หลังจากนั้น เสี่ยวเหอจำได้ว่าชิงถิงตะโกนเรียกให้สาวใช้ยกน้ำมาให้นางเช็ดตัว ใช้แขนข้างหนึ่งกอดนางไว้ ทั้งจูบทั้งเอ่ยขอบคุณนางอย่างรักใคร่ เมื่อสาวใช้เคาะประตู เขาทำเพียงดึงผ้าห่มมาคลุมตัวนางที่นั่งบนตักเขาเอาไว้
ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!!...
เสี่ยวเหอนึกย้อนไปยามที่เขาส่งเสียงแหบพร่าขอร้องให้ขยับครั้งแล้วครั้งเล่า นางรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเอาเสียเลย เมื่อเทียบกับตอนที่เขาห้ามนางพูดเสียงดัง ทั้งๆ ที่เขาแทบจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่านางกำลังทำอะไร ทำอย่างไร และทำรุนแรงเพียงใดต่อเขา
นางอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี โชคดีที่สาวใช้และพวกทหารข้างนอกต่างทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชิงถิงจูบซับเหงื่อของนางไปมา รอคอยอย่างใจเย็นจนนางหายเหนื่อย มีแรงลุกขึ้นจากตักของเขา แม้สองขาจะยังสั่นเทา แต่เสี่ยวเหอก็พอจะลุกขึ้นไหว นางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดให้พวกเขาทั้งสองคนจนเสร็จ
จากนั้นจึงปีนขึ้นไปหลับอยู่ข้างๆ เขาด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหลับ นางคล้ายจะได้ยินชิงถิงพูด
“ฝันดี ไม่ต้องกลัว ข้าจะรอพบเจ้าเมื่อเจ้าตื่นเสมอ” นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับคำสัญญาที่เขาบอกว่าไม่ต้องกลัว ไม่ว่านางจะหลับที่ใด เมื่อตื่นมาจะได้พบเขารออยู่ที่นั่นแน่นอน
เสี่ยวเหอหลับไปอย่างสบายใจ..
เสี่ยวเหอลืมตาตื่น มองสำรวจไปรอบด้าน ครานี้เหมือนนางจะนอนอยู่ใกล้ธารน้ำเล็กสายหนึ่ง รอบด้านมีแต่ป่าเงียบเชียบ ดูแล้วพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที นางหวาดกลัวจึงรีบวิ่งออกจากตรงนั้น สองขาเล็กๆ เดินออกมาไม่นานก็พบเนินเขาเตี้ยลูกหนึ่ง ร่างของเด็กชายคนหนึ่งอยู่บนนั้น
“เจ้าหลงทางอีกแล้วหรือ” ชิงถิงตัวอ้วนกลมที่แบกตะกร้าไว้ข้างหลัง ดูแล้วยังเด็กมาก เขาหันมาเห็นนางเข้าพอดีจึงร้องทัก
เสี่ยวเหอยิ้มและพยักหน้า
“มาสิ ข้าจะไปส่ง” เด็กชายตัวอ้วนกวักมือเรียก นางจึงวิ่งไปหาอย่างเชื่อฟัง
“หากเจ้าโง่เขลา วันหลังก็อย่าออกนอกหมู่บ้าน ห้ามมาเดินเล่นไกลเพียงนี้อีกนะ เข้าใจหรือไม่” เขาช่างปากเสียตั้งแต่เด็ก
แต่เสี่ยวเหอก็แค่ยิ้มพยักหน้าอย่างโง่งม
“ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไรแล้ว” นางถาม
“ทำไมช่วงนี้เจ้าชอบถามบ่อยๆ เรื่องอายุ มันสำคัญมากหรือ เอาเวลาไปคิดว่าตัวเองต้องเตรียมสิ่งใดเพื่อจะออกมาเดินเล่นไกลขนาดนี้ดีกว่าหรือไม่?”
เด็กน้อยชิงถิงยังบ่นนางอีกหลายเรื่องหลังจากนั้น เสี่ยวเหอน้อยเดินตามเขาและฟังเขาบ่นจนเหนื่อย นางจึงวิ่งไปขวางหน้าเขาไว้ และจับสองแก้มอ้วนนวดเล่นไปมา เด็กชายยืนชะงักค้างตกใจ
“เจ้าทำอะไรน่ะ!” เขาผลักนางออก ถามเสียงดุดัน
“ตอนเด็กเจ้าน่ารักเพียงนี้ แก้มนุ่มยังกับซาลาเปา ทั้งยังขี้บ่น พูดมาก เหตุใดโตขึ้นถึงได้เงียบขรึมนัก ถามคำก็ตอบคำ มีแค่บางช่วงเวลาเท่านั้นที่ชอบพูดมาก เป็นเพราะเหตุใดกัน ข้าสงสัยนัก” เสี่ยวเหอบ่นบ้าง
ชิงถิงน้อยนิ่งงัน ก่อนจะทำหน้าดุและรีบเดินหนีอย่างเร็ว ทั้งโมโหทั้งเขินอาย แต่เดินได้ไม่ไกลก็กลัวเด็กหญิงจะตามมาไม่ทัน จึงหันไปตะโกนเรียก
“พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว รีบกลับบ้าน เดินให้เร็วหน่อย”
เสี่ยวเหอเดินตามอย่างอารมณ์ดี นึกถึงคำสัญญาของชิงถิงเมื่อวาน
‘ไม่ว่าจะตื่นที่ใดก็จะพบข้ารออยู่แน่นอน’ เขาทำตามสัญญาจริงๆ ด้วย
เมื่อนึกถึงเมื่อวานก็นึกถึงความสุขสมที่เกิดขึ้นนั่นด้วย นางมองชิงถิงตัวอ้วนตรงหน้า ใครจะรู้ว่าโตขึ้นจะสูงใหญ่ ไหล่กว้างน่ากอดมากเช่นนั้น เสี่ยวเหอคิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก
ชิงถิงตัวอ้วนกลับหงุดหงิดไม่รู้ว่าเด็กหญิงหัวเราะอะไร ตัวเขามีอะไรน่าหัวเราะเช่นนั้น ใบหน้ากลมบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม
“ข้าไม่ได้หัวเราะเจ้า แต่ดีใจที่มีเจ้าอยู่ด้วย ทั้งยังใจดีพาข้ากลับบ้าน ข้าจึงดีใจมาก” เสี่ยวเหอรีบพูดเอาใจ
“รีบๆ เดิน” เด็กชายตอบกลับในขณะที่ขัดเขินจนหูแดง
เสี่ยวเหอเห็นแล้วรู้สึกว่าช่างน่ารักยิ่งนัก ไม่ว่ายามใดชิงชิงของนางก็น่ารักเสมอ ความอบอุ่นในใจทำให้ไร้สติไปชั่วครู่ นางจึงวิ่งไปจับแขนเสื้อเด็กน้อยชิงถิงไว้และรีบหอมแก้มเขาหนึ่งที
หนูน้อยเสี่ยวเหอรังแกเด็กชายแล้วก็รีบวิ่งนำหน้าไปด้วยความดีใจ เพราะเป็นเส้นทางที่เริ่มจะคุ้นเคย นางรู้แล้วว่าต้องไปทางไหนจึงเดินไม่รอเด็กชาย แต่เดินมาสักพักก็ไม่เห็นชิงถิงเดินตามมา
เสี่ยวเหอหันกลับไปมองดู เห็นเด็กชายเดินอยู่ไกลมาก ร่างเล็กอ้วนจ้ำม่ำก้มหน้าลง ท่าทางหวาดกลัวไม่ยอมเข้าใกล้นางอีก
เสี่ยวเหอจึงเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้สูงไปกว่าเด็กน้อยชิงถิงเลย ดูจากขนาดตัวเขาแล้วไม่เกินแปดเก้าขวบแน่ๆ นางก้มลงมองดูสองเท้าเล็กของตัวเอง นางก็อยู่ในร่างของเด็กไม่ต่างจากเขาสักนิด
‘เด็กหญิงวัยนี้ ใครจะไปหอมแก้มผู้ชายกัน!!’
เสี่ยวเหอตกใจกับความจริงข้อนี้ มองดูชิงถิงน้อยเอาแต่หวาดระแวงเดินก้มหน้าห่างออกไป นางอยากขอโทษเขา เด็กน้อยก็ไม่ยอมเดินมาใกล้ เขาอาจเข้าใจผิดเรื่องที่นางทำ
นางก่นด่าตัวเองในใจ พร่ำบอกกับตัวเองว่าต่อไปอย่าได้เผลอตัวอีก อย่าทำสิ่งใดที่ไม่ใช่ช่วงอายุนั้นควรทำ
เมื่อกลับถึงบ้าน เสี่ยวเหอน้อยบอกท่านแม่ว่าตัวเองหลงทาง ได้ต้าจื่อพามาส่ง ช่วยหาของอะไรให้นางนำไปขอบคุณเขาได้หรือไม่ แม่เลี้ยงจึงให้ขนมดอกกุ้ยและเนื้อแห้ง
เด็กหญิงตั้งใจจะนำไปขอบคุณและขอโทษ แต่เมื่อไปถึงที่บ้านของชิงถิง เรียกเท่าไรเด็กชายก็ไม่ยอมออกมาพบ เสี่ยวเหอได้แต่ฝากเนื้อและขนมกับพ่อของชิงถิง
เสี่ยวเหอรู้สึกไม่ดีที่ชิงถิงน้อยทำท่าทางหวาดกลัวนาง เขาถึงขั้นไม่ยอมออกมาพบนางแล้ว ไม่อาจรู้ได้เลยว่าการทำให้เด็กชายชิงถิงเกลียดจะส่งผลต่อการตัดสินใจในอนาคตด้วยหรือไม่
นางกลัวว่าหากเขาเกลียดนางวันนี้ วันหน้าเขาก็จะไม่ชอบไม่รักนางแล้ว เสี่ยวเหอกลัดกลุ้มหวาดกลัวสิ่งที่อาจส่งผลไปถึงอนาคต จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่ทำอะไรที่เกินอายุเช่นนี้อีก ห้ามเด็ดขาด!!!
ในขณะที่ชิงถิงน้อย จู่ๆ ก็มีเด็กสาวน่ารักมาหอมแก้ม ทั้งอับอายและเขินอายเกินกว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับใครได้ กลับถึงบ้านก็ขังตัวเองในห้องนอน ไม่กล้ากระทั่งออกมากินข้าวเย็น หัวใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับทั้งคืน แม้ในความฝันก็ยังคงจดจำริมฝีปากนุ่มๆ ของเด็กสาวได้
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง