“มาเป็นผู้หญิงของฉันไหม”
เสียงห้าวทุ้มที่กระซิบผะแผ่วอยู่ชิดริมหูขณะนี้ กำลังส่งผลให้ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย แผ่นหลังของเธอสนิทแนบไปกับแผงอกตึงแน่นของเขาจนรับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอ ผิดกับเธอที่กระหน่ำรัวเสียจนเกรงว่ามันจะเหนื่อยเกินไปจนหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ
“คุณหมายถึง...” เธอไม่กล้าเอ่ยออกไป เพราะคำว่าผู้หญิงของเขานั้นช่างกินความหมายกว้างเสียเหลือเกิน เขาหมายถึงอะไรบ้างหนอ แฟน คนรัก ลูกน้อง หรือนางบำเรอ
“ความหมายก็ตรงตัวดีอยู่แล้ว ผู้หญิงของฉันก็คือคนของฉัน ฉันอยากให้เธอมาอยู่กับฉันที่นี่ เธอเองก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้วไม่ใช่รึ ฉันสามารถเลี้ยงเธอให้อยู่อย่างสุขสบายได้ อยากเรียนสูงแค่ไหนฉันก็จะส่งเสียให้เรียน อยากได้อะไรก็ขอให้บอก”
พูดพร้อมกับกดจมูกโด่งลงบนผิวเนื้อที่ลำคอหอมกรุ่นแสนยั่วเย้าจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก
ต้องรักเม้มปากแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะระงับอาการสั่นสะท้านจากสัมผัสหวามไหวของเขา รับรู้ได้ถึงอ้อมกอดแกร่งที่กระชับแน่นขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนที่เคล้าคลออยู่บริเวณซอกคอและกกหู จนต้องห่อไหล่หนีเมื่อความรู้สึกบางอย่างเริ่มตีรวนขึ้นมาจากช่องท้องแล้วพุ่งวาบเข้าสู่หัวใจ
“แล้วรักต้องเป็น...เอ่อ...ผู้หญิงของคุณไปจนถึงเมื่อไรคะ”
เสียงแผ่วพร่านั้นถามออกไปแล้วก็กลั้นใจรอรับคำตอบ ทำใจเอาไว้แล้วว่าเธออาจจะได้ยินบางอย่างจากปากเขาที่ฟังแล้วรู้สึกระคายหู แต่ทว่าเขากลับเลี่ยงไปตอบอย่างอื่น
“จะอยากรู้ไปทำไม นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต ฉันคงบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอกว่าจะเมื่อไร แต่ตอนนี้ เวลานี้ฉันพอใจเธอ และฉันก็ต้องการเธอมาก”
คำสุดท้ายชนาธิปกระซิบพร่าใส่หูของหญิงสาวพร้อมกับงับฟันคมๆ ของเขาที่ติ่งหูจนเธอสะท้านหวิวไหว ร่างบางเอนกายพิงอกเขาอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“รัก...รักต้องทำอะไรบ้างคะ”
ช่างเป็นคำถามที่โง่เง่าสิ้นดี แต่นาทีนี้เธอไม่รู้ว่าจะถ่วงเวลาเขาด้วยวิธีไหนอีกแล้ว ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธออกไป เพราะการทำแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับขายเกียรติขายศักดิ์ศรี แต่อีกใจหนึ่งนั้นก็รู้ดีว่าเขาย่อมไม่ยอมรับฟังคำปฏิเสธจากเธออยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เธอไม่ชักไม่แน่ใจว่าที่เธอไม่กล้าปฏิเสธเขาเพราะบุญคุณที่เขามีต่อเธอ หรือว่าเพราะใจของเธอที่อยากอยู่ใกล้เขากันแน่
“ไม่มีอะไรมาก แค่ตามใจฉัน และทำทุกอย่างให้ฉันพอใจ”
“อุ๊ย!” ต้องรักเผลอหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ เขาก็ตวัดร่างเธอจนลอยหวือขึ้นจากพื้น แขนกลมกลึงยกขึ้นโอบรอบคอของเขาโดยอัตโนมัติทันที ละล่ำละลักบอกเขาเสียงแผ่ว
“คะ...คุณชนาธิป...ระ...รักยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะคะ”
นัยน์ตากลมโตมีแววตื่นตระหนก ใบหน้าหวานหยดนั้นแดงระเรื่อดูเย้ายวนอารมณ์จนคนมองแทบอยากกระชากอาภรณ์ของเธอเสียตั้งแต่ตรงนี้ แล้วโจนจ้วงความต้องการที่อัดแน่นจนแทบล้นเข้าใส่ร่างอวบอิ่มในอ้อมแขนครั้งแล้วครั้งเล่า
“ก็น่าจะรู้นี่นาต้องรัก ว่าคนอย่างฉันไม่ชอบฟังคำปฏิเสธ”
สองเท้าก้าวเดินฉับๆ ตรงเข้าสู่ห้องนอนของตัวเองทันทีโดยที่หญิงสาวไม่มีโอกาสได้ขัดขืน หรือร้องประท้วงออกมาเมื่อริมฝีปากร้อนของเขาแนบประกบลงมาปิดเสียงทั้งหมดทั้งมวลของเธอไว้ ก่อนจะพาเธอดำดิ่งลงสู่ห้วงปรารถนาที่เธอหารู้ไม่ว่าทันทีที่ได้ย่างเท้าหลงเข้าไปอยู่ในห้วงนั้นแล้ว เธอจะไม่มีโอกาสได้ออกมาจากกรงเล็บของเขาอีกเลย...ตลอดกาล
-------
ต้องรักพยายามจะยันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่ามือของดิลกก็เลื่อนขึ้นมาตรึงข้อมือไว้ทั้งสองข้าง หญิงสาวจึงก่นด่าพร้อมทั้งข่มขู่ด้วยความแค้นเคือง“ไอ้หลก แกฆ่าแม่ฉัน ฉันจะเอาแกเข้าคุกให้ได้ ไอ้เลว!”“กูไม่ได้ฆ่าแม่มึง นังจงมันตกบันไดลงมาเอง”ดิลกรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ก่อนจะพูดบางอย่างที่ต้องรักได้ฟังก็ยิ่งโกรธแค้นเป็นร้อยเท่าพันทวี“กะอีแค่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แม่มึงจะหวงไว้ทำไมนักหนา กูแค่ขอยืมไปหมุนหน่อยเดียวแต่มันไม่ยอมให้ กูก็ต้องขโมยเอาสิ แม่มึงวิ่งตามกูจะเอาคืนแล้วพลาดตกบันไดมาเองไม่เกี่ยวกับกูสักหน่อย”“ไอ้ชาติชั่ว! ปล่อยนะ ไอ้ทุเรศ! ปล่อยฉัน” ต้องรักดิ้นรนสุดแรงเท่าที่ตัวเองจะมี ปากก็ร้องด่าทอดิลก พ่อเลี้ยงไปด้วย“ปล่อยก็โง่แล้ว กูเล็งมึงมาตั้งนาน ตอนแม่มึงอยู่กูทำอะไรไม่ได้เพราะติดคำสาบานที่ให้ไว้กับแม่มึง แต่ตอนนี้แม่มึงมันก็ตายไปแล้ว ยอมๆ กูไปเถอะน่ากูรู้ว่ามึงเองก็ไม่ได้สดซิงอะไรนักหรอกทำงานกลางคืนอย่างนั้นน่ะ”ถ้อยคำต่ำทรามที่พ่นออกมาจากปากของดิลกทำเอาหญิงสาวแ
“ไปคุยกันที่บ้านเอ็งดีกว่า” พูดจบก็เดินนำหน้าหญิงสาวไปอย่างเชื่องช้า ต้องรักจึงเดินไปข้างๆ พร้อมกับชะลอฝีเท้าให้ช้าลงตามไปด้วยยายสาเป็นคนแก่คนหนึ่งที่คนในซอยมักไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไรนัก อาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านเช่าใกล้วัด นานๆ จึงจะมีลูกหลานมาเยี่ยมมาหาสักครั้ง ซึ่งเธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจลูกหลานของยายสานักว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่ ถึงได้ปล่อยปละละเลยให้คนชราที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่เพียงลำพังได้“ยายมีของมาคืนให้เอ็งน่ะ”เมื่อเข้ามาในบ้าน หญิงชราก็นั่งลงที่เก้าอี้แล้วรูดซิปล้วงหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าพลางยื่นให้หญิงสาวตรงหน้าต้องรักเอื้อมมือไปรับมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุนงงสงสัย เห็นยายสาพยักพเยิดให้เธอเปิดถุงออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในคือแหวนทองประดับด้วยทับทิมสีแดงเม็ดเดี่ยวๆ ไม่ใหญ่มากนัก แต่มันกลับทำให้หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมาทันที เพราะจำได้ดีว่าแหวนวงนี้มีความสำคัญกับมารดามากเพียงใด“นังจง แม่เอ็งน่ะเอามาฝากยายไว้ตั้งนานแล้ว เพราะขืนเอาเก็บไว้ที่บ้านไอ้หลกมันคงขโมยไปขายเอาเงิ
ร่างผอมบางของจงรักถูกลุงเพิ่มอุ้มพาไปยังเบาะรถสามล้ออย่างทุลักทุเล โดยมีต้องรักและนวลตามขึ้นไปนั่งอยู่บนพื้นด้วย จากนั้นรถก็มุ่งไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเวลาผ่านไปนานเท่าไรก็สุดรู้เพราะต้องรักไม่ได้สนใจ ตอนนี้สายตาของหญิงสาวจ้องเขม็งไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่มารดาเข้าไปอยู่ในนั้นได้พักใหญ่แล้ว การรอคอยช่างแสนทรมาน ยิ่งยาวนานก็ยิ่งรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบอัดให้เล็กลงเรื่อยๆ จนเหมือนจะหายใจไม่ออก“รักเอ๊ย...แม่เอ็งถึงมือหมอแล้ว เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”นวลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามาบีบหัวไหล่เบาๆ อย่างปลุกปลอบ ต้องรักหันมามองครู่หนึ่งก่อนน้ำตาที่สู้อุตส่าห์กักเก็บไว้จะไหลทะลักออกมาจากหน่วยตาอีกครั้ง“รักไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รักกลับมาจากทำงานก็เห็นแม่นอนอยู่หน้าบันไดแล้ว” ต้องรักพูดปนสะอื้น ในขณะที่นวลนั้นทำท่านึกอะไรบางอย่าง“รู้สึกป้าจะได้ยินไอ้หลกมันทะเลาะกับแม่เอ็งนะ เหมือนมันจะเอาอะไรสักอย่างแล้วแม่เอ็งไม่ยอมให้น่ะ ป้าเองก็ไม่ได้สนใจเพราะเห็นทะเลาะกันเกือบทุกวันอยู่แล้ว”ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต
ต้องรักเดินเกาะกลุ่มกับเพื่อนพนักงานออกมาจากอาคารเพื่อกลับบ้านดังเช่นทุกวัน นัยน์ตาคู่สวยชะเง้อมองไปยังที่จอดรถทางฝั่งของผู้บริหารอย่างลืมตัว รถยุโรปคันหรูที่เธอเคยนั่งยังคงจอดนิ่งอยู่ที่เดิม อันเป็นการบอกว่าเขาคนนั้นยังไม่ได้ออกจากที่นี่ อยากหยุดยืนเพื่อรอส่งตอนที่รถของเขาแล่นผ่าน แต่ก็เกรงว่าหากทำอย่างนั้นเขาจะมองว่าเธอกำลังทอดสะพานให้เขา คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินตามกลุ่มเพื่อนออกไปทว่ายังไม่ทันเดินพ้นเขตลานจอดรถดี รถคันที่ต้องรักมองดูอยู่เมื่อครู่ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวแล่นผ่านหน้าของทุกคนไป ต้องรักมองไปยังกระจกของที่นั่งตอนหลังพร้อมกับคลี่ยิ้มให้ มองผิวเผินอาจจะดูเหมือนว่าเธอกำลังยิ้มให้เงาของตัวเองที่สะท้อนกลับมา แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอกำลังยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลังนั้นต่างหาก“รัก!”ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งเรียกมาจากด้านหลัง แต่เจ้าของชื่อไม่ได้หันกลับไปเพราะมัวแต่มองส่งรถคนนั้นจนกระทั่งลับสายตา พร้อมกับที่ผู้ตะโกนเรียกมาหยุดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างๆ“รักขึ้นรถเราเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง”อน
“ไม่เป็นไรหรอกบอย รักกลับเองดีกว่า อีกอย่างนะ ทางไปบ้านบอยกับบ้านรักมันคนละทางกันเลยนะ บอยไม่ต้องไปส่งเราหรอก”ต้องรักรีบปฏิเสธออกมาทันทีพร้อมกับยกแขนของยุวรรณดาขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเพื่อน“จะสี่โมงแล้วเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะ บาย”เมื่อเห็นว่าอีกสิบนาทีจะบ่ายสี่โมง ต้องรักจึงรีบตัดบทแล้วหาทางเลี่ยงออกมาทันที เพราะกลัวว่าอนุวัฒน์จะดึงดันขอไปส่งบ้านให้ได้ เพื่อนชายคนนี้คิดกับตนอย่างไรใช่ว่าเธอจะไม่รู้ แม้ว่าเขาจะดีและมีน้ำใจกับเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถคิดกับเขาเกินเพื่อนได้จริงๆเดินห่างเพื่อนออกมาได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นเตือนขึ้นมาว่ามีคนโทร.เข้า ต้องรักเอามือควานหาโดยไม่หยุดเดิน เมื่อเจอแล้วก็กดรับสายทันที โดยไม่ต้องดูชื่อเพราะรู้ว่าใครโทร.มา“ค่ะ รักกำลังจะถึงหน้ามอแล้วค่ะคุณธิป...ได้ค่ะ”หลังจากวางสาย ร่างเล็กก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางหน้ามหาวิทยาลัย ยิ่งเขาบอกว่ากำลังจอดรถรออยู่ หญิงสาวก็ยิ่งลนลานรีบไปให้ถึงโดยเร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้เขารอนาน จึง
ต้องรักตื่นนอนประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง รู้สึกว่าอาการปวดตึงที่ข้อเท้าเริ่มดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเมื่อตอนเช้ามืดที่ผ่านมาเธอได้เล่าให้มารดาฟังว่าเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนเล็กน้อยจนข้อเท้าแพลง ท่านจึงนวดจับเส้นให้จนสามารถเดินลงน้ำหนักได้เต็มเท้ามากขึ้นหญิงสาวจัดการทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เสร็จเรียบร้อยก็เดินลงไปชั้นล่าง ได้ยินเสียงตำน้ำพริกอยู่ในครัวจึงเดินเข้าไปดูเผื่อมีอะไรที่พอช่วยได้บ้าง“มีอะไรให้ช่วยไหมแม่”ร่างเล็กเดินเข้าไปยืนเมียงมองที่โต๊ะเล็กข้างเตาแก๊สปิกนิก เห็นมีไข่ไก่วางไว้ในชามใบเล็กสองฟอง มีต้นหอมที่ยังไม่ได้ซอยวางอยู่บนเขียง เธอจึงเดินเข้าไปจัดการต่อให้ทันที“งั้นรักเจียวไข่เองนะ” พูดพลางลงมือหั่นต้นหอมสำหรับใส่ไข่เจียว พอดีกับที่มารดาตำน้ำพริกเสร็จจึงหันมาถามบุตรสาวอย่างเอาใจใส่ เพราะเห็นเวลาเพิ่งจะเที่ยงเท่านั้น เท่ากับว่าต้องรักเพิ่งนอนไปได้แค่ห้าชั่วโมง“นอนอิ่มแล้วเหรอลูก น่าจะนอนอีกสักหน่อยไหนๆ ก็หยุดเรียนแล้ว”“ไม่ไหวละจ้ะแม่ ท้องร้องโครกครากเลยต้องลงมาหาอะไรกินนี่แหละ อีกอย่างนะ วันนี้รักจะไปแถวที่ทำงานเร็วกว่าเดิมสักหน่อย ว่าจะลองไปเดินดูห้องเช่าหรืออพาร์ตเมนต์แถว