“ข้ายังไม่ตาย ไม่ต้องกลัว” ชิงชิงใช้มือลูบหัวนาง เอ่ยคำอย่างปลอบประโลม
ท่านหมอและเหล่าทหารที่ไม่เคยเห็นท่านรองแม่ทัพแสดงความอ่อนโยนเช่นนี้ ต่างยืนนิ่งตกตะลึง ทั้งคำอ่อนหวาน ทั้งสายตาที่บ่งบอกว่าเขารักใคร่ฮูหยินมากจนแทบจะตายแทนได้
และฮูหยินที่ห่วงเขาจนกระทั่งไม่สนใจสายตาผู้ใด กริยาราวกับสาวน้อยที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน ประหลาดยิ่งนัก ปกติท่านรองแม่ทัพดุดันและเข้มงวดเสมอ ภาพตรงหน้าจึงไม่คุ้นเคยนัก
ท่านรองแม่ทัพหันมาเห็นสายตาลูกน้องก็รู้สึกเขินอายจนต้องไล่พวกเขาออกไป
“ข้าจะให้ฮูหยินพันแผลให้ ทุกคนออกไปได้แล้ว” เขาว่า
“ข้าทำไม่ได้ ขะ..ข้าคิดว่าข้าทำไม่ไหว” แต่เสี่ยวเหอกลับเงยหน้าขึ้นและพูดทั้งที่มีคราบน้ำตาเต็มหน้า พร้อมยกมือที่สั่นเทาของตัวเองให้ชิงถิงดู
“ให้ข้าทำเถิด แผลจะได้ไม่ติดเชื้อภายหลัง ยาก็ได้มาแล้ว ใช้เวลาไม่นาน แล้วพวกท่านค่อยพลอดรักกันต่อก็ได้” ท่านหมอพูด
เสี่ยวเหอเพิ่งจะเห็นและรู้สึกตัวว่าทำกิริยาไม่เหมาะสมไป จึงรีบลุกขึ้น เดินออกไปนอกห้องด้วยความเขินอาย ไม่กล้าสบสายตาของทหารคนใด
นางรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับมาพอดีกับที่ท่านหมอทำแผลเสร็จ เสี่ยวเหอจึงได้รู้ว่าท่านหมอเป็นหมอในกองทัพอยู่แล้ว ถึงได้ยังดูหนุ่มแน่น ไม่เหมือนหมอในร้านยา
นางขอบคุณและสั่งให้สาวใช้รับรองท่านหมอดีๆ ส่วนทหารหลายคน ท่านรองแม่ทัพก็ไล่ให้ไปนอน ไม่ต้องมาคอยเฝ้าระวัง แม้พวกทหารจะส่งสายตาล้อเลียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าพูดล้อเขาต่อหน้าฮูหยิน เพราะมีคำสั่งไว้แล้วว่าห้ามมมม!
เสี่ยวเหอดูแลเขาอยู่ในห้อง ให้ดื่มยา เช็ดตัว เช็ดคราบเลือดจนสะอาด และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา แม้ตอนเช็ดตัวด้านล่าง นางจะเขินอายมาก แต่ก็ทำเพราะเป็นห่วงชิงถิง ถึงจะทำไปมือสั่นไป โดยมีสายตาร้อนแรงของเขาที่แทบจะเผานางมองอยู่ตลอดเวลา
หลังจากผูกเชือกกางเกงให้เขาแล้ว ชิงถิงก็ดึงเสี่ยวเหอด้วยแขนข้างเดียวมากอด เขาซุกหน้าเข้าที่คอของคนรัก สูดดมกลิ่นหอมด้วยความคิดถึง นางก็กอดเขาแน่นเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างคิดถึง
กอดอยู่นานจนเสี่ยวเหอต้องเป็นฝ่ายผละออก เพื่อพาเขาไปนอนพักผ่อนดีๆ
“มาที่จวนนี้ครั้งที่เท่าไรแล้ว” เขานอนลงถาม เพราะท่าทางเขินอายของภรรยานั้นไม่ปกติ
เสี่ยวเหอทำหน้าตกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงรู้ว่านางเป็นนางทันที
“เหตุใดข้าถึงรู้ว่าเจ้าเป็นเจ้าใช่หรือไม่..หึ..ฮูหยินของบ้านนี้ก็คือเจ้าคนเดียว” ชิงถิงยิ้ม ตอบกลับท่าทางสงสัยของนาง พร้อมกับยกมือตบลงข้างเตียงที่ว่างอยู่ บอกให้นางมานอนด้วยกัน
หากให้พูดตามจริง เสี่ยวเหอก็เพิ่งเคยเข้าหอกับเขาเพียงแค่สองคืน แม้จะหลายครั้งอยู่ แต่นางยังคงประหม่าอยู่ดี
“เมื่อครู่ ท่านหมอไม่ให้ชิงชิงขยับตัวเยอะมาก เดี๋ยวจะทำให้พิษกระจายไปได้ง่าย ยังต้องใช้เวลาอีกสักคืนสองคืนถึงจะขับพิษออกหมด” นางก้มหน้าก้มตาพูด
“ข้าเพียงจะนอนกอด ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่อยู่แล้ว” เขาออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำ หรืออาจจะเคยทำแต่นางยังไม่เคยพบเจอ เสี่ยวเหอจึงค่อยๆ เข้าไปนอนกอดพยายามไม่ให้โดนแผล
ชิงถิงที่อกเปลือยเปล่า ทั้งยังอายุมากขึ้น ไหล่กว้างขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแกร่งชัดเจน เส้นเลือดตามแขนที่แสดงถึงการใช้ร่างกายอย่างหนัก แต่ก็แลกมาด้วยความแข็งแกร่ง
กลิ่นความเป็นชาย ทุกอย่างของเขาทำให้เสี่ยวเหอใจสั่นอย่างไม่อาจควบคุม นางจึงพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นด้วยการซักถามเรื่องที่เขารู้ได้อย่างไรว่านางคือนาง
“ชิงชิงรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า”
“เจ้าเป็นคนเล่าให้ข้าฟัง ตอนที่ข้าอายุน้อยกว่านี้ ก่อนที่เราทั้งสองคนจะแต่งงานกัน เจ้ายังแบ่งด้ายแดงกับข้าด้วย” เขาเล่า ยกมือชูด้ายแดงที่แขนให้นางดู
“พวกเราแต่งงานกันได้อย่างไร ใครขอ แล้วข้าเป็นคนเล่าว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าก็ยอมเชื่อด้วยหรือ เรื่องอัศจรรย์เช่นนี้” นางถามถึงเรื่องที่อยากรู้
เขาไม่ตอบแต่กระชับอ้อมกอดให้นางเข้ามาใกล้ขึ้น บังคับให้ร่างของภรรยาเกยอยู่บนตัวเขาครึ่งหนึ่ง ใช้มือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บจับหลังคอนางบังคับลงมาจูบ ราวกับเขาไม่อยากเสียเวลาเขินอายพูดเรื่องไม่สำคัญเพื่อฆ่าเวลาอีก
เสี่ยวเหอตกใจ เขาจูบอย่างดูดดื่มแทบจะกลืนกินลิ้นของนาง จุมพิตมากมายแต่ก็ยังคล้ายว่าเขาไม่พอใจ นางพยายามปฏิเสธเขาเพราะเป็นห่วงอาการบาดเจ็บ จนในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยนางให้เป็นอิสระ
เสี่ยวเหอแทบจะเป็นฝ่ายคร่อมอยู่บนตัวเขา นางพยายามชันตัวขึ้นกลัวว่าจะไปโดนแผลจนแผลฉีกขาด แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับแววตาของเขาที่บ่งบอกว่าคิดถึงแทบจะขาดใจ
‘ชิงชิงที่ไม่รู้ว่าจะพบข้าเมื่อไหร่ ได้แต่รอคอยการพบเจอที่ไม่แน่นอน ต่อให้เห็นตัวข้าทุกวันแต่ก็ไม่ใช่ข้า คงทรมานน่าดู’ เสี่ยวเหอตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง
“ข้าขอโทษ เป็นความผิดของข้าเองที่ให้ชิงชิงต้องรอ” ลุกขึ้นนั่งตัวตรงข้างๆ เขา
“ข้าจะร้องเพลงให้ฟัง กล่อมชิงชิงนอน เช่นนี้ดีหรือไม่ เป็นการไถ่โทษ”
“ฮ่าๆ เจ้าอายุเท่าไรแล้ว” ชิงถิงหัวเราะ และถามคำถาม
“หากนับตามความรู้สึกของข้า ปีนี้อายุสิบเก้า”
เขาหัวเราะหนักกว่าเดิมแต่ก็ขยับมานอนบนตักนาง
“เอาสิ ร้องเพลงให้ข้าฟัง ข้าจะนอนตรงนี้”
เมื่อครู่ ในใจของชิงถิงอยากทำมากกว่าร้องเพลง แต่ถามอายุแล้ว เขาไม่กล้าใช้นางให้ทำ เพราะเขาขยับตัวมากไม่ได้ ทำเองก็ไม่สะดวก เสี่ยวเหอยามนี้ก็คล้ายว่าจะยังทำไม่เป็น เขาจึงได้แต่กัดฟันอดทน ฟังภรรยาอายุสามสิบกว่าปีร้องเพลงกล่อมเขานอน
เสี่ยวเหอต้องการจะอยู่จนกว่าจะแน่ใจว่าชิงถิงไม่เป็นอะไร จึงไม่กล้านอนหลับตลอดคืน และตั้งใจจะไม่นอนจนกว่าเขาจะหาย นางใช้การดื่มชาที่ทำให้ไม่ง่วงนอนช่วย
รองแม่ทัพนอนหลับเพราะพิษบาดแผล เขาตื่นมาอีกวันและรับรู้ว่าเสี่ยวเหอยังคงอยู่ เขาดีใจมากเพราะปกตินางจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งวัน แต่เมื่อได้รู้ความจริงว่านางยังไม่ได้นอน ทั้งคู่ก็เริ่มทะเลาะกัน
“ข้าเป็นห่วงเจ้า อยากเห็นกับตาว่าเจ้าดีขึ้นแล้ว” เสี่ยวเหอเถียง
“แต่ข้าก็เป็นห่วงเจ้า” เขาไม่ยอม
ชิงถิงบังคับให้นางนอน แต่เสี่ยวเหอดื้อไม่ทำตาม เพราะครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเขา ปกตินางเป็นเด็กดีมาก ยกเว้นเรื่องนี้เท่านั้น ชีวิตของเขาเป็นอะไรที่นางอาจเสียไปอีกครั้ง
ทั้งสองคน ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วง ต่างคนต่างโมโห
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย