LOGINเมื่อเอกได้ผลสรุปให้ตัวเองแล้ว
เขาจึงเดินไปค้นของใช้ในตู้เก็บของอย่างที่คาดไว้ มีทุกอย่างครบครัน ทั้งอาหารแห้งและสบู่ยาสีฟัน เอกหยิบสบู่ออกมาพร้อมรอยยิ้ม "เหมือนเด็กเล่นขายของเลยแฮะ" เขาพูดกับตัวเอง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัว "ขอยืมใช้ก่อนแล้วกันนะ" เอกเริ่มบรรเลงในการอาบน้ำในบึงอย่างสดชื่น เขาลอยตัวไปมาในน้ำเย็นใส ราวกับได้ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าไปกับธรรมชาติ การอาบน้ำใต้แสงจันทร์และสายลมเย็นช่างเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ เอกรู้สึกหลงรักสถานที่แห่งนี้ในทันที ในขณะเดียวกัน ฝนที่ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย เธอตกใจและรีบสำรวจตัวเองอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่ายังปลอดภัยดีก็ถอนหายใจโล่งอก เธอเปิดประตูออกมาและมองหารถของเอกที่จอดอยู่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอเหลือบไปเห็นกระท่อมน้อยของตัวเองที่ไม่มีแสงไฟ จึงคิดในใจว่าใครกันที่กล้าไปบุกรุก เธอมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อจะจัดการทันที แต่ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องหยุดชะงัก... ชายหนุ่มร่างสูงเปลือยท่อนบนกำลังลอยตัวอยู่ในน้ำใต้แสงจันทร์ แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบผิวกายที่เปียกชื้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่คมชัดเป็นลอนสวย เมื่อเขาโผล่ขึ้นเหนือน้ำแล้วสะบัดผม ภาพนั้นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง "โคตรหล่อเลย... อีตาลุงบ้านี่ ยิ่งเปียกน้ำยิ่งดูเซ็กซี่" เธอพึมพำกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว น้ำลายแทบจะไหล แต่แล้วเธอก็ได้สติ "นี่ลุง! ใครใช้ให้มาเล่นน้ำตรงนี้? นี่มันพื้นที่หวงห้ามนะ!" เธอตะโกนขึ้นอย่างดุดัน เอกยิ้มมุมปาก เขาค่อยๆ เดินขึ้นจากน้ำอย่างไม่รีบร้อน ฝนรีบใช้มือปิดตา "จะทำบ้าอะไร! ขึ้นมาแบบนั้นได้ยังไง!" "จะปิดก็ปิดให้สนิทสิ อย่าให้มีเล็ดลอดออกมามองนะ ไม่งั้นคิดค่ามองนะ" เขาล้อเลียนพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว ฝนค่อยๆ แง้มมือออก "คุณเอาผ้าเช็ดตัวฝนไปใช้ได้ยังไง ถอดออกเลยนะ!" "แน่ใจเหรอว่าให้ถอด... งั้นพี่ถอดนะ" "หยุด! ไม่ต้องถอด!" ฝนรีบหันหลังให้ "มีเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ให้ยืมไหม" "ดูจากตัวฝน ฝนจะมีเหรอ?" "งั้นถ้าไม่มี พี่ก็คงไม่ต้องใส่อะไรนอนแล้ว" เอกแกล้งพูด "อย่าทะลึ่ง! คุณก็ไปเอาที่บ้านสิ อยู่ใกล้ๆ เอง!" "พี่โป๊อยู่นะ... ฝนไปเอาให้หน่อยได้ไหม" "เรื่องอะไรฝนจะไป! ไม่ใช่หน้าที่!" "งั้นพี่ก็อยู่แบบนี้แหละ" "เออ... งั้นก็ได้! ฝนไปก็ได้! ห้ามถอดออกนะ! อยู่แบบนั้นแหละ!" เธอวิ่งกลับไปที่บ้านทันที เมื่อเข้าไปในห้อง เธอรีบหาเสื้อผ้าชุดใหญ่ที่สุดในตู้ แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับ กางเกงชั้นใน เธอหลับตาแล้วหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ห่อรวมกับชุดแล้วรีบวิ่งกลับมาหาเอกอย่างขยะแขยง "เอาไปเลยชุดของคุณ!" เธอใช้มือปิดตาพร้อมกับยื่นชุดให้อย่างรวดเร็ว "ปิดก็ปิดให้สนิทนะ อย่าให้มีช่องเล็ดลอดมาล่ะ" "บ้า! ใครเขาจะอยากดู!" ฝนเผลอแง้มมือออกเพื่อจะตะคอกใส่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นกล้ามท้องแน่นๆ ที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งตัวเปียกน้ำยิ่งดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก "มองอะไร... มองให้พอเลยนะ พี่ไม่ใส่ก็ได้นะเสื้อผ้า" เอกพูดพร้อมรอยยิ้มกวนๆ "เงียบไปเลย! รีบๆ ใส่ไปเลย!" ฝนรีบหันหลังให้ เอกหัวเราะเบาๆ แล้วเดินเข้าไปจัดการตัวเองในกระท่อม "ขอบคุณนะที่ช่วยเหลือพี่" เขากล่าวเมื่อเดินออกมา "ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรหรอก! แค่อุจาดตา กลัวจะมาโป๊แถวนี้เดี๋ยวเจ้าที่ตกใจหมด!" เธอย้อนกลับทันควัน "แล้วใครอนุญาตให้คุณมาที่นี่!?" "ก็พ่อฝนอนุญาตให้พี่มาไง! จะให้พี่นอนในบ้านเดียวกันกับฝนเหรอ" "งั้นฝนกลับไปนอนที่บ้านไหมล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" "ไม่อ่ะ ดึกแล้ว ขี้เกียจกลับ ไหนๆ พ่อก็คิดว่านอนที่บ้านหลังนี้ก็ตามนั้นแหละ" "งั้นสลับกัน! คุณไปนอนบ้านของคุณ แล้วฝนจะนอนที่กระท่อมนี้เอง!" "ได้ยังไง... ฝนเป็นผู้หญิงนะ จะให้มานอนคนเดียวได้ยังไง" "ได้ยังไงไม่ได้ยังไงเกี่ยวอะไรด้วย! ฝนอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี ไม่เห็นจะมีอะไร!" "งั้นขอกินบะหมี่สักชามก่อนได้ไหม... หิว" เอกเปลี่ยนเรื่อง "คุณก็กลับไปต้มกินที่บ้านสิ" "ที่นี่ก็มี... เลี้ยงไม่ได้เหรอ" เอกมองด้วยสายตาออดอ้อน "วันนี้ทั้งวันพี่ก็เหนื่อยนะ" ฝนยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ "งั้นก็ได้... กินเสร็จก็กลับไปนะ" เอกพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่ชานระเบียงของกระท่อม เท้าที่ห้อยลงไปในน้ำสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วๆ และเสียงใบไม้ไหว เอกรู้สึกหลงใหลในความงามยามค่ำคืนของสถานที่แห่งนี้ เขามองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลตาแล้วคิดในใจว่า "ไม่แปลกใจเลยทำไมฝนถึงรักกระท่อมน้อยแห่งนี้" ที่นี่ช่างเงียบสงบและผ่อนคลายอย่างน่าอัศจรรย์บะหมี่ในความหมายอื่น "ได้แล้ว... กินเสร็จก็รีบกลับเลยนะ ไม่ต้องอยู่นาน" น้ำเสียงของฝนเจือความกระด้างเล็กน้อย แต่ดวงตาของเธอกลับมองเขาอย่างขำขัน เอกยิ้มพร้อมขอบคุณ "ว่าแต่ฝนไม่กินเหรอ?" "ไม่อะ... กินไม่ค่อยลง" เธอตอบพร้อมทำหน้าเบ้ "เวลาออกมาจากโรงพยาบาลแล้วไม่อยากกินอะไรแบบนี้แหละ" เอกไม่ถามต่อ เพราะกลัวว่าฝนจะจับได้ว่าเขารู้ความลับของเธอไปแล้ว ทั้งคู่จึงนั่งเงียบๆ กินบะหมี่กันไป ทันใดนั้น... เสียงหัวเราะสดใสของฝนก็ดังขึ้นจนเอกตกใจ "มีอะไรเหรอ?" เขาถาม ฝนอมยิ้มแก้มแดง แล้วพูดว่า "เปล่า... แค่รู้สึกว่ามันคุ้นๆ เหมือนในซีรีส์เกาหลี" "ทำไม... มันเป็นอะไรเหรอ?" เอกทำหน้างง เพราะเขาไม่เคยดูซีรีส์เกาหลีมาก่อน "ก็ตอนที่พระเอกกับนางเอกจะแยกกัน แล้วนางเอกชวนพระเอกไปกินรามยอนบนห้องไง" ฝนทำท่าทางประกอบอย่างร่าเริง "แล้วพระเอกขึ้นไปกินไหม?" เอกถามด้วยความซื่อ "ขึ้นไปสิ" "แล้ว... ได้กินบะหมี่ไหม?" เอกถามต่อ ฝนไม่ตอบ เธอแค่หัวเราะจนแก้มแดงก่ำ ปล่อยให้เอกที่กำลังดูดเส้นบะหมี่ต้องงุนงงไปตามระเบียบ "มองอะไร! รีบๆ กินจะได้รีบๆ กลับไปนอน" เธอเอ็ด แต่ในน้ำเสียงกลับไม่มีความโกรธเลย หลังจากกินเสร็จ เอกก็ยืนยันกับฝนอีกครั้งให้เธอกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ แต่เธอก็ยังดื้อดึงที่จะอยู่กระท่อมน้อยของเธอให้ได้ เอกจนใจจึงต้องยอมแพ้ "ก็ได้... รีบๆ เข้านอนด้วยล่ะ" "คุณก็เป็นคนเรื่องมากจริงๆ ขนาดคนอยู่ยังไม่กลัวเลย ตัวเองเป็นใครก็ไม่รู้ มาจู้จี้บ่นเป็นพ่อไปได้" เธอว่า แล้วเดินเข้ากระท่อม ปิดประตู เอกส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะเดินจากไป แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์หาเธอ "ถ้ามีอะไรก็ตะโกนดังๆ นะ หรือไม่ก็โทรหาพี่" เขาพิมพ์ พร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวไว้ให้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน เอกเปิดผ้าม่านห้องตัวเองไว้เพื่อจะได้มองเห็นกระท่อมของฝน และความคิดของเขาก็วนเวียนอยู่กับสิ่งที่เธอพูดตอนกินบะหมี่ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาความหมายของคำว่า "กินรามยอนบนห้อง" ทันทีที่เห็นคำอธิบาย เอกก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ "เด็กดื้อเอ้ย... อย่าไปพูดกับใครแบบนี้อีกเชียว" เขายิ้มหวานแล้วล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข หมายเหตุ: "กินรามยอน" ในบริบทของซีรีส์เกาหลีบางเรื่องมีความหมายแฝงถึงการชวนไปสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่ามิตรภาพนพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







