Mag-log inหลังจากหมอกฤษณ์อธิบายเรื่องอาการของฝนเสร็จ เขาก็อาสาจะไปส่งฝนเองที่บ้าน แต่เอกก็กล่าวขึ้นว่า "ไม่รบกวนคุณหมอดีกว่าครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเวลางานกับผมด้วย ผมควรต้องรับผิดชอบ อีกอย่างก็ต้องกลับทางเดียวกันอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เช่าบ้าอานพอยู่"
หมอกฤษณ์ยิ้มบาง ๆ "อ้าว นี่คุณเช่าบ้านตรงสวนพอดีเลยเหรอครับ?" "ใช่ครับ" เอกตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ "แปลกจัง ปกติฝนหวงบ้านหลังนั้นมาก ทำไมคุณอาถึงยอมให้คุณมาเช่า คุณน่าจะมีของดีนะ" หมอกฤษณ์หัวเราะเบา ๆ อย่างมีนัยยะ เอกยิ้มและหัวเราะตาม "เปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกถูกชะตาคุยกันถูกคอตั้งแต่เจอกัน พอดีผมย้ายมาทำงานที่ต่างจังหวัดด้วย" "อ๋อ... งั้นฝากด้วยนะครับ แล้วก็หลังจากนี้ก็รบกวนช่วยพาเธอมาฉีดยาให้ครบตามจำนวนเข็มด้วยนะครับ" หมอกฤษณ์มองหน้าเอกอย่างขอร้อง ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน ฝนก็เดินเซไปเซมาอย่างงุนงงเข้ามาหา เอกรีบเข้าไปประคองตัวเธออย่างอ่อนโยน "รถจอดตรงไหนครับ ไกลไหม?"หมอกฤษร์ถาม "อ๋อ ไม่ไกลครับ อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง" เอกตอบด้วยความเป็นห่วง"เอารถเข็นไหมฝน?"หมอกฤษณ์หันไม่ถามฝน
"ไม่เป็นไรค่ะพี่หมอ ฝนเดินไปได้" เธอปฏิเสธอย่างเขินอาย เอกคว้าแขนฝนแล้วค่อย ๆ พยุงเดินไปอย่างระมัดระวัง หมอกฤษณ์มองตามด้วยสายตาห่วงใยแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขายังไม่หมดเวร เอกขับรถออกมาจากโรงพยาบาลในตอนพลบค่ำ บรรยากาศในรถเงียบผิดปกติ จากที่เคยมีเสียงเจื้อยแจ้วของฝน ตอนนี้กลับเงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ เอกเหลือบมองเธอข้าง ๆ เธอหลับตาพริ้มไม่รู้ว่าเพราะความกลัวหรือฤทธิ์ยา แต่เธอก็หลับไปตั้งแต่ขึ้นรถ เขาจอดรถข้างทาง หยิบเสื้อแจ็กเกตมาห่มให้เธออย่างเบามือ แล้วปรับเบาะที่นั่งให้เอนลงเล็กน้อย ในจังหวะที่เอื้อมตัวไปปรับเบาะ ใบหน้าของเขากับเธอชิดกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ เอกมองใบหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวที่หลับอยู่ และเผลอคิดอะไรที่ไม่ควรคิด เขาจ้องมองไปที่ริมฝีปากบางอมชมพูของเธอแล้วเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขารีบผละตัวออกเพราะกลัวว่าทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านี้ เขานั่งตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขับรถออกไป "ถึงบ้านแล้วครับ แต่ถึงบ้านพักพี่นะ ฝนยังไม่ตื่น" เอกคิดว่าไม่ควรไปส่งเธอที่บ้านในสภาพนี้ "วันนี้เอารถจอดไว้นี่แหละ เดี๋ยวพี่ขับไปส่งนะ" "ได้ค่ะ แต่ฝนขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?" เธองัวเงียลืมตาขึ้น "ได้ครับ" เอกตอบด้วยความเป็นห่วง "ปวดแผลไหม? ทั้งรอยฉีดและรอยหมากัด กินยาก่อนนะแล้วค่อยกลับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ฝนไม่ตอบ เธอลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยเพื่อทำธุระส่วนตัว ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็รู้สึกหน้ามืดอีกครั้ง ร่างกายอ่อนแรงลงไปกองกับพื้น เอกที่ยังคงรออยู่ได้ยินเสียงดังจึงรีบวิ่งเข้าไป ก็พบร่างเล็กของหญิงสาวหมดสติอยู่บนพื้น เขารีบช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มไปวางบนเตียงนอน เพราะเกรงว่าถ้าวางบนโซฟา เธออาจจะตกลงมาได้ ในขณะที่วางร่างบางลงบนเตียง ภาพของเธอที่ไม่ได้สติทำให้อาการของเธอดูขัดแย้งกับภาพที่เขาเคยเห็นทุกครั้งที่ผ่านมา "เด็กคนนี้ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่แสดงออกเลยเหรอ ทำไมจิตใจถึงอ่อนแอขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" เอกสงสัย เขานั่งลงข้างเตียง หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการของฝน และพบว่าเป็นโรคกลัวอย่างที่หมอบอก โชคดีที่มันไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจจะอยู่ติดตัวไปตลอดชีวิต เอกสะดุดกับความคิดและคำพูดของหมอกฤษณ์ที่บอกว่า "มาเป็นหมอก็เพราะฝน" "หรือว่าเขาห่วงน้องสาวถึงขนาดนั้นเลยเหรอ หรือยังไงกันแน่" เขาคิดในใจ ใจอยากจะถาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เขาจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้กับตัวเองเงียบ ๆเมื่อความลับถูกเปิดเผย
นพพล พ่อของฝน วิ่งเข้ามาหาเอกด้วยความเป็นห่วง "เป็นไงเอก น้องเป็นอะไร?" "ผมต้องขอโทษคุณอาด้วยนะครับ ที่ดูแลฝนไม่ดี... พอดีเธอโดนหมากัด" เอกอ้อมแอ้มตอบ นพพลมองดูขาของลูกสาวแล้วถอนหายใจเบาๆ "คงไม่เป็นอะไรมากหรอก... เด็กคนนี้เป็นแบบนี้แหละ ชอบเล่นกับหมาไปทั่ว บอกหลายครั้งแล้วว่าให้ระวัง" เขาก้มลงสำรวจอาการลูกสาวอีกครั้ง "แต่ทำไมถึงหมดสติล่ะ? เขาหลับไปเฉยๆ เหรอ?" เอกมีท่าทีอึดอัด "คือ... ผมก็ไม่อยากถามหรอกครับ แต่ไหนๆ ก็รู้เรื่องแล้วว่าฝนมีอาการเป็นโรคกลัวแบบนี้ บังเอิญว่าผมเห็นเหตุการณ์แล้วเลี่ยงไม่ได้ คุณหมอที่เป็นหลานคุณอาเลยต้องบอกผม แต่ผมรับปากแล้วว่าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องครับ" นพพลถอนหายใจยาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงปลงตก "รู้แล้วสินะเรื่องนี้... ก็ตามนั้นแหละ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปแล้วกัน สงสารเจ้าตัวเขา ยิ่งฟอร์มจัด ฟอร์มเยอะอยู่ เก่งไปซะทุกเรื่อง กลัวคนรู้ว่ามีปมด้อย... เขาไม่อยากให้ใครเห็นด้านอ่อนแอของตัวเอง" น้ำเสียงของคนเป็นพ่อเจือไปด้วยความปวดร้าว "แค่ตอนเด็กๆ เพื่อนล้อว่าไม่มีแม่เขาก็เสียใจมากพอแล้ว คงไม่อยากให้มีใครมาล้อเรื่องร่างกายตัวเองอีก" เอกมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เข้าใจความคิดของฝน "ผมว่ามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกนะครับ" นพพลส่ายหน้า "ก็จริง... แต่สำหรับลูกสาวอา เขาเป็นแบบนั้น เขาไม่อยากให้ใครรู้จุดบกพร่องของตัวเอง กลัวว่าคนที่รู้จะใช้จุดอ่อนนั้นมาทำร้ายเขา" นพพลหันมาสบตาเอก "ยังไงอาก็ฝากด้วยแล้วกันนะ พยายามเก็บไว้เป็นความลับ เขาไม่อยากให้รู้ก็ทำเป็นไม่รู้ต่อไป" "ครับ" เอกรับคำอย่างเข้าใจ "ครับคุณอา แล้วพี่ชายที่เป็นหมอ เขารู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกเลยเหรอครับ?" "รู้สิ... รู้มาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว" "อ๋อครับ... เขาก็ฝากกำชับผมไว้เหมือนกันว่าให้ทำเป็นไม่รู้" เอกยิ้ม "ฝนคงจะสนิทกับพี่ชายคนนี้มากเลยนะครับ" นพพลพยักหน้า "น่าจะเรียกว่าสนิทที่สุด... ในบรรดาคนที่รู้จักที่นี่" เขามองลูกสาวด้วยความเอ็นดูปนขบขัน "ไม่รู้จะหาแฟนได้รึเปล่า มัวแต่ดูแลน้องจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง... คนพี่ก็ตามใจน้องเหลือเกิน คนน้องก็ติดพี่แจ" นพพลส่ายหัว แล้วหันไปมองฝนที่ยังคงหลับอยู่ "แล้ว... อาควรจะปลุกฝนดีไหม หรือรอให้เขาตื่นเอง" "อย่าไปกวนเขาเลยครับคุณอา เดี๋ยวให้เขานอนที่นี่ก็ได้ ผมจะไปเช่าโรงแรมข้างนอก" "ไม่ดีมั้งเอก... กลับไปกลับมา มันก็แปลกๆ" นพพลเสนอทางออก "ถ้างั้น ถ้าไม่ลำบากไป... ไปนอนที่กระท่อมริมบึงได้ไหมล่ะ ที่นั่นมีทุกอย่าง" "ได้ครับคุณอา ไม่มีปัญหา" เอกตอบรับอย่างรวดเร็ว "ว่าแต่... เจ้าตัวเขาจะยอมไหม" "เดี๋ยวอาบอกเขาให้ ยอมไม่ยอมก็ต้องยอมแหละ เพราะตัวเองมาหลับอยู่บ้านคนอื่นเขา" นพพลยิ้ม "ถ้างั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ" "เดี๋ยวอย่าเพิ่งไปสิเอก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยอุ้มน้องเข้าไปในห้องให้หน่อยได้ไหม? ห้องนี้เมื่อก่อนก็เป็นห้องของเขาแหละ" "ไม่มีปัญหาเลยครับคุณอา" เอกเดินเข้าไปช้อนร่างเล็กขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ราวกับเธอน้ำหนักเบาราวปุยนุ่น จากนั้นเขาก็วางเธอลงบนเตียงในห้องนอน นพพลเข้ามาห่มผ้าให้ลูกสาวอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องพร้อมกัน เอกใช้มือล็อกประตูแล้วยื่นกุญแจให้ แต่พ่อของฝนกลับยิ้มให้ "ไม่เป็นไรหรอก เอกถือไว้ก็ได้... เก็บไว้เถอะ" "งั้นก็ได้ครับคุณอา" เมื่อนพพลแยกกลับไป เอกก็เดินไปที่กระท่อมริมบึงใต้แสงจันทร์
เมื่อไปถึงกระท่อมน้อยของฝน เอกมองไปรอบๆ ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่น่ารัก มีภาพถ่ายของฝนตอนเด็กๆ และภาพวาดธรรมชาติประดับอยู่ทั่ว ภายในกระท่อมมีเพียงฟูกที่นอนและผ้าห่ม เอกนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็ไม่กล้ากลับไปบ้านเพราะฝนยังคงหลับอยู่ เมื่อมองลงไปยังบึงน้ำใสเบื้องหน้า เขาก็คิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า... "อาบน้ำในบึงนี้ก็เป็นทางออกที่ดี"นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







