เขาหลอกฉัน
ฉันขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางเดินไปที่คณะ ใบหน้าฉันก็เปื้อนรอยยิ้มมาตลอดทาง รู้สึกหัวใจพองโตตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เพราะท่าทางที่เปลี่ยนไปของเทมโป มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก ๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ
"ออร์แกน"ฉันหยุดชะงัก แล้วหันหลังไปที่ต้นเสียง ก็พบว่าเป็นหญิงสาวนักศึกษาที่คุ้นเคย และชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูทผูกเนคไทหน้าตาหล่อเหลา ฉันจึงคลี่ยิ้มหวานให้ทั้งคู่
"หว่าหวา พี่สิงห์"กำลังจะก้าวขาเดินไปหาทั้งสองแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคำพูดของเทมโปได้ลอยเข้ามาในหู
'อย่ายุ่งกับไอ้ภิสิงห์!'
"แกน"ฉันหลุดจากภวังค์ รู้ตัวอีกทีสองพี่น้องก็เข้ามาประชิดตัวฉันแล้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่า"เสียงทุ้มละมุนเอ่ยถาม
"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ"ฉันก้มหน้างุดแล้วตอบกลับเบา ๆ
"ไปหาที่นั่งกันเถอะ"หว่าหวาคว้าแขนกำลังจะดึงฉันไป
"เอ่อ...ขอโทษนะหว่าหวาฉันจะรีบขึ้นไป..."
"แก ไม่ได้ดูกลุ่มในไลน์เหรอ อาจารย์ยกคราสช่วงเช้า"หว่าหวาแทรกพูดขึ้นทำให้ฉันหน้าเหวอรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดดู
"จริงด้วย"ฉันพึมพำเบา ๆ แล้วเงยหน้าคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนสาวคนสวย
"ไปหาที่นั่งคุยกัน พี่สิงห์มีเรื่องจะคุยกับแกด้วย"ฉันหันไปที่ชายหนุ่ม เขาคลี่ยิ้มแล้วผงกหัวให้
"เอ่อ..."ฉันรู้สึกลังเลว่าจะไปดีไหม เพราะกลัวว่าเทมโปจะมาเห็นแล้วจะเป็นเรื่องอีก
"มีอะไรหรือเปล่า ไม่อยากคุยกับพี่เหรอ"
"พี่สิงห์จะคุยกับแกนเรื่องอะไรเหรอคะ"คำถามนั้นทำให้ภิสิงห์ต้องขมวดคิ้วจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าแปลกใจ
"เห็นพี่เป็นคนอื่นไปแล้วเหรอ..."แล้วเอ่ยออกมาด้วยคำพูดที่ดูน้อยใจ
"....ถ้าไม่มีเรื่องพี่ก็คุยกับแกนไม่ได้ใช่ไหม"พูดจบ เขาก็เบือนหน้าไปลอบหายใจ ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเลย
"นั่นสิ ทำไมแกนทำห่างเหินกับพี่สิงห์จังทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้ายังดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี"และคำพูดของหว่าหวายิ่งตอกย้ำให้ฉันดูแย่ลงไปอีก
"แกนขอโทษ.."ฉันกล่าวพร้อมกับคลี่ยิ้มให้ทั้งคู่
"..ไปหาที่ฉันคุยกันเถอะ"แล้วก็วิสาสะคว้าแขนของทั้งคู่ไปที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณคณะ ทำให้ทั้งสองฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
จากนั้นเราสามคนก็พากันนั่งที่เก้าอี้ม้าหิน และเป็นหว่าหวาที่เริ่มบทสนทนาก่อน
"เรื่องที่บ้านเป็นยังไงบ้างแกน"
"เอ่อ.."ฉันขมวดคิ้วใบหน้าสงสัย
"ก็ที่เมื่อคืนแกบอกว่าพ่อมีธุระจะคุยด้วยจึงกลับก่อนไง"ฉันนึกขึ้นได้ทันที ที่โกหกเพื่อนกลับก่อนเมื่อคืน
"อ๋อ..เอ่อก็ไม่มีอะไรมากหรอกพ่อแค่อยากจะให้แกนไปฝึกงานที่บริษัทที่ท่านทำ"ฉันเลือกที่จะกุเรื่องโกหกเพื่อนไปซะเลย
"อ้าว งั้นแกก็ไม่ได้..."
"แกนขอโทษด้วยนะ"ฉันแทรกพูดขึ้นแล้วหันไปที่ภิสิงห์ที่มีสีหน้าดูไม่แปลกใจ แต่ราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่
"พี่คิดไว้แล้วล่ะ"แล้วเขาก็พึมพำออกมาพอได้ยิน
"พี่สิงห์คิดอะไรไว้"หว่าหวาเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
"ก็คิดว่าแกนคงไม่ได้มาฝึกงานที่บริษัทพี่หรอกเพราะ...."เขาหยุดพูดแล้วถอนลมหายใจเบา ๆ
"เพราะอะไรพี่สิงห์พูดให้หมดสิ"น้องสาวท้วงติงให้คนเป็นพี่พูดด้วยความอยากรู้ แต่ตอนนี้หัวใจฉันเริ่มจะเต้นแรงขึ้น
"ก็เพราะเทมโป...."หันมาที่ฉัน
"...เทมโปใช่ไหมที่ไม่ให้แกนมาฝึกงานที่บริษัทพี่"ตุ่บ ตุ่บ ตุ่บ คราวนี้หัวใจฉันเต้นแทบจะทะลุออกมาจากอก เพราะสายตาดูกดดันสองคู่มองมาที่ฉัน
"เทมโปเกี่ยวอะไรด้วย"หว่าหวาจ้องหน้าฉันอยู่แต่ก็เอ่ยปากถาม
"...."ฉันก้มหน้าแล้วเม้มปากทั้งสองเข้าหากันแน่น คือพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ
"เมื่อวานเทมโปก็ไม่เห็นจะทักท้วงอะไรเลยหนิ"หญิงสาวยังคงพูดต่อแต่ยังจ้องหน้าฉัน
"เทมโปรู้?"หว่าหวาละสายตาจากฉันแล้วหันไปที่พี่ชาย
"ใช่ เทมโปรู้"
"หึ"ชายหนุ่มที่เป็นพี่ชายได้แต่แค่นหัวเราะในลำคอ
"หว่าหวาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแกนต้องทำตามคำสั่งของเทมโปด้วย ถ้าเขาให้แกนไปตาย แกนจะไปไหมถามจริง"หว่าหวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่หงุดหงิด
"หว่าหวา!"ภิสิงห์เอ่ยปรามน้องสาวของตนแล้วหันมาที่ฉัน
"พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม..."ฉันเงยหน้ามองไปที่ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา
"....แกนต้องตอบแทนบุญคุณเทมโปอีกนานแค่ไหน"
"หลังจากเรียนจบ"ฉันเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่พอที่จะให้สองพี่น้องได้ยิน
"แล้วถ้าไม่ต้องถึงตอนเรียนจบล่ะ"หว่าหวาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ดูเป็นห่วง
"เอ่อ..."ฉันเองก็ตอบอะไรไม่ได้จริง ๆ
"ต้องรอถึงเรียนจบ?"ฉันผงกหัวรับ
"เฮ้อ..พี่กลัวว่าถึงจะเรียนจบเทมโปก็ไม่ปล่อยแกนนะสิ"ภิสิงห์พ่นลมหายใจก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ฉันเองก็กังวลอยู่เหมือนกัน
"ถ้าแบบนั้นก็ต้องทำให้เทมโปปล่อยแกนก่อนที่จะเรียนจบ"ฉันหันขวับไปที่หว่าหวา
"หว่าหวาจะทำอะไร"เธอคลี่ยิ้มแล้วหันไปที่พี่ชายของตน ทั้งคู่ต่างยกยิ้มให้กันราวกับมีแผนอะไรบางอย่าง
เราสามคนต่างพูดคุยกันต่อสักพัก ภิสิงห์ก็ขอตัวกลับไปทำงาน ฉันกับหว่าหวาจึงเดินไปส่งที่รถของเขา จนกระทั่งภิสิงห์ขับรถออกไป ระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินกลับไปที่คณะ ก็มีรถยนต์คันหรูที่คุ้นเคยขับเข้ามา ฉันกับหว่าหวาหันไปดู จนเห็นชายหนุ่มลงมาจากรถ
"นั่นเทมโปนิ"ใช่แล้ว เจ้าของรถคันหรูก็คือเทมโป ฉันจ้องมองเขาแล้วเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงตอนที่เขาทายาให้ จนกระทั่งเขาเห็นฉันกับหว่าหวาจึงรีบเดินเข้ามาทันที
"ว่าไงหว่าหวา มารอฉันเหรอ"เทมโปเอ่ยทักทายหว่าหวาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่ชายตามองมาที่ฉันเลย
"เปล่าสักหน่อย"หญิงสาวปฏิเสธทันที
"คิดถึงฉันก็พูดมาเถอะ"ชายหนุ่มยังพูดหยอกล้อกับหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี ราวกับฉันไม่มีตัวตน
"นายนี่ก็หลงตัวเองเก่งเหมือนกันนะ"
"หึ"เทมโปกลั้วหัวเราะในลำคอ
"เราไปกันเถอะแกน"หว่าหวาคว้าแขนฉันแล้วกำลังจะก้าวขาเดิน
"จะไปไหนกัน"ชายหนุ่มเอ่ยถาม
"จะไปหาอะไรกินสักหน่อยน่ะ"หว่าหวาหันไปตอบ ในขณะเทมโปยกแขนดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะพูดขึ้น
"เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันข้างนอกดีกว่า"
"เอ่อ..."หว่าหวาหันมาสบตากับฉัน
"เธอไม่กล้าไปกับฉัน?"สิ้นเสียง หว่าหวาก็หันไปที่เขา
"แล้วจะปล่อยให้แกนอยู่คนเดียวหรือไง"
"แต่ก่อนก็อยู่ได้นิ"คำพูดของเขาราวกับเอาเข็มมาจิ้มที่หัวใจ
"พวกเธอไปกันเถอะ แกนไม่หิวอีกอย่างแกนจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดด้วย"ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บจี๊ด แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มทำให้รู้ว่าฉันไม่เป็นอะไร
"เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าออร์แกนอยู่คนเดียวได้"หว่าหวาหันมามองที่ฉันแล้วหันกลับไปที่เทมโป
"ก็ได้ ฉันจะไปกับนาย"เทมโปคลี่ยิ้มทันที ที่หว่าหวาพูดจบ
"งั้นแกนขอตัวก่อนนะ"ว่าจบ ฉันก็หันหลังเดินออกไปด้วยดวงตาที่เห่อร้อน ฉันมันเป็นคนโง่ซะจริง แค่เขาทำดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็หลงคิดว่าเขาจะใจดีกับฉัน ความจริงแล้วเขาแค่หลอกฉันให้ตายใจ เพื่อให้ฉันทำตามคำสั่งของเขา ฉันคงเป็นได้แค่เบ้ และนางบำเรอเท่านั้น
ฉันเดินขึ้นตึกมาด้วยอารมณ์ห่อเหี่ยว เหม่อลอยจนกระทั่ง ปลั่ก!
"ขะ ขอโทษ"ฉันรีบกล่าวขอโทษทันที ที่รู้ว่าชนกับชายร่างใหญ่
"ออร์แกน"
"ดีแลน!?"เป็นดีแลน หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเทมโปนั่นเอง
"ทำไมเดินเหม่อแบบนี้"ฉันคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้ ในช่วงแรก ๆ ดีแลนเป็นเพื่อนที่ฉันคุยบ่อยรองลงมาจากเทมโป แต่หลังจากที่ฉันกับเทมโปไม่เหมือนเดิม ฉันก็ค่อย ๆ ออกห่างจากทุกคน เราสองคนจึงไม่ค่อยได้พูดคุยกันเหมือนแต่ก่อน เพราะฉันก็รู้ว่าพวกเขาคงจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเทมโป นั่นคือเหตุผลที่ฉันถอยออกมา
"คิดอะไรนิดหน่อย นายไม่เป็นอะไรนะ"ดีแลนผงกหัวรับ
"ว่าแต่...เดี๋ยวนี้ฉันเห็นไปไหนกับหว่าหวา เป็นเพื่อนกันแล้วเหรอ"คำถามของดีแลนทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจสักเท่าไหร่
"ทำไมเหรอ แกนจะมีเพื่อนไม่ได้เลยใช่ไหม"
"ฉันไม่ได้หมายความว่ายังนั้น"ดีแลนรีบพูดขึ้นทันที
"...."ฉันไม่พูดอะไรแต่เบือนหน้าไปถอนหายใจเบา ๆ
"ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ"ฉันหันขวับไปที่ดีแลน
"เป็นห่วงฉัน?"
"ไอ้เทมโปมันไม่ยอมให้เธอมีเพื่อนคนอื่นหรอก...ฉันบอกแค่นี้แหละ"ว่าจบ ดีแลนก็เดินไป ไม่ปล่อยให้ฉันถามอะไรเลยทำให้ฉันรู้สึกมึนงง และสงสัยกับคำพูดของเพื่อนคนนี้มาก
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา