สาวใช้เห็นคุณหนูรองบาดเจ็บก็รู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ให้นางไปกับต้าจื่อ หากเป็นตัวเองคงอุ้มคุณหนูรองกลับลงมาไม่ไหวแน่ สาวใช้สุ่ยได้แต่ถอนหายใจ เหตุใดคุณหนูรองถึงได้ซุ่มซ่ามและทำงานไม่เป็นเสียเลย
ชิงถิงให้สาวใช้ช่วยพยุงคุณหนูรอง เพราะกลัวว่าใครมาเห็นเขาอุ้มนางไว้บนหลัง เสี่ยวเหออาจเกิดเรื่องได้ ตัวเขาช่วยแบกของอื่นๆ กลับไปส่งนางถึงบ้าน ยังได้รับคำขอบคุณมากมายจากแม่เลี้ยงของเสี่ยวเหอ และได้รับขนมดอกกุ้ยกลับบ้านด้วย
ส่วนเสี่ยวเหอทำเป็นลืมเลือน ไม่ยอมคืนกำไลดอกหญ้าให้ชิงชิง [1] ของนาง ทั้งยังเพิ่งจะนึกได้ว่าที่แท้ตัวเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องเข้ากองทัพตั้งแต่ยังเด็กอายุน้อย
รุ่งขึ้นเสี่ยวเหอยังเจ็บข้อเท้า แต่คล้ายว่านางจะข้ามเวลากลับไปตอนตัวเองอายุหกขวบ ท่านแม่เห็นว่าข้อเท้าบวมมาก จึงต้องพาไปหาหมอ ระหว่างทางไปหาหมอ เสี่ยวเหอเห็นชิงถิงตัวอ้วนกลมแบกตะกร้าออกไปหาผักป่า ไม่ทันได้ทักทายกัน
เด็กน้อยเสี่ยวเหอกลัวว่าตัวเองจะหลับกลางทางและตื่นที่ใดไม่รู้ นางพยายามตื่นจนถึงร้านหมอยา ท่านหมอให้ความเห็นว่ากระดูกแตก ไม่รู้ตอนเด็กนางไปทำอะไรมา คงจะเล่นซนอะไรสักอย่าง
ข้อเท้านางบวมหนักมาก ต้องใช้ยาประคบ แต่ก่อนหน้านั้น ยังต้องจัดกระดูกข้อเท้าเสียก่อนด้วย ท่านหมอกลัวนางตัวเล็กจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว จึงบังคับกินยานอนหลับ
เสี่ยวเหอน้อยพยายามปฏิเสธเต็มที่แล้วแต่ก็ทานไม่อยู่ สุดท้ายต้องกินยานอนหลับ เพราะท่านแม่ให้สาวใช้จับตัวนางจนแน่น แล้วกรอกยาใส่ปาก วันนั้นเสี่ยวเหอจึงหลับที่ร้านหมอยาเป็นครั้งแรก!
เสี่ยวเหอตื่นมาอีกครั้ง ลืมตาไม่ไหว ได้ยินเสียงคนมากมาย คล้ายมีผู้คนรุมล้อมเต็มไปหมด นางรู้สึกเวียนหัวจนอยากจะอาเจียน มีหญิงสาวคนหนึ่ง จับตัวนางเขย่าแล้วเรียกด้วยความตื่นตระหนก
“ฮูหยิน ๆ ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน ท่านเป็นอะไร”
‘ฮูหยินหรือ นี่ข้า ย้อนเวลามาที่ใดกัน’ ในใจของนางหวาดกลัวยิ่ง
ไม่นานเสี่ยวเหอก็ตื่นเต็มตา สอบถามหญิงสาวที่เรียกนางว่าฮูหยินไปมากมาย สุดท้ายก็ได้ความว่า นางมาหาหมอและจู่ๆ ก็หมดสติไป คล้ายว่านางจะกลายเป็นฮูหยินแล้ว และมีสาวใช้ส่วนตัวด้วย
สาวใช้ยังบอกอีกว่าต้องรีบซื้อยากลับบ้าน ท่านรองแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ จากการถูกยิง เป็นธนูมีพิษ เสี่ยวเหอปวดหัวจนฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามสาวใช้บอก ก่อนจะขึ้นรถม้ากลับจวน
ระหว่างนั่งในรถม้า เสี่ยวเหอถามอีกจึงพบว่าตัวเองอายุสามสิบต้นๆ แต่งงานมีลูกแล้ว แต่นางยังปรับตัวไม่ทัน ยังรับเรื่องที่ตัวเองแต่งงานมีลูกแล้วไม่ได้เท่าไรนัก
เมื่อรถม้าวิ่งมาถึงหน้าจวน เสี่ยวเหอเดินลงจากรถม้าและพบว่าที่นี่คือจวนของชายชราที่ครั้งหนึ่งนางเคยคิดว่าเป็นท่านตาของชิงถิง ชายแก่ที่บอกว่าตัวเองชื่อชิงถิงผู้นั้น!!
‘ชายแก่ผู้นั้นก็คือชิงชิงนี่เอง!!’ ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเหอเข้าใจเรื่องราวชัดแจ้งขึ้น นางรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เสียจริง ในอนาคตนางได้แต่งงานกับเขา ได้เป็นฮูหยินของเขา..ชิงชิงยังถึงขั้นสร้างฐานะจนกลายเป็นรองแม่ทัพอีกด้วย!
เสี่ยวเหอโห่ร้องดีใจจนเก็บรอยยิ้มไม่ได้
แต่ดีใจได้เพียงครู่เดียวก็นึกถึงสิ่งที่สาวใช้บอกว่า รองแม่ทัพถูกธนูพิษ ทันใดนั้นเสี่ยวเหอก็รู้สึกวิงเวียนจนอยากจะอาเจียนอีกครั้ง ความกลัวที่เคยสัมผัสในภพที่แล้ววิ่งผ่านความทรงจำ นางยกมือสั่นๆ ขอให้สาวใช้ช่วยรีบพาตัวเองไปหาชิงถิง
เสี่ยวเหอกลัวจนจำเส้นทางเข้าจวนไม่ได้ รู้เพียงว่าถูกพาเข้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องอะไรสักอย่าง นางก็ไม่แน่ใจ แต่มีทหารวิ่งวุ่นเต็มไปหมด
“ได้ยามาหรือไม่” มีผู้ที่ท่าทางคล้ายหมอเอ่ยถามเสี่ยวเหอ
เสี่ยวเหอรู้สึกหนักอึ้งจนพูดไม่ออก นางหน้าซีดจางจนน่ากลัว
“ได้มาเจ้าค่ะ ได้มาแล้ว” สาวใช้เป็นฝ่ายตอบคำถามและเอายาไปจัดการตามหมอสั่ง
เสี่ยวเหอยืนนิ่งนานกว่าจะก้าวขาเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว ในใจภาวนาให้ไม่ใช่ชิงถิง กลิ่นเลือดและยาคละคลุ้ง มีอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยเลือด คล้ายว่าหมอจะใช้ผ้าซับเลือดมาล้างในอ่างนั้น
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้อง นางเห็นชิงถิงนอนอยู่บนเตียง เขาไม่ได้สวมใส่เสื้อ หน้าอกข้างที่เคยถูกดาบแทงทะลุมียาสมุนไพรพอกอยู่เต็ม ที่แขนยังมีรอยคราบเลือดไหลเป็นทาง
ภาพที่เขาถูกแทงทะลุอกวิ่งผ่านความทรงจำอีกครั้ง น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลราวกับสายฝนโดยที่นางไม่รู้ตัว กว่าจะนางรู้สึกตัวก็ตอนที่ได้ยินเสียงตัวเองตะโกนร้องไห้ออกมาดังๆ เข้าไปเขย่าตัวชิงถิงราวกับหญิงไร้สติ
“ม่ายยย..ไม่นะชิงชิง เจ้าห้ามตาย เจ้า..เจ้า..ต้องตื่นขึ้นมา..ตื่นสิ..ข้าไม่ยอม..ตื่นนน..ชิงๆ ..ชิงชิงงงง ห้ามตาย”
ชิงถิงเองก็ตกใจลืมตาดูฮูหยินของเขาที่กำลังบ้าคลั่ง
ทั้งท่านหมอและทหารที่อยู่ข้างนอกต่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนรีบวิ่งมาแยกตัวเสี่ยวเหอออกจากตัวท่านรองแม่ทัพ เพราะกลัวว่านางจะทำให้แผลฉีกมากกว่าเดิม
“ไม่นะ..ฮือ ๆ ๆ ปล่อยข้า ไม่..ฮือ ๆ ๆ ข้าไม่ยอม ฮือๆ ๆ ..ข้าไม่ได้ข้ามน้ำข้ามเวลามาขนาดนี้ เพื่อดูเจ้าตายอีกครั้งนะ ข้าไม่ยอมรับ ชิงชิง เจ้า..เจ้าตื่น..ฮือๆ ๆ ตื่นสิ” เสี่ยวเหอตะโกนไปพยายามดิ้นรนให้หลุดจากมือของท่านหมอและทหารไปด้วย
ชิงถิงตาโต เขาเข้าใจทุกอย่าง จำได้ว่านางเป็นใคร จึงยกมือห้ามพวกทหารและหมอให้ปล่อยตัวนาง ในขณะที่ตัวเขาพยายามชันตัวลุกขึ้นนั่งบนขอบเตียง เสี่ยวเหอที่เห็นว่าเขายังไม่ตาย ยังลุกขึ้นมานั่งไหว นางจึงหยุดดิ้นหยุดร้องโวยวาย
รองแม่ทัพใช้มือข้างที่ไม่ถนัดกวักเรียกนาง มือข้างนั้นก็มีด้ายแดงผูกอยู่ แต่เสี่ยวเหอไม่ได้สังเกต รีบวิ่งเข้าไปนั่งลงข้างเตียงกอดเอวเขาไว้แน่น ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย ไม่ได้สนใจด้ายแดงเลย
[1] หลังจากนี้ นางเอกจะเรียกพระเอกว่าชิงชิงตลอด แม้จะข้ามไปยังช่วงที่แต่งงานแล้ว ก็ยังเรียกชิงชิง ทำให้พระเอกสามารถแยกนางเอกตัวจริงและร่างของนางเอกออกจากกันได้ง่ายมากขึ้นนะคะ เพราะปกติร่างนางเอกจะเรียกพระเอกว่าต้าจื่อ พอแต่งงานแล้วก็เรียกพระเอกว่าท่านพี่ มีแต่นางเอกตัวจริงที่เรียกพระเอกว่าชิงชิงค่ะ (สปอยไหมนะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าไม่เขียนอธิบายทุกคนจะไม่เข้าใจเนอะ แฮะๆ)
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง