อเล็กซิสทำหน้ามุ่ย “ในนี้ไม่น่าจะมีเครื่องดักจับควันแล้วมั้ง”
เขาพ่นควันออกมา “อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกมันต้องการทดสอบขีดจำกัดของพวกฉันด้วย พลังน่ะ มันพัฒนากันได้นะ”
ซาร่าห์ทำท่าเหมือนจะนอนซบตักเวดก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ เบนหลิ่วตาให้เธอ “เธอก็รู้นี่ สำหรับคนที่ค้นพบพลังมาตั้งแต่เด็กอย่างฉันจะเห็นความแตกต่างชัดมาก ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ฉันเพียงแค่ขยับของได้นิดหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ก็อย่างที่พวกนายเห็น อเล็กซ์ก็เหมือนกัน ตอนแรกยังบังคับทิศทางคลื่นพลังตัวเองไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้เขาประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างแล้ว ฉันไม่ได้ค้านเธอหรอกนะแบมบี้ เห็นด้วยกับที่เธอว่ามาทั้งหมด แต่แค่เสริมให้อีกหน่อย”
อเล็กซิสพยักหน้า
“แต่ว่า ด่านที่เราผ่านมาโคตรหินเลยนะ กว่าจะมีพลังแฝง กว่าจะรู้ว่าตัวเองมี” ซาร่าห์สั่นหน้า “ขนาดฉันยังจะไม่ไหวเลย ตายก่อนแน่”
เบนส่ายหน้า “ถ้ารอดไปได้ เธออาจจะเบิร์นคนหรือสิ่งของได้พร้อมกัน ไม่ใช่ทีละตัวเหมือนวันนี้”
“มันคือการสุ่ม” เวดออกความเห็น “ถ้ารอดตายและแ
ปืนหลากหลายรุ่นวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ ดวงตาสีน้ำตาลออกเหลืองไล่ดูจากซ้ายไปขวา มือข้างหนึ่งหยิบขึ้นพิจารณาแล้ววาง ทำแบบนี้จนเลือกได้ เขาเลือกขนาดกระบอกที่ใหญ่กว่าและสะดวกกว่าอันเก่า มืออีกข้างถือก้อนขนมปังรสชาติจืดชืดยัดเข้าปากไปพลาง พอเคี้ยวเสร็จหันมองเพื่อนที่ยังนอนไม่ยอมลุก เอาแต่จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น“ถ้าใช้พลังพร่ำเพรื่ออย่างเมื่อวาน เห็นทีได้นอนเป็นวันแน่” เขาโยนปืนกระบอกใหม่ให้อเล็กซ์ หนุ่มผมดำคว้าหมับ “ถ้าโผล่มานิดหน่อยก็ใช้ปืนเอา”อเล็กซ์ลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา “ทำไมฝั่งนั้นคุยกันเครียดจังวะ” เขาบุ้ยใบ้ไปทางพวกอเล็กซิสที่กำลังถกประเด็นอะไรสักอย่างกับสาวน้อยช่างฝันเบ็กกี้ แต่ละคนดูจริงจังจนน่าตลก“ถามเขาดิวะ” เพื่อนร่างสูงค่อย ๆ คลานออกจากที่นอน มันสร้างจากกองเสื้อผ้าหลายสิบตัว เขาบิดขี้เกียจ “แล้วเมื่อวานคุยอะไรกันกับพวกนั้น”“อ้าว นึกว่าหลับไปแล้ว”“ง่วง ขี้เกียจคุยยาว กลัวว่าจะไม่ได้นอน”เบนยัดซองกระสุนลงไปในกระเป๋ามากกว่าครั้งแรก แม้หลับไปตื่นหนึ่งจะช่วยฟื้นฟูกำลังได้เยอะ แต่เขาต้องเผื่อสำหรับโอกาสที่อาจจะไม่ได้แวะจุดเซฟโซนด้วย เขาไม่อยากมีสภาพจนตรอกเหมือนพวกที่ไม่มีพลังพ
“ไง ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย พวกเราสูญเสียตัวอย่างการทดลองไปแล้วเกือบครึ่ง (“ตัวอย่างการทดลองงั้นเหรอ” เบนงึมงำในลำคอ) อย่าเพิ่งเสียกำลังใจไปเลย ทางออกอาจจะไกลแต่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ถ้าพวกเธอเร่งฝีเท้ากันสักนิด ระมัดระวังตัวอีกสักหน่อย ไม่แน่ ทุกคนที่ยังเหลือรอดอาจไปถึงครบทุกคนก็ได้ เพื่อให้มีกำลังใจต่อ เราได้ติดตั้งพอร์ตพิเศษขึ้นเพื่อพาออกจากสนามทดลองก่อนถึงจุดทางออกทั้งสาม พอร์ตที่ว่าจะตั้งอยู่สิบจุด จุดละหนึ่งเครื่อง นี่คือข้อเสนอพิเศษที่สุดแล้ว อ้อ อย่าลืมว่าแต่ละพอร์ตใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อผู้โดยสายหนึ่งท่าน ใครโชคดี ค้นพบก่อนเพื่อนก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้ทันที ดังนั้นอย่ามัวพิรี้พิไร พวกเราหวังว่าจะได้เจอพวกเธออีกในเร็ว ๆ นี้ ขอให้โชคดี”เสียงลำโพงดังซ่าก่อนจะดับลงไป ข่าวใหม่ทำให้หลายคนฟื้นจากอาการหมดอาลัยตายอยาก“ไอ้หัวฟูลมูน” เบนพึมพำ จำเสียงได้“เร่งฝีเท้ากันเถอะ พวกเราต้องรีบหาเครื่องนั้นก่อนใครใช้ไป”เบนแค่นยิ้ม ดูแคลนเด็กชายที่พูดความคิดนี้ออกมา“มันเป็นกับดัก” โนเอลท้
เมื่อนั้นดวงตาของมันส่องประกายสีแดงอีกรอบ อเล็กซ์ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปทันที หุ่นยนต์ที่อยู่บนพื้นถูกคลื่นพลังกระแทกอัดเข้ากับกำแพงจนตาที่กะพริบนั้นดับลง อีกครั้งที่เขาเห็นไมเคิลจู่โจมศัตรูด้วยแรงมหาศาลและความไวที่เร็วจัด เขาตรงเข้าล็อกคอแล้วดึงส่วนหัวออกด้วยมือเปล่า ปาเศษเหล็กลงบนพื้นแล้วเตะซากลำตัวออกไปเสียไกลแต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาทึ่งหรือยินดี ไมเคิลหันไปทางที่เขาโผล่มา หุ่นยนต์เหล็กอีกสองตัววิ่งเข้ามาปะทะ เสียงปืนพร้อมใจกันดังขึ้นสกัด ตัวหนึ่งกระโดดสูงแต่ถูกยิงจนร่วงหล่นสิ้นฤทธิ์ พวกมันจัดการง่ายกว่าหุ่นยนต์ชั้นล่าง แต่...อีกสิบกว่าตัววิ่งตามมาเสริมทัพพริบตานั้น หางตาของเขาเหลือบเห็นไอ้หน้าหล่อกระชับกระเป๋าเป้บนหลังแล้วเตรียมจะวิ่งหนี “ไอ้สัตว์”ปืนของเขาหันไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นทันที “อย่าแม้แต่ขยับ” กรามของเขาสั่นระริก เพราะไอ้หน้าโง่นี่ พวกหุ่นยนต์ถึงโผล่มาเป็นฝูง “นายพาพวกมันมา อย่าคิดจะให้พวกเราจัดการให้แล้วชิ่งหนีไป”ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาของไมเคิลชำเลืองมองเบนด้วยหางตาแวบเดียว เขาไม่สนใจคำ
“จู่ ๆ เธอก็เล็งปืนไปที่หัว ฉันห้ามไม่ทัน” อเล็กซิสยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก มือที่ถือปืนนั้นอ่อนลง เลือดของเด็กสาวคนเมื่อกี้กระเซ็นเปรอะไปโดนเสื้อยืดสีขาวตัวใน แม้แต่เพื่อนของเธอ เวดและออสโล่ก็เอาแต่จ้องศพเด็กคนนั้นนิ่ง ไม่มีขยับเขยื้อนเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่รู้จริง ๆ สายตาของเขามองเด็กที่ตายไม่ต่างจากศพอื่น เหมือนมองของเล่นที่พังแล้ว“ยิงต่อไป อย่าทำตัวขี้แพ้หน่อยเลย” เขาเตือนสติ แต่คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าตุ๊กตานั้นบิดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวดไปถึงข้างใน“ยิง!” เขาคำราม เวดสบถแล้วยกปืนเล็ง วินาทีนั้นเจ้าหัวทองดูท่าจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าเพื่อนอีกสองคนเพราะนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้แล้ว หากคุณไม่มีความสามารถ คุณก็ต้องสู้ หรือถอดใจแบบเด็กที่ยิงตัวตายเบนพยายามนึกถึงเวลาที่เขาฝึกตัวเอง ฝึกทั้งพลังจิตและการใช้อาวุธ เขาจินตนาการว่าที่นี่คือสนามฝึกชั้นดีชนิดที่หาไม่ได้อีกแล้ว“ไม่ไหว จำนวนมากเกินไปแล้ว”เขาไม่รู้ว่าใครพูดเพราะตัวเองกำลังวุ่นอยู่กับศัตรู“แม๊กซ์ ยิงกระเป๋
นิ้วข้างซ้ายเหนี่ยวไกระรัว แสนรู้ราวกับมนุษย์ หุ่นยนต์ยกมือป้องกันจนแขนข้างขวากระจุยตามแรงกระสุนทะลวง มือข้างซ้ายของมันเพิ่มแรงบีบจนเธอเจ็บก่อนถูกกระตุกดึงลากจนล้มหน้าหงาย เธอกำลังจะถูกลากออกไปจากกลุ่ม“เวด!” เขาเอื้อมแขนสุดตัวหวังดึงเธอออกจากเงื้อมมือมัน แต่หุ่นยนต์อีกตัวเข้ามาขวางไว้ สุดท้ายอเล็กซิสถูกลากหายไปก่อนเห็นว่าเวดจะเป็นอย่างไร แขนสองข้างกระเสือกกระสนพยายามรั้งและยิงมัน มือซ้ายเหนี่ยวไกอย่างบ้าคลั่ง แขนทั้งสองข้างเกร็งไปหมด ทั้งปากยังกรีดร้อง ซึ่งช่วยให้จังหวะการยิงรัวหนักกว่าเดิมจนหัวเหล็กพรุน พอได้โอกาสจึงถีบมันออกไปแล้วยิงซ้ำให้แน่ใจ “ตายซะ ไอ้สารเลว” เธอชูนิ้วกลางใส่ซากหุ่นก่อนจะหันกลับไปยังจุดเดิม ทันใดนั้นเปลวไฟขนาดมหึมาพวยพุ่งแต่ก่อนที่ไอร้อนจะลามเลีย แรงผลักมหาศาลซัดร่างเธอกระเด็นราวกับลูกฟุตบอลที่ถูกเตะเข้าประตูก่อนคิดว่าจะไปถึงทางออกได้หรือไม่ ควรคิดว่าจะอยู่ครบสามสิบสองหรือเปล่า“อือ” อเล็กซิสคราง เจ็บระบมไปทั่วตัว พอตั้งสติได้ก็รีบคลานหนีออกห่างจากบริเวณนั
วินาทีนั้นพอลปาทุกอย่างที่เขาหยิบได้ใส่หุ่นยนต์เพื่อดึงดูดมัน ทั้งที่เจ็บสาหัสไปทั้งกาย เธอหยิบปืนพกที่เหลือกระบอกเดียวพุ่งตัวผ่านช่องว่างที่เหลืออยู่ พอตั้งหลักได้ ก็ลุกวิ่งโดยไม่หันไปมองว่าเขาจะเป็นอย่างไร ใช่ เธอเอาแต่วิ่งหนีอย่างเดียวเพื่อเอาตัวรอด เสียงร้องของพอลดังโหยหวนก่อนจะเงียบไป หุ่นอีกตัวยังคงวิ่งตามไม่ลดละ ความไวของมันเร็วอย่างกับนักกีฬาทีมชาติ ไม่สิ ยิ่งกว่า แม้หันหลังเธอยังสัมผัสได้ว่ามือของมันใกล้เข้ามา จนเมื่อรู้สึกถึงเงาทะมึนข้างหลัง เธอหมุนตัวกลับไปจ่อยิงระยะประชิด แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แขนเหล็กปัดปืนทีเดียว อาวุธหลักหลุดออกจากมือ อีกข้างขวาของมันจับหมับเข้าที่คอแล้วบีบ ทันใดนั้นแรงบางอย่างซัดหัวมันกระเด็นหลุดออกจากร่าง มือเหล็กหลุดออกจากคอ เธอล้มลงพร้อมกับมัน“เบน เธอเจอเบนไหม” คำถามอเล็กซ์ดังขึ้นก่อนที่เขาจะถึงตัวเธอเสียอีก อเล็กซิสส่ายหน้าช้า ๆ มือยังกำที่คอ“เห็นคนอื่นบ้างไหม”เขาปฏิเสธใบหน้าอเล็กซ์มีรอยแดงนิดหน่อย แขนและมือทั้งสองข้างมีสะเก็ดแผลอยู่บ้าง แต่ดูจากการเคลื่อนไหวแล้ว ดูท่าจะไม่ได้รับแรงกระเทือนจากแรงระเบิดเมื่อค
“เป็นอะไรหรือเปล่า ฉันรู้ว่าเธอกังวล แต่...” เธอหันไปมองหน้าอเล็กซ์ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการพูดอะไร “ปกติเธอเป็นพลังบวกของทีมนะ”คลื่นความเงียบแผ่กระจาย เธอชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “นายหมายถึง...ฉันเหรอ พลังบวก?”เขายืนเอียงคอมองด้วยแววตาที่อเล็กซิสไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง “ไม่ได้หวังจะให้ทำตัวร่าเริงหรอกนะ แต่ อเล็กซิส...เธอเป็นคนกล้าหาญ ที่ผ่านมาก็รับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่าคนปกติ ถึงแม้พวกเราจะแยกจากกลุ่มมา ฉันเชื่อว่าเธอกลับไปหาพวกเขาได้”“กล้าหาญ?” เธอยิ่งสับสน “ฉันกลัวจะแย่”เขาเลิกคิ้ว “โอเค แต่ก็มีสติกว่าคนอื่น อย่าลืมว่าเธอพาพวกเราออกจากห้องนั้นได้ จากกลุ่มซอมบี้พวกนั้น”มันมีบางอย่างปั่นป่วนในท้อง หาใช่อาการเขินหรือโรแมนติกแต่อย่างใด เพียงแค่คำพูดของอเล็กซ์ทำให้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่เธอหวังจะไม่เกิดขึ้น แต่เธอยอมรับว่าพอแยกจากพวกออสโล่ สมองไม่อาจข่มความกลัวได้ดีดังเดิม ในทางตรงกันข้าม มันเพิ่มทวีคูณ ทั้งเสียงร้องและสภาพไหม้ครึ่งตัวของพอล ภาพที่เด็กคนนั้นยิงหัว
“และถ้าเรายังเถียงกันอยู่อย่างนี้ พวกนั้นคงไปไกลแล้ว โนเอลบอกเองไม่ใช่เหรอว่าห้ามรอ เธอยึดคำพูดเขานี่ ขอร้องล่ะ เชื่อฉันเถอะ”แล้วอเล็กซิสตอบเขาอย่างไรเหรอ ไม่ เธอตอบไม่ได้ ถึงเบนจะชอบทำตัวก้อร่อก้อติก ริมฝีปากคมกริบยิ่งกว่ากรรไกร กวนประสาทยิ่งกว่าเวดหลายเท่าตัว แถมชอบทำท่าเหมือนโลกใบนี้มีแค่เขากับอเล็กซ์เท่านั้น แต่ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเบนเหรอที่คอยสกัดพวกหุ่นยนต์ แล้วเขาทำตามแผนการของเธออย่างไม่มีอิดออดศึกครั้งนี้ใครชนะ คงเดาไม่ยากพวกเขามีสายใยที่เหนียวแน่นจนแม้แต่คนนอกอย่างเธอยังสัมผัสได้ สายใยที่ทำให้เธอนึกถึงตัวเองกับจูนถ้าจูนยังคิดว่าฉันคือเพื่อนและยิ่งน่าโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่ออเล็กซ์พูดถูก เขารู้จักเพื่อนตัวเองดียิ่งกว่าที่เธอรู้จักเวดและออสโล่ พวกเขาตามหากันและกัน ทำไมเธอถึงรู้ ก็เพราะไม่มีหุ่นยนต์หลงเหลือสักตัวเดียวนอกจากเศษเหล็กที่เหมือนถูกแรงอัดลึกลับบีบจนเป็นก้อน กระจัดกระจายไปตามทาง เบนตามหาอเล็กซ์ไปทั่ว แต่เขาไม่ได้อยู่ในชั้นนี้แล้ว“หมอนั่นเดินหน้าต่อ คงคิดว่าฉันยึดเส้นทางเดิม...”อเล
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ