แชร์

บทที่ 5 ร้องไห้

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-13 02:38:16

เขาวางนางลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะตัวเล็กกลางห้อง ตัวเดียวกับเมื่อตอนบ่าย เดินไปหยิบขวดยาหลังบ้านเช่นเดิม และมานั่งใส่ยาให้นางเช่นเดิม ไม่ยอมพูดกับนาง หมิงอันได้แต่นั่งนิ่งๆยื่นมือให้เขาใส่ยาให้ ใส่ยาเสร็จก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อมาคลุมให้นาง

“ข้าไปส่ง” เขาพูดออกมาในที่สุด

“ข้าไม่กลับ”

“เจ้าโง่หรือไร” เขาหันมาดุนาง

“ข้าไม่กลับ หากเจ้าไปส่งข้า ข้าจะปีนกลับขึ้นมาอีกครั้ง จะตามติดเจ้าจนกว่าเจ้าจะหยุดไล่ข้า” หมิงอันตอบอย่างแน่วแน่

เยว่สือเห็นแววตาของนางที่บอกเขาว่านางเอาจริง เขาโกรธมากเพียงใดก็ได้แต่กระแทกตัวเองนั่งลง

“เจ้าจะทำเช่นไร อยู่กับข้าเช่นนี้ไปจนกว่าข้าจะตายหรือ” เขาตัดสินใจพูดเรื่องที่เขากลัวในที่สุด

“ข้าจะอยู่กับเจ้า ตายพร้อมเจ้า” หมิงอันพูด

“เพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เจ้าพูดคำพล่อยๆเช่นตอนบ่าย!” เขาถามโกรธๆ น้ำเสียงเริ่มสั่นเล้กน้อย

“ไม่ใช่ ข้ารักเจ้ามานาน นานมากแล้ว เจ้าน่าจะรู้ แต่ข้ายอมรับว่าความจริงเรื่องเจ้าจะตายทำให้ข้ากล้าหาญมากพอจะพูดความในใจ เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไว้ ข้าไม่บอกรักเจ้าเพราะทุกครั้งที่เราพบกัน เจ้าทำหน้าตาคล้ายว่าไม่อยากอยู่ใกล้ข้า ข้าแค่ไม่ต้องการให้เจ้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 6 เป็นปีศาจ

    เยว่สือค่อยๆใช้มือชันลุกออก แต่ก็ขยับออกเล็กน้อย และดึงหมิงอันขึ้นมานอนกอดกันบนเตียง “เจ้ารู้ได้อย่างไร” เขาถาม“ข้าแอบตามเจ้าไป และได้ยินท่านหมอพูด” นางอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง แต่ยามนี้เขาตัดสินใจจะโยนทุกอย่างทิ้ง ไม่สนใจจะดุด่านางอีก ในเมื่อนางโง่เขลาเช่นนี้ เขาตีตัวออกห่างอยู่หลายปีก็ไม่เป็นผล ตอนนี้เขาตั้งใจจะคว้านางไว้ แม้ในใจจะหวาดกลัวและเสียใจที่ไม่กล้าหาญมากพอจะคว้านางมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ไม่สายเกินไป “เจ้า..ไม่รังเกียจข้าหรือ?” เขาถามเสียงเบา“ข้ารักเจ้า” หมิงอันยังคงหนักแน่น “ข้า..น่ารังเกี..!” หมิงอันรีบยกมือปิดปากเขา“เจ้างดงาม ไม่มีที่ใดเปื้อนมลทิน เจ้ายังคงเป็นเจ้า และข้ารักเจ้า รักทั้งหมดที่เป็นเจ้า” นางพูดท่ามกลางแสงตะเกียงสลัวที่ใกล้มอด เยว่สือมองตาที่สาดประกายเจิดจ้าของหมิงอัน เขาตื้นตันในอกจนหายใจไม่สะดวก ได้แต่ดึงหญิงสาวที่กล้าหาญตรงหน้ามากอด ภาวนาให้ตัวเองมีเวลามากขึ้น“ไม่เสียใจแน่ใช่หรือไม่?” เขาเสียงสั่นจะร้องไห้อีกครั้งหมิงอันส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เสียใจ....และทั้งสองก็เงียบไปครู่หนึ่ง“ท่านแม่ของเจ้าล่ะ เจ้าบอกนางหรือยัง?”“นาง....นาง..ตายแล้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 7 หอมแก้ม

    “ข้าต้องการเจ้า อยากเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า แต่ข้ากลับทำไม่ได้ ถึงแม้ข้าจะรู้ตัวดีว่าใกล้ตาย แต่ข้าก็ยังเห็นแก่ตัว กอดกกเจ้าเอาไว้ทั้งคืน ข้ารู้ดีว่าต่อไปเจ้าจะต้องถูกผู้คนดูแคลน แต่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ อยากกอดเจ้าไว้ในอ้อมแขน เจ้าก็โง่เขลานัก ไม่รู้จริงหรือว่าข้าเป็นสามีของเจ้าไม่ได้ ไม่รู้หรือข้าเป็นตัวประหลาดในสายตาผู้คน ต่อให้ข้ารักเจ้าแทบสิ้นใจ ในภพนี้ข้าก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวชิงตัวเจ้ามาครอบครอง ต่อให้ข้าบังอาจอาจหาญชิงตัวเจ้ามา ข้าก็ไม่สามารถครอบครองเจ้าได้ ข้ามันโง่นัก รู้ทั้งรู้ว่าตัวข้าจะต้องตาย แต่ก็ยังดึงให้เจ้ามาแปดเปื้อน ข้ามันสารเลว ที่ไม่รู้จักเจียมตัว เป็นเพียงมดแดง แต่อาจหาญจะขย่มไม้ใหญ่” เยว่สือตะโกนด่าทอตัวเองและโชคชะตาสำหรับหมิงอันตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดยาวเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอารมณ์ออกมาอย่างไม่ต้องพยายามเก็บเอาไว้ นางรับรู้ถึงความโกรธเคืองของเขา รับรู้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาไม่อาจครอบครองนาง ในที่สุดนางก็ได้รู้ว่าเขาก็รักนาง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะเขาถูกบีบจึงไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาพูดว่ารักนาง “อื้ม ข้าก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ไม่คู่ควร

    หมิงอันวิ่งไปควานหาเชิงเทียนและชุดไฟ เป่าจุดเทียนให้ความสว่างในห้อง นางใช้เวลาไม่นานเพราะนางถือว่าคุ้นเคยกับหอเรือนไผ่มาก พอจะจำได้ว่าของสิ่งใดเก็บไว้ที่ใด ต่อมาในห้องมืดก็สว่างขึ้น เยว่สือหันหลังให้นาง ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดริมฝีปาก เขาพยายามถอดเสื้อตัวนอกออกและโยนทิ้งบนพื้นเพื่อปกปิดกองเลือดที่เขาเพิ่งจะอวกออกมา แต่หมิงอันเห็นกองเลือดนั่นแล้ว “ไม่ต้องกลัว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เจ้าคิด” เขายังมีแก่ใจเป็นห่วงว่านางจะกลัว เขารู้ดีว่านางหวาดกลัวเลือดมากเพียงใด หลายปีก่อนตอนที่มีคนตามล่าเขาและนางบังเอิญอยู่กับเขาพอดี เขาทิ่มแทงกระบี่ทะลุคอของอริ เขานิ่งสงบ นางกลับหวาดกลัวไม่ยอมออกจากห้องนอนหลายวัน เพียงแต่ยามนี้แม้นางจะหวาดกลัวมาก ในใจของหมิงอัน นางกลับเป็นห่วงเขามากกว่า “เจ้าโง่ไปแล้วหรือ?!!!!” นางตะคอกใส่เขาหมิงอันวิ่งไปกอดเขาไว้จากด้านหลัง น้ำตาไหลริน“เจ็บหรือไม่ ข้าไม่ดีเอง ปกติข้ากินเยอะไป ตัวข้าจึงหนักมาก เมื่อครู่เจ้าต้องมาอุ้มข้า ทำให้พิษกระจาย ข้าขอโทษ” นางร้องไห้ขอโทษ“ไม่ใช่เจ้า” เยว่สือตอบสั้นๆเขารู้ดีว่าพิษจะกระจายต้องขับพลังภายใน เพียงอุ้มนางสองสามครั้ง ไม่ทำให้เขาบา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 ชื่นชม (จบ)

    “หยุด เจ้าจะไปไหน มานั่ง ต้องเช็ดผมก่อน” นางบังคับเยว่สือแม้สีหน้าจะนิ่งเฉย แต่แววตาเป็นประกาย เขาค่อยๆนั่งลง นั่งหันหลังปล่อยให้นางหาผ้าแห้งมาเช็ดผมของเขา ในความฝันของเขา ในอีกชีวิตหนึ่ง หรือภพอื่น เขาเฝ้าฝันว่าเขาไม่ต้องเป็นตัวประหลาด ไม่ถูกย่ำยี เขาได้เรียนวิชาดาบตัดวายุของสำนักตวนอู่ เขาได้แต่งงานกับอันอันผู้เป็นที่รักของเขา ได้ใช้ชีวิตปกติ ยามค่ำคืนหลังมื้ออาหาร หลังจากอาบน้ำ นางจะเช็ดผมให้เขาเช่นนี้ และเอ่ยชื่นชมผมสลวยของเขาอย่างหลงใหลโง่งม“ผมของเจ้า งดงามราวกับเส้นไหมเลย ข้าชอบมากเวลาได้สัมผัส” หมิงอันพูดขึ้น“หึ..” เขายิ้มขำอย่างลืมตัวเขานึกอยู่แล้วว่านางต้องพูดคำชื่นชมโง่ๆเช่นนี้ แต่หมิงอันกลับตกใจกับเสียงหัวเราะของเขา รีบจับไหล่เขาบังคับให้เขาหันมาเผชิญหน้า“เมื่อครู่..เจ้าหัวเราะเยาะข้าหรือ?” นางถามเขายื่นสองมือไปจับสองแก้มนุ่มของนาง ดึงหมิงอันลงมาจูบ คราแรกหมิงอันตกใจเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ แม้เขาจะล้างปากไปแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดยังคงฟุ้งในปาก หมิงอันไม่อยากใส่ใจ ยกสองมือคล้องคอเขาไว้ ทิ้งตัวนั่งบนตักของเขา ปล่อยให้เขากลืนกินริมฝีปากของตัวเองเยว่สือรู้ว่าไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   นิยายเรื่อง ย้อนเวลากลับไปเพื่อพบว่าสามีรักข้ามากเพียงใด

    #เกิดใหม่ #จีนโบราณ #ครอบครัว #ย้อนเวลา #ย้อนยุค #นิยายจีน #พระเอกคลั่งรัก #โรแมนติก #ย้อนอดีต #พระเอกเก่ง #นิยายจีนโบราณ #ต่อสู้ #อบอุ่นหัวใจ #แก้ไขอดีต #ชีวิตใหม่ข้อมูลเบื้องต้นนางใช้ชีวิตจนอายุแปดสิบปี เมื่อตายลงกลับพบว่าสามีที่นอกใจและตายไปก่อนกำลังรอนางที่สะพานข้ามสู่ปรภพ นางจะยอมรับได้อย่างไร แต่เมื่อวิ่งหนีก็ดันกลับมายังร่างตัวเองเมื่อยังอายุน้อยเสียได้*********ใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดชัดเจน มีเพียงแววตาน่ารักที่มองนางไม่กะพริบ ราวกับถูกตรึงอยู่กับบางสิ่ง แต่ลึกลงไป นางเห็นความเจ็บปวดที่ไหลผ่าน ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่นางไม่อาจเข้าใจ เขาไม่ตอบ ยืนเงียบงันเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นจากที่ใด"เจ้าไม่คิดจะพูดอะไรเลยหรือ" นางถามอีกครั้ง เสียงเริ่มสั่นเครือ เพราะไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร นางต้องการความจริง"อย่ายุ่งกับข้าอีก" คำพูดนั้นสั้น แต่รุนแรงพอที่จะทำให้นางเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก พูดคำที่เหมือนดาบปักลงกลางอกของไป๋อวิ๋นเหยา อีกครั้งที่เขาพูดว่าไม่ต้องการนางแล้ว"ชอบนางมากหรือ.." ไป๋อวิ๋นเหยาพยายามรักษาท่าที ถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะเก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาเขาไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 1 ชีวิตแสนสุข

    ไป๋อวิ๋นเหยา เป็นหญิงสาวที่เกิดในครอบครัวขุนนางในเมืองหลวง บิดาของนาง ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นผู้มีปัญญาและความสามารถ แม้จะไม่มีอำนาจมากนัก แต่ก็ทำให้ครอบครัวของนางมีเกียรติและฐานะในสังคม ได้รับการยกย่องจากผู้คนนางเป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดมาจากมารดาผู้มีความงามและความสมบูรณ์พร้อม มีพี่น้องหญิงห้าคน ทุกคนล้วนเป็นหญิงงามที่มีบุคลิกต่างกันไป ทุกคนล้วนได้รับการยกย่องจากภายนอกว่าเป็นสตรีดีงาม จวนไป๋ไม่เคยขาดแขกเหรื่อและแม่สื่อมาเยือนแม้สักวันแต่เพราะไป๋เหวินหยางไร้วาสนามีบุตรชาย เขาจึงส่งเสริมให้บุตรสาวคนโตอย่าง ไป๋อวิ๋นเหยา ก้าวขึ้นมาเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลการงานในจวน บางครั้งก็ต้องทำหน้าที่แทนบิดา นางจึงเติบโตท่ามกลางภาระหนักหน่วงตั้งแต่ยังเด็ก ความรับผิดชอบที่มากมายทำให้นางกลายเป็นหญิงสาวที่เย็นชา เข้มงวดและห่างเหิน ไป๋อวิ๋นเหยาไม่เคยได้สัมผัสช่วงเวลาหอมหวานของฤดูวสันต์จากใคร บุรุษในเมืองหลวงต่างเคารพนางในฐานะที่เป็นผู้มีความรู้และความสามารถ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้นาง ไม่ใช่เพราะนางหยิ่งทะนงหรือไร้ความงามของสตรี แต่เป็นเพราะความฉลาดที่เต็มเปี่ยมและท่าทางเย็นชาอย่างไร้ที่ติของนาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 2 ผู้ช่วยชีวิต

    ท่ามกลางฝูงวิญญาณมากมายที่ล่องลอยอยู่รอบตัวของเขา เฉินซูเหยาหันมามองสบตากับป๋อวิ๋นเหยา เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มนั้นอบอุ่นเต็มไปด้วยความคิดถึง ราวกับช่วงเวลาหักหลังทั้งหมดที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีอยู่จริง ความรักที่เขามีให้นางไม่เคยจางหายไปแม้แต่น้อย ไป๋อวิ๋นเหยารู้สึกเหมือนหัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วกำลังบีบร้าวจากข้างใน ร่างที่แก่ชราของนางไม่อาจรับแรงกระแทกจากความรู้สึกที่ท่วมท้นใกล้จะหักร้าวไปเสียทุกขณะ ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ล้นทะลักออกมา นางมองไปที่เฉินซูเหยา ทุกอย่างราวกับย้อนเวลาไปยังวันวานที่ทั้งสองคนเคยอยู่ด้วยกัน ความรักและความคิดถึงที่ไม่เคยลืมเลือน นางรับไม่ได้!ในทันใดนั้น ไป๋อวิ๋นเหยาก็หันหลังและวิ่งหนีสุดฝีเท้า ในความมืดที่เต็มไปด้วยเสียงวิญญาณซึ่งกำลังล่องลอยและกรีดร้อง นางวิ่งโดยไม่กล้าหันไปมองสายตาเจ็บปวดของเขานางไม่สามารถรับความจริงนี้ได้ ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้อีกแล้วหลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดและความโกรธในใจล้วนแต่ผลักดันให้นางอยากหนีไปจากเขา “สารเลวนั่น เหตุใดจึงรอข้า!!” หญิงชราก่นด่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงรอนางที่สะพานไน่เหอ[1] ทั้งที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 3 ความฝันหรือความจริง

    ในค่ำคืนที่แสนสับสนเหน็ดเหนื่อย ความฝันเกาะกุมจิตใจของไป๋อวิ๋นเหยา นางนอนหลับอย่างกระสับกระส่าย ท่ามกลางความมืด เสียงลมหายใจของนางหนักหน่วงราวกับกำลังวิ่งหนีสิ่งที่มองไม่เห็น ภาพความฝันเริ่มต้นด้วยสะพานไน่เหอ เฉินซูเหยาในชุดฟ้าสดใสยังยืนอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มของเขาส่งมาถึงนาง ทว่าภาพค่อยๆ บิดเบี้ยว และกลับกลายเป็นงานแต่งงานในวัยเยาว์ นางเห็นตัวเองในชุดเจ้าสาวงดงาม แต่ภาพกลับสลับกับงานแต่งขององค์หญิงหว่านหนิงในชุดหรูหรา ชายหนุ่มในทั้งสองภาพคือคนเดียวกัน เฉินซูเหยา ใบหน้าอ่อนโยนของเขา มองนางในวันแต่งงาน ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยสายตาหลงใหลที่เขามอบให้องค์หญิง ภาพในความฝันเคลื่อนเร็วขึ้น ราวกับกาลเวลาบิดหมุน นางเห็นตัวเองค่อยๆ แก่ตัวลง ทุกริ้วรอยบนใบหน้าเป็นดั่งร่องรอยแห่งความเจ็บปวด ขณะที่เฉินซูเหยายังคงเป็นชายหนุ่มรูปงาม น่ารัก ยิ้มแย้มไม่เปลี่ยนไปเลย เสียงหัวเราะขององค์หญิงหว่านหนิงดังขึ้นแทรกกลางฝัน ความฝันพานางกลับไปยังคืนหนึ่งที่ไม่มีวันลืม.. เวลานั้นดึกมากแล้ว แต่ไป๋อวิ๋นเหยาได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากเรือนนอนขององค์หญิง นางลังเลแต่ความรู้สึกบางอย่างผลักดันให้นางเดินไป มือของนางสั่นเมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13

บทล่าสุด

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status