เสียงลมหายใจยังหนักหน่วง
ลีแอนน์และเดรย์วานยืนหยัดท่ามกลางซากศพแวมไพร์ที่พวกเขาสังหาร แต่ความเงียบหลังการสู้รบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด “เจ้าคิดว่าข้าควรไว้ใจเจ้าได้หรือ?” ลีแอนน์ถามเสียงแข็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย เดรย์วานหันมายิ้มบาง ๆ “ข้าเองก็ไม่ไว้ใจเจ้า…แต่นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน” “ข้าไม่ใช่คนไว้ใจง่าย” เธอก้าวไปเก็บมีดที่ตกลงพื้นอย่างระมัดระวัง “เช่นเดียวกัน ข้าโดนทรยศมาหลายครั้ง” เขาตอบ ก่อนชำเลืองมองไปทางเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากซอยข้าง ๆ “เจ้าคิดว่าพวกมันยังไม่หมด?” ลีแอนน์ถาม เดรย์วานกดปืนเข้าที่เอว “ใช่…พวกมันไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา พวกมันคือพวกที่มีฝีมือและโหดเหี้ยมกว่าที่ข้าเคยเจอ” “งั้นเราจะสู้กับพวกมัน?” เธอถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าอยากมีชีวิตรอดคืนนี้…ข้าคิดว่าเราคงต้องร่วมมือกัน” เดรย์วานตอบ พร้อมชำเลืองมองหน้าเธอ ความร่วมมือที่ไม่เต็มใจเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ลีแอนน์รู้ดีว่า ถึงจะไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องพึ่งพาเดรย์วาน “ข้าไม่เคยชอบใครมาคุมข้า” เธอพูด ลีแอนน์ผลักประตูบ้านไม้เก่า เปิดเข้ามาช้า ๆ กลิ่นไม้แห้งและสมุนไพรอ่อน ๆ ต้อนรับเธอกลับสู่ความคุ้นเคย ที่นี่คือบ้านของเธอ…แม้จะไม่อบอุ่นนัก แต่ก็คือที่ของเธอ เสียงฝีเท้าจากด้านหลังไม่เบาและไม่เร่ง เธอรู้ดีว่าใครตามมา แต่ไม่ได้หันไปมองจนกระทั่งเสียงนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าประตู เดรย์วานยืนอยู่ใต้ชายคา ใบหน้าเปียกฝนและเหนื่อยล้า “ข้าไม่มีที่ไปคืนนี้” เขาพูดเรียบ ๆ “หากเจ้ายอมให้ข้าอาศัยพัก...แค่ชั่วคืนเดียว ข้าจะไม่รบกวนเจ้า” ลีแอนน์จ้องหน้าเขา ดวงตาเย็นเฉียบ “ข้าไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน” เขานิ่งไปนิด ก่อนพยักหน้า “เจ้ามองว่าข้าเป็นคนแปลกหน้า ทั้งที่เราเพิ่งร่วมรบเคียงกัน?” “ข้าก็ร่วมรบกับสุนัขเฝ้าประตูในตลาดเหมือนกัน แต่ข้าก็ไม่พามันเข้าบ้าน” เธอตอบเสียงนิ่ง ไม่ได้ประชด…แค่ชัดเจน เดรย์วานยิ้มบาง ๆ แต่แววตาหม่น “เข้าใจแล้ว ข้าจะไม่ขอซ้ำสอง” เขาหันหลัง เดินออกจากชายคาช้า ๆ ฝนเริ่มตกอีกครั้ง — เม็ดเล็ก ๆ ที่เหมือนแทงเข้าผิว ลีแอนน์ยังยืนนิ่งอยู่ที่ประตู ไม่ได้ปิดมันทันที ไม่รู้เพราะความลังเล...หรือความเงียบที่แปลกประหลาดในใจ ฝนยังคงตกพรำ... ลีแอนน์ยืนอยู่หลังประตูบ้านไม้เก่า เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของเดรย์วานที่เดินจากไป เธอถอนใจครั้งหนึ่ง กำลังจะผลักประตูปิด... เสียง ปัง! บางอย่างล้มลงตรงสนามหน้าบ้าน เสียงหนัก รุนแรงพอให้เธอชะงัก ลีแอนน์คว้ามีดเงินที่เหน็บข้างเอว รีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมรั้ว เดรย์วานนอนราบกับพื้น ร่างของเขาชุ่มไปด้วยฝน เสื้อคลุมฉีกขาดตรงหัวไหล่ และเลือดสีดำไหลซึมออกมาจากบาดแผลเก่า “ข้า...ไหว” เขาพูดอย่างพยายามจะลุก แต่แขนด้านหนึ่งสั่นระริก “บาดแผลเดิม...” เธอก้มมอง ก่อนพูดเสียงเข้ม “เจ้าไม่บอกว่าข้อต่อไหล่เจ้าเคยถูกกัด?” “มันหายไปนานแล้ว ข้าไม่คิดว่ามันจะกลับมาแย่ตอนนี้...” เขาตอบ “ฝนทำให้มันอักเสบ” ลีแอนน์กัดฟันแน่น เธอหันหลังไปมองบ้านตัวเอง แล้วหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง “เจ้าอย่าคิดว่าข้าสงสาร” เธอพูดเสียงเรียบ “ข้าไม่ขอให้เจ้าเมตตา” เขายิ้มบาง ๆ แม้จะเจ็บจนตัวสั่น “แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครตายอยู่หน้าบ้านข้า” เธอพูดต่อ แล้วโน้มตัวลง ลีแอนน์ประคองเขาอย่างระมัดระวัง “ข้าพาเจ้าเข้าไป...ก็เพียงเพื่อรักษา ไม่ใช่ให้เจ้าอยู่ต่อ” เดรย์วานพยักหน้า “ข้าสัญญา...ถ้ารุ่งเช้า ข้าลุกไหว ข้าจะไปเอง” ประตูไม้ถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ร่างของชายผู้ไม่เป็นที่ต้อนรับ...ได้ก้าวข้ามเข้ามา ภายในบ้านเงียบสนิท แสงตะเกียงน้ำมันส่องวูบไหวบนกำแพงไม้ ลีแอนน์วางเดรย์วานลงบนเบาะผืนเก่าหน้าเตาผิง หยิบผ้าขาวกับสมุนไพรออกจากกล่องไม้ใต้โต๊ะ เขานั่งพิงกำแพง ดวงตาหลับแน่น แต่ยังพอมีแรงหายใจสม่ำเสมอ “เจ้าไม่ต้องฝืนจะพูด” เธอกล่าว “อยู่นิ่ง ๆ ข้าจะล้างแผล” เธอค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมเขาออกอย่างระวัง บาดแผลที่หัวไหล่เผยให้เห็นรอยกัดเก่าที่ปะปนกับเนื้อใหม่ เหมือนบาดแผลนั้นไม่เคยหายจริง ๆ…แค่แฝงตัวเงียบ ๆ จนถึงเวลามันปะทุขึ้นอีกครั้ง เดรย์วานหายใจแรงเล็กน้อยตอนน้ำยาเย็นชะโลมลง “ข้าไม่เคยชอบความรู้สึกนี้เลย…” ลีแอนน์เหลือบมอง “เจ้าเจ็บ?” “ไม่...ข้าแค่ไม่ชอบให้ใครแตะตัว” เขาพูดเบา ๆ แล้วหัวเราะในลำคอ “แปลกดีที่ข้ายอมให้เจ้าทำได้” “อย่าคิดว่าเป็นเพราะเราสนิทกัน” เธอตอบโดยไม่หันไปสบตา “ข้าแค่เคยทำแผลให้พวกบาดเจ็บมาก่อน เจ้าไม่ใช่รายแรก” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสียงแผ่ว “แต่ข้าอยากให้ข้า...เป็นคนสุดท้าย” มือของลีแอนน์หยุดชั่ววูบ เธอไม่ตอบอะไร เสียงเตาผิงแตกเปรี๊ยะ ๆ ในห้องเงียบ สายตาของเธอมองแผลตรงหัวไหล่ แล้วพูดเบา ๆ “รอยกัดนั่น...ไม่ใช่ของพวกแวมไพร์ธรรมดา” เดรย์วานลืมตาขึ้น “ข้ารู้…เพราะข้ารู้จักมันดี” เธอถามตรง “มันคือใคร?” เขาเงียบไปนาน...นานพอจะฟังเสียงฝนกระทบหลังคา ก่อนตอบเสียงเบาเหมือนคำสารภาพ “มันคือพี่ชายข้า” ลีแอนน์ชะงัก มือเธอที่แตะผ้าพันแผลหยุดอยู่ตรงแผลนั้นพอดี “ข้าเคยมีครอบครัว” เขาพูดต่อ “แต่คืนนั้น...พวกเขาถูกแวมไพร์ฆ่าทั้งหมด เหลือข้า กับมัน” “พี่เจ้ารอด?” เธอถาม “เขารอด...แต่เขาไม่เหมือนเดิม เขากลายเป็นสิ่งที่ข้าไล่ล่าในทุกวันนี้” ลีแอนน์ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พันผ้าเงียบ ๆ แล้วลุกขึ้นช้า ๆ วางผ้าชุบน้ำลงในกะละมัง ก่อนจะหันกลับมา เห็นเดรย์วานหลับตาลงเหมือนหมดแรง ใบหน้าเขานิ่ง เหนื่อย และจริงใจในความเงียบ เธอก้าวถอยหนึ่งก้าว กำลังจะหันหลัง “ลีแอนน์...” เขาเรียกชื่อเธอเบา ๆ เธอหยุด “มีอะไร?” “ข้า...ขอบใจเจ้า” เธอไม่ตอบ เพียงแค่เดินไปปิดหน้าต่างให้แน่นขึ้นค่ำคืนถัดมา – ริมเขตแดนหมู่บ้านมนุษย์สายลมอ่อนพัดเอากลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเนื้อย่างลอยคลุ้งไปทั่วแสงไฟจากคบเพลิงกระพริบไหวกลางทุ่งหญ้าโล่งหน้าเขตป่าลีแอนน์คลุมผ้าคลุมสีดำ มองจากเงาไม้ไกล ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะมือขวากำด้ามมีดเงินแน่น ขณะที่สายตาเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้ากลางลานโล่ง มีแวมไพร์แต่งกายดูดีราวพวกขุนนาง ยืนอยู่ในกลุ่มมนุษย์ราวสิบกว่าคนพวกมนุษย์หัวเราะ พูดคุย ดื่มไวน์…โดยไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น “มัน...กำลังล่า”ลีแอนน์พึมพำเบา ๆ กับตัวเองชายแวมไพร์คนหนึ่งยื่นถ้วยไวน์ให้หญิงสาวชาวบ้านเธอยิ้มรับ ดื่มไปคำใหญ่ ก่อนร่างจะเริ่มโงนเงนแวมไพร์ผู้นั้นโน้มตัวลง กระซิบข้างหูเธอ “เจ้าเหนื่อยไหม ให้ข้าช่วยพักผ่อนตลอดกาลดีไหม?”ทันใดนั้น...ฟันเขี้ยวโผล่พ้นจากริมฝีปากเขาฝังเขี้ยวลงบนคอเธออย่างไม่ลังเลหญิงสาวสะดุ้ง ดิ้นเล็กน้อย…ก่อนเสียงจะเงียบไปเลือดไหลเป็นทางลงสู่พื้นหญ้าแวมไพร์เลียริมฝีปาก ก่อนหันไปพูดกับเพื่อนร่วมเผ่า“เลือดสด ๆ ยังหอมเหมือนเดิม”ลีแอนน์กัดฟันแน่น หัวใจเต้นเร็ว มือสั่นเล็กน้อยแต่เธอยังไม่ขยับออกจากเงามืดอีกด้านของลาน มีเด็กชายคนหนึ่งถู
ค่ำคืนถัดมา – ป่าทางเหนือลมเย็นพัดแรง ใบไม้สั่นไหวเป็นจังหวะกลิ่นดินชื้นและเลือดเก่า ๆ ลอยฟุ้งมาตามสายลมลีแอนน์ก้มตัวแฝงกายในพุ่มไม้ มือแนบกับด้ามมีดเงินข้างเธอคือเดรย์วาน ที่นิ่งราวเงามืด ไม่มีเสียงหายใจแม้แต่น้อย“เงียบแบบนี้นานไป ข้าระแวงนะ”เธอพูดเบา ๆ โดยไม่หันไปมองเขา“ข้าชินกับการเงียบ” เดรย์วานตอบเสียงต่ำ“แต่เจ้าสิ...ทำไมใจสั่น?”ลีแอนน์หันขวับ“ข้าไม่ได้สั่น ข้าแค่...หงุดหงิดที่ต้องฟังเจ้าพูด”เขายิ้มมุมปาก“หงุดหงิดยังดีกว่าตาย”เงาของบางสิ่งเคลื่อนผ่านยอดไม้ด้านบน ลีแอนน์เงียบกริบเดรย์วานกระซิบ“มีอย่างสองตัว เคลื่อนไหวเร็ว แต่ไม่ใช่พวกนักฆ่า…สายล่อหรือยาม”เธอพยักหน้า“งั้นข้าจะลอบเข้าใกล้ ส่วนเจ้าล่อมันออกไป”เดรย์วานหัวเราะเบา ๆ“ไว้ใจข้าแล้วหรือ?”“ไม่...แต่ถ้ามีใครต้องตายก่อน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นข้า”เธอตอบหน้าตาย แล้วพุ่งตัวแทรกเงาไม้หายไปในความมืดเดรย์วานถอนใจสั้น ๆ ทางอีกด้านของป่า“เคลื่อนไหวเร็วเกินมนุษย์…”เสียงหนึ่งกระซิบจากกิ่งไม้สูงสิ่งมีชีวิตร่างสูงเพรียว ผิวซีด มีกรงเล็บโผล่ออกมาจากนิ้วมือสายตาของมันจับจ้องการเคลื่อนไหวของเดรย์วานอีกตัวหนึ่ง
เช้าตรู่...ไอเย็นยังจับอยู่บนกระจกหน้าต่าง แสงอาทิตย์แรกของวันลอดผ่านม่านบาง ๆ เข้ามาในบ้านไม้กลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ยังลอยอยู่ในอากาศจากการทำแผลเมื่อคืนลีแอนน์ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเธอนั่งจิบชาสมุนไพรเงียบ ๆ อยู่ตรงเก้าอี้ไม้ใกล้หน้าต่าง สายตาเหลือบมองเดรย์วานที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเบาะรอยแผลที่หัวไหล่พันผ้าไว้อย่างเรียบร้อยเขาหลับสนิท ไม่มีท่าทางเจ็บปวดอีกเสียงนกร้อง...เงียบสงบกว่าที่เธอคาดในเช้าแบบนี้แต่แล้ว“ก็อก ๆ ๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามที หนักแน่นแต่ไม่เร่งรีบลีแอนน์ชะงัก มือที่ถือแก้วชาหยุดกลางอากาศเดรย์วานลืมตาช้า ๆ หันมามองเธอโดยไม่พูด“ข้าไม่ได้รอใคร” เธอพูดเบา ๆเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แทรกเสียงผู้ชาย“ข้าไม่ได้มาตามหาปัญหา ขอคุยแป๊บเดียว ลีแอนน์!”เธอขมวดคิ้วทันที“เสียงนั่น...ซาเวล”เดรย์วานยันตัวลุกขึ้นช้า ๆ“เขาเป็นใคร?”“คนรู้จักเก่า...พ่อค้าเร่ที่ไม่ได้มาแบบธรรมดา เขาเป็นพวกที่ ‘เห็น บางอย่าง”ลีแอนน์ตอบ ขณะเดินไปเปิดประตูทันทีที่บานประตูเปิดออกชายวัยประมาณสามสิบ สวมเสื้อคลุมยาวเก่า ๆ มีขนนกผูกติดไหล่ตาสีน้ำผึ้งของเขากวาดมองเข้ามาในบ้านอย่างไม่ไว้ใ
เสียงลมหายใจยังหนักหน่วงลีแอนน์และเดรย์วานยืนหยัดท่ามกลางซากศพแวมไพร์ที่พวกเขาสังหารแต่ความเงียบหลังการสู้รบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด“เจ้าคิดว่าข้าควรไว้ใจเจ้าได้หรือ?”ลีแอนน์ถามเสียงแข็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเดรย์วานหันมายิ้มบาง ๆ“ข้าเองก็ไม่ไว้ใจเจ้า…แต่นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน”“ข้าไม่ใช่คนไว้ใจง่าย”เธอก้าวไปเก็บมีดที่ตกลงพื้นอย่างระมัดระวัง“เช่นเดียวกัน ข้าโดนทรยศมาหลายครั้ง”เขาตอบ ก่อนชำเลืองมองไปทางเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากซอยข้าง ๆ“เจ้าคิดว่าพวกมันยังไม่หมด?”ลีแอนน์ถามเดรย์วานกดปืนเข้าที่เอว“ใช่…พวกมันไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา พวกมันคือพวกที่มีฝีมือและโหดเหี้ยมกว่าที่ข้าเคยเจอ”“งั้นเราจะสู้กับพวกมัน?”เธอถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าอยากมีชีวิตรอดคืนนี้…ข้าคิดว่าเราคงต้องร่วมมือกัน”เดรย์วานตอบ พร้อมชำเลืองมองหน้าเธอความร่วมมือที่ไม่เต็มใจเกิดขึ้นในชั่วพริบตาลีแอนน์รู้ดีว่า ถึงจะไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องพึ่งพาเดรย์วาน“ข้าไม่เคยชอบใครมาคุมข้า”เธอพูด ลีแอนน์ผลักประตูบ้านไม้เก่า เปิดเข้ามาช้า ๆกลิ่นไม้แห้งและสมุนไพรอ่อน ๆ ต้อนรับเธอกลับสู่ความคุ้นเคยที่นี่คือบ้านของเ
เสียงฝีเท้าดังสะท้อนในตรอกแคบ พื้นอิฐเปียกชื้นไปด้วยฝนที่เริ่มโปรยกลิ่นคาวเลือดแตะปลายจมูกตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาร่างของหญิงสาวสวมเสื้อคลุมสีดำมืดแนบตัว มีดเงินเหน็บอยู่ข้างเอวบาดแผลที่ไหล่ยังสดใหม่ แต่สีหน้าเธอกลับนิ่งสนิทเงาบางอย่างพุ่งลงมาจากหลังคาโดยไม่มีเสียงเตือนกรงเล็บสีดำฉีกอากาศหวิดโดนใบหน้าเธอฉัวะ!คมมีดของเธอสวนขึ้นทันควันเลือดสีดำทะลักออกจากต้นแขนของแวมไพร์มันถอยกรูดไปหนึ่งก้าว ดวงตาแดงฉานจ้องมาอย่างเคียดแค้น“เจ้ากล้าฟันข้า…” มันคำราม เสียงแหบต่ำ“มนุษย์ต่ำชั้นอย่างเจ้า…”หญิงสาวก้าวเข้าหาไม่ลังเล“หากข้าไม่ฟัน เจ้าคงได้กินหัวข้าไปแล้ว” เธอพูดเสียงเย็นมือข้างหนึ่งหมุนมีดเล่นคล้ายรำคาญ“บอกมาสิ เจ้าเป็นพวกของคาร์เซียหรือไม่”“ข้าไม่ฆ่าพวกที่หนีจากฝูง...แต่ข้าก็ไม่ไว้ใจนัก”แวมไพร์หัวเราะในลำคอ เสียงเหมือนของคนกำลังจะขาดใจ“ข้า…ไม่มีฝูงอีกแล้ว เจ้าก็เช่นกันไม่ใช่หรือ ”เธอกระตุกยิ้มแล้วก็ไม่พูดพร่ำ เธอกระโจนเข้าใส่อีกครั้งมีดเงินเฉือนลงที่ลำคอของมัน รวดเดียวจบร่างของแวมไพร์ล้มกระแทกพื้น เสียงเนื้อกระทบหินดังก้องหญิงสาวก้าวเข้าไป ย่อตัวลง ใช้มีดเล่มเดิมควักเขี้ยวออ