หลายวันผ่านไป
น้ำหวานนั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่เธอมักจะชอบทำเป็นประจำเพื่อที่จะรู้ว่าแต่ล่ะเดือนเธอต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง หญิงสาวได้ทุนก็จริงแต่ค่าใช้จ่ายเธอก็ต้องหาเอง พ่อแม่เธอให้เงินเดือนเธอห้าพันอันที่จริงท่านถามว่าพอไหมไม่พอจะให้เพิ่มแต่คนตัวเล็กรู้ดีว่ารายได้พ่อแม่ของเธอเป็นยังไง แถมท่านก็มีอายุมากแล้วในเมื่อเธออยากมาเรียนที่นี่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองได้ หญิงสาวจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เธอตัดสินใจว่าอยากหางานทำเพิ่มเติม คนตัวเล็กเห็น่าแถมมหาวิทยาลัยมีร้านรับพนักงานพาร์ทไทม์ไม่น้อยเลยแต่ส่วนใหญ่เป็นงานกลางวัน ตารางเรียนของเธอมันไม่ตรงกันอีก หญิงสาวจึงได้แต่คิดว่าจะทำงานอะไรดี
"ทำอะไรอยู่น่ะ"แก้มใสถามอย่างใส่ใจเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเงียบมานานแล้ว
"อ้อ ทำรายรับรายจ่ายน่ะ"
"หึ สมกับเป็นนักศึกษาบัญชีจริงๆ"เพื่อนของเธอทำอะไรเป็นระเบียบและจริงจังมาก ขนาดค่าใช้จ่ายยังต้องมาจดทำบัญชีทุกวัน
"ไม่เกี่ยวเลยว่าต้องเรียนบัญชี คนไม่เรียนบัญชีก็ควรทำแบบนี้เราจะได้เก็บเงินได้"
"โห้ น่าสนใจแบบนี้เราจะทำบ้าง"
"ว่าแต่แก้มใสบ้านอยู่ที่นี่ไหม ไกลรึเปล่า"
"บ้านเราอยู่เชียงใหม่น่ะแต่เราพูดเหนือไม่เป็นนะ"เธอตอบด้วยท่าทีโก๊ะๆ ที่แก้มใสพูดเหนือไม่ได้เพราะเธอไม่ได้โตที่เชียงใหม่ไง หญิงสาวไปอยู่ต่างประเทศมาช่วงนึงตั้งแต่อายุสิบห้าจนจบไฮสคูลก่อนจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แต่ก็พูดไม่เป็นอยู่ดีแต่ฟังออกนะ
"ก็ไกลน่ะสิทำไมมาเรียนไกลจัง"
"ก็มหาวิทยาลัยที่นี่ดีไง"ก็คงไม่ต่างจากเธอที่อยากเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ แบบนี้
"ขอโทษนะถามได้ไหมว่าครอบครัวแก้มใสเป็นไงบ้าง"
"ถามได้สิ ถามเลยเราชอบคุย"ปกติมีแต่เธอที่คุยคนเดียวรู้สึกเหงามากๆ พอได้ยินว่าน้ำหวานอยากจะพูดคุยกับเธอคนตัวเล็กก็ดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ท่าทีของแก้มใสทำให้น้ำหวานนึกขำไม่น้อยเธอเริ่มชินกันนิสันแบบนี้ของอีกฝ่ายแล้ว
"ครอบครัวเป็นไงบ้างเหรอ ก็ทั่วไปนะบ้านเราขายชา"น้ำหวานพยักหน้ารับรู้คิดว่าที่บ้านของแก้มใสคงเปิดร้านน้ำชาอะไรพวกนี้แต่ความหมายของเพื่อนเธอคือเป็นเจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ติดอันดับในประเทศเลยล่ะ
"แล้วน้ำหวานล่ะ"
"พ่อเรารับราชการไม่ได้ตำแหน่งใหญ่โตอะไรหรอก"
"พ่อดุเปล่า"
"ไม่นะพ่อใจดีแต่แม่ดุ"
"จริงเหรอ เราน่ะแม่ใจดีมากๆ แต่พ่อนี่สิดุเกิน"แค่นึกถึงใบหน้าของบิดาแก้มใสก็ทำหน้าสยองแล้ว ดุแต่เธอก็ชอบเอาแต่ใจพ่อของเธอพอเห็นเธอร้องไห้เสียใจก็ใจอ่อนแล้วแต่บางเรื่องท่านก็ไม่แพ้น้ำตาเธอหรอก ดุที่สุด
"ดุขนาดนั้นทำไมถึงได้มาเรียนไกลจังล่ะ"
"อยากรู้เหรอ"
"อยากรู้ดิ"น้ำหวานเริ่มทำหน้าสงสัยแล้วเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมาแบบนี้
"หนีมาไง"
"ห๊า! พูดจริงดิ"
"ล้อเล่น"แก้มใสหัวเราะชอบใจออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเพื่อน แต่อันที่จริงเธอไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิดเธอหนีมาจริงๆ มีแค่แม่ของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องและช่วยปกปิดให้ที่เธอทำแบบนี้เธอก็มีเหตุผลของเธอเหมือนกัน
"เธอนี่นะล้อเล่นอยู่เรื่อย"แต่ถามว่านิสัยของอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ดีไหมเอาจริงๆ เธอก็ชอบนะรู้สึกว่าแก้มใสเป็นคนพูดมากที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญเลย ปกติถ้าเป็นคนอื่นเธอคงไม่อยู่ฟังหรอก
"เฮ้อ"
"ถอนหายใจทำไมหรือว่าเบื่อเรา"แก้มใสถามขึ้นมาทันทีเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเบื่อตนเองเหมือนที่ใครอีกคนเคยเบื่อเธอ
"เปล่า แค่คิดอยากหางานทำน่ะ"
"ค่าใช้จ่ายไม่พอเหรอ ยืมเราไหม"
"บ้า ไม่ยืม ฉันแค่ไม่อยากรบกวนครอบครัวมาก ในเมื่ออยากมาเรียนที่นี่ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ฉ้นเลยอยากหางานทำน่ะแต่งานก็มีแค่ตอนกลางวันที่พอทำได้"
"เรื่องตารางเรียนใช่ไหม"
"อืม ปีหนึ่งเรียนหนักจะตายไปไหนจะกิจกรรมอีก"
"ก็จริง ค่อยๆ หาเดี๋ยวก็หาได้"
"อืม ขอบใจนะ"สองสาวพูดคุยกันต่อพักใหญ่ก่อนจะแยกย้ายกันอยู่ใครอยู่มัน ส่วนใหญ่น้ำหวานก็มักจะอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนก่อนนอน แก้มใสก็เล่นเกมส์ฟาร์มตามประสาของเธอ
อีกด้าน
วันนี้พวกเตชินท์นัดกันมาที่โต๊ะสนุกเกอร์ พวกเขามักจะเล่นเวลาว่าง แข่งกันขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ปกติแล้วนอกจากไปที่ผับก็มีที่นี่อีกที่ที่พวกเขามา
"คืนนี้ไปต่อที่คิงบาร์ไหม"เหมันต์เอ่ยถามพร้อมกับมือที่ยกเบียร์ขึ้นมากระดกลงคอ
"คงไม่กูมีงานต้องทำต่อ"เตชินท์ตอบออกไป
"งานอะไร"
"เช็คของให้ป๊า"ครอบครองของชายหนุ่มทำธุรกิจหลายอย่างทั้งอสังหาริมทรัพย์ทั้งผลิตอะไหล่รถยนต์ ตั้งแต่ที่ขึ้นมหาลัยเตชินท์ก็เริ่มเรียนรู้งานถึงแม้เขาจะเที่ยวแต่ก็ไม่เคยลืมหน้าที่ตัวเอง
"มึงล่ะไอ้ลม"
"กูไม่ วันนี้พักพอดีแม่ให้กลับไปนอนบ้าน"
"ไอ้ลูกติดแม่"เหมันต์ว่าเพื่อนไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก
"ไม่ใช่มึงที่ติดผู้หญิง"
"หึ ให้มันติดเถอะได้ข่าวว่าพอเรียนจบมันต้องแต่งงานกับคู่หมั้นมันแล้ว"เตชินท์พูดขึ้นอย่างกวนๆ เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้มันทำให้เหมันต์หงุดหงิดแค่ไหน
"มึงจะพูดทำไมไอ้เต นี่กูอุตส่าห์ลืมไปแล้ว"
"ลืมแล้วไงถึงเวลามึงก็ต้องแต่งไม่ใช่เหรอ ว่าแต่คู่หมั้นมึงเป็นไงบ้าง"
"ไม่รู้ไม่ได้สนใจ ป่านนี้อยู่ต่างประเทศมั้ง ผู้หญิงน่าเบื่อแบบนั้นกูไม่อยากนึกถึงหรอก"หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าผู้หญิงคนนั้น แค่นึกถึงก็ขนลุกแล้ว ท่าทีของเหมันต์ทำให้เตชินท์กับสายลมส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มขบขัน
ชายหนุ่มทั้งสามแยกย้ายกันทางใครทางมันหลังจากไม่ได้ไปไหนกันต่อ ชีวิตของเตชินท์ก็เป็นประมาณนี้นอกจากเรียนก็ทำงานและก็ไปเที่ยวสนุกตามวัยรุ่นดีที่ครอบครัวของเขาไม่ได้ยุ่งวุ่นวายมากเพราะพวกท่านให้เขาได้ใช้ชีวิตขอแค่ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังก็พอ
อีกวันผ่านไป
ร่างเล็กของน้ำหวานวิ่งหน้าตั้งมาเรียนอีกวิชา วิชานี้แก้มใสไม่ได้เรียนกับเธอทำให้วันนี้คนตัวเล็กต้องมาคนเดียวแต่เพราะความลืมกลัวมาสายทำให้หญิงสาวไม่ทันได้ระวังเธอเผลอชนกับร่างใครอีกคนจนเกิดเสียงดังตุ๊บ ก่อนที่หญิงสาวจะเซล้มไปทับกับคนดังกล่าว
"เฮ้ย เดินยังไงว่ะ"
"ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ"เธอรู้ว่าตัวเองรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ระวังแบบนี้ หญิงสาวจึงรีบเอ่ยขอโทษออกไปแต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูจะหงุดหงิดพอสมควรก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาของคนตัวเล็กที่สบเข้ากับเขาพอดี
"ไอ้เตเป็นไงบ้างว่ะ"เหมันต์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ฉากโรแมนติกเหมือนที่ในละครบอกเลยสักนิดเพราะต่างคนน่าจะเจ็บพอสมควร
"ไม่เป็นไร"เตชินท์ตอบเพื่อนก่อนจะลุกขึ้น น้ำหวานเองก็เหมือนกัน เธอยกมือขอโทษอีกฝ่ายเพราะรู้สึกผิดจริงๆ
"เธอไม่เป็นไรนะ"
"เอ่อ ไม่ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะพอดีฉันกำลังรีบ"
"อืม"เตชินท์พยักหน้าทำให้น้ำหวานรีบเดินต่อ เธอไม่ได้วิ่งเหมือนตอนแรกเพราะรู้สึกเจ็บข้อเท้าเล็กน้อย คนตัวเล็กเอาแต่บ่นตัวเองที่รีบจนเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่น่านอนดึกเลยมัวแต่คิดมากเรื่องหางานจนตื่นสาย
"มองอะไรว่ะ?"สายตาของเตชินท์ที่มองตามแผ่นหลังคนตัวเล็กทำให้เหมันต์เอ่ยถามอย่างจับผิด สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองเพื่อนมันทำให้รู้กันว่าหมายถึงอะไร
"ตกหลุมรักรึไง"นานๆ จะเห็นเตชินท์มองตามสาวแบบนี้ ขนาดสายลมยังรู้สึกสงสัยไม่ต่างกันแต่แค่อีกฝ่ายไม่ค่อยพูดมากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหมันต์แทน
"หลุมรักพ่อง!"
"อ้าวก็เห็นมอง"
"มองไปงั้น จืดๆ แบบนั้นไม่ใช่สเปก"
"ครับ เชื่อครับผม"
"กวนตีน"เตชินท์นึกหมั่นไส้คำพูดของเพื่อนจึงด่ากลับไป พวกเขาพูดคุยกันแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วอาจจะมีคำหยาบกันบ้างแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเพราะรู้จักกันมานาน เป็นเพื่อนกันจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว
น้ำหวานเข้ามาในห้องเรียนเกือบไม่ทันเวลาดีที่อาจารย์มาพอดีทำให้คนตัวเล็กรู้สึกโล่งใจไม่น้อยเลย เธอนั่งลงก่อนจะเอาหนังสือเรียนขึ้นมา หญิงสาวจับข้อเท้าแต่ก็ยังทนไหวอยู่รู้สึกหน้าอายมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไม่รู้ว่ามีใครเห็นมากน้อยแค่ไหน คิดแล้วหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา ผ่านไปพักใหญ่"วันนี้พอแค่นี้นะคะนักศึกษา อย่าลืมอาทิตย์หน้ามีงานต้องส่ง ถ้าใครไม่ส่งไม่ได้คะแนนสะสมอย่ามาโทษอาจารย์นะ""ค่ะ/ครับ"พออาจารย์ออกไปหญิงสาวก็รีบเก็บของใส่กระเป๋าวันนี้เธอมีเรียนอีกวิชาเลยจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร พอเห็นเพื่อนอย่างแก้มใสที่มาที่โรงอาหารแล้วเพราะคนตัวเล็กก็มีเรียนในวิชานี้เหมือนกันน้ำหวานก็รีบเดินไปหาทันที "ทำไมเดินแบบนั้นล่ะ""ล้มนิดหน่อยนะเลยเจ็บข้อเท้า""เป็นอะไรมากรึเปล่าไหวไหม ไม่ไหวอย่าทนนะเดี๋ยวเจ็บมากกว่าเดิม"สีหน้าตกใจของแก้มใสทำให้น้ำหวานอมยิ้มออกมาเล็กน้อย เห็นท่าทีของเพื่อนที่ดูเป็นห่วงเธอแบบนี้ก็รู้สึกขอบคุณไม่น้อยเลย "ขอบใจนะแต่น่าจะไหวอยู่""เคๆ กินไรดีวันนี้""ก๋วยเตี๋ยวไหม""ได้ เราไปซื้อให้นะเธอไม่ต้องเดินมากหรอก เฝ้าโต๊ะไป""ขอบใจนะน่ารักจัง""อิอิรู้ตัวดีจ้า"แก้มใสยิ้ม
หลายวันผ่านไป น้ำหวานนั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่เธอมักจะชอบทำเป็นประจำเพื่อที่จะรู้ว่าแต่ล่ะเดือนเธอต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง หญิงสาวได้ทุนก็จริงแต่ค่าใช้จ่ายเธอก็ต้องหาเอง พ่อแม่เธอให้เงินเดือนเธอห้าพันอันที่จริงท่านถามว่าพอไหมไม่พอจะให้เพิ่มแต่คนตัวเล็กรู้ดีว่ารายได้พ่อแม่ของเธอเป็นยังไง แถมท่านก็มีอายุมากแล้วในเมื่อเธออยากมาเรียนที่นี่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองได้ หญิงสาวจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เธอตัดสินใจว่าอยากหางานทำเพิ่มเติม คนตัวเล็กเห็น่าแถมมหาวิทยาลัยมีร้านรับพนักงานพาร์ทไทม์ไม่น้อยเลยแต่ส่วนใหญ่เป็นงานกลางวัน ตารางเรียนของเธอมันไม่ตรงกันอีก หญิงสาวจึงได้แต่คิดว่าจะทำงานอะไรดี "ทำอะไรอยู่น่ะ"แก้มใสถามอย่างใส่ใจเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเงียบมานานแล้ว "อ้อ ทำรายรับรายจ่ายน่ะ""หึ สมกับเป็นนักศึกษาบัญชีจริงๆ"เพื่อนของเธอทำอะไรเป็นระเบียบและจริงจังมาก ขนาดค่าใช้จ่ายยังต้องมาจดทำบัญชีทุกวัน"ไม่เกี่ยวเลยว่าต้องเรียนบัญชี คนไม่เรียนบัญชีก็ควรทำแบบนี้เราจะได้เก็บเงินได้""โห้ น่าสนใจแบบนี้เราจะทำบ้าง""ว่าแต่แก้มใสบ้านอยู่ที่นี่ไหม ไกลรึเปล่า""บ้านเราอยู่เชียงใหม่น่ะแต่เราพูดเหนือไม่เป็นนะ
"น้ำหวานตื่นได้แล้วเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก"เสียงปลุกของแก้มใสเพื่อร่วมคณะแถมยังเป็นรูมเมทเธออีกด้วย ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งขึ้นมา อันที่จริงเธอตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้แล้วแต่ดูเหมือนว่าแก้มใสจะกลัวเธอตื่นสายจริงๆ "น้ำหวาน~~~!""โอ๊ยยยยตื่นแล้วๆ ไม่ต้องปลุกแล้ว"คนถูกปลุกอ้าปากหาวหวอดๆ ก่อนจะบิดกายไปมา เธอมองเพื่อนร่วมห้องที่เจอกันตั้งแต่วันย้ายเข้าหอแถมยังเรียนห้องเดียวกันอีกด้วย แก้มใสเป็นคนนิสัยดีเลยพูดคุยรู้เรื่องการที่เธอได้รู้จักเพื่อนคนนี้นับว่าเป็นโชคดีเหมือนกัน "รีบไปไหนเนี่ย""รีบดีกว่าสายนะ เร็วไปอาบน้ำเถอะฉันแต่งหน้าต่อก่อน""เคๆ"น้ำหวานพยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ น้ำหวานเป็นนักศึกษาปี1ในมหาลัยชื่อดังแห่งนี้ เธอเป็นเด็กทุนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครอบครัวของเธออยู่ต่างจังหวัดพื้นฐานทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายแต่ก็ไม่ได้ยากจน ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเพราะบิดาของเธอรับราชการส่วนแม่เป็นแม่ค้าขายขนม น้ำหวานเป็นลูกคนเดียวของบ้านการที่มาเรียนที่นี่คนตัวเล็กต้องอ้อนพวกท่านอยู่นานกว่าเธอจะได้มา หญิงสาวเป็นคนนิสัยนิ่งๆ ถ้าไม่สนิทคือไม่พูดคุยอะไรเลย ใครๆ มักมองเธอว