"สวัสดีครับทุกท่าน" ร่างสูงของโจเซฟเดินขึ้นไปบนเวทีและเริ่มการกล่าวปิดงานทันที
"ก่อนอื่นผมต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดีกับงานเปิดไนต์คลับของผมในวันนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่เรามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างตระกูลจางเข้ามาในงานด้วย" มือใหญ่ส่งสัญญาณให้สปอตไลต์ส่องไปยังตระกูลจางที่ยืนอยู่ทั้งครอบครัว
คนในงานต่างพากันซุบซิบถึงพวกเขากันใหญ่ เพราะการที่โจเซฟประกาศออกไมค์แบบนี้มันทำให้ตระกูลจางดูเป็นตัวตลกที่ไม่ได้รับเชิญจริง ๆ และนั่นทำให้โจเซฟรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก
แต่ทำไมสีหน้าของครอบครัวนั้นถึงไม่ได้สะทกสะท้านเลยล่ะ...โดยเฉพาะราชสีห์อย่างจาง หลี่หมิง ที่ยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจราวกับว่าเขาคือผู้คุมเกมที่แท้จริง
และในจังหวะที่โจเซฟกำลังเริ่มครุ่นคิดว่าอาจมีความอันตรายมาเยือนในเร็ว ๆ นี้ หลี่หมิงก็ยกมือส่งสัญญาณอะไรบางอย่างขึ้นมา!
ทันใดนั้นเองภาพจอมอนิเตอร์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นความมืดและมีเสียงบทสนทนาแทรกเข้ามาแทน
'ตกลงจะรับงานนี้ไหม'
'...มันผิดกฎหมายไหมครับนาย'
'มึงนั่นแหละที่ทำงานอย่างผิดกฎหมาย จะทำงานให้นายท่านดี ๆ หรือต้องให้ลูกเมียมึงลำบาก'
'ระ-รับครับ ๆ แค่ไปส่งเขาก็พอใช่ไหมครับ'
'ใช่ นี่ประวัติมัน เผื่อมันชวนคุยมึงก็ทำให้เนียน ๆ หน่อย'
'ได้ครับ คุณชาญ...พั๊วะ!' เสียงทุบหัวดังขึ้นมาแทรกทำให้การสนทนานี้ดูน่าสงสารมาก เพราะลูกจ้างคนนี้ดูต่อกรอะไรไม่ได้เลย
'มึงจะพูดชื่อมันทำไม! แค่ดูเฉย ๆ ไม่ต้องสะเออะพูด'
โจเซฟหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินบทสนทนาของลูกน้องตัวเองและแรงงานผิดกฎหมายที่เขาเป็นคนจ้างให้ไปขับรถในวันนั้น แต่ที่น่าตกใจคือหลี่หมิงมันเจาะเข้ามาถึงคนของเขาได้ยังไง!
"นายท่านที่คนในคลิปพูดถึงมันหมายถึงคุณโจเซฟใช่ไหมคะ!" นักข่าวสาวรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายหน้าเหยเกของโจเซฟและจี้คำถามทันที ตอนนี้ทั้งห้องต่างพากันซุบซิบจนโจเซฟรู้สึกกดดัน
"ก็ต้องไม่ใช่สิครับ จะเกี่ยวกับผมได้ยังไง" โจเซฟยังคงพยายามประคองสถานการณ์ด้วยความนิ่ง แม้ภายในใจจะร้อนรนเป็นไฟแล้วก็ตาม
"แล้วทำไมคลิปนี้ต้องถูกเปิดที่งานของคุณด้วยล่ะคะ!"
"นั่นสิ จริงด้วย" เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเกินควบคุม โจเซฟมองจ้องไปยังจาง หลี่หมิงด้วยเคียดแค้น
"มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ" แม้ปากจะพูดกับนักข่าว แต่นัยน์ตาของเขายังคงมองจ้องหลี่หมิงไม่วางตา จนกระทั่งราชสีห์แห่งวงการกาสิโนยกมือเป็นสัญญาณให้บอดีการ์ดอีกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เขาฉุนจนแทบจะเข้าไปลากคอไอ้แก่นั่น
"มึงจะมาไม้ไหนอีก..." ร่างสูงเดินเข้าไปประจันหน้ากับครอบครัวจางด้วยความเดือดดาล และก็ต้องตกใจเมื่อตำรวจได้บุกเข้ามาในงาน
"เดี๋ยว นี่มันเรื่องอะไรกัน"
"มีคนเข้ามาแจ้งความพร้อมคลิปเสียงและหลักฐานการจ่ายเงินที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณโดยตรง ขอความร่วมมือด้วยครับ" ตำรวจโชว์บัตรแสดงตัวตนและเข้าคุมตัวโจเซฟอย่างรอบคอบ แม้จะไม่ได้ใส่กุญแจมือแต่พวกเขาก็ล้อมหน้าหลังไม่ให้โจเซฟขยับหนีได้
"คนที่ว่านั่นมันใครล่ะ เชื่อถือได้มากแค่ไหน" โจเซฟตวาดใส่ตำรวจด้วยความร้อนรน ยังไงเขาก็ยังเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทำเขาล้มได้
"พอจะคุ้นหน้าบ้างหรือเปล่า" หลังจากที่โจเซฟกำลังยืนเผชิญหน้ากับตำรวจหลายนาย ตัวละครที่สำคัญที่สุดก็โผล่ออกมา นั่นคือหญิงสาววัยกลางคนและลูกสาวของคนขับรถในเหตุการณ์วันนั้น!
เขาจำหน้าของสองแม่ลูกนี้ได้แม่น เพราะลูกน้องเคยนำภาพมาให้ดูเพื่อประเมินว่าจะปิดปากเลยหรือว่าจะเอาไว้ทำงานเป็นสาวบริการในคลับผิดกฎหมายที่เขาเปิดไว้แถวชายแดน
แต่ตอนนั้นก็เห็นภาพมันสองคนหน้าเละจนเหมือนศพไปแล้ว นี่มีคนทรยศเขางั้นหรือ!
"ฉันมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้สามีค่ะ" หญิงสาวที่ใบหน้ามีแต่รอยเย็บยืนให้การตำรวจด้วยน้ำเสียงสั่นระริก ถึงแม้เธอจะหวาดกลัวเขาอยู่ไม่น้อย แต่การได้รับความคุ้มครองจากตระกูลจางก็ช่วยให้เธอมีความกล้าที่จะต่อสู้มากขึ้น
"เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วครับคุณผู้หญิง ผมไม่เคยรู้จักคุณเลย!" โจเซฟยังคงตีหน้าซื่อจนถึงวินาทีสุดท้าย และในที่สุดตำรวจก็รวบตัวเขาออกไปจากไนต์คลับของตนเองโดยไม่ฟังเสียงโวยวายว่าตนเองไม่ผิดแม้แต่น้อย
"ไม่ต้องกังวลนะ เธอและลูกจะปลอดภัย ฉันสัญญา" หลี่หมิงย้ำหนักแน่นเพื่อให้สองแม่ลูกเชื่อใจว่าพวกเธอจะไม่เป็นอะไร เขาหันไปพยักหน้ากับบอดีการ์ดให้พาพวกเธอตามตำรวจออกไป และดูแลความปลอดภัยให้เรียบร้อย
"ทีนี้เราก็รอแค่เวลาที่จะมาบดขยี้ตัวมันเอง" เกศมณีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมทั้งเดินตามสามีออกไปจากไนต์คลับแห่งนี้ โดยมีลูกชายและลูกสะใภ้เดินออกมาด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง
ตลอดทางที่พิมดาวเดินออกมาจากไนต์คลับ หัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนค่อย ๆ โล่งขึ้น เพราะโจเซฟถูกจับไปแล้ว และถ้าตามแผนที่หลี่หมิงวางไว้ เหล่าคนในน่าจะออกมาแฉเรื่อย ๆ จนโจเซฟจมธรณีอยู่ในคุกไปเอง
"พิม...เดี๋ยวก่อน" ระหว่างที่เธอกำลังจะเข้าไปนั่งในรถยนต์ Rolls-Royce อินหลงก็เข้ามาขวางไว้ก่อน
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่