“ไม่แค่นี้หรอกค่ะไปเที่ยวทั้งทีต้องมีอะไรมากกว่านี้แค่นอน”
“เธอรู้อะไรมาตูน?”
นั่นไงเริ่มร้อนตัวแล้ว
“ก็แค่...” ฉันตั้งใจหยุดคำพูดเหล่านั้นเอาไว้เพื่อต้องการกวนประสาทคู่สนทนาที่กำลังจ้องออกมาจนดวงตาแทบออกมานอกเบ้าจากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าคว้ารูปด้านในมาวางไว้ตรงหน้าพี่ตามเรียงรายให้เห็นชัดๆ “รู้ว่าเรื่องเที่ยวก็แค่ติดสินบนลูกเพื่อกลบเรื่องผู้หญิงที่ชื่อบุ๋ม”
ความคับแคบก็ยังเกิดขึ้นอยู่ ดีที่ผมใส่ไปครั้งเดียวแบบมิดสุดไม่รีรออะไรส่วนตูนนั้นก็เอามือเข้าคล้องลำคอผมแน่นอีกทั้งยังหายใจแรงสั่นแบบสม่ำเสมอใกล้ๆ ใบหู ไม่วายพลางจิกเล็บระบายความรู้สึกลงแผ่นหลังของผมไปตามระเบียบเหมือนอย่างที่เคยทำ “ขะ ขยับพี่ตาม ไม่ไหวแล้ว...” “ครับ” การขยับเกิดขึ้นไปตามระดับ แน่นอนว่าพอตูนขยับตัวออกมือของผมที่ตอนนี้อยู่ตรงสะโพกสวยก็สามารถดันสะโพกเธอเข้ามาใหม่ได้แทบนับครั้งไม่ถ้วน เสียงกระทบกันของเนื้อเกิดขึ้นเป็นจังหวะ ผมตั้งใจส่งเข้าไปด้านในตัวของตูนแบบเน้นๆ อัพเวลความถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผิวน้ำที่อยู่ในอ่างก็เกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ คลื่นน้อยบ้างก็ล้นทะลักออกไปจากขอบอ่างก็มีพร้อมกับเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ที่ต่างสลับสับเปลี่ยนกันเกิดขึ้น “อ่าส์...” จนทุกอย่างมันดำเนินการมาจนสุดทางร่างกายเล็กที่โอบกอดผมอยู่นั้นเกิดการสั่นไหวเล็กน้อยและเธอก็เปล่งเสียงหวานๆ ออกมาตามเสียงของผมแบบติดๆ “อ่า...” เส้นผมเปียกไหลลงมาปิดบังใบหน้าสวยที่มีสีแดงกร่ำอยู่แล้วผมจึงยื่นมือไปเกล
เล่นแบบนี้เลยเหรอตูนเหรอ แม่ง... “อื้ม...” กระทั่งหายหายใจร้อนๆ ปัดเป่าลงไล้เรียงข้างใบหูมาทีละนิดๆ วนเวียนเรียบเคียงตามสันกรามลงมาแบบแผ่วเบา ตูนเธอต้องการยั่วอารมณ์และกระตุ้นอารมณ์ของผมให้เกิดภายในเวลาเดียวกัน บอกได้เลยว่าเธอทำสำเร็จ ตอนนี้ภายในร่างกายของผมมันปั่นป่วนไปหมดเสมือนพายุร้ายกำลังก่อตัวขึ้นเพิ่มระดับความรุนแรงเรื่อยๆ ไร้การหยุดยั้งได้ ด้วยความอยากรุนแรงอยากปลดปล่อยใจแทบขาดแต่ก็ทำได้เพียงยืนนิ่งบีบแก้มก้นอันงามงอนของเธอเท่านั้น เย็นไว้ไอ้ตาม ยังไงมึงต้องเย็นไว้... กระทั่งปลายลิ้นเล็กเผยออกมาไล่เลียเคลื่อนที่ไปทีละนิดๆ กับริมฝีปากของผมเนิ่นนานจนถึงซอกลำคอริมฝีปากร้อนก็จัดการประทับจูบพรมซุกไซ้เลียถึงไหปลาร้าลงมันเรื่อยๆ กระทั่ง... ตูนอ้าปากงับหัวนมผม... ปลายลิ้นเล็กร้อนๆ เลียไปรอบๆ หัวนมจากนั้นไม่นานปลายลิ้นก็หยุดก่อนจะกระดกหยอกล้อเล่นเพิ่มความถี่เรื่อยๆ ไม่ไหวแล้ว... คราวนี้มันเกินความอดทนแล้วจริงๆ ผมตวัดอุ้มร่างเล็กขึ้นม
“อย่าตามบ้าจี้ด้วยคำพูดเฮียติเลย พี่ตามโตแล้วนะคะ” ใบหน้าสวยหวานของเมียดูมุ่ย ดวงตากลมโตจับจ้องตัวเองแบบขวางๆ ไม่พอใจในการกระทำของผม ท่าทางพวกนี้รวมๆ แล้วดูน่าตีมากกว่าน่าโกรธ ขอบอกเลยว่าการทำแบบนี้ของเมียมันไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด “ใช่พี่โตแล้ว มีลูกมีเมียแล้วด้วย” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและก็เชื่อว่าประโยคนี้อาจทำให้ตูนหัวร้อนตามมาติดๆ มันเป็นประโยคแก้ของประโยคที่ออกมาจากปากของตูนก่อนหน้า “โตแต่ตัวแต่สมองเท่ามดสิไม่ว่า” นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ “จะพูดอะไรก็คิดดีๆ หน่อยนะ” ผมปรายสายตาหลุบลงเพื่อเป็นเชิงบอกว่าเธอกำลังเสียเปรียบตัวเองมากเอาการอยู่เพราะผมประชิดตัวตูนอย่างรวดเร็วในขณะเธอกำลังล้างตัวที่เต็มไปด้วยฟองสบู่อีกอย่างฝักบัวนั้นก็มาอยู่ในมือของผมแทนที่ก่อนหน้าอยู่ในมือของตูน มือเล็กจึงว่างงานผลักตรงอกของผมออกแต่ก็นะแรงเล็กแรงน้อยหรือจะสู้คนอย่างผมได้ “งั้นพี่ตามก็ออกไปก่อนสิคะ” “จะปฏิเสธไม่ทำการบ้านอีกสิ” มันเรื่องปกติสำหรับผัวเมีย ใครเ
“พี่ตามเข้ามาทำไม ออกไปตูนยังอาบน้ำไม่เสร็จ” ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าอย่างไรออกไปบ้างเพราะทำให้พี่ตามหัวเราะนิดๆ ก่อนเหยียดยิ้มออกมาให้เห็น เขาไม่สะทกสะท้านกับคำไล่ “ออกไปสิคะ” “กลัวอะไร ผัวๆ เมียๆ” ถ้าฉันไม่โกรธเขาอยู่จะไม่มีอาการแบบนี้เลย ฉันคว้าฝักบัวออกมาล้างตัวเพราะเห็นว่ายังไงคนตัวใหญ่ยังคงปักหลักยืนอยู่แบบนั้นไม่ทำตามอย่างที่พูดไป ทุกคนอาจคิดว่าฉันสตอนั่นผัวตัวเองนะแต่ตอนนี้ทิฐิทุกอย่างมันทำให้ฉันเลือกที่จะไม่อยากเห็นหน้าพี่ตามเลย เหม็นขี้หน้า หมับ! ทว่า... แต่แล้วทุกอย่างดูเลวร้ายลงเมื่อพี่ตามเข้ามาคว้าฝักบัวจากมือฉันไปทั้งที่ฟองสบู่ยังไม่หมดตัว ร่างกายทุกส่วนของเขาเบียดเข้ามาปะทะร่างกายของฉันที่แน่นอนว่ามีเรี่ยวแรงน้อยกว่าทำให้ถอยไปติดกับผนังกระเบื้อง “ตูนจะรีบไปหาลูก พี่ตามปล่อยนะ” “ไม่มี...” นาทีนี้ฉันงงมากจนกระทั่งพี่ตามขยายความต่อให้จบประโยคความงงงวยจึงหายไป “ต้องตาไปกับไอ้เฮียติ ทานข้าวข้างนอกแล้วนอนบ้านย่าเลย” “เฮียติต้องรอตูนก่อนสิ ไหนบอกว่าไปด้วยกัน
แกร๊ก... “อาบน้ำเสร็จหรือยังลูก” “แม่ตูนขา... อาบเสร็จแล้วค่า” ต้องตานั่งจุ่มปุ๊กอยู่บนเตียงนอนลวดลายดอกไม้สีฟ้าอ่อน ลูกปล่อยผมยาวสีดำสวยพร้อมกับกอดตุ๊กตาตัวโปรดที่พี่ตามซื้อให้ตั้งแต่เกิด มือเล็กอวบยกขึ้นกวักให้ฉันเข้าไปหาพอฉันขึ้นไปนั่งบนเตียงร่างเล็กที่กอดตุ๊กตาก็กระโดดเข้ามากอดและหอมแก้มข้างเดิมซ้ำๆ กลิ่นตัวหอมๆ ของแป้งเด็กล่องลอยมาเตะจมูกเป็นฉันเองที่ต้องสูดดมอย่างเต็มปอด “แก้มแม่ช้ำหมดแล้ว...” “งั้นเปลี่ยนข้างค่า” ว่าแล้วลูกสาวตัวแสบก็โน้มตัวเปลี่ยนมาหอมอีกข้างทำแบบเดิมเหมือนเมื่อกี้ ความเจ้าเล่ห์ของต้องตาทำเอาฉันหัวเราะออกมา “รักๆ” “แม่ตูนก็รักต้องตา รักมากๆ” ฉันคว้าลำตัวเล็กของต้องตาให้นอนบนตัก ศีรษะเล็กวางตรงอ้อมแขนส่วนตรงขายาวเลยออกไป นัยน์ตาสีนิลแสนสวยมองหน้าฉันด้วยความแวววาว ความจริงแล้วต้องตาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนหรือคล้ายฉันเลยสักนิดเดียวทุกอย่างราวถูกกำหนดออกแบบมาให้เหมือนผู้เป็นพ่อไม่ว่าจะเป็นรูปปากเรียวเล็กจมูกโด่งได้รูปทั้งตัวยังขาวใสแบบพี่ตาม ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็เหมือนพี่
“แล้วยังไงทำไมไม่จบปัญหา ดีนักเหรอใช้กำลังแบบนี้” อ้าว? หลักฐานก็คาตาทำไมไม่เข้าข้างน้องบ้างล่ะ ตูนเป็นญาติเฮียตินะ “ถามเพื่อนเฮียสิคะ” ฉันพูดโดยไม่มองหน้าเฮียติแต่ยืนกอดอกมองพี่ตามด้วยสายตาฟาดฟันเต็มเปี่ยมและก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อพี่ตามกับทำท่าทางเฉยๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว อยากข่วนอีกสักหลายๆ แผลเสียจริง “ก็เรื่องผู้หญิงคนนั้นที่เฮียติเห็นเมื่อคืน” พี่ตามพูดและเดินไปนั่งข้างเฮียติ “ที่ชื่อบุ๋ม?” ชื่อผู้หญิงคนนี้เข้ามาในบทสนทนาอีกครั้งโดยที่มือใหญ่ของเฮียติเข้าไปกระชากคอเสื้อพี่ตามลงเหมือนกำลังสำรวจรอยบนตัว แบบนี้ก็ได้เหรอ? “เออ” เขาเพื่อนกันนิทำไมไม่รู้ เพื่อนกันมีเหรอจะไม่เข้าข้างกัน เพื่อนกันมีเหรอจะไม่ให้ท้ายส่งเสริมกัน พอพี่ตามยอมรับสายตาเฮียติก็มองขึ้นมาปะทะกับสายตาของฉันที่ยังยืนนิ่งไม่เข้าไปนั่งโซฟา ยังไงซะในความคิดของฉันก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานนักหรอกอยากขึ้นห้องเต็มแก่ “อ๋อ... เมียมึงหึงนี่เอง”