แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ซุปเม็ดบัวน้ำตาลกรวด
“เมื่อก่อนท่านบอกว่าเขาไม่รักท่าน ไม่ห่วงใยเอาใจใส่ท่าน แต่ถ้าเขาไม่รักท่าน เหตุใดเขาจึงยอมตาย ยอมสละการแก้แค้น แทนที่จะทำให้ท่านลำบากใจ?”

เยว่เจี้ยนเวยถอยหลังไปสองก้าวอย่างซวนเซ ใบหน้ามีแต่ความว่างเปล่าราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างเหมือนก้าวเท้าครึ่งหนึ่งเข้าสู่นรก หรือราวกับถูกวิญญาณนับหมื่นจับขาและรัดคอพร้อมกัน

เขาถึงกับหายใจไม่ออก

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ยาถอนพิษสลายหมื่นกระดูกต้องใช้สมุนไพรเพียงแปดชนิดเท่านั้น เจ้าหลอกข้า... อย่าคิดหลอกข้าเชียว!”

“เป็นไปไม่ได้งั้นหรือ? ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าก็หวังว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้าจะได้ไม่ต้องเสียพี่ชายไป”

โม่อวิ๋นเจ๋อเช็ดน้ำตาและสูดน้ำมูก พลางกล่าว “ข้าคิดว่าตานซินหยางหลอกพี่ชายข้า ข้าจึงไปถามความจริงจากตานซินหยาง แต่เขากลับบอกว่า บิดาข้ารู้สูตรยาที่แท้จริงมาตั้งแต่แรก ข้าจึงกลับไปถามบิดา บิดาบอกเพียงว่า... เขาบอกเพียงว่าแรกเริ่มที่ไม่ได้บอกพี่ชายข้าเรื่องสมุนไพรอีกสองชนิดสุดท้าย เป็นเพราะกิเลนตัวผู้ที่แปลงร่างได้นั้นหลายล้านปียากจะพบสักตัว เขากลัวว่าหากบอกไป พี่ใหญ่ของข้าจะหมดหวัง และอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปี”

“สาเหตุที่พิษสลายหมื่นกระดูกได้ชื่อว่าเป็นพิษที่ไร้ทางแก้ไม่ใช่เพราะไม่มีสูตรยา แต่เป็นเพราะในยาถอนพิษมีวัตถุดิบสองชนิดที่ไม่อาจหาได้”

“ในบรรดากิเลน ตัวผู้เรียกว่าฉีจื่อ ตัวเมียเรียกว่าหลินจื่อ ผู้ใดจะคิดว่าในโลกนี้จะมีกิเลนตัวผู้ที่แปลงร่างได้ดำรงอยู่จริง ๆ ?”

“และใครจะคิดว่า กิเลนตัวนั้นก็คือท่าน”

“บอกข้าสิ พี่ใหญ่ของข้านอกจากไปตาย เขายังจะทำอย่างไรได้อีก?”

“เขาจะทำอย่างไรได้อีกเล่า?”

“บอกข้าสิ!?”

เสียงคำรามแหบแห้งของโม่อวิ๋นเจ๋อก้องกังวานไปทั่วตำหนักอันกว้างใหญ่

ภายในตำหนักเงียบสงัด พวกสาวใช้ต่างตกใจมองไปรอบ ๆ ไม่กล้าส่งเสียง

“เขาย่อมสามารถแอบมาตอนข้าหลับ ยามที่ข้าไม่ระวังตัว แล้วควักแกนพลังอสูรของข้า เมื่อไร้แกนพลังอสูร ข้าก็ต้องกลับคืนร่างเดิม จากนั้นเขาก็ตัดเขากิเลนของข้า เท่านี้ก็จะครบถ้วนแล้ว” ผ่านไปเนิ่นนาน เยว่เจี้ยนเวยจึงกล่าวขึ้นมาเสียงเรียบ

เบ้าตาของเขาแดงก่ำ แต่ไม่เปียกชื้น ราวกับว่าแม้แต่ความรู้สึกก็มีได้เพียงเท่านี้

เยว่เจี้ยนเวยสะบัดแขนเสื้อหมุนตัว กล่าวว่า “ผ่านมานานถึงเพียงนี้ เจ้ากลับมาบอกข้าเรื่องนี้ พี่ใหญ่เจ้าปิดบังข้าจนตัวตาย ยอมให้ข้าเกลียดเขา ขอเพียงให้ข้ามีชีวิตอยู่สุขสบาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงขัดใจเขา จำเป็นต้องบอกความจริงกับข้าด้วยหรือ?”

ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดหยกทีละขั้น น้ำเสียงและแววตาว่างเปล่าไม่ต่างกัน

“เจ้าอยากให้ข้าเศร้าใจ หรืออยากให้ข้าตายไปพร้อมกับเขางั้นหรือ? ต่อให้ข้าควักแกนพลังอสูรออกมาตอนนี้ เขาก็ไม่มีชีวิตอีกแล้ว คนตายไม่อาจฟื้นคืน เจ้าจงทำใจเถิด”

โม่อวิ๋นเจ๋อเช็ดน้ำตาแรง ๆ น้ำเสียงปรากฏความเกลียดชังและเยียบเย็นเด่นชัด ราวกับจะกลืนกินคนทั้งเป็น

“ข้าจะแก้แค้นให้พี่ใหญ่ของข้า”

“ตอนพี่ใหญ่ของข้าตาย เขาผอมโซซูบซีด ทั้งร่างเหมือนถูกมดนับหมื่นตัวกัดกิน อาเจียนเป็นเลือดทุกวัน ทรมานนับพันวันพันคืนกว่าจะสิ้นใจ ทุกครั้งที่นึกถึง ข้าก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดบาด แม้แต่หลับตาก็ยังนอนแทบไม่ลง”

“แต่ก่อนบิดาไม่เคยบอกข้าว่าศัตรูเป็นผู้ใด จนกระทั่งปีที่แล้วหลังข้าออกจากการปิดด่าน จึงได้ทราบโดยบังเอิญถึงที่มาของพิษสลายหมื่นกระดูก รู้ว่าศัตรูเป็นตระกูลและสำนักใด… ข้าอยากแก้แค้นให้พี่ชาย แต่ข้าฆ่าพวกมันไม่ได้ ด้วยระดับพลังของข้า ต่อให้ผ่านไปอีกหลายพันปี ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของพวกมัน หากท่านยังมีไมตรีต่อพี่ใหญ่ข้าอยู่บ้าง ขอให้ท่าน—ขอร้องท่านช่วยชี้แนะข้าสักเล็กน้อย หรือหาอาจารย์ผู้เก่งกาจให้ข้าสักคน รอถึงวันหน้า ข้าจะต้องสังหารเจ้าสัตว์ร้ายพวกนั้นด้วยมือของข้าเอง!”

เยว่เจี้ยนเวยหมุนตัวกลับมาทันที ดวงตาคู่งามเย็นชา เสียงเย็นเยียบราวกับปีศาจร้ายที่คลานออกมาจากขุมนรก

เขาถามว่า “ศัตรูของเจ้าคือผู้ใด?”

โม่อวิ๋นเจ๋อส่ายหน้าพลางกล่าวเสียงสั่นเครือ “ข้าบอกท่านไม่ได้ บิดาข้าบอกว่า ในโลกนี้มีคนเดียวที่บอกไม่ได้ ก็คือท่าน”

เยว่เจี้ยนเวยหัวเราะเย็นชาพลางยกมือฟาดแส้ใส่โม่อวิ๋นเจ๋อ ทำให้อีกฝ่ายล้มลงกับพื้น ก่อนหัวเราะด้วยความเกรี้ยวกราด “บิดาเจ้ากลัวว่าข้าจะแก้แค้นให้พี่ใหญ่เจ้า ข้านั้น—ข้านอนเตียงเดียวกับเขามาหลายสิบปี หากไม่ใช่เพราะเขาทิ้งข้า ลูกของข้ากับเขาก็คงเกิดมาแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ แล้วข้าไม่สมควรรู้หรือว่าศัตรูของเขาเป็นใคร?”

“...”

“เจ้าคิดว่าข้าจะแก้แค้นให้เขาหรือ? ฝันไปเถอะ! เขาทอดทิ้งข้า ทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลก ข้าจะแก้แค้นให้เขาเหตุใด? ข้าแค่อยากรู้ แค่อยากรู้เท่านั้น! ข้าสงสัยว่าพิษสลายหมื่นกระดูกที่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นมาจากที่ใดกันแน่ พิษนี้ ไม่แน่อาจมีไว้เล่นงานข้าโดยเฉพาะก็ได้ แล้วข้าจะถามหน่อยไม่ได้หรือ?”

“...”

โม่อวิ๋นเจ๋อพลิกกายลุกขึ้น คุกเข่าทั้งสองข้าง สองมือยันไว้ด้านหน้า กัดฟันพูดว่า “ศัตรูก็คือตระกูลสายเลือดกิเลนแห่งทวีปเซียนจื่อเจ๋อ”

“...”

เยว่เจี้ยนเวยหรี่ตางาม กล่าวว่า “เจ้าช่างกล้าหาญนัก ข้าเองก็เป็นคนตระกูลสายเลือดกิเลนเช่นกัน”

โม่อวิ๋นเจ๋อกล่าวว่า “พวกมันเป็นตระกูลหลักของสายเลือดกิเลน”

เยว่เจี้ยนเวยชะงักกึก แส้ทองแดงในมือถูกเก็บเข้าแขนเสื้อทันที เขามองโม่อวิ๋นเจ๋อที่อยู่หน้าขั้นบันได มองใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดขาวแต่แดงก่ำเล็กน้อย และคล้ายคลึงกับคนที่จากไปอยู่สามส่วน หลังจากนิ่งอึ้งอยู่นาน จึงหัวเราะเบา ๆ แล้วนั่งลงบนเตียงนุ่ม กล่าวว่า “ถ้าศัตรูของเจ้าคือพวกเขา เจ้าก็ไม่มีทางสู้พวกเขาได้จริง ๆ ไร้ประโยชน์”

โม่อวิ๋นเจ๋อมีท่าทีเด็ดเดี่ยว ทั้งยังยืนยันอย่างไม่กลัวตาย “แม้ต้องตาย ข้าก็จะพาพวกมันตายไปด้วยกัน”

“เจ้าช่างเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด โตแต่ตัว สมองไม่ได้โตด้วย” เยว่เจี้ยนเวยหัวเราะเยาะ มองใบหน้าแดงก่ำของโม่อวิ๋นเจ๋อพลางพูด “พลังของเจ้าแม้แต่ข้ายังสู้ไม่ได้ ยังจะคิดตายพร้อมกับพวกเขาอีก? ถามตัวเองดูเถิดว่าคู่ควรพูดคำนี้หรือไม่?”

“...”

“ข้าสงสารพี่ชายเจ้าจริง ๆ เขามีพรสวรรค์สูงส่งเพียงนั้น แต่เหตุใดพรสวรรค์ของน้องชายเขาจึงเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ หรือว่าพี่เก่งกาจแล้วน้องจึงต้องไร้ฝีมือ?”

“...” โม่อวิ๋นเจ๋อฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว กระโดดลุกขึ้นยืน ตะโกนใส่เยว่เจี้ยนเวย “ท่านอย่าได้พูดจาเยาะเย้ย อย่าคิดว่าเพราะตนเองเคยมีความสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ของข้า ข้าจะต้องอดทนกับท่าน ผ่านมาหลายปี ท่านยังคงน่ารังเกียจเหมือนเดิม!”

“ถึงเจ้าจะรังเกียจข้า ก็สู้ข้าไม่ได้หรอก” เยว่เจี้ยนเวยหรี่ตาหัวเราะเบา ๆ เขาหัวเราะไปหัวเราะมา ก็อารมณ์แปรปรวนทำหน้าเครียดโดยไม่มีสัญญาณเตือน กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “เจ้าพูดเรื่องที่อยากพูดแล้ว ตัวคนก็ได้พบแล้ว เช่นนั้นจงไปให้พ้น ภายในพันปี อย่าให้ข้าเห็นเจ้าในทวีปเซียนจื่อเจ๋ออีก—หรงฉือ”

ชายผู้หนึ่งสวมชุดดำพลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายเยว่เจี้ยนเวยเงียบงันคล้ายภูตผี

“ท่านประมุขมีคำสั่งใดหรือขอรับ?” ชายผู้นั้นถาม

“เจ้าตัวน้อยนี่ไม่รู้ลอดเข้าทวีปเซียนจื่อเจ๋อมาได้อย่างไร เจ้าพาเขากลับไปทวีปชางหมาง ต่อไปก็คอยเฝ้าดูเขาให้ดี เมื่อใดที่เขาสามารถเอาชนะเจ้าได้ ค่อยให้กลับมาทวีปเซียนจื่อเจ๋ออีกครั้ง”

“ขอรับ” หรงฉือคล่องแคล่วยิ่งนัก เพียงชั่วพริบตาก็มาอยู่ข้างกายโม่อวิ๋นเจ๋อแล้วกล่าว “เชิญขอรับ”

โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้าง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ เบ้าตาที่แดงเหมือนตากระต่ายอยู่แล้วยิ่งแดงหนักขึ้น ก่อนหน้านี้แดงด้วยความเศร้า แต่เวลานี้แดงด้วยความโกรธ

เขาพร่ำสาปแช่งด้วยความเศร้าโศกและแค้นเคือง “เยว่เจี้ยนเวย เจ้ามันตัวบัดซบ ชาติชั่วไร้หัวใจ! ข้า ข้าไม่ให้เจ้าช่วยแล้ว เจ้าอย่ามายุ่งกับข้า ข้าอุตส่าห์ขึ้นมาถึงทวีปเซียนจื่อเจ๋อแท้ ๆ เจ้าไปให้พ้น ไม่ต้องมาแตะต้องข้า เจ้า—เจ้าช่างเย็นชาไร้ความรู้สึก เจ้าต้องเป็นพวกเดียวกับพวกมันแน่! สารเลว ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ ...”

“หรงฉือ ปิดปากเขาที น่ารำคาญ ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด”

“ขอรับ”

“อื้ออืออือ... อ่อยอ้าอะอ่อยอ้า!”

“...”

โม่อวิ๋นเจ๋อย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหรงฉือ เขาถูกหรงฉือปิดปาก ลากตัวออกไปจากตำหนักใหญ่ของสำนักเซียนยอดเมฆาอย่างไร้ศักดิ์ศรี แม้ระหว่างทางพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกแล้ว
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 84

    อย่างไรก็ตาม หลังถูกเยว่เจี้ยนเวยแทรกเช่นนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็มัวแต่โกรธจนไม่อยากร้องไห้ต่อแล้วเยว่เจี้ยนเวยและโม่อวิ๋นเจ๋อจึงอยู่ในศาลบรรพบุรุษอย่างเงียบงัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเป็นเวลาหลายชั่วยามจากนั้น เยว่เจี้ยนเวยก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกมาสิ เหตุใดจึงต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย มันก็แค่เตาปรุงยาเก่า ๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว ขอยืมสักหน่อยจะเป็นไรไป? ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจ้า ทำไมต้องมาทำให้ข้าตกใจด้วย เวลานี้ดีแล้ว พวกเราต่างถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่ เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”โม่อวิ๋นเจ๋อถ่มน้ำลาย “ถุย” ทีหนึ่ง พลางกลอกตากล่าวว่า “ข้าย่อมยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นเจ้าสมความปรารถนา”เยว่เจี้ยนเวยจึงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะจนโม่อวิ๋นเจ๋อขนลุกซู่ ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้โม่อวิ๋นเจ๋อมากขึ้นอีกหลังจากนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็เห็นว่า เยว่เจี้ยนเวยค่อย ๆ หยิบเตาปรุงยาอีกใบหนึ่งออกมาจากกำไลสรรพภพของตนเอง“ข้าลืมบอกท่านไป ข้าขโมยเตาปรุงยามาสองใบ ถูกยึดไปหนึ่งใบ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งใบ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”โม่อวิ๋นเจ๋อ “...”ย๊ากกกกกก!โม่อวิ๋นเจ๋อแทบคลั่ง ตนเองเพิ่งหยุดร้องไห้ได้

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 83

    โม่ชางหลานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “พลังวิญญาณของเขา แข็งแกร่งถึงระดับนั้นเชียวหรือ?”ผู้อาวุโสซางตอบ “เป็นไปได้สูง แต่ยังต้องสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ คุณชายใหญ่ หากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้จริง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณสองธาตุทั้งไฟและไม้ นั่นก็หมายความว่าเขาคือยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งนัก”ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่ระดับตบะของผู้อาวุโสซางเซวียนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถทำให้ศิลาทดสอบพลังระเบิดได้เลยโม่ชางหลานนึกถึงภาพที่เยว่เจี้ยนเวยถือยาวิเศษลงจากเขาไปขาย ก็รู้อยู่แล้วว่าเยว่เจี้ยนเวยต้องมีความลับบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โม่ชางหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เรื่องนี้รบกวนผู้อาวุโสซางอย่าเพิ่งเปิดเผยต่อผู้ใด”ผู้อาวุโสซางพยักหน้า กล่าวว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”ยามนี้ ศาสตร์การหลอมโอสถทั่วทั้งทวีปชางหมางมีแต่เสื่อมถอย หากปรากฏอัจฉริยะผู้มีพลังวิญญาณด้านการปรุงยาขึ้นที่ใด ก็จะดึงดูดสายตาผู้คนให้แอบจับตามองนับไม่ถ้วนในอดีตเคยมีปรมาจารย์นักปรุงยาอัจฉริยะผู้โด่งดังเพียงชั่วครู่ ถูกผู้อื่นแอบขโมยพลังวิญญาณด้านก

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 82

    โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้างทันที ร้องเสียงหลงว่า “ไม่ได้นะพี่ใหญ่ เตาปรุงยาพวกนั้น คงทำให้ข้าไม่มีเบี้ยเลี้ยงไปอีกเป็นสิบปีเลยนะ!”โม่ชางหลานกล่าว “สิบปีไหนเลยจะพอ ต้องร้อยปีถึงจะครบถ้วนต่างหาก”โม่อวิ๋นเจ๋อพลันชะงักกึกเยว่เจี้ยนเวยหัวเราะร่าอยู่ในใจ พลางคิดว่าเหตุใดไม่ทำตัวโอหังแล้วล่ะ? ให้ตายเถอะ คิดจะถอดเสื้อผ้าข้าใช่หรือไม่ คิดจะเปิดโปงข้าใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชางหลานของข้าช่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยแท้!ใบหน้าของโม่อวิ๋นเจ๋อแทบจะร้องไห้ออกมา แต่เขาคิดว่าถ้าตนเองร้องไห้ตอนนี้ นอกจากพี่ใหญ่จะไม่สนใจความรู้สึกแล้วคงต้องดุด่าเขาอีกชุดใหญ่เป็นแน่ จึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ขณะที่เยว่เจี้ยนเวยกำลังแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างสุดความสามารถ ก็ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวว่า “เยว่เจี้ยนเวย เหตุการณ์วันนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน”เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้น ตอบรับอย่างว่าง่าย “พี่ชางหลาน ข้ารู้ตัวแล้วว่าทำผิด ข้าไม่ควรขโมยของ รอให้ข้าหาเงินได้ในภายหลัง ย่อมชดใช้ให้แก่ผู้อาวุโสซางแน่นอน และต่อไปก็จะไม่ทะเลาะกับพี่อวิ๋นเจ๋ออีกแล้วขอรับ”โม่อวิ๋นเจ๋อเกร็งคอตะเบ็งเสียงว่า “ผู้ใดเป็นพี่เจ้ากัน? เจ้าอย่

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 81

    เยว่เจี้ยนเวยรีบกระชับอาภรณ์ของตน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนลวนลาม! ช่วยด้วย คุณชายรองตระกูลโม่รังแกเด็กหนุ่มบริสุทธิ์แล้ว!”“หุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าส่งเสียงโวยวายไปทั่ว!”“ข้าไม่หุบปาก เจ้าช่างไร้ยางอาย กล้าคิดถอดเสื้อผ้าข้ากลางวันแสก ๆ !”“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะต่อยเจ้าเดี๋ยวนี้!”“ต่อยเลยสิ ดูว่าผู้ใดต้องเป็นฝ่ายกลัวกันแน่!”“...”..................ครึ่งชั่วยามต่อมา ในเรือนชมธาราเมื่อโม่ชางหลานมองเด็กหนุ่มสองคนที่เสื้อผ้าและทรงผมยุ่งเหยิง กำลังนั่งคุกเข่าแผ่นหลังเหยียดตรงพร้อมเพียงกันอยู่บนพื้น ก็ให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีด้านข้าง ยังมีผู้อาวุโสซางเซวียนที่เพิ่งรับประทานโอสถบำรุงหัวใจไปหลายเม็ดยืนอยู่ด้วย“ข้าแค่ลงไปหยิบของครู่เดียว กลับขึ้นมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทั้งสองคนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เฮ้อ หัวใจข้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้”ผู้อาวุโสซางเซวียนถอนหายใจไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก กล่าวว่า “เตาปรุงยาที่ข้าสะสมมาด้วยความยากลำบากหลายปี เสียหายไปสี่เตา หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงวัตถุเวทมนตร์... ซึ่งก็คือเตาที่ดูสวยงามแต่ใช้งานจริงไม่ได้เตานั้นเอง”โ

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 80

    ผู้อาวุโสซางแปลกใจจนเคราแทบร่วง พร้อมกับกล่าวว่า “เหลวไหล หินก้อนนี้ใช้งานมาหลายร้อยปีไม่เคยมีปัญหาอะไร ข้าว่า เป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายเจ้ามากไปต่างหากที่ทำให้มันรับไม่ไหวจนระเบิดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ในตอนที่เขาปรุงยาจะไม่ได้รู้สึกสัมผัสถึงว่าพลังวิญญาณจะมีความมหาศาลอะไร แต่นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้วเยว่เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านอาวุโสซาง หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้าคืออัจฉริยะด้านการปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลก? เอาตรง ๆ ช่วงนี้เวลาข้านอนหลับข้าก็รู้สึกอยู่ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอบอวลอยู่ในร่างกายข้าจนแทบจะระเบิด ณ เวลานั้นข้าอยากจะลุกขึ้นมาหยิบเตาปรุงยามาฝึกจนใจจะขาด วันนี้ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของก้อนหิน งั้นก็คงเป็นข้าเองที่เก่งกล้าเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ผู้อาวุโสซาง “…”เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองถึงแม้ว่าผู้อาวุโสซางจะพอเดาพรสวรรค์ของเยว่เจี้ยนเวยได้อยู่ แต่พอได้ยินเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้ากล่าวโอ้อวดตนอย่างไม่เขินอาย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 79

    ผู้อาวุโสซางเซวียน “...”ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา โม่อวิ๋นเจ๋อยังมาหาเขาพร้อมกับสาบานอย่างคับแค้นใจด้วยความโกรธว่าจะหักเงินจากค่าขนมของเยว่เจี้ยนเวยในแต่ละเดือนเพื่อมาชดใช้ค่ายาที่แสนแพงชิ้นนี้และแน่นอน ในเมื่อเยว่เจี้ยนเวยเอ่ยชมเชยโม่อวิ๋นเจ๋อขนาดนี้ ผู้อาวุโสซางจึงเล็งเห็นว่าการปกป้องภาพลักษณ์อันเฉลียวฉลาดและเก่งกล้าสามารถของคุณชายรองนั้นสำคัญกว่า จึงพนักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว คุณชายรองเป็นคนเช่นนี้แหละ เจ้าโชคดีจริง ๆ ”เมื่อผู้อาวุโสซางสอนวิชาเสร็จ จึงเดินมาดูเยว่เจี้ยนเวยและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตั้งใจจะศึกษาเคล็ดโอสถวิเศษ”เยว่เจี้ยนพยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ข้าสนใจเคล็ดโอสถวิเศษอย่างมาก”ผู้อาวุโสซางกล่าวต่อว่า “เคล็ดโอสถวิเศษค่อนข้างน่าเบื่อ ในระหว่างการฝึกฝนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เจ้ายังเด็ก กำลังอยู่ในวัยชอบเล่นสนุก เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลาสิบชั่วโมง หรือเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีได้สักเท่าไร?”เยว่เจี้ยนเวยฉีกยิ้มที่ดูนอบน้อมและน่ารัก รอยยิ้มที่กว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเขา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status