LOGINเอกขับรถกลับจากทำงานตามปกติ สายตาเหลือบไปเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของหญิงสาวที่เดินอยู่ริมถนน ท่าทางของเธอดูเซื่องซึมจนน่าเป็นห่วง เขาชะลอรถแล้วจอดข้างทางทันที เมื่อลงไปใกล้...หัวใจของเขาก็หล่นวูบ เมื่อพบว่าหญิงสาวคนนั้นคือ ทิพย์!
เอกก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว สีหน้าฉายแววกังวลเต็มที่ "ทิพย์! คุณเป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอ? ทำไมมาเดินอยู่ตรงนี้คนเดียว?" ทิพย์ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างกายของเธอก็ทรุดลงช้าๆ และหมดสติไปต่อหน้าต่อตา เอกไม่รอช้า รีบช้อนร่างที่ไร้สติของเธอขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วรีบตรงไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที ระหว่างที่เอกนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เอก ก็ได้พบกับ หมอกฤษณ์ ที่กำลังตรวจคนไข้อีกคนอยู่ "อ้าว! คุณเอก! ใครเป็นอะไรมาเหรอครับ? แล้วมาได้ยังไง?" หมอกฤษณ์ถามอย่างประหลาดใจ "ผมเจอทิพย์หมดสติอยู่ข้างถนนน่ะครับ เลยรีบพามา" เอกตอบเสียงเรียบ "พี่ทิพย์กลับมาแล้วเหรอครับ? ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย" "ผมก็เพิ่งเจอเขาโดยบังเอิญนี่แหละครับ ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยก็หมดสติไปก่อน" สีหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความกังวลและสับสน ทั้งสองต่างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับทิพย์กันแน่ ความเจ็บปวดของทิพย์ ภายในห้องพักฟื้น หมอเดินเข้ามาตรวจอาการของทิพย์อย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยปากเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "คนไข้ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายมาก อย่าทำอะไรที่เสี่ยงต่อการแท้งลูก" หัวใจของทิพย์แตกสลายทันทีที่ได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' เธอเลือกที่จะหนีกลับมาบ้านเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับต้องมาเผชิญกับความจริงที่เจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว ความหวังเดียวที่เธอเคยมีกลับกำลังจะดับสลายไปอย่างช้าๆ เมื่อเดินออกมาจากห้อง ทิพย์โผเข้ากอดเอกอย่างสุดกลั้น เธอปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วง ราวกับจะระบายความเจ็บปวดทั้งหมดที่มี เอกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ได้แต่รับกอดและลูบหลังปลอบโยนเบาๆ "ทิพย์คุณเป็นอะไรไป? มีอะไรไม่สบายใจเหรอ?" เอกถามด้วยความเป็นห่วง ทิพย์ส่ายหน้า น้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด คำพูดไม่อาจเอ่ยออกจากปากได้ ในใจของทิพย์ : ขนาดพ่อของลูกยังทอดทิ้งฉันได้ลงคอ... แต่คนอื่นกลับเป็นห่วงฉันมากกว่าเสียอีก... ความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจของทิพย์สั่นคลอนอย่างรุนแรง เธอร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ จนทรุดตัวลงที่อกของเอก เอกพยายามดันตัวทิพย์ออกเบาๆ "ไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน" เอกเลือกที่จะไม่เซ้าซี้และไม่ถามเหตุผล เพราะเขารู้ดีว่าความเจ็บปวดที่เธอกำลังแบกรับมันหนักหนาเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ โชคชะตาเล่นตลก บรรยากาศในรถเงียบสนิทตลอดทาง เอกพยายามจะชวนคุย แต่ทิพย์กลับเลือกที่จะไม่ตอบ เธอได้แต่น้ำตาคลอเบ้าและมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาที่เจ็บปวดคู่นั้นทำให้เอกตัดสินใจไม่ถามอะไรอีก ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน จนกระทั่งใกล้จะถึงบ้าน ทิพย์ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา "เอกคะ...อย่าเพิ่งไปส่งทิพย์ที่บ้านได้ไหมคะ...ขอไปนั่งพักที่บ้านเอกก่อนได้ไหม...ทิพย์ยังไม่อยากให้แม่เห็นทิพย์ในสภาพแบบนี้..." เอกรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะทิพย์คือเพื่อนเก่า และเป็นลูกสาวของอาที่เขานับถือ อีกทั้งยังเป็นพี่สาวของ ฝน ผู้หญิงที่เขารักอีกด้วย "ก็ได้ครับ...ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ เล่าให้ผมฟังได้นะ เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอ" ทิพย์ได้ยินดังนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง เธอรู้สึกขอบคุณเอกอย่างสุดซึ้งที่เขายังคงเป็นห่วงและทำดีกับเธอไม่เปลี่ยนแปลง เอกทิพาทิพย์แวะตรงบ้าน ที่เช่าอยู่ สักพักนึง คุณโอเคขึ้นหรือยังครับทิพย์เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้านนะ และขณะที่เอกกำลังจะเดินออกมาส่งทิพย์ ภาพที่เอกประคองทิพย์ออกมาจากบ้าน ก็ถูกจิ๊กโก๋ด้วย และวัดเห็นภาพนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าสองคนนี้ มีแผนการอันชั่วร้ายในใจอยู่ ความเข้าใจผิดที่ไม่อาจแก้ไข เมื่อรถของเอกจอด ที่หน้าบ้าน ฝนที่ได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งลงมา แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เธอตกใจและสับสน นั่นคือภาพที่เอกกำลังประคองพี่สาวของเธอลงจากรถ ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและอ่อนล้า "พี่ทิพย์! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้?" ทิพย์ที่เคยเข้มแข็งกลับทรุดลงและโผเข้ากอดฝนพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด ฝนตกใจและสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธออยากจะถามเอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับต้องปลอบพี่สาวที่กำลังฟูมฟายอยู่ตรงหน้า ฝนที่หวังดี จากที่ไม่เคยเห็นพี่สาวอ่อนแอ จึงคิดอยากจะทำอาหารให้พี่ พี่ทิพย์คะฝนเข้าไปได้ไหมคะ แต่เมื่อเคาะประตูห้องของตัวเองแล้วไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงเปิดประตูเข้าไป ทิพย์กำลังหลับอยู่ ฝนเหลือบไปเห็นถุงยาที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้วยความหวังดี อยากจะดูว่ามียาที่ต้องกินก่อนหรือหลังอาหารไหม เธอจึงหยิบขึ้นมาดู แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้มือของเธอเย็นเฉียบและตัวชาไปทั้งตัว ยาในถุงนั้นคือ ยาบำรุงครรภ์ ฝนรีบเดินออกจากห้องด้วยความสับสนและเจ็บปวด เธอตั้งใจจะเดินไปหาเอกที่บ้านเช่าอีกหลังซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ยังไม่ทันจะพ้นหน้าบ้านก็เจอเข้ากับ ด้วง "อ้าว! จะไปไหนเหรอน้องฝน ถ้าจะไปถามไอ้หน้าหล่อนั่นไม่ต้องไปหรอก ถามพี่ดีกว่าไหม พี่ด้วงอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดเลยนะ..." ด้วงพูดด้วยน้ำเสียงยุยง "พี่เห็นหมดเลย ไม่รู้ไปทำอะไรกันมา...ร้องห่มร้องไห้กอดกันกลมเชียว...พี่บอกแล้วว่าคนแบบนี้ไว้ใจไม่ได้" คำพูดของด้วงยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจของฝน ความเจ็บปวดของฝน "ฮัลโหล...พี่หมอ...ฝนมีเรื่องจะถาม...คือ...คนเราที่กินยาบำรุงครรภ์...มันเป็นไปได้ไหมคะที่จะกินบำรุงอย่างอื่น...เหมือนกับซื้อยาคุมมารักษาสิวแบบนี้..." ฝนพยายามถามเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่คำตอบของหมอกฤษณ์กลับทำให้เธอกลับไปอยู่ในห้วงแห่งความจริงอันโหดร้าย "นั่นทำให้ฝนไม่สบายใจใช่ไหม?" หมอกฤษณ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "..." "พี่ไม่อยากจะพูดเลย...แต่พี่จะพูดในสิ่งที่เห็นเท่านั้นนะ วันนี้พี่เห็นคุณเอกพาพี่ทิพย์มาหาหมอ ท่าทางไม่ค่อยดีเลย...ไม่รู้มีปัญหาอะไรไหม...สิ่งที่พี่เห็นพี่รู้ก็มีแค่นี้เพราะพี่ไม่ใช่หมอเจ้าของไข้" ความรู้สึกผิดหวังถาโถมเข้าใส่ฝนจนน้ำตาไหลไม่หยุด ฝนเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ปล่อยให้สายฝนที่เริ่มโปรยปรายช่วยชะล้างความเจ็บปวดที่เกาะกุมอยู่ในใจ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล้มลงในหลุมดำที่ไม่มีวันสิ้นสุด ภาพของพ่อที่เธอสูญเสียไป และตอนนี้ก็กำลังจะเสียคนรักไปอีกคน ฉายวนอยู่ในห้วงความคิด ความจริงที่ว่า เอกไม่ได้จริงใจกับเธอ แต่เพียงแค่สงสารหรืออยากได้เธอเท่านั้น มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งไหลอาบแก้ม เธอได้แต่โทษตัวเองอยู่ในใจ “ไม่น่ามอบทั้งกายและใจให้ไปเลย… ถ้าไม่ให้ไปก็คงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้” แล้วความสิ้นหวังก็ถาโถมเข้ามาจนเธอทนไม่ไหว ฝนล้วงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าขึ้นมา กดโทรออกหาเบอร์ที่คุ้นเคย “พี่หมอ… มารับฝนหน่อยได้ไหมคะ…” เสียงเธอสั่นเครือจนแทบจะจับใจความไม่ได้ ปลายสายคือ หมอกฤษณ์ เมื่อเขาได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ หัวใจของเขาก็ปวดร้าวไปด้วย ในที่สุดเขาก็มาหาฝน หมอกฤษณ์พบฝนนั่งกอดเข่าอยู่ที่กระท่อมหลังเล็กริมบึง ซึ่งเป็นที่พักใจของเธอเสมอมาไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ แต่ในตอนนี้ ที่แห่งนี้กลับกลายเป็นที่ที่เธอต้องมานั่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินจากความเจ็บปวดที่ไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างแผ่วเบา สวมกอดร่างที่สั่นเทาของเธอไว้แน่น พยายามปลอบโยนเธออย่างอ่อนโยนที่สุด “ไม่เป็นไรนะฝน… อย่าร้องไห้เลย… ฝนยังมีพี่อยู่ตรงนี้เสมอ” เขาไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะรู้ดีว่าตอนนี้เธอต้องการเพียงแค่การปลอบโยนเท่านั้น ไม่ใช่การซ้ำเติมด้วยคำถาม “ฝนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว… ฝนอยากไปหาแม่…” ฝนพูดเสียงเบาหวิว “ก็ได้… พี่จะไปส่งเอง” ฝนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นขึ้นรถอย่างเชื่องช้า เมื่อรถเคลื่อนตัวผ่านบ้านเช่าของเอก น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มกลับเหือดแห้งไปแทนที่ด้วยความชาชินและความเจ็บปวดที่ไม่อาจระบายออกมาได้ เธอเข้าใจแล้วว่าเธอคงอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว… เธอตัดสินใจที่จะจากไปในที่สุด… จากไปจากทุกอย่างที่ทำให้เธอเจ็บปวด และจากไปจากผู้ชายที่ชื่อเอก…นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







