Rrrr Rrrr
'Shit!' เขาสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่อเห็นว่าปลายสายคือ จาง หลี่หมิง บิดาผู้ทรงอำนาจของเขานั่นเอง
"ครับ" ชายหนุ่มรับสายและก้าวเข้ามาในห้อง VIP พร้อมทั้งปิดประตูให้เรียบร้อย เขาเอียงคอหนีบโทรศัพท์ไว้พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและสูบ
[กลับมาทำหน้าที่ได้แล้ว] เสียงเข้มของหลี่หมิงเอ่ยด้วยความเยือกเย็นเหมือนอย่างเคย
"ผมจะอยู่ที่นี่" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ครอบครัวของเขาโทรมาตามให้กลับบ้าน เพราะตลอดเจ็ด-แปดปีที่ผ่านมา เขาเอาแต่หมกตัวอยู่อเมริกาอยู่ตลอดจะกลับบ้านก็แค่สองสามปีที และทุกครั้งที่กลับไปพ่อกับแม่ก็มักจะคอยขอให้เขากลับมาอยู่ที่บ้านถาวร
แต่เขาตอบว่าไม่ทุกครั้ง...เพราะชีวิตอิสระที่ไม่มีใครคอยจับตาดูทุกฝีก้าวมันดีสุด ๆ
[อีกสามเดือนแกจะต้องแต่งงาน] หลี่หมิงไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด เขาเอ่ยประโยคที่ทำให้ลูกชายคนเล็กต้องตกใจ
"ว่าไงนะ!" ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที นี่มันยุคไหนแล้ว ยังจะบังคับแต่งงานอะไรกันอีก
"ไม่ ผมไม่แต่ง อยากแต่งก็ไปบังคับไอ้ไท่กับไอ้ฟานสิ" ไท่กับฟาน คือชื่อเล่นของพี่น้องอย่าง จาง ไท่หมิง และจาง ฟานอี้ ที่เขาใช้เรียกโดยทั้งสองก็ยังไม่แต่งงานเหมือนกัน
มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาแต่งงานคนแรกทั้ง ๆ ที่เป็นน้องคนสุดท้องล่ะ เขายังใช้อิสระในชีวิตไม่เต็มที่เลย ทั้งเพื่อน สังคม การดูแลคลับอย่างอิสระที่เขามีมาตลอดในที่แห่งนี้ก็จะมลายหายไปเพราะต้องไปเป็นเจ้าบ่าวให้เจ้าสาวที่ไหนก็ไม่รู้
ไม่มีทางเสียหรอก...
[ไม่อยากได้แล้วหรือไง...กาสิโนที่ฮ่องกงน่ะ] ประโยคนี้ทำเอาคิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยความตกใจ เพราะกาสิโนแห่งนี้เขาเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กว่าอยากจะบริหารที่นี่ แต่ไม่คิดว่าพ่อของเขาจะจำได้
"ไม่อยากได้ครับ อยู่ที่นี่ดีอยู่แล้ว" ให้แลกกาสิโนกับอิสระเนี่ยนะ เขาไม่มีทางยอมแลกหรอก กลับไปอยู่ฮ่องกงใกล้ครอบครัวมันน่าเบื่อจะตาย มีแต่จะทะเลาะกันเปล่า ๆ อยู่ห่างกันแหละดีแล้ว
[ถ้าแกไม่กลับมา ฉันจะตัดอิสระทุกอย่างของแก ไม่ว่าจะเป็นเงิน บัตรเครดิต หรือแม้แต่การสนับสนุนทางธุรกิจในอนาคตทั้งหมด...รวมถึงไนต์คลับที่แกดูแลอยู่ด้วย อย่าลืมสิว่ามันเป็นชื่อฉัน] คำขู่นั้นเหมือนระเบิดที่ทำให้อินหลงแทบลุกเป็นไฟ
"!!!"
"เกินไปหรือเปล่าป๊า ผมไม่ใช่หุ่นเชิดของป๊านะ ผมมีชีวิตของตัวเองก็ดีอยู่แล้ว จะมาบังคับกันให้มันได้อะไรขึ้นมา!" อินหลงโกรธจนกำหมัดแน่น ด้วยความนิสัยเอาแต่ใจและโผงผางของเขาอาจจะทำให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวอยู่หลายครั้ง แต่การตัดอิสระทุกทางมันเกินไปหรือเปล่า
[แกคิดว่าในฐานะลูกชายของตระกูลจางนั้นมีสิทธิ์เลือกงั้นเหรอ...] ประโยคสุดเย็นชาจากหลี่หมิงทำเอาอินหลงสะอึกไปหมด
ใช่แล้ว การเป็นลูกชายในตระกูลมาเฟียมันไม่เคยง่าย ไม่มีสิทธิ์เลือกแม้กระทั่งโรงเรียนที่อยากเรียน สังคมที่อยากอยู่ เพื่อนที่อยากคบ จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีบอดีการ์ดคอยเดินตามตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก
เขาไร้อิสระมาตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 18-19 ที่ได้ย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา...ที่ ๆ เต็มไปด้วยอิสระเพียงหนึ่งเดียวของเขามาตลอดเกือบแปดปี ไม่ต้องออกงานสังคม ไม่ต้องเจรจาธุรกิจ พอเรียนจบก็มาบริหารไนต์คลับแทนคนสนิทของพ่อ
อยู่ที่นี่เขาจะดื่ม จะสูบ จะทำอะไรเท่าไหร่ก็ได้ จะคบกับใครก็ได้...จะนอนกับใครก็ได้ ชีวิตที่ไม่มีพันธะน่ะมันโครตจะดี แล้วตอนนี้ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้จะมาพรากอิสระจากเขาไปเนี่ยนะ
"แล้วไนต์คลับล่ะ กำลังไปได้สวยเลยนะ"
[มีคนที่ไว้ใจได้อย่างวาเนสซ่าอยู่ ฉันก็แค่จะให้เธอกลับมารับตำแหน่งเดิม]
"หึ...ขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเจ้าสาวของผมเป็นใครกันล่ะ มีหัวนอนปลายเท้าหรือเปล่า" เขาแค่นหัวเราะและพ่นบุหรี่ออกมาอย่างสมเพช ไม่คิดเลยว่าพ่อกับแม่จะบังคับเขาด้วยวิธีโบราณขนาดนี้
[เธอชื่อพิมดาว เป็นลูกสาวของเพื่อนฉัน ตอนนี้เธอกำลังถูกพวกมาเฟียตระกูลอื่นหมายหัว ฉันเลยช่วยเหลือเธอไว้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันกับแม่แกต้องการให้แกกลับมาอยู่ด้วยกัน...]
[เพราะตอนนี้พวกตระกูลต่าง ๆ มันเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วด้วย มาอยู่รวมกันไว้ดีกว่า...อย่างน้อยอยู่ที่นี่ฉันก็สามารถปกป้องแกได้ ดีกว่าไปตายอยู่คนเดียวที่อเมริกานะ] หลังจากฟังที่บิดาพูดจบเขาก็พอจะเข้าใจสถานการณ์อยู่ เพราะในฮ่องกงและมาเก๊านั้นมีตระกูลมาเฟียมากมายที่คอยจะแทงข้างหลังกันทุกทีที่มีโอกาสอยู่แล้ว
"...แล้วถ้าจะช่วยเธอ ช่วยให้เธออยู่ในสถานะอื่นไม่ได้เหรอครับ ทำไมต้องมาเป็นเจ้าสาวผมด้วย"
[เธอเป็นถึงลูกสาวแห่งจึงศิริพานิช บริษัทเรือขนส่งที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ฉันต้องแต่งเธอให้สมเกียรติ...เพราะไม่ใช่แค่ช่วย แต่ฉันยังซื้อกิจการของเธอทั้งหมดมาด้วย และที่สำคัญฉันต้องการประกาศให้ใครก็ตามที่สั่งเก็บพ่อเธอได้รู้ด้วยว่าเธอมาอยู่ในการดูแลของพวกเรา]
หึ มาเป็นแพ็กลดราคาเลยนะ ซื้อกิจการแถมลูกสะใภ้หนึ่งคน ถึงจะพอรู้สถานะความเสี่ยงของเธอ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องแต่งงานกันมันต้องมีทางออกอื่นสิ...ไม่ใช่มาพรากอิสระไปจากเขาแบบนี้
"แล้วถ้าผมไม่แต่งล่ะ ป๊าจะว่ายังไง" เขาหยั่งเชิงผู้เป็นพ่อครั้งสุดท้าย
[ก็ตามที่ได้บอกไปก่อนหน้านั้น] เจ้าพ่อฮ่องกงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด
"นี่พูดจริง ๆ เหรอ" เขาบ่นพึมพำพร้อมทั้งความโกรธที่ลุกลามท่วมหัวใจ
[ฉันเคยล้อเล่นด้วยหรือไง...เก็บข้าวของและบอกลาเพื่อน ๆ รวมถึงเคลียร์ผู้หญิงของแกให้เรียบร้อย อีกสักพักฉันจะส่งคนไปรับ] สิ้นเสียงประกาศิตเขาก็ทำได้กัดฟันกรอด เพราะในความเป็นจริงเขารู้ดีว่าคำพูดของบิดาไม่เคยเป็นเรื่องล้อเล่นเลยสักครั้ง และเมื่อเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว ทุกคนในตระกูลไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
"ไม่ต้องครับ ถ้าอยากให้กลับนักผมกลับเองก็ได้ ผมก็อยากจะเห็นหน้าเจ้าสาวเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง!"
ตี๊ด!
เขาตัดสายและขว้างโทรศัพท์ลงบนโซฟาอย่างแรง ก่อนจะนั่งลงขบกรามแน่น ความรู้สึกที่ถูกบังคับและโดนพรากอิสระที่เขาหวงแหนมากที่สุดทำให้เขาเดือดดาลจนแทบจะบีบคอใครสักคนได้ อยากให้แต่งนักก็จะแต่ง แต่คราวนี้ทั้งพ่อและ 'พิมดาว 'จะได้รู้จักเขาดีเลยล่ะว่าคนอย่างเขาน่ะมันควบคุมลำบาก!
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่