Chapter 4 : คำทักทายแรกจากว่าที่สามี

ฮ่องกง

นับจากวันที่พิมดาวตัดสินใจรับข้อเสนอจากเกศมณี ชีวิตของเธอก็เหมือนถูกดึงออกจากความมืดมนเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย...

นี่คือการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพิมดาว...ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะสามารถพูดภาษาจีนกวางตุ้งและภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีจากการเรียนโรงเรียนเอกชนราคาแพงตั้งแต่สมัยพ่อยังมีชีวิตอยู่ แต่ทุกอย่างก็เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่สำหรับเธอ

ทั้งคฤหาสน์หรูที่จะเป็นที่อยู่ของเธอกับว่าที่สามีตั้งตระหง่านอยู่ริมเนินเขา มองลงไปเห็นวิวทะเลกว้างใหญ่ตอกย้ำให้เห็นถึงฐานะอันร่ำรวยและความยิ่งใหญ่ของตระกูลมาเฟีย เพราะใครก็รู้ว่าที่ดินในฮ่องกงนั้นราคาแพงจนแทบจะจับต้องไม่ได้ แต่สำหรับตระกูลจางนี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในคฤหาสน์ที่พวกเขามี

ในวันที่พิมดาวเดินทางไปถึงก็มีเหล่าบอดีการ์ดกับแม่บ้านยืนเรียงรายรอต้อนรับ ทุกอย่างดูแปลกตาและไกลเกินกว่าชีวิตที่เธอเคยรู้จักไปมาก แม้ว่าสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่เธอก็ถือว่าเป็นคุณหนูเศรษฐีที่มีฐานะร่ำรวย แต่มันเทียบไม่ติดกับทุกสิ่งที่ตระกูลจางมีเลย ดังนั้นหญิงสาวก็ต้องพยายามปรับตัว เพราะนี่คือชีวิตที่เธอเลือกแล้ว...

ช่วงอาทิตย์แรกที่ได้นอนในที่ ๆ ไม่คุ้นชิน หญิงสาวก็นอนไม่ค่อยหลับเพราะยังมีความสับสนและหวาดระแวงกับชีวิตที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ความอบอุ่นของเกศมณีและความเมตตาของหลี่หมิงก็ช่วยเธอได้เยอะ เกศมณีคอยแวะมาหาหญิงสาวในทุก ๆ วัน พาออกไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ รวมถึงสอนกฎเกณฑ์ของตระกูลจางให้เธอได้เรียนรู้เพื่อเตรียมเป็นสะใภ้อย่างสมเกียรติ

และที่สำคัญ...เกศมณีและหลี่หมิงได้แนะนำให้เธอได้รู้จักกับลูกชายทั้งสองคนของตระกูลจาง ในตอนแรก ๆ เธอกลัวและหวั่นเกรงมากที่จะได้พบกับพวกเขา แต่เมื่อได้เจอกันก็นับว่าแตกต่างจากที่คิดไปมาก เพราะลูกชายคนโตอย่าง 'จาง ไท่หมิง' นั้นสุภาพและเป็นกันเองมาก ๆ ในส่วนของลูกชายคนรองอย่าง 'จาง ฟานอี้' ที่เป็นคุณหมอนั้นจะออกแนวสุขุม และพูดน้อย แต่ก็นับว่าพวกเขาใจดีกับเธอจริง ๆ 

แต่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอนี่สิที่ยังคิดหนักว่าเขาจะใจดีกับเธอไหม...เพราะแค่เห็นในรูปถ่ายครอบครัวรังสีความเอาแต่ใจยังพุ่งทะลุออกมา แล้วแบบนี้เธอจะรับมือไหวหรือเปล่านะ...

ถ้าตามที่เกศมณีและหลี่หมิงแจ้ง งานแต่งงานของเธอกับเขาจะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนเท่านั้น ในระหว่างนี้ตารางการเรียนรู้ชีวิตที่นี่แน่นเอี้ยด เพราะเธอต้องเรียนทำอาหาร เรียนมารยาทของคนฮ่องกงเพิ่ม และการวางตัวให้สมกับเป็นสะใภ้แห่งตระกูลจาง แถมต้องไปเข้าสปาดูแลผิวและผมเพื่อให้วันแต่งงานเธอสวยที่สุดอีกด้วย

เพียงสองอาทิตย์ก่อนแต่งงาน

ผ่านมาได้สองเดือนกว่า แต่เจ้าบ่าวของเธอก็ยังไม่เคยโผล่มาให้เห็นหน้าสักครั้ง ถึงเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาเหมือนกัน แต่เธอก็ทำตามทุกอย่างที่หลี่หมิงและเกศมณีสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย

เพราะการซื้อธุรกิจทั้งหมดของพ่อเธอนั้นไม่ได้ใช้เงินน้อย ๆ เลย... แล้วพวกเขายังสัญญาว่าจะดูแลบริษัทอย่างดี และให้เธอมีส่วนร่วมในทุกส่วนอย่างให้เกียรติ

บอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่มีพวกเขาเธอก็ไม่รู้จะไปต่อยังไงเหมือนกัน เพราะอายุก็เพิ่งเท่านี้ แถมพ่อมาจากไปแบบกระทันหัน และอันตรายก็ยังคืบคลานมาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ การได้ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลที่สามารถปกป้องเธอได้ย่อมเป็นผลดี

เธอตั้งใจว่าจะตอบแทนบุญคุณที่พวกท่านมอบให้ด้วยความซื่อสัตย์ต่อตระกูลจาง จะทำหน้าที่เป็นสะใภ้ที่ดีและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แม้ว่าจะเจอกับอะไรเธอก็พร้อมจะสู้

ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เธออ่านหนังสือสอนทำอาหารเมนูโปรดของจาง อินหลง ว่าที่สามีของเธอเพิ่ม

ปัง!

"คุณพิมดาวคะ คุณชายมาค่ะ" แม่บ้านจิงผู้ที่สนิทกับพิมดาวที่สุดรีบวิ่งหน้าตั้งมาหาว่าที่คุณนายจางระหว่างที่เธอกำลังขะมักเขม้นจดนั่นจดนี่ในห้องนั่งเล่น

"คะ? หมายถึงคุณไท่หมิง กับคุณฟานอี้เหรอคะ" พิมดาวรีบเก็บหนังสือและลุกจากเก้าอี้ทันที แม้จะงง ๆ เล็กน้อย

"ไม่ใช่ค่ะ หมายถึง..."

"เจ้าบ่าวของเธอไง"

"..." พิมดาวหันไปมองตามเสียงทุ้มที่ดูไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะคนที่มาในวันนี้คือเขา...จาง อินหลง เจ้าบ่าวของเธอ!

"สะ-สวัสดีค่ะ" ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูกเธอจึงรีบทักทายและก้มหัวให้เขา ไม่ปฎิเสธเลยว่าเขาหล่อกว่าในรูปมาก ๆ แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยมาก็ทำให้เธอหวาดกลัวพอสมควร...เขาเมาแบบนี้จะว่าอะไรเธอไหมนะ

"นี่น่ะเหรอ...ว่าที่เจ้าสาวที่ป๊าหามาให้ น่าผิดหวังเป็นบ้า ต่ำกว่ามาตรฐานทุกอย่างเลย"

และใช่แล้ว นี่คือคำทักทายแรกจากเจ้าบ่าวของเธอ