ภาคินขับรถมารับกระถินที่ทำงาน จากที่ตั้งว่าจะเอารถไปคืนแล้วกลับเลย แต่กลายเป็นว่าเขาต้องมารับเธอตอนเลิกงานด้วย เพราะมัวแต่โอ้เอ้แวะนั่นนิดนี่หน่อยจนหมดวัน ภาคินไม่เคยกลัวถ้าจะ ไปไหนมาไหนกับกระถิน เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
“แล้วเมื่อเช้าไปทำงานยังไง” หนุ่มใหญ่ตะโกนถามคนที่นั่งซ้อนท้ายแข่งกับเสียงรถมอเตอร์ไซค์เมื่อขับมาตามทาง
“นั่งวินไปจ้ะ” กระถินเลือกที่จะโกหก เพราะไม่อยากให้ภาคิน เป็นห่วง
“ว่าจะให้คนเอามาคืนแต่เช้า พอดีหลับเพลินไปหน่อย” ภาคินตอบกลับ ร่างสูงสะดุ้งเมื่อมือของคนที่นั่งซ้อนท้ายเปลี่ยนจากกำเสื้อเขาไว้หลวม ๆ มากอดรอบเอวเขาแทน เมื่อรถเข้าช่วงโค้งหักศอก เธอคงกลัวตกจึงเผลอกอดเอวเขา
“ลุงจะกินข้าวก่อนไหม กระถินจะได้ซื้อกับข้าวเผื่อ” ถามเมื่อลงจากรถ เธอบอกให้ภาคินแวะตลาดนัดข้างทาง เพราะอยากได้ของสด และผลไม้ไปตุนไว้
“ไม่ละ เดี๋ยวจะกลับเลย” ภาคินตอบกระถิน ตาคู่คมมองไปตามร้านค้า ก่อนจะเดินแยกไปเมื่อเจอของที่ถูกใจ
หนุ่มสาวต่างเดินหาของกินในตลาดนัด กระถินได้กับข้าวและผลไม้ ในขณะที่ภาคินได้แต่กับแกล้ม
“คุณนางแบบไปไหนแล้วล่ะ” ภาคินถามเมื่อไม่เห็นคนที่เขาพามาฝากอยู่ที่นี่
“ลุงรู้เหรอว่าเธอเป็นนางแบบ” กระถินถามเมื่อไขประตูแล้วเดินนำเข้าบ้าน ภาคินเดินตามเข้ามา หนุ่มใหญ่อมยิ้มเมื่อรู้สึกว่าเขากับกระถินทำเหมือนเป็นคนรักกัน
ภาคินไม่ตอบคำถาม ร่างสูงนั่งที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ในขณะที่กระถินเดินเข้าครัว แล้วออกมาพร้อมเบียร์เย็นเฉียบในมือ ภาคินมองหน้าหญิงสาวด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเธอวางขวดเบียร์ลงตรงหน้าเขา อย่าบอกนะว่ามีหนุ่มมากินแล้วเหลือเอาไว้ จะว่าเป็นของกระถินก็ ไม่น่าจะใช่
“กระถินซื้อติดตู้ไว้จ้ะ เผื่อลุงแวะมา” กระถินรีบตอบคำถามเมื่อเห็นคิ้วของภาคินขมวดเข้าหากัน ภาคินไม่พูดอะไร มือแกร่งหยิบเบียร์ไปกระดกใส่ปาก คำตอบของหญิงสาวทำให้หัวใจคนหนุ่มเต้นผิดจังหวะ เธอเตรียมไว้รอเขาจริง ๆ หรือ
กระถินเดินกลับเข้าครัวพร้อมถุงกับแกล้มที่ภาคินซื้อมา ภาคินนั่งจิบเบียร์พร้อมกับเล่นมือถือในมือ จากที่ตั้งใจว่าจะกลับเลยก็ต้องเปลี่ยนใจ ที่นี่ลมเย็นนั่งเล่นสักพักคงไม่เป็นไร
“ลุงอยู่กินข้าวเย็นก่อนนะ กระถินหุงเผื่อแล้ว”
“อืม” ภาคินขานรับ เมื่อเบียร์ขวดที่สองพร่องไปครึ่งขวด เขามัน คอเหล้าขาว เด็กนี่เปิดเบียร์มาให้ ก็ไม่ต่างอะไรกับกินน้ำเปล่า
กระถินลงมือทำกับข้าว เธอรู้ว่าภาคินไม่ชอบกับข้าวที่มีน้ำมัน จึงต้มไข่ ตำน้ำพริกกะปิ ลวกผักที่หาได้ข้างรั้ว แล้วเพิ่มต้มจืดไป อีกอย่าง มีกับข้าวที่เป็นน้ำคนแก่จะได้โล่งคอ มือที่กำลังตำน้ำพริกหยุดชะงัก เมื่อคิดถึงใบหน้าของใครบางคน
‘ถินเอ๊ย ตำน้ำพริกกะปิสักครกสิ คุณหมอกเขาชอบน้ำพริกฝีมือเอ็ง มีน้ำพริกคุณหมอกจะได้ทานข้าวเยอะ ๆ’
ภาพเมื่อหลายปีก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัว ป้านิ่มร้องบอก ในขณะที่เธอกำลังช่วยงานในครัว คุณหมอกชอบน้ำพริกกะปิที่เธอตำ เธอเห็นเขากินข้าวได้เยอะเสมอถ้ามีน้ำพริกกับผักลวก ใบหน้าสวย ยิ้มให้กับตัวเอง เธอคงไม่มีวาสนาตำน้ำพริกให้คุณหมอกกินอีกแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ไม่ได้เฉียดใกล้ไร่สายธาร อีกเลย ถึงจะมีภาคินมากินน้ำพริกฝีมือเธอ แต่ความรู้สึกก็ต่างกัน
“เธอว่าเมียพ่อเลี้ยงเผ่าเพชรมารับคุณนางแบบไปเหรอ” ภาคินถามเมื่อกระถินเล่าเรื่องของผู้หญิงที่เขาพามาให้ฟัง
“ใช่จ้ะ เขาเป็นเพื่อนกับแม่เลี้ยง”
“อ้อ” ภาคินขานรับสั้น ๆ แล้วหันมาสนใจกับข้าวในจานต่อ ไข่ต้มกับน้ำพริกกะปิ นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้กินกับข้าวฝีมือเธอ
ตากลมโตมองคนที่นั่งกินข้าวเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มหวานเมื่อเธอเติมข้าวให้เขาเป็นจานที่สาม
“งานเป็นไงบ้าง” ภาคินชวนคุยเมื่อบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มทำให้เขาอึดอัด เพราะตากลมโตของหญิงสาวคอยแต่จะมองมาที่หน้าเขา
“ดีจ้ะ อุ๊ย!” ร่างบางสะดุ้งเมื่อมือที่กำลังจะหยิบผักลวกชนเข้ากับมือชายหนุ่ม ต่างคนต่างดึงมือกลับ เมื่อดันมาหยิบผักยอดเดียวกัน
“กระถินให้ลุงจ้ะ” กระถินหยิบผักใส่จานข้าวของภาคิน ภาคินมองมือหญิงสาว ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นมันสั่น กระถินคงกำลังเขิน น่าจะใช่เพราะเธอเป็นสาวแล้ว ว่าแต่ปีนี้เธออายุเท่าไรแล้วนะ เขารู้ แต่ว่าส่งเธอไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุได้สิบเก้าปี
ภาคินมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าการ ศึกษาจะเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้ จากเด็กที่เคยเกเร เถียงคำไม่ตกฟาก กลายมาเป็นคนพูดน้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัว และมีมารยาท
ชายหนุ่มใช้จังหวะที่คนตัวเล็กเอาแต่นั่งก้มหน้า มองสำรวจเธอ ตาคมเข้มมองเรื่อยลงไปยังลำคอขาวเนียน เมื่อก่อนเด็กคนนี้ชอบใส่เสื้อยืดคอกว้าง ก้มทีไรเห็นจนถึงสะดือ กางเกงก็สั้นเสมอหู แต่ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วย เสื้อเชิ้ตกับกางเกงกีฬาขายาว
“ลุง... เอาข้าวเพิ่มอีกไหม” เสียงเรียกของหญิงสาวปลุกให้เขารู้ตัว ตาคมเข้มจึงรีบถอนออกจากช่วงคอขาวเนียน
กระถินกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มที่เพิ่งละไปจากช่วงคอของเธอ มือบางยกขึ้นลูบคอไปมา ไม่แน่ใจว่าเธอเผลอทำอะไรเปื้อนหรือเปล่า
“ไม่ละ อิ่มแล้ว” ภาคินตอบเมื่อหันกลับมาสนใจข้าวในจานต่อ เกือบถูกจับได้แล้วไหมล่ะ... ชายหนุ่มคิดในใจ เขาก็ไม่รู้ว่ามองเธอทำไม แต่เมื่อมองแล้วก็ยากที่จะละสายตาออกได้
“เธอยังจำข้อตกลงของเราได้ไหม” ภาคินถามขึ้นอยู่ ๆ เขาก็อยากทวงสัญญาขึ้นมา
เคล้ง!!!
ช้อนในมือร่วงลงพื้น เมื่อเจ้าของมือรู้สึกหมดแรงจนถือเอาไว้ ไม่ไหว ตากลมโตช้อนขึ้นมองหน้าชายหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สั่นยามเมื่อสบตากับเขา
“จำได้จ้ะ” กระถินตอบกลับ ตาคู่สวยมองอยู่ที่อกของเขาเมื่อ ไม่อาจสู้กับสายตาเขาได้
คำพูดที่หลุดออกมาแทบไม่พ้นริมฝีปากอวบ ทำให้มุมปากของคนร่างสูงยกขึ้น กระถินกลั้นใจตอบคำถาม ภาคินรู้ว่าเธอช็อกที่อยู่ ๆ เขาก็พูดเรื่องสัญญาที่เคยตกลงกันไว้ เขาจะปล่อยเธอไว้แบบนี้ไม่ได้ อีกแล้ว เพราะยิ่งนานวันเด็กคนนี้ก็ยิ่งถลำลึก หลายครั้งที่เขาเห็นเธอแอบถ่ายรูปสินธร ครั้งนั้นที่เขาปล่อยเธอไปเพราะอยากให้เธอมีอนาคตที่ดี แต่เมื่อถึงเวลาสัญญาก็ต้องเป็นสัญญา
กระถินมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่อปลงกับโชคชะตา ของตัวเอง ผู้ชายคนนี้คือคนที่ให้ชีวิตใหม่ ให้อนาคต เธอมีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะเขา คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องตอบแทนบุญคุณ
ความเงียบเข้าปกคลุม เมื่อทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ร่างบางจึงลุกขึ้นเก็บจานเดินกลับเข้าครัว
“ลาก่อนนะคะคุณหมอก”
อยู่ ๆ ก็อยากพูดคำนี้ขึ้นมา มันไม่ใช่คำสั่งเสีย เพราะเธอไม่ได้อยากตาย แต่ที่เธอพูดก็เพราะอยากให้สินธรรู้ว่าชีวิตที่เคยเป็นของเธอ ตอนนี้เจ้าของกลับมาทวงคืนแล้ว จะเหลือก็แต่หัวใจเท่านั้นที่มันยังอยู่ เพราะเธอยกให้สินธรไปนานแล้ว
ร่างสูงพลิกตัวลงมานอนแผ่บนที่นอน โดยมีร่างบางตามมา กอดเกยอยู่บนออกกว้าง ภาคินหอบจนซี่โครงบานเมื่อบทรักเร่าร้อน จบลง ตาคู่คมเบิกค้างเมื่อความเหนื่อยเข้าเล่นงาน ปีนี้เขาอายุสี่สิบหกปีแล้ว ภรรยาเขาก็อายุสามสิบแล้ว ถ้าอายุเขาเพิ่มขึ้นแล้วให้ความสุขกับภรรยาได้ไม่เต็มที่ เธอจะยังรักเขาไหม“คิดอะไรอยู่คะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน“เปล่าครับ” ภาคินบอกก่อนจะลูบมือลงไปบนแผ่นหลังบอบบาง “โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะคะ เป็นอะไรคะคิ้วยุ่งเชียว”ปากบางเอ่ยถาม พร้อมกับส่งมือเรียวไปกดคลึงบริเวณหว่างคิ้วของสามี“พี่กำลังคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่ให้ความสุขขิมไม่ได้ ขิมจะยังรักพี่ไหม” คำถามของภาคินทำให้คนที่นอนซบอยู่บนอกหน้ามองเขา ภาคินกำลังคิดอะไรอยู่ “ทำไมถามแบบนี้คะ”“ไม่รู้สิครับ พี่แก่กว่าขิมมาก พี่กลัวว่าถ้าพี่แก่มากกว่านี้ ขิมจะ ไม่รักพี่” ชายหนุ่มสารภาพความรู้สึกในใจให้เธอรับรู้“อะไรทำให้พี่คิดแบบนี้คะ”“ไม่รู้ครับ พี่พยายามจะไม่คิด แต่ก็อดไม่ได้”“พี่เข้มฟังขิมนะคะ ขิมรักเพราะพี่เข้มคือพี่เข้ม ไม่ว่าอนาคต จะเป็นยังไง ต่อให้พี่แก่กว่านี้ ขิมก็รัก ขิมจะไม่มีวันทิ้งพี่...
ทุกคนต่างก็มีความสุขที่เรื่องราวลงเอยได้ดี กระถินได้ปลดความรู้สึกผิดทั้งหมดออกจากใจ ภัทรทิราก็ได้เปิดใจ และอภัยให้เธอ สินธรเองก็ดีใจที่สุด ที่ภรรยาไม่ถือโทษโกรธกระถินแล้ว ถึงแม้เธอจะให้อภัยช้าไป จนเรื่องราวทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้ก็เถอะ“ถ้าวิวให้อภัยกระถินก่อนหน้านี้ เมียมึงจะชื่อกระถินไหมวะ”สินธรตัดสินใจถามเมื่ออยู่กันตามลำพัง คำถามของเขาทำให้ภาคินอมยิ้ม เมื่อสินธรยังไม่ยอมจบเรื่องนี้“ถามแบบนี้ต้องการอะไรครับ” ภาคินถามกลับ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“แค่อยากรู้ว่ามึงรักกระถินหรือเปล่า”“ไม่ว่าคุณวิวจะให้อภัยกระถินตอนไหน เมียผมก็ชื่อขิมครับ”ตอบก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ใบหน้า หล่อเหลาอมยิ้มเมื่อคิดถึงหน้าแม่ของลูก สินธรมองหน้าภาคินเพื่อ รอให้ภาคินอธิบายต่อ เขาอยู่กับภาคินมาตั้งแต่เด็ก และเชื่อความคิดตัวเองมาตลอดว่าภาคินรักกระถิน“ผมรักขิม รักมากที่สุด พอใจยังครับ”“กูรู้ว่ามึงโกหก มึงรักกระถิน” สินธรยังไม่ยอมแพ้ ยังต้อนภาคินต่อไป“หัวใจผมมีแค่ดวงเดียว และรักผู้หญิงแค่คนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นกับกระถินมันคือความสงสาร ผมสงสารเด็กก็แค่นั้น”“แล้วมึงไปรักขิมตอนไ
ภาคินบอกกับลูกน้อยที่เป็นทั้งพยานรักและโซ่ทองคล้องใจ ปิยะพาเมียกับลูกมา ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นคือกระถิน เพราะยังไม่เห็นกับตาและไม่ได้ถามพูลศักดิ์ ที่เขายิ้มก็เพราะว่าถ้าเป็นกระถินจริง ๆ เขาจะได้หมดห่วงที่ส่งเธอไปจนสุดทาง ถ้าเป็นกระถินจริง เธอก็ไม่ได้มาตัวเปล่ามีสามีกับลูกมาด้วย พูลศักดิ์เห็นท่าไม่ดีจึงชิ่งหนี อยากให้ผัวเมียคุยกันตามลำพัง“ขิมก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี เหมือนขิมแย่งพี่มาจากเธอยังไงก็ไม่รู้”“อย่าคิดมากสิครับ พี่รักขิม นี่ต่างหากคือคำตอบ ไม่มีใครแย่งพี่ได้ ถ้าพี่ไม่ได้รัก พี่รักขิมครับ ได้ยินชัดไหมว่าพี่รักขิม ไปบ้านใหญ่กับพี่นะครับ ไปแสดงความยินดีกับปิยะ”“ไหนว่ากระถินไม่กล้าเข้ามาที่นี่ เพราะพี่วิวไม่ชอบเธอไงคะ”“เวลาเปลี่ยนอะไร ๆ ก็เปลี่ยน กระถินคงมีเหตุผล คุณวิวก็เช่นกัน ไปกันเถอะ”“เอาเจ้าแฝดฝากแม่ไว้ก่อนไหม”“เอาไปด้วย พี่อยากอวด”“เห่อลูก มาค่ะ ส่งมาให้ขิมคนหนึ่ง” ร่างบางขยับมาใกล้ ๆ สามี เอื้อมมือมาช่วยอุ้มลูก แล้วเดินเคียงคู่ไปกับเขา เธอก็อยากรู้ว่าภรรยาของปิยะจะใช่กระถินหรือไม่ภาพในห้องรับแขกทำให้ภาคินรู้คำตอบ เมื่อเห็นปิยะกับกระถินนั่งอยู่บนพื้น ในอ้อมแขนของปิยะมีเ
เขมจิราออดอ้อน ร่างบางขยับเข้าไปจนชิดสามีก่อนจะถูไถใบหน้าไปกับแขนล่ำ ๆ ของภาคิน ส่งลูกใส่แขนอีกข้างของภาคินก่อนจะสอดแขนเข้าไปโอบเอวหนาแล้วซุกหน้าลงกับอกกว้าง สูดดมกลิ่นตัวสามีเข้าเต็มปอด พรมจูบไปทั่วแผงอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมา“ขิมทำอะไรเนี่ย อายลูกเห็นไหม” ภาคินเอ่ยดุเมื่อเมียเขาเริ่มซุกซนไปเรื่อย เดี๋ยวใครมาเห็นจะเอาหน้าไปไว้ไหน เขาไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะอายุจะห้าสิบแล้ว“ขิมรักพี่เข้ม... ขิมรักพี่เข้มนะคะ” ปากบางพร่ำบอก จมูกเล็ก ได้รูปยังทำงานไปเรื่อย ใบหน้าภาคินเห่อร้อนจนลามไปถึงใบหูเมื่อ ลูกแมวยักยังอ้อนเขาไม่หยุด เลือดลมเริ่มเดินติดขัด อะไร ๆ ที่หลับอยู่เริ่มคึกคัก ว่าแต่เจ้าแฝดมันได้กี่เดือนแล้วนะ เขาส่งการเมียได้ยังหว่า ความคิดของภาคินต้องสะดุดเมื่อคนที่กอดเขาอุทานขึ้นมาสุดเสียง“โอ๊ย!” เขมจิราร้องอย่างตกใจเมื่อรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ “ผมขิมค่ะ ผมขิม เจ้าแฝดดึงผมขิม” ร่างบางกรีดร้องเมื่อลูกแฝดที่อยู่บนตักพ่อช่วยกันดึงผมเธออย่างสนุกสนาน ภาคินหัวเราะลั่น อารมณ์ที่เตลิดเพราะถูกยายตัวเล็กก่อกวน เปลี่ยนมาเป็นเอ็นดูเมื่อเห็นมือน้อย ๆ กลมป้อมช่วยกันดึงผมแม่ เจ้าคินแค่ดึงเล่น ส่วนเจ้
ภาคินกับสินธรยังพูดจาหยอกล้อเจ้าแฝดอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยหัวเท่ากำปั้นทำไมเก่งขนาดนี้ รู้จักส่งเสียงตอบโต้และหัวเราะตามเมื่อสินธรล้อ ไม่นานเขมจิราก็ขับรถเข้ามาจอดในโรงรถหน้าบ้าน ที่ภาคินต่อเพิ่มเติม เนื่องจากที่จอดในบ้านใหญ่ไม่พอ เพราะเมียเขาขนรถมาจากกรุงเทพฯ อีกหลายคัน แต่ละคันราคาหลักล้านทั้งนั้น ภาคินยังสงสัยไม่หายว่าทำไมเมียเขาต้องมีรถหลายคัน ขับก็ขับคนเดียว ขนซื้อเข้าไป ไม่รู้ว่าจะขับครบทุกคันหรือเปล่า เพราะเวลาไปไหนเธอก็ขับแต่กระบะของเขา“มากันแล้ว ได้อะไรมาบ้างแม่” ภาคินร้องถาม เมื่อป้านิ่มหอบของลงมาจากรถ“ของเจ้าแฝดทั้งนั้น สมัยนี้เสื้อผ้าของใช้เด็กมันเยอะ เลยเลือกนานไปหน่อย” ป้านิ่มบอก ก่อนจะเดินมาหอมหน้าผากหลานแฝด คนละฟอด“มีของหมอกไหมครับ” สินธรอ้อนเมื่อยกหลานขึ้น ป้านิ่มจะได้หอมได้ถนัด“มีแต่ของคุณหนู ๆ ค่ะ คุณหมอกโตแล้วไปซื้อเอาเอง”“หมาหัวเน่าหน้าเป็นแบบนี้นี่เอง” ภาคินแซวเมื่อเห็นสินธรทำท่าคอตก“มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก” สินธรย้อน“ไงคะสองหนุ่ม กวนคุณพ่อกับอาหมอกหรือเปล่า”เสียงหวานใสร้องทักมาก่อนตัวเมื่อเขมจิราลงจากรถ ยกของไปไว้ในบ้านจนหมด แล้วเดินกลับมาหาล
สองปีต่อมา“อุแว้ ๆ ๆ”“แง้ ๆ ๆ”“อุแว้ ๆ”“แง้ ๆ”เสียงเด็กน้อยร้องประสานเสียงที่ดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้คนที่กำลังอุ่นนมอยู่ในครัวสะดุ้งโหยง มือแกร่งยกขึ้นกุมหัว เมื่อลูกแฝด ของเขาร้องแข่งกันอีกแล้ว งานที่ทำในมือถูกเร่งให้เร็วขึ้น คว่ำขวดนมที่ล้างเสร็จใส่กระจาด ก่อนจะเปิดเครื่องอุ่นนม หยิบถุงซิปเก็บน้ำนมแม่ ที่อุ่นได้ที่มาเทใส่ขวดนมขนาดสี่ออนซ์สองใบ แล้วรีบเดินไปหาหนูน้อยที่แผดเสียงแข่งกันจนดังไปทั้งบ้าน เขมจิราพาแม่นิ่มเข้าเมือง จึงฝากลูกแฝดไว้กับแม่เลี้ยงที่ บ้านใหญ่ ภาคินกลับมาจากไร่จึงไปรับลูกมาเลี้ยงเอง “มาแล้ว ๆ ใครงอแงเอ่ย พี่คินหรือเปล่า พี่คินไม่น่ารักหรือเปล่า”เสียงหยอกล้อลูกที่ดังมาก่อนตัว ไม่ได้มีผลกับเด็กน้อยในเปลเลยสักนิด เมื่อเด็กน้อยทั้งสองยังคงแข่งกันส่งเสียงร้องเหมือนเดิม เขาว่าเด็กแฝดมักจะทำอะไรเหมือน ๆ กัน เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งร้องอีกคนก็จะร้องตาม“อุ้มใครดีล่ะ” คนเป็นพ่อยืนคิดอยู่ข้างเปล เมื่อไม่รู้ว่าจะอุ้มลูกคนไหนก่อนดี “พ่ออุ้มน้องเขมนะครับ พี่คินเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง” พูดกับลูกก่อนจะจับขวดนมใส่ปากแฝดพี่ แล้วอุ้มแฝ