“คุณคะ...” กระถินเรียกอีกครั้ง พร้อมกับแตะมือลงที่แขนคนบนรถเบา ๆ ร่างบางที่นั่งเหม่ออยู่บนท้ายรถกระบะสะดุ้งสุดตัว ตากลมโตหันมามองหน้ากระถิน ก่อนจะกะพริบถี่ ๆ เพื่อไล่เรียงเรื่องราว เขมจิรามองหน้าผู้หญิงที่ยืนเกาแก้มที่กำลังส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะเอ่ยถามอะไรบางอย่าง
“ที่นี่ที่ไหน” เสียงหวานใสเอ่ยถามอย่างร้อนรน จนคนฟังยังนึกสงสัย ตกลงลุงเข้มไปเก็บเธอคนนี้มาจากไหน เธอถึงได้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน
“เชียงรายจ้ะ”
“อ่อ เอ่อ... คือฉัน... ฉันชื่อเขมจิรานะ เธอเคยเห็นหน้าฉันไหม”
เขมจิราเอ่ยถาม
“อ๋อ... นึกออกแล้ว! นางแบบ... คุณเป็นนางแบบนั่นเอง มิน่า หนูถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุณ” กระถินร้องออกมาสุดเสียง รู้สึกตื่นเต้นเมื่อ รู้ว่าคนที่นั่งหัวฟูอยู่บนรถคือนางแบบชื่อดัง
“แล้วคุณมากับลุงได้ไงคะ” กระถินถามต่อเพราะยังสงสัยไม่หาย
“ฉันมาหาเพื่อนน่ะ พอดีเกิดอุบัติเหตุ ลุงเธอเลยช่วยฉันไว้ เธอรู้จักไร่แสงตะวันไหม เพื่อนฉันอยู่ที่นั่น”
“รู้จักค่ะ คุณจะให้หนูไปส่งเหรอคะ” กระถินถามพร้อมกับมอง รถกระบะของภาคิน เธอขับรถกระบะยังไม่เก่ง แล้วจะไปส่งคุณนางแบบได้อย่างไร
“ขอยืมมือถือได้ไหม หรือไม่เธอก็โทร. ให้ฉัน ฉันเป็นเพื่อนกับลลนา ภรรยาเจ้าของไร่น่ะ”
“อ้อ...ได้ค่ะ ๆ”
กระถินรับคำ ก่อนจะวิ่งกลับไปเอามือถือในบ้าน ยังตื่นเต้น ไม่หายเมื่ออยู่ ๆ ก็มีนางแบบดังมาเยือนกลางดึก
กระถินจัดการต่อสายโทรศัพท์ให้เธอ ก่อนจะเชิญแขกให้เข้าไปนั่งรอในบ้านเพราะบริเวณนี้ยุงชุม ไม่นานรถของไร่แสงตะวันก็มาถึง ทันทีที่เขมจิราเห็นหน้าลลนา ทั้งสองก็วิ่งเข้าไปสวมกอดกัน ลลนาดีใจที่เขมจิราปลอดภัย เพราะเธอเห็นข่าวของเพื่อนแล้ว สภาพรถที่ไหม้ ทั้งคัน แต่เพื่อนรอดมาได้ ไม่รู้จะขอบคุณอะไรก่อนดี
“ขิม... แกรู้ไหมว่าฉันห่วงแกมากแค่ไหน โชคดีนะที่แกไม่เป็นอะไร ขอบใจน้องมากนะที่ช่วยเพื่อนพี่เอาไว้” ลลนาพูดกับเขมจิรา ก่อนจะหันไปขอบใจกระถิน
“คือจริง ๆ หนูไม่ได้...” คำพูดกระถินยังค้างอยู่ในลำคอ เมื่อ
เขมจิราขัดขึ้น เธอไม่อยากให้เด็กนี่พูดถึงผู้ชายบ้าบอคนนั้นอีก“ถ้าไม่ได้น้องฉันคงแย่ ขอบใจอีกครั้งนะคะน้อง”
“เอ่อ...ค่ะ” กระถินรับคำ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านนอก ที่แท้เธอก็เป็นเพื่อนกับเมียพ่อเลี้ยงเผ่าเพชร เพื่อนรักของคุณหมอกนั่นเองไม่นานลลนาก็พาเขมจิรากลับไร่ โดยไม่ลืมขอบใจกระถินอีกครั้ง
“ได้หน้าเลยเรา ขอบใจนะลุง ที่เก็บนางแบบมาฝาก” หญิงสาวพูดขำ ๆ เมื่อเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน เมื่อแขกพากันกลับไปแล้ว
“ขิม... ตกลงแกจะไม่เล่าอะไรให้ฉันฟังใช่ไหม” ลลนา ถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเพื่อนเอาแต่นั่งเงียบ
“ขอฉันอยู่คนเดียวได้ไหม” เขมจิราหันมาบอกเพื่อนด้วยสายตาขอร้อง เธออยากอยู่คนเดียว อยากคิดทบทวนอะไรบางอย่าง
“แล้วเรื่องรถแกจะเอาไง ข่าวมันออกไปแล้วนะ ให้ป้าไก่แถลงข่าวไหม”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้คนเข้าใจว่าฉันตายไปเลยก็ดี” เขมจิราตอบอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ขิม... โตแล้วนะไม่ใช่เด็ก ๆ มีสมองก็หัดเอามาคิดบ้าง มันคุ้มกันไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าแกตายจริง ๆ แกคิดว่าไอ้บอยมันจะสำนึกไหม ดีไม่ดีมันเอาสาวไปกกบนคอนโดฯ ที่ซื้อไว้ด้วยกันอีก งามไส้ เลยนะ” ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนกำลังเสียใจ แต่ลลนาก็อยากให้เพื่อนมีสติ เขมจิราคนที่เธอรู้จัก ไม่ใช่คนที่อ่อนแอแบบนี้
“ฉันรู้ ขอบใจนะที่เตือนสติ พรุ่งนี้ฉันจะให้ป้าไก่แถลงข่าว ฉันขออยู่ที่นี่สักพักนะ”
“แกจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้ ไว้รอให้แกสบายใจ แล้วค่อยกลับ โชคดีนะขิมที่รอดมาได้ ว่าแต่แกไปอยู่บ้านกระถินได้ไง น้องเป็นคนช่วยแกเหรอ”
“อืม... เขาช่วยฉันไว้” พูดจบร่างบางก็ล้มตัวลงนอน เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่ช่วยเธอหน้าตาเป็นยังไง ปล่อยให้ลลนาเข้าใจแบบนี้ ดีแล้ว
“นอนพักนะ ฉันไม่กวนแกแล้ว ถ้าแกเหงาหรืออยากคุย แกเรียกฉันนะ ฉันมานอนกับแกได้”
“ขอบใจนะปอ ฉันอยู่ได้ แกกลับไปดูแลลูก ๆ เถอะ ขอบใจแกมากนะ ฉันฝากขอบคุณพี่เผ่าด้วย”
เขมจิราบอก เธอไม่อยากรบกวนลลนาอีก แค่เพื่อนช่วยเรื่องที่พักก็มากพอแล้ว
“อืม... อย่าคิดมากนะ” ลลนาบอกก่อนจะเดินออกไป ใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
“ผู้ชายเฮงซวย!”
หญิงสาวก่นด่า เมื่อภาพคนรักลอยกลับเข้ามาอีกครั้ง น้ำตาพากันไหลลงมาเป็นสาย ทั้ง ๆ ที่บอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่สุดท้ายเธอก็ต้านทานความเจ็บปวดไม่ไหว
“ร้องออกมาขิม ร้องออกมาให้หมด พรุ่งนี้แกจะต้องไม่ร้องอีกนะ” บอกกับตัวเองเมื่อนอนกอดตัวเองร้องไห้ เพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าทำไมแขนถึงยาว เพราะเวลาที่ไม่มีใครกอด ก็เอาแขนนี่แหละไว้กอดตัวเอง
กระถินตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ร่างบางเดินลงมาจากชั้นบน ก่อนจะมองไปที่รถกระบะคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตากลมโตมองนาฬิกาฝาผนังแล้วส่ายหัวไปมา เช้าแบบนี้ภาคินน่าจะยังไม่ตื่น เธอคงต้องเดินไปทำงานสินะ
หญิงสาวเดินออกจากบ้าน เมื่อแน่ใจว่าภาคินคงยังไม่เอารถ มาคืน โชคดีที่ที่ทำงานกับบ้านไม่ไกลกันเท่าไร ถือว่าเดินออกกำลังกายก็แล้วกัน หญิงสาวบอกตัวเองเมื่อเดินไปตามทาง
สินธรมองคนที่เดินอยู่ข้างถนนเพียงนิด ก่อนจะขับรถเลยผ่านไป ถึงแม้จะบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจ แต่เขากลับจำได้แม่นว่าผู้หญิง คนนั้นคือกระถิน คนงานในไร่ที่ครั้งหนึ่งเคยก่อเรื่องให้เขากับภรรยาบาดหมางกันหลายปี ถึงแม้เรื่องราวจะผ่านมานานแต่เขากลับไม่มีวันลืม โชคดีแค่ไหนที่เขาได้ภรรยากับลูกคืนมา เพราะการกระทำที่สิ้นคิดของเธอวันนั้น ทำให้เขาทรมานเกือบตาย
“คูมพ่อขา มีคนเดินตรงนั้นด้วยค่า” เด็กน้อยร้องบอกพร้อมกับหันไปดู จนใบหน้าจิ้มลิ้มแนบไปกับกระจกรถ
“คูมพ่อขา มีคนเดินค่ะ” ร้องเตือนอีกครั้งเมื่อคนเป็นพ่อไม่ยอมจอดรถ
“ครับลูก พ่อเห็นแล้ว” สินธรตอบลูกสาว เมื่อลำธารเอ่ยบอกเขาอีกครั้งตามประสาเด็ก เพราะปกติเขามักจะรับคนที่เดินข้างทางขึ้นรถมาด้วยเสมอ
“ไม่จอดเหรอคะ” เด็กหญิงภัทรธิดาหันมาถาม ทำให้คนเป็นพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะอธิบายให้ลูกสาวตัวน้อยฟัง
“เขาเป็นคนแปลกหน้า พ่อไม่รู้จักเขาครับ เรารับเขาขึ้นรถไม่ได้ เผื่อเขาเป็นคนร้าย”
ตากลมโตกะพริบตาถี่ ๆ เมื่อฟังคนเป็นพ่อพูดจบ สินธรรู้ว่า ลูกสาวของเขายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องแบบนี้ แต่ครั้งนี้เขายอมเป็นคนใจร้าย เพราะแผลเป็นที่เด็กกระถินสร้างไว้ ทำให้เขากลัวไปจนวันตาย เขาจะขออยู่ห่างจากเธอให้ไกลที่สุด
กระถินมองตามรถกระบะคันใหญ่ที่ขับผ่านไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ทั้งสีและป้ายทะเบียนเธอจำมันได้ขึ้นใจ
“คุณหมอกใจร้าย”
ก่นด่าชายหนุ่มในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา เวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้ สินธรยังใจดำกับเธออีกหรือ
“กระบะหลัง กระถินก็ไม่มีสิทธิ์ได้นั่งใช่ไหมคะ” พูดกับตัวเอง เมื่อมองตามรถคันนั้นไปจนลับตา
ปากร้อนบดจูบปากเล็กอย่างเรียกร้องและเอาแต่ใจ ชายหนุ่มไม่สนใจกำปั้นน้อย ๆ ที่ฟาดลงมาบนอกเขา ยิ่งเธอทำร้ายเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักบดขยี้ปากเธอแรง ๆ ดูซิจะเก่งได้สักกี่น้ำ ภาคินคิดอย่างสะใจและต้องการเอาชนะเธอเขมจิราดิ้นหนักเมื่อกำลังจะขาดอากาศหายใจ เขาจะฆ่าเธอ ให้ตายใช่ไหม ภาคินถอนปากออกเพื่อให้เธอได้หายใจ ก่อนจะซ้ำลงมาอีกครั้ง และอีกครั้ง จูบจนพอใจจึงถอนปากออก ใบหน้าหล่อเหลายัง ไม่ถอยไปไหน หน้าผากกว้างยังแตะอยู่กับหน้าผากมน ตาคู่คมมองลงในตาคู่สวย ที่ก้มลงมองกระดุมเสื้อของเขา “ปล่อย!” หญิงสาวดิ้นหนี มือบางผลักลงที่อก ภาคินยังเฉย มือที่ประคองใบหน้าสวยลูบลงบนแก้มใสเบา ๆ แล้วใช้หัวแม่มือเกลี่ยลงบนกลีบปากที่บวมช้ำอย่างนึกเอ็นดู“อย่าค่ะ!” เขมจิราใช้มือปิดปากเขาเอาไว้ เมื่อภาคินทำท่าจะซ้ำลงมาอีก“นึกว่าลืมปากไว้ที่ตลาดนัด” ภาคินเอ่ยล้อเลียน เมื่อดึงมือเธอออกจากปากแล้วจูบลงบนนิ้วเรียว เขมจิราเผลอค้อนให้เขาวงโต หน้าร้อนผ่าว ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ใบหน้าสวยงอง้ำด้วยความโกรธ เขาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับเธอ“ปล่อย!” หญิงสาวดึงมือออกจากมือของเขา แล้วนั่งตัวตรง ภาคินยอม
หลังจากเลิกงานกระถินก็แวะซื้อกับข้าวที่ตลาดนัด เช่นเคย หญิงสาวซื้อไข่ ของสด และผลไม้ไปตุนไว้ในตู้เย็น จะได้ไม่ต้องแวะบ่อย ๆ จังหวะที่เธอรับถุงผลไม้จากแม่ค้า ตากลมโตก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินจูงมือผ่านหน้าเธอไป ผู้ชายคนนั้นเธอคุ้นหน้าเขาเป็นอย่างดี เพราะเธอยังโทร. หาเขาทุกวัน“ลุง!” หญิงสาวรับถุงจากแม่ค้า ก่อนจะเดินตามคนคู่นั้นไปเร็ว ๆ“นี่ปล่อยนะ ฉันกลับเองได้” เขมจิรายังคงขัดขืน มือข้างที่ว่างแกะมือเขาออก เมื่อเขาลากเธอมาถึงรถกระบะของเขา “เงียบเถอะน่า ขึ้นรถ” ภาคินดุพร้อมกับออกคำสั่ง เมื่อพาเธอมายืนข้างรถ จังหวะที่ทั้งสองคนยังยื้อกันอยู่นั้นกระถินก็ตามมาถึงพอดี“ลุง! ลุงจ๊ะ”เสียงเรียกของหญิงสาว ทำให้คนทั้งสองหันมามอง ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู ในขณะที่เขมจิรายิ้มหวาน เธอจำกระถินได้“น้องกระถิน” เขมจิราพูดกับเธอแล้วก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อสายตา ของคนมาใหม่ไม่ได้มองมาที่เธอเลยสักนิด เพราะตาของเธอจับจ้อง อยู่ที่ใบหน้าของผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ เธอภาคินถอนหายใจ ร่างสูงหันกลับมามองกระถิน หัวใจแกร่งกระตุกเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวที่มองมาที่เขา มันมีทั้งความตัดพ้อ น้อยใจ และเ
ภาคินยืนมองหญิงสาวมาสักพักหนึ่งแล้ว เขาเห็นตั้งแต่เธอซื้อ น้ำปั่น ตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งได้ยินคนพูดถึงการแต่งตัว ของเธอ ก็แม่คุณเล่นใส่เสื้อเอวลอยกับกางเกงยีนขาสั้นเสมอหู ไม่รู้ว่าคนที่ไร่แสงตะวันปล่อยออกมาได้อย่างไร รู้หรอกว่าเป็นนางแบบ แต่ช่วยทำตัวให้มันถูกกาลเทศะหน่อยจะได้ไหม มาเดินตลาดนัด ไม่ใช่มาเดินแฟชั่น จะได้จัดเต็มมาขนาดนี้ ภาคินขัดใจกับการแต่งตัวของเธอ พอมาได้ยินคนนินทาจึงพาให้โมโหไปกันใหญ่“ไก่ย่างขายยังไงคะ” หญิงสาวเดินมาจนถึงร้านไก่ย่างที่เป็นสาเหตุให้เธอปั่นจักรยานมาถึงที่นี่“ไม้ละห้าบาทค่ะ ข้าวเหนียวก็ห้าบาท” แม่ค้าตอบเป็นภาษากลาง เพราะเห็นเธอแต่งตัวแตกต่างจากคนแถวนี้“เอาไก่สามไม้ ข้าวเหนียวหนึ่งห่อค่ะ” เขมจิราสั่งแล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินยี่สิบบาทจังหวะที่จะรับถุงไก่ย่างจากแม่ค้า มือของใครบางคนก็ยื่นมารับถุงไปก่อนเธอ“ของฉันค่ะ” หญิงสาวร้องบอก เพราะกลัวเขาหรือเธอคนนั้น จะรับผิดถุง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นหน้าคนที่ถือถุงไก่ย่างของเธอเต็มตา“คุณ!” ร่างบางยืนค้างอยู่กับที่ จนคนมาใหม่ต้องลากเธอออกมาจากหน้าร้าน เพราะเธอยืนบังลูกค้าคนอื่น“ไง สบายด
เขมจิรายังอยู่ที่ไร่แสงตะวันต่อ เพราะเธอไม่มีอารมณ์กลับไปทำงาน อดีตคนรักของเธอเล่นใหญ่บอกกับนักข่าวทุกสำนักว่าสาเหตุที่เลิกกันเพราะจับได้ว่าเธอคบซ้อน “คบซ้อนบ้านมึงดิ ไม่จบใช่ไหม ได้!” หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้กับข่าวตามสื่อต่าง ๆ เธอเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ เพราะคิดว่าไม่นาน ข่าวก็จะเงียบไปเอง แต่เหมือนกับว่าพอเธอไม่ตอบโต้ ทางฝ่ายนั้นก็ ยิ่งได้ใจ เขมจิราตัดสินใจส่งข้อความหาทนายความส่วนตัว ต้องจัดการให้เด็ดขาดจะได้จบสิ้นกันเสียที ชีวิตเธอจะได้อยู่อย่างสงบสุขหญิงสาวหยิบเงินใส่กระเป๋ากางเกง ยัดมือถือตามลงไป ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพัก เธอยิ้มหวานให้เผ่าเพชรที่นั่งอยู่หน้าบ้าน แล้วแจกยิ้มให้ลูกน้องของเขาที่หันมามองหน้าเธอ เพื่อเป็นการ กลบเกลื่อน คนพวกนี้น่าจะเห็นเธอโป๊ในถ้ำ อายก็อาย แต่ต้องทำเป็นไม่สนใจ เพราะตอนนี้เรื่องของเธอกับผู้ชายคนนั้นก็เงียบไปแล้ว หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย“พี่เผ่า ขิมไปขี่จักรยานเล่นนะ” หญิงสาวเอ่ยบอกเจ้าของบ้าน “จะไปไหนเหรอ ปอสั่งไว้ว่า...”“พี่เผ่า อย่าไปฟังปอมันมาก มันเป็นห่วงขิมเลยสั่งนี่สั่งนั่น ขิมโอเคค่ะ”“อ้อ... ก็เอาสิ”
กระถินขับรถลัดเลาะมาตามคันคลองที่เป็นบ้านพัก คนงานของไร่ลุงสิงห์ ตั้งแต่ที่พ่อแม่โดนไล่ออกมาจากไร่สายธาร ภาคินก็พาท่านมาฝากเข้าทำงานที่นี่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าสวยก็ยิ้มกว้าง ชีวิตของเธอมีเรื่องไหนบ้างที่ภาคินจะไม่เข้ามามีส่วนร่วม คำว่าพ่อทูนหัวที่พูลศักดิ์ใช้เรียกภาคินช่างเหมาะกับเขาจริง ๆคิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นรถกระบะจอดอยู่ที่หน้าบ้านถึงสองคัน ที่ข้างรถมีโลโก้ไร่พ่อเลี้ยงธงชัยติดอยู่ ความสงสัยยังไม่จางหาย ความตกใจก็เข้ามาแทนที่ เมื่อเห็นพ่อนอนอยู่กับพื้น แม่นั่งยกมือไหว้คนกลุ่มนั้นอยู่ข้าง ๆ ปากก็ร้องขออะไรบางอย่าง ในขณะที่คนกลุ่มนั้นยังรุมทำร้ายพ่อเธอไม่หยุด จนหน้าตาแตกยับไม่มีชิ้นดี“หยุดนะ!!!” ทันทีที่จอดรถได้ร่างบางก็วิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปหาพ่อกับแม่ แล้วกอดลงบนร่างที่เกือบหมดสติของพ่อ ใช้ตัวบังท่านเอาไว้“ถิน...” พ่อเอ่ยเรียกชื่อเธอแสนเบา เลือดสีข้นทะลักออกมาจากปากยามเมื่อเอ่ยชื่อเธอ ในขณะที่แม่เรียกเธอเสียงดัง ในตาของแม่มีแววบางอย่าง ยามเมื่อเห็นหน้าเธอ“กระถิน มาแล้วหรือลูก” น้ำเสียงที่ใช้เรียกดีใจจนออกนอกหน้า“พ่อ แม่ เกิดอะไรขึ้น พวกแกเป็นใคร มาทำร้ายพ่อฉั
เขมจิราตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายของวัน อาการปวดหัวเข้าเล่นงาน เพราะนอนตากน้ำค้างมาทั้งคืนจึงทำให้เป็นไข้ หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองสำรวจตัวเอง เนื้อตัวเธอมีแต่รอยขีดข่วน บางจุด ก็เขียวคล้ำ โดยเฉพาะหัวเข่าที่เขียวจนแทบจะกลายเป็นสีม่วง เมื่อคืนเขาพาเธอวิ่งเข้าไปในป่า เธอล้มลุกคลุกคลาน วิ่งชนนั่นชนนี่ บางครั้งก็โดนกิ่งไม้บาดจนได้เลือด โชคดีที่รอดมาได้ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีของดีอะไร เธอได้ยินเสียงปืนดังเป็นห่าฝน แต่กระสุนกลับ ไม่ถูกเขาสักนัด“เฮ้อ!”หญิงสาวถอนหายใจ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อเช้า คนนับสิบยืนมองเธอกับเขานอนกอดกัน และที่สำคัญเธออยู่ในสภาพที่เกือบเปลือย“แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ความอายก็ เข้ามาเล่นงาน เธอคงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ความคิดในหัวต้องสะดุด เมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา“เป็นไงบ้าง”ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาลลนาก็ถามด้วยความห่วงใย มือบางวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ แต่ตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเพื่อน“ยังปวดหัวนิดหน่อย แต่ปวดเมื่อยตามตัวนี่แหละหนักเลย”เขมจิราตอบแล้วรับแก้วน้ำจากเพื่อนมาดื่ม“ขิม ตกลงแกกับพี่เข้มไปด้วยกันได