แน่นอนว่าคนที่ดูตื่นเต้นมากกว่าฉันถึงสองเท่าตอนเห็นรูปที่ปืนถูกเพื่อนแท็กมาชัด ๆ ก็ยัยสองคนนี้นี่แหละ ดวงตานี่เป็นประกายคล้ายลูกแก้วต้องแสงไฟเหมือนกันเด๊ะ ส่วนยัยเบลมันดูรูปไม่ถนัดหรือยังไงไม่รู้ แย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉันเลยล่ะจ้ะ สงสัยเรื่องปากท้องคงกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วล่ะฉันว่า
แต่ฉันไม่นะ
ยังหิวเหมือนเดิม
มื้อเช้ากินแค่นมกับขนมปัง เพราะสาย
“หูยยยยย หล่ออ่า แบบว่าน่าลากเข้าห้องเก็บสมบัติมากเลยอะแก๊ ตอนแกเล่าให้ฟังฉันก็พยายามจินตนาการถึงความหล่อของปืนตามไปด้วยนะแต่มันถึงภาพไม่ออก จนมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองนี่แหละ คือว้าว มากเว่อร์” เบลจีบปากจีบคอพร่ำเพ้อ มองดูแล้วน่าหมั่นไส้และตลกไปในคราวเดียวกัน
อาการนี้คงจะลืมไปจริง ๆ นั่นแหละว่าตัวเองกำลังหิวข้าวอยู่ “ว่าแต่ทำไมปืนถึงเล็ดลอดจากสายตาเรดาห์ของฉันไปได้ล่ะเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลย ในเพจของมอก็ด้วย” ยัยเบลยืนกอดอกทำหน้าครุ่นคิดจริงจังหนักมาก คือเพจของมอมีกี่เพจยัยนี่กดติดตามหมด
บางทีฉันยังอาศัยใบบุญจากคุณนายเบลเลย
ส่วนอีกคนก็...
“ชื่อโหดแต่หน้าตาไม่โหดตามชื่อเลยอ่าแก ปืนหล่อมากแบบมากจริง ๆ ขอฉันสมัครเป็นเอฟซีคนคิ้วท์ ๆ อย่างปืนได้ปะพริกหวาน” ยัยแจนหันหน้ามาถามฉันอย่างมีความหวังขั้นสุด คือการจะสมัครเป็นเอฟซีใครต้องถาม ต้องขออนุญาตกันด้วยเหรอ แล้วฉันก็ไม่ใช่ผู้จัดการส่วนตัวเขาสักหน่อย
“แกดูจำนวนคนกดติดตามดิแจน อย่างเยอะอะ”
“เออ ฮอตฉ่า”
“นี่พวกแกไม่หิวข้าวกันแล้วเหรอ เที่ยงกว่าแล้วนะ” ฉันเลิกคิ้วเอียงคอและกอดอกมอง อาศัยจังหวะที่ยัยปลากระดี่เห็นคนหล่อแล้วน้ำไม่หิว ข้าวไม่อยากกะทันหันสองคนเงยหน้าบาน ๆ ขึ้นมาจากหน้าจอแล้วฉกมือถือหย่อนใส่กระเป๋าตามเดิม กวาดตามองรอบห้องเรียนปรากฏว่าเพื่อนร่วมคลาสร่วมร้อยคนหายกันไปหมดแล้ว เหลือแค่พวกเราสามคนแค่นั้นที่ยังปักหลักอยู่ที่เดิม
“หิวสิ” แจนตอบ
“แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่า” ยัยเบลเสริมยัยแจนแล้วพากันหัวเราะคิกคักหลังตบมุก รับส่งจังหวะกันได้ ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋ามาคล้องไหล่ ควงแขนฉันคนละข้าง พร่ำเพ้อหลงละเมอถึงความหล่อน่ารักน่าลากของปืนไม่หยุดปากไปตลอดทาง แถมยังมีแวะมาอวยฉันอีกว่าโชคดีได้โชคสองเด้งงั้นงี้
ฉันเลยรับมุขด้วยการจ้าลากยาวทะลุดาวอังคารไปเลย ซึ่งแน่นอนล่ะว่าฉันประชดยัยสองคนที่เดินขนาบข้างฉัน คุยเสียงจุ๊กจิ๊ก กระซิบไม่ได้หยุดจนกระทั่งถึงร้านป้านี ร้านอาหารตามสั่งสารพัดเมนูขวัญใจของชาวคณะนักศึกษาที่ตั้งอยู่หลังมอ คำว่าปืนจึงหายไป
“คนแน่นมาก จะได้กินตอนไหนเนี่ย โต๊ะนั่งก็ไม่รู้ว่ามีรึเปล่า” ขอพื้นที่บ่นหน่อยเถอะ มองจากด้านนอกเข้าไปด้านในนี่เห็นแต่หัวคนให้ดำอะ คือความอดทนในการรอฉันมีนะ แต่บางทีถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากรอ
แล้วคือใครได้มากินร้านนี้นะร้อยทั้งร้อยติดใจจนต้องวกกลับมาซ้ำอีกจนนับครั้งไม่ถ้วนทั้งนั้น เพราะนอกจากจานใหญ่ ให้เยอะแล้วยังอร่อยถูกปาก ราคาไม่แพงด้วย และส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามากินคือมากันแบบปากต่อปาก รุ่นสู่รุ่น
“ลองเข้าไปดูก่อนน่าพริกหวาน ถ้าไม่มีโต๊ะเราค่อยย้ายไปกินร้านอื่น อีกอย่างกว่าพวกเราจะเข้าเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้ก็ตอนบ่ายสองโมงสิบห้าโน่นแน่ะ มีเวลารอเหลือเฟือ” คุณนายเบลจีบปากจีบคอทั้งที่ตอนแรกเลยบ่นอาจารย์ว่าปล่อยช้า หิวข้าวจะแย่ แล้วก็เหมือนจะลืมไปเมื่อเห็นรูปปืน
เวลาเพิ่งจะผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ดูเพื่อนฉันตอนนี้สิ ดูออกแหละว่าหิวข้าว แต่ก็ยังดึงดันจะรอโต๊ะที่นี่ แล้วก็โน่น เดินนำหน้าฉันกับยัยแจนเข้าไปด้านในโน่นแล้ว
คือต่อให้คนเยอะแค่ไหนก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ เพราะนางบ่นว่าอยากกินผัดกะเพราหมูกรอบของร้านป้านี ตั้งแต่ออกมาจากตึกคณะแล้ว ส่วนฉันกับยัยแจนแม้จะลอบมองหน้ากัน ส่ายหน้าเบา ๆ แต่เพื่อนว่าไงก็ว่าตามกันอยู่ดี ถึงแม้ร้านข้าวราดแกงที่อยู่ข้างกัน และร้านก๋วยเตี๋ยวหมูอบ ข้าวอบหม้อดินในฝั่งตรงข้ามคนจะน้อยกว่านี้เยอะมากก็ตาม
“นั่นไง! โต๊ะนั้นลุกแล้วเบล” แจนชี้มือไปทางโต๊ะติดกับลำคลองเล็ก ๆ ที่คนตรงนั้นกำลังทยอยลุกออกจากโต๊ะไม้หลังจ่ายเงินป้าเจ้าของร้านที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นคนเก็บเงินแทนการผัดอาหารเสร็จไปทีละคนสองคน คือที่นี่ต้องอาศัยความไวของทั้งสายตาและการเดินเร็วเช่นเดียวกับการหาที่นั่งในโรงอาหาร และตาม Food Court ของห้างสรรพสินค้าในช่วงตอนพักกลางวัน
“แฟนยัยพิมพ์เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านทอง ตามจีบยัยพิมพ์อยู่นานกว่าแม่ลูกสาวฉันจะยอมใจอ่อนตกลงปลงใจคบหาด้วย ไอ้ตอนเรียนมหา’ลัยน่ะไม่เคยมีแฟนอย่างใครเขาหรอก” ปากป้าณีพูดกับป้าหมอนคนที่แกกำลังเม้าท์ด้วย ทว่าปรายตามองมาทางฉันที่นั่งโต๊ะติดกัน ประโยคต้นพูดอวยลูกสาวตัวเอง ประโยคหลังนี่กระทบกระเทียบ นี่แหละนิสัยป้าฉัน ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของพ่อตอนนี้ขั้นตอนการทำบุญเลี้ยงพระแล้วผ่านพ้นไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวรับประทานอาหารร่วมกัน ป้าณีแกสั่งโต๊ะจีนมาหกสิบโต๊ะ อันนี้ทราบจากแม่ พี่พิมพ์วันนี้แต่งตัวสวยจัดเต็ม ข้างกายมีแฟนหนุ่มซึ่งได้รับการชื่นชมจากป้าณีไม่ขาดตามติดไม่ห่าง“โชคดีของยัยพิมพ์มันแล้วณีเอ๊ย แต่จะว่าไปแล้วลูกหลานตระกูลเธอได้แฟนหน้าตาดีกันทั้งนั้น” ป้าหมอนเอ่ยขึ้นมา ไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟังฉันก็ได้ยินแม้ว่าเสียงดนตรีในงานจะดัง “อย่างแฟนของยัยหนูพริกหวานนั่นก็ดูดีเชียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านคงไม่ธรรมดา ผิวพรรณงี้ผุดผ่อง หน้าหล่อยังกับพระเอกละครแน่ะ ได้ยินใครว่าขับรถราคาหลายล้านเลยนะ”“แฟนยัยพิมพ์ก็เปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น เอาเถอะยังไงฉันขอตัวไปคุยกับแขกคนอื่นต่อแล้วกันนะหมอน”“ป้าณีแก
“แฟนปืนสวยจัง”ลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำฉันยิ้มกว้าง วางมือลงบนฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมารอรับ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงบนหลังมือฉันด้วยสัมผัสทะนุถนอม ก่อนเขาจะรวบเอวฉันเข้าไปกอดแนบอก“แฟนเค้าก็หล่อมากกกก” ลากเสียงพลางคล้องแขนโอบรอบลำคอแกร่ง โน้มคนตัวสูงให้ก้มต่ำลงมาหา จูบหนัก ๆ ที่แก้มนุ่มซึ่งนุ่มน้อยกว่าฉันนิดนึง ก่อนจะเกยคางกับแผ่นอกแข็ง ๆ แหงนคอมองดวงตาลุ่มลึกที่แสนอบอุ่น“ชักไม่อยากให้ดื้อไปออกงานแล้วสิ หรือเราจะไม่ไปดี” ปืนพึมพำ จูบเปลือกตาฉันตามด้วยจมูก แก้มทั้งสองข้าง และมาหยุดที่ริมฝีปาก“เปลี่ยนใจมานอนกอดกันอยู่บ้านแทนเถอะค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันปืนคิดถึงกอดอุ่น ๆ ของดื้อ” แล้วเขาก็จูบจุ๊บปากฉันติด ๆ กันจนฉันหลุดเสียงหัวเราะ คิดถึงส่วนหนึ่ง หวงก็ส่วนหนึ่งแหละอาการนี้อะ หลังกลับจากบ้านสวนปืนฉันก็เอ้อระเหยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่ออีกสามวัน แล้วถึงได้กลับมาบ้าน ตอนมาปืนก็มาส่งนี่แหละ แต่เขาจะมาขลุกตัวอยู่บ้านฉันลากยาวมันก็ไม่เหมาะ อีกอย่างเขาต้องช่วยงานพ่อกับแม่ด้วย เพราะใกล้สิ้นปีแบบนี้ทั้งร้านอาหาร และบริษัทต่างก็ยุ่งพอกัน เมื่อวานกว่าจะขับรถมาถึงที่บ้านฉันก็ปาเข้าไ
‘เกียร์วิศวฯ คือเกียร์แห่งความภาคภูมิใจ มีไว้เพื่อระลึกถึงความยากลำบากว่ากว่าจะได้มากูต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหน ส่วนเกียมัวคือเกียร์ที่กูก็ต้องพึงระลึกอยู่เหมือนกันว่าอย่าได้ทำอะไรให้เกียนี้ระคายเคืองเพราะอาจส่งผลถึงชีวิตกูได้’“ยิ้มอะไรคะดื้อ” เสียงทุ้มนุ่มถามข้างหู“คิดถึงเรื่องเกียร์อยู่ค่ะ” เงยหน้ายิ้ม แผ่นหลังพิงอกแกร่งสบาย“เกียร์เหรอคะ ดื้อหมายถึงเกียร์อะไร เกียร์ที่ปืนให้ดื้อเก็บรักษาเอาไว้ หรือปืนที่เกียมัว” เขาเขี่ยปลายจมูกฉัน ประโยคท้ายกระซิบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็ทั้งสองแหละ” ฉันยิ้มเต็มใบหน้า ปืนรัดแขนแน่นแสดงอาการมันเขี้ยวฉัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนเยอะเขาคงจับฉันฟัดไปแล้ว ไม่ทำแค่หอมแก้มธรรมดาหรอก“นี่ ๆ ๆ ที่เราจะปาร์ตี้หมูกระทะกันเนี่ย มีของครบเหรอ”“เออว่ะ ถ้าแจนไม่ทักคงไม่มีใครคิด” เป้ขมวดคิ้ว เท้าเอว“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงคืนนี้ก็ได้กิน”“พูดแบบนี้หมายความว่ามึงเตรียมไว้แล้วเหรอวะไอ้ปืน”“อือ”สรุปได้ว่าก่อนมาปืนให้คนงานช่วยเตรียมซื้อเสบียงไว้รอท่าพวกเราอยู่ก่อนแล้ว เหมือนเขารู้อะว่าความต้องการของทุกคนคืออะไร รางวัลที่เขาสมควรได้ฉันเลยจัดไปชุดใหญ่ หอมแก้มเน้
เราใช้เวลากินข้าวกันประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉันก็ไล่ปืนให้ไปนั่งดูทีวี ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะอาหารแล้วถึงนำจานชามทั้งหมดมาล้างทำความสะอาด เสร็จจากในครัวฉันก็แวบมาดูปืนแป๊บหนึ่ง เห็นเขานั่งดูหนังเงียบ ๆ ฉันก็ยิ้มพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินมาทางห้องนอน อาบน้ำอีกสักรอบ คืนความสดชื่นให้ร่างกาย“ถึงว่าทำไมหายมานาน”เท้าพลันชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยทักขึ้นมา ฉันคลี่ยิ้มแล้วเดินตรงมาที่เตียง แขนยาว ๆ ข้างหนึ่งเด่ออกรอท่าให้ฉันถลาเข้ามาอยู่ในวงแขน ส่วนอีกข้างกำมือถือฉันไว้ ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน ใครจะใช้ของใครจึงไม่ใช่ปัญหา เขาเล่นของฉัน ฉันเล่นของเขา หยิบผิดหยิบถูกสลับเครื่องกันประจำเพราะตอนนี้ เราใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ความคิดปืนอีกแหละ เงินเขาด้วย“นึกว่าจะได้นอนหลับสบายบนเตียงคนเดียวซะอีก” แสร้งบ่นทว่าก็ทิ้งตัวลงนอนซบอกอุ่น ๆ ที่ช่วงหลังมานี้ฉันใช้มันนอนต่างหมอนเป็นประจำ“คิดว่าจะได้นอนหลับสบายจริง ๆ เหรอคะคนสวย” ถามเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะงับแก้มฉันไปคำใหญ่ และดูดจนเกิดเสียงดังบ๊วบ ชอบเล่นอะไรแบบเนี้ย “ตอนอาบน้ำใหม่ ๆ นี่น่ากินนักแหละ” คราวนี้
ฉันกลั้นหายใจขณะเปิดและปิดประตู ก่อนจะเดินย่องเบา ลงน้ำหนักแค่ปลายเท้าเข้ามาในห้องนอนกว้าง ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดแผ่นหลังขาวจั๊วะของผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้า ไม่รู้สึกรู้สากับอุณหภูมิที่เปิดเอาไว้เย็นจัด ฉันกัดริมฝีปากพลางอมยิ้ม คลานเข่าขึ้นมานั่งทับขาอยู่บนเตียง ใช้นิ้วชี้จิ้มสะกิดจึก ๆ บริเวณเหนือขอบกางเกงนอนขายาวก็ยังไม่ขยับจึงตัดสินใจเหยียดขาข้างขวาตวัดคร่อมสะโพกสอบก่อนจะพาตัวเองปีนขึ้นมานอนทับเรือนกายแข็งแรง แกล้งเป่าลมเข้าไปในหูสะอาด ปลุกคนนอนตื่นสายให้ตื่นจากการนอนหลับฝันดี“ปืนนนนน”“อือ”“ตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้จะเที่ยงแล้วนะคะ”พรึ่บ“ว้าย” กรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ ปืนพลิกตัวทีเดียวฉันก็ตกอยู่ใต้ร่างในอ้อมแขนเขา ทิ้งน้ำหนักตัวกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมให้ฉันเป็นคนแบกรับเอาไว้“แฟนปืนตัวหอมจังค่ะ” เสียงแหบแห้งของคนเพิ่งตื่นงึมงำ จมูกกับปากคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ฉันแทรกนิ้วเข้าไปซุกในเส้นผมนุ่มลื่น สิ่งที่โปรดปรานอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการได้เล่นผมเขา แล้วเขาเองก็ชอบที่ฉันหมั่นนวดคลึงหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ ผู้ชายหลายคนอาจจะถือ ไม่ปลื้มที่แฟนเล่นหัวแต่ส
หลังจากกินอิ่มเราก็หอบหิ้วของฝากมาให้พ่อกับแม่ ปืนเขาคอยถามตลอดว่าเอาอันนั้นไหม พ่อจะกินไหม แม่จะชอบรึเปล่า แล้วเขาก็เข้ากันได้ดีกับน้องชายฉันมาก ๆ ฉันดีใจนะ ดีใจมากเลยล่ะที่การคบกันของเราสองคนไม่ได้นำพาความหนักใจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อนฉันหลาย ๆ คนเจอปัญหาครอบครัวแฟนไม่ปลื้ม เข้ากับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าวันใดวันหนึ่งฉันต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นจะทำยังไง ซึ่งมันก็ไม่ได้คำตอบ เพราะเรายังไม่เจอ จนวันนี้ฉันมีแฟน และปัญหานั้นฉันกับปืนไม่มี จึงบอกได้เลยว่ามันคือความโชคดีของเรา “แอบคิดถึงผู้ชายคนไหนรึเปล่าคะดื้อถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” “อื้อ” “อื้อนี่คือไรดื้อ” “ก็คิดไง” “ว่าไงนะ!” “คิดถึงปืน” ยิ้มอ้อนปืนก่อนเอนหัวพิงไหล่เขาอย่างออดอ้อน “คิดถึงปืนในแง่ไหนเล่าให้ฟังหน่อย พูดดีมีรางวัล พูดไม่ดีต้องโดนทำโทษ” ฉันอมยิ้ม ปืนยกมือขึ้นลูบผม ได้ยินเสียงสูดดมแถวข้างขมับแล้วพึมพำว่า “หอม” “คิดว่าเค้าโชคดีจังที่ได้เจอกับเธอ และที่โชคดีไม่แพ้กันคือครอบครัวของเรารักและเอ็นดูเรา” มุ