เสียงฝีเท้าดังสะท้อนในตรอกแคบ พื้นอิฐเปียกชื้นไปด้วยฝนที่เริ่มโปรย
กลิ่นคาวเลือดแตะปลายจมูกตั้งแต่เธอก้าวเข้ามา ร่างของหญิงสาวสวมเสื้อคลุมสีดำมืดแนบตัว มีดเงินเหน็บอยู่ข้างเอว บาดแผลที่ไหล่ยังสดใหม่ แต่สีหน้าเธอกลับนิ่งสนิท เงาบางอย่างพุ่งลงมาจากหลังคาโดยไม่มีเสียงเตือน กรงเล็บสีดำฉีกอากาศหวิดโดนใบหน้าเธอ ฉัวะ! คมมีดของเธอสวนขึ้นทันควัน เลือดสีดำทะลักออกจากต้นแขนของแวมไพร์ มันถอยกรูดไปหนึ่งก้าว ดวงตาแดงฉานจ้องมาอย่างเคียดแค้น “เจ้ากล้าฟันข้า…” มันคำราม เสียงแหบต่ำ “มนุษย์ต่ำชั้นอย่างเจ้า…” หญิงสาวก้าวเข้าหาไม่ลังเล “หากข้าไม่ฟัน เจ้าคงได้กินหัวข้าไปแล้ว” เธอพูดเสียงเย็น มือข้างหนึ่งหมุนมีดเล่นคล้ายรำคาญ “บอกมาสิ เจ้าเป็นพวกของคาร์เซียหรือไม่” “ข้าไม่ฆ่าพวกที่หนีจากฝูง...แต่ข้าก็ไม่ไว้ใจนัก” แวมไพร์หัวเราะในลำคอ เสียงเหมือนของคนกำลังจะขาดใจ “ข้า…ไม่มีฝูงอีกแล้ว เจ้าก็เช่นกันไม่ใช่หรือ ” เธอกระตุกยิ้ม แล้วก็ไม่พูดพร่ำ เธอกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง มีดเงินเฉือนลงที่ลำคอของมัน รวดเดียวจบ ร่างของแวมไพร์ล้มกระแทกพื้น เสียงเนื้อกระทบหินดังก้อง หญิงสาวก้าวเข้าไป ย่อตัวลง ใช้มีดเล่มเดิมควักเขี้ยวออกมาอย่างชำนาญ เธอหยิบถุงผ้าใบเก่าออกจากกระเป๋าข้างเอว เก็บของที่ได้มาแนบชิด มือเปื้อนเลือดแต่ไม่แสดงสีหน้า “อีกหนึ่ง...ค่าหัวน่าจะพอซื้อข้าวได้สองวัน” เธอบ่นเบา ๆ ขณะลุกขึ้นยืน ฝนยังตกต่อเนื่อง เธอปรายตามองไปยังเงามืดที่ปลายตรอก ก่อนจะพูดขึ้นเหมือนรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังจากเงามืดสุดตรอก ลีแอนน์ไม่หันไปมอง แต่กระชับมีดในมือแน่นกว่าเดิม ฝนเริ่มซาลง ทิ้งไว้แต่กลิ่นคาวเลือดที่อวลหนา เงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ก้าวออกมาใต้แสงไฟถนน เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ ผมยาวเปียกแนบใบหน้า ผิวขาวซีดเกินมนุษย์ และดวงตาสีเทาที่จ้องมาด้วยความนิ่งผิดธรรมชาติ “เจ้ามีฝีมือดี” เสียงเขาทุ้มนุ่ม แต่ฟังดูเหมือนไม่ควรเชื่อ ลีแอนน์ไม่ตอบ เธอเพียงเอียงหน้าเล็กน้อย “อย่าคิดจะก้าวมาใกล้…เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะอยากตาย” เขายกมือขึ้นช้า ๆ เพื่อแสดงว่าไม่มีอาวุธ “ข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้า” “ข้าเพียง…ตามกลิ่นเลือดพวกมันมา และเจอเจ้าก่อน” ลีแอนน์หัวเราะในลำคอ “เจ้าเป็นใครกันแน่ แวมไพร์ที่เดินเข้ามาเองโดยไม่คิดจะสู้?” “ข้าชื่อเดรย์วาน” เขาตอบสั้น ๆ “และหากข้าจะบอกว่า ข้ากำลังล่าแวมไพร์เหมือนเจ้า…เจ้าเชื่อหรือไม่?” เธอขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาเริ่มวาววับ “ข้าไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น จนกว่าเลือดเจ้าจะหยดลงพื้นให้ข้าดมดูเอง” “ดี” เดรย์วานยิ้มมุมปาก แต่ไม่ใช่รอยยิ้มของความสนุก มันเป็นรอยยิ้มของผู้ที่ผ่านเลือดผ่านไฟมามากพอจะรู้ว่า "การยืนอยู่ตรงหน้าเธอ…คือการเดินเข้าสนามรบ" “เช่นนั้น...ข้าขอพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการบอกเจ้าว่า—พวกมันยังไม่หมด” ลีแอนน์เลิกคิ้ว “ว่าไงนะ?” เดรย์วานกวาดตามองพื้น ก่อนเอ่ยเบา ๆ “เจ้าฆ่าได้หนึ่ง…แต่อีกสี่ตัว ยังวนอยู่แถวนี้ และข้าไม่คิดว่าเจ้าจะอยากสู้พวกมันคนเดียว” ลีแอนน์เงียบไปเพียงชั่วอึดใจ ฝนหยุดตกแล้ว…แต่เงามืดรอบตรอกกลับรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นทันตา เธอหมุนมีดในมือ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจ้าคิดทรยศ…ข้าจะกรีดคอเจ้าก่อนที่พวกมันจะได้แทะกระดูกข้า” ลีแอนน์เหลือบตามองชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่กลางเงา คำพูดของเขาฟังดูมั่นใจเกินจริง...แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฟังดูโกหก มือของเธอยังกำด้ามมีดแน่นเหมือนเดิม แต่เท้าเริ่มขยับ “หากเจ้าโกหก ข้าจะฟันคอเจ้าให้ไวกว่าเสียงหายใจเจ้าเสียอีก” เธอเอ่ยเตือน โดยไม่มองเขาตรง ๆ “ข้าไม่ว่าอะไร ถ้าข้าสมควรถูกฟัน” เดรย์วานตอบเสียงเรียบ ก่อนหันสายตาไปยังปลายตรอก “เจ้ารู้สึกหรือไม่...อากาศเริ่มนิ่งผิดปกติ” ลีแอนน์หยุด หายใจลึก เสียงลมหายใจของเธอสะท้อนในความเงียบ แม้ฝนหยุดไปแล้ว...แต่เสียงแมลงกลางคืนกลับเงียบสนิท เธอสบถเบา ๆ “บ้าเอ้ย...พวกมันมาจริงๆ” ราวกับเสียงของเธอคือสัญญาณ เงาดำพุ่งเข้ามาทางข้างหลัง — เร็วกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทันเห็น แต่ลีแอนน์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ฉัวะ! มีดเงินเฉือนคอแวมไพร์ตัวแรกในจังหวะเดียวที่มันกางเขี้ยว เลือดสาดลงพื้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะถอนหายใจ เงาที่สองก็มาทางขวา กรงเล็บของมันเฉียดหน้าเธอไปไม่ถึงคืบ ปัง! เสียงปืนดังขึ้น กระสุนสีเงินเจาะเข้ากลางอกของมันพอดี เดรย์วานถือปืนสั้นกระบอกบางไว้ในมือ — สีหน้าสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด “เจ้าพกปืน?” ลีแอนน์ถามพลางถอยหลังไปยืนข้างเขา “บางครา ข้าก็เกลียดการเปื้อนมือ” เขาตอบ ก่อนหันไปยิงอีกนัดใส่แวมไพร์ตัวที่สามที่โผล่มาจากอีกมุม เหลืออีกตัวเดียว — ใหญ่กว่า ร่างสูงเกือบสองเมตร ดวงตาสีแดงวาบขึ้นเหมือนสัตว์คลั่ง มันไม่พุ่งเข้าใส่ทันที แต่มันคำรามเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง เดรย์วานขมวดคิ้ว “มันไม่มาเพื่อฆ่า…แต่มาเพื่อดู” “ดู?” ลีแอนน์ชะงัก ใจเต้นเร็วขึ้นทันที “ใครส่งมันมา?” ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นจากอีกฝั่งของตรอก เป็นเสียงของผู้หญิง...หรืออาจเป็นอย่างอื่น ทั้งสองสบตากันโดยไม่ต้องพูดอะไร ลีแอนน์เก็บมีด กลับไปคว้าดาบเงินอีกเล่มจากหลังแผ่นหลัง เดรย์วานบรรจุกระสุนใหม่ลงปืน “ข้าไปซ้าย เจ้าล่อขวา” เธอสั่งเร็ว ๆ “ข้าไม่ชอบคำสั่ง” เขาว่า “หากเจ้าอยากรอด เจ้าไม่ต้องชอบ แค่ทำ” เดรย์วานยิ้มจาง ๆ ก่อนพยักหน้า ทั้งสองพุ่งตัวสวนทางกันไปคนละฝั่ง — เงา ความเร็ว และกลิ่นเลือดปะทะกันกลางรัตติกาลอีกครั้ง เสียงฟาด เสียงมีด เสียงคำรามดังระงมตรอกแคบ แต่นี่...มันเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นค่ำคืนถัดมา – ริมเขตแดนหมู่บ้านมนุษย์สายลมอ่อนพัดเอากลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเนื้อย่างลอยคลุ้งไปทั่วแสงไฟจากคบเพลิงกระพริบไหวกลางทุ่งหญ้าโล่งหน้าเขตป่าลีแอนน์คลุมผ้าคลุมสีดำ มองจากเงาไม้ไกล ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะมือขวากำด้ามมีดเงินแน่น ขณะที่สายตาเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้ากลางลานโล่ง มีแวมไพร์แต่งกายดูดีราวพวกขุนนาง ยืนอยู่ในกลุ่มมนุษย์ราวสิบกว่าคนพวกมนุษย์หัวเราะ พูดคุย ดื่มไวน์…โดยไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น “มัน...กำลังล่า”ลีแอนน์พึมพำเบา ๆ กับตัวเองชายแวมไพร์คนหนึ่งยื่นถ้วยไวน์ให้หญิงสาวชาวบ้านเธอยิ้มรับ ดื่มไปคำใหญ่ ก่อนร่างจะเริ่มโงนเงนแวมไพร์ผู้นั้นโน้มตัวลง กระซิบข้างหูเธอ “เจ้าเหนื่อยไหม ให้ข้าช่วยพักผ่อนตลอดกาลดีไหม?”ทันใดนั้น...ฟันเขี้ยวโผล่พ้นจากริมฝีปากเขาฝังเขี้ยวลงบนคอเธออย่างไม่ลังเลหญิงสาวสะดุ้ง ดิ้นเล็กน้อย…ก่อนเสียงจะเงียบไปเลือดไหลเป็นทางลงสู่พื้นหญ้าแวมไพร์เลียริมฝีปาก ก่อนหันไปพูดกับเพื่อนร่วมเผ่า“เลือดสด ๆ ยังหอมเหมือนเดิม”ลีแอนน์กัดฟันแน่น หัวใจเต้นเร็ว มือสั่นเล็กน้อยแต่เธอยังไม่ขยับออกจากเงามืดอีกด้านของลาน มีเด็กชายคนหนึ่งถู
ค่ำคืนถัดมา – ป่าทางเหนือลมเย็นพัดแรง ใบไม้สั่นไหวเป็นจังหวะกลิ่นดินชื้นและเลือดเก่า ๆ ลอยฟุ้งมาตามสายลมลีแอนน์ก้มตัวแฝงกายในพุ่มไม้ มือแนบกับด้ามมีดเงินข้างเธอคือเดรย์วาน ที่นิ่งราวเงามืด ไม่มีเสียงหายใจแม้แต่น้อย“เงียบแบบนี้นานไป ข้าระแวงนะ”เธอพูดเบา ๆ โดยไม่หันไปมองเขา“ข้าชินกับการเงียบ” เดรย์วานตอบเสียงต่ำ“แต่เจ้าสิ...ทำไมใจสั่น?”ลีแอนน์หันขวับ“ข้าไม่ได้สั่น ข้าแค่...หงุดหงิดที่ต้องฟังเจ้าพูด”เขายิ้มมุมปาก“หงุดหงิดยังดีกว่าตาย”เงาของบางสิ่งเคลื่อนผ่านยอดไม้ด้านบน ลีแอนน์เงียบกริบเดรย์วานกระซิบ“มีอย่างสองตัว เคลื่อนไหวเร็ว แต่ไม่ใช่พวกนักฆ่า…สายล่อหรือยาม”เธอพยักหน้า“งั้นข้าจะลอบเข้าใกล้ ส่วนเจ้าล่อมันออกไป”เดรย์วานหัวเราะเบา ๆ“ไว้ใจข้าแล้วหรือ?”“ไม่...แต่ถ้ามีใครต้องตายก่อน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นข้า”เธอตอบหน้าตาย แล้วพุ่งตัวแทรกเงาไม้หายไปในความมืดเดรย์วานถอนใจสั้น ๆ ทางอีกด้านของป่า“เคลื่อนไหวเร็วเกินมนุษย์…”เสียงหนึ่งกระซิบจากกิ่งไม้สูงสิ่งมีชีวิตร่างสูงเพรียว ผิวซีด มีกรงเล็บโผล่ออกมาจากนิ้วมือสายตาของมันจับจ้องการเคลื่อนไหวของเดรย์วานอีกตัวหนึ่ง
เช้าตรู่...ไอเย็นยังจับอยู่บนกระจกหน้าต่าง แสงอาทิตย์แรกของวันลอดผ่านม่านบาง ๆ เข้ามาในบ้านไม้กลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ยังลอยอยู่ในอากาศจากการทำแผลเมื่อคืนลีแอนน์ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเธอนั่งจิบชาสมุนไพรเงียบ ๆ อยู่ตรงเก้าอี้ไม้ใกล้หน้าต่าง สายตาเหลือบมองเดรย์วานที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเบาะรอยแผลที่หัวไหล่พันผ้าไว้อย่างเรียบร้อยเขาหลับสนิท ไม่มีท่าทางเจ็บปวดอีกเสียงนกร้อง...เงียบสงบกว่าที่เธอคาดในเช้าแบบนี้แต่แล้ว“ก็อก ๆ ๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามที หนักแน่นแต่ไม่เร่งรีบลีแอนน์ชะงัก มือที่ถือแก้วชาหยุดกลางอากาศเดรย์วานลืมตาช้า ๆ หันมามองเธอโดยไม่พูด“ข้าไม่ได้รอใคร” เธอพูดเบา ๆเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แทรกเสียงผู้ชาย“ข้าไม่ได้มาตามหาปัญหา ขอคุยแป๊บเดียว ลีแอนน์!”เธอขมวดคิ้วทันที“เสียงนั่น...ซาเวล”เดรย์วานยันตัวลุกขึ้นช้า ๆ“เขาเป็นใคร?”“คนรู้จักเก่า...พ่อค้าเร่ที่ไม่ได้มาแบบธรรมดา เขาเป็นพวกที่ ‘เห็น บางอย่าง”ลีแอนน์ตอบ ขณะเดินไปเปิดประตูทันทีที่บานประตูเปิดออกชายวัยประมาณสามสิบ สวมเสื้อคลุมยาวเก่า ๆ มีขนนกผูกติดไหล่ตาสีน้ำผึ้งของเขากวาดมองเข้ามาในบ้านอย่างไม่ไว้ใ
เสียงลมหายใจยังหนักหน่วงลีแอนน์และเดรย์วานยืนหยัดท่ามกลางซากศพแวมไพร์ที่พวกเขาสังหารแต่ความเงียบหลังการสู้รบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด“เจ้าคิดว่าข้าควรไว้ใจเจ้าได้หรือ?”ลีแอนน์ถามเสียงแข็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเดรย์วานหันมายิ้มบาง ๆ“ข้าเองก็ไม่ไว้ใจเจ้า…แต่นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน”“ข้าไม่ใช่คนไว้ใจง่าย”เธอก้าวไปเก็บมีดที่ตกลงพื้นอย่างระมัดระวัง“เช่นเดียวกัน ข้าโดนทรยศมาหลายครั้ง”เขาตอบ ก่อนชำเลืองมองไปทางเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากซอยข้าง ๆ“เจ้าคิดว่าพวกมันยังไม่หมด?”ลีแอนน์ถามเดรย์วานกดปืนเข้าที่เอว“ใช่…พวกมันไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา พวกมันคือพวกที่มีฝีมือและโหดเหี้ยมกว่าที่ข้าเคยเจอ”“งั้นเราจะสู้กับพวกมัน?”เธอถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าอยากมีชีวิตรอดคืนนี้…ข้าคิดว่าเราคงต้องร่วมมือกัน”เดรย์วานตอบ พร้อมชำเลืองมองหน้าเธอความร่วมมือที่ไม่เต็มใจเกิดขึ้นในชั่วพริบตาลีแอนน์รู้ดีว่า ถึงจะไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องพึ่งพาเดรย์วาน“ข้าไม่เคยชอบใครมาคุมข้า”เธอพูด ลีแอนน์ผลักประตูบ้านไม้เก่า เปิดเข้ามาช้า ๆกลิ่นไม้แห้งและสมุนไพรอ่อน ๆ ต้อนรับเธอกลับสู่ความคุ้นเคยที่นี่คือบ้านของเ
เสียงฝีเท้าดังสะท้อนในตรอกแคบ พื้นอิฐเปียกชื้นไปด้วยฝนที่เริ่มโปรยกลิ่นคาวเลือดแตะปลายจมูกตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาร่างของหญิงสาวสวมเสื้อคลุมสีดำมืดแนบตัว มีดเงินเหน็บอยู่ข้างเอวบาดแผลที่ไหล่ยังสดใหม่ แต่สีหน้าเธอกลับนิ่งสนิทเงาบางอย่างพุ่งลงมาจากหลังคาโดยไม่มีเสียงเตือนกรงเล็บสีดำฉีกอากาศหวิดโดนใบหน้าเธอฉัวะ!คมมีดของเธอสวนขึ้นทันควันเลือดสีดำทะลักออกจากต้นแขนของแวมไพร์มันถอยกรูดไปหนึ่งก้าว ดวงตาแดงฉานจ้องมาอย่างเคียดแค้น“เจ้ากล้าฟันข้า…” มันคำราม เสียงแหบต่ำ“มนุษย์ต่ำชั้นอย่างเจ้า…”หญิงสาวก้าวเข้าหาไม่ลังเล“หากข้าไม่ฟัน เจ้าคงได้กินหัวข้าไปแล้ว” เธอพูดเสียงเย็นมือข้างหนึ่งหมุนมีดเล่นคล้ายรำคาญ“บอกมาสิ เจ้าเป็นพวกของคาร์เซียหรือไม่”“ข้าไม่ฆ่าพวกที่หนีจากฝูง...แต่ข้าก็ไม่ไว้ใจนัก”แวมไพร์หัวเราะในลำคอ เสียงเหมือนของคนกำลังจะขาดใจ“ข้า…ไม่มีฝูงอีกแล้ว เจ้าก็เช่นกันไม่ใช่หรือ ”เธอกระตุกยิ้มแล้วก็ไม่พูดพร่ำ เธอกระโจนเข้าใส่อีกครั้งมีดเงินเฉือนลงที่ลำคอของมัน รวดเดียวจบร่างของแวมไพร์ล้มกระแทกพื้น เสียงเนื้อกระทบหินดังก้องหญิงสาวก้าวเข้าไป ย่อตัวลง ใช้มีดเล่มเดิมควักเขี้ยวออ