อย่าลืม
ฉันนั่งครุ่นคิดกับคำพูดของดีแลนที่พูดทิ้งไว้ก่อนจะไป จนทำให้ฉันไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันจ้องมองไปที่นาฬิกาก็รู้ว่ามันเป็นเวลาที่ต้องเข้าเรียนภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้แล้ว จึงรีบเก็บหนังสือ ใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องสมุดของคณะ
พอมาถึงหน้าห้องเรียนก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องก็ได้เห็นหว่าหวา กับเทมโปยั่งคุยกระหนุงกระหนิงอยู่ข้าง ๆ กัน มันทำให้ฉันรู้สึกหัวใจชา ๆ สั่น ๆ ราวกับเป็นโรคหัวใจ พยายามก้าวขาเดินเข้ามาด้านในแล้วหาที่นั่ง ที่ไกล ๆ จากสองคนนั้น ระหว่างที่กำลังขยับเก้าอี้แล้วจะหย่อนก้นลงนั่ง.
"แกน.."ฉันหยุดชะงักแล้วหันไปที่ต้นเสียงด้านหลังแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ
"...ไปไหนมาทำไมเพิ่งเข้ามาล่ะ"หญิงสาวหน้าตาสะสวยเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรเหมือนเดิม เธอยังคงดูน่ารักสดใสอย่างที่เคยเป็น
"แกนอ่านหนังสือเพลินไปหน่อยน่ะ"ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้มหวานส่งไป แม้ในหัวใจจะยังรู้สึกชา ๆ หว่าหวาเดินมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะเรียนของฉันก่อนที่จะย่อตัวมากระชิบเบา ๆ ที่ข้างหูฉันว่า
"หว่าหวาจะไปฝึกงานกับแกน"พูดจบ เธอก็ยืนตัวตรงเต็มความสูงร้อยหกสิบแปดเซนแล้วคลี่ยิ้มตาหยี
"หะ! หว่าหวาจะไปฝึกงานกับแกน?"เจ้าของใบหน้าสวยผงกหัวแล้วอมยิ้มด้วยแววตาที่สดใส
"พอดีว่าเทมโปชวนหว่าหวาไปฝึกงานที่บริษัทลุงเขาน่ะ หว่าหวาก็เลยตกลงเพราะจะได้เจอกับแกนด้วย..."ฉันคลี่ยิ้มให้แต่ภายในใจมีความรู้สึกมากมาย อย่างพูดไม่ออก
"...คราวนี้หว่าหวาก็ไม่เหงาแล้วล่ะ มีทั้งแกน ทั้งเทมโปฝึกงานไปด้วยกัน"
"อืม"ฉันขานรับสั้น ๆ แล้วล้วงเอาสมุดเลคเซอร์ออกมาจากกระเป๋าทำเป็นไม่ใส่ใจ
"ทำไมแกนมานั่งไกลจังล่ะ"เพื่อนสาวเอ่ยทัก
"เอ่อ.."
"หว่าหวา"ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีเสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อของเธอซะก่อน
"ว่าไงเทมโป"ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันต้องหันไปที่เขา
"ทำไมยังไม่มานั่งที่ อาจารย์จะเข้าแล้ว"เทมโปจ้องแต่หน้าหว่าหวาไม่ชายตามองฉันเลย
"หว่าหวากำลังจะให้แกนย้ายไปนั่งใกล้ ๆ เรา"
"ไม่ต้อง!..."คราวนี้เขาก็ได้ตวัดสายตามาที่ฉัน
"....ให้ออร์แกนนั่งตรงนั้นแหละ ส่วนเธอมานั่งตรงนี้"ฉันควรจะชินกับความรู้สึกนี้นะ แต่ทำไมไม่ชินสักที ยังรู้สึกวูบไหว และสั่น ๆ อยู่เหมือนเดิม
"หว่าหวารีบไปเถอะ อาจารย์จะเข้าแล้ว"ฉันเอ่ยปากบอกหว่าหวา เพราะถึงยังไงฉันก็คงไม่ไปนั่งใกล้ ๆ พวกเขาหรอก
"อืม งั้นเลิกเรียนค่อยคุยกันนะ"ฉันผงกหัวรับ จากนั้นหว่าหวาก็เดินไปนั่งข้าง ๆ กับชายหนุ่มผมสีทอง ซึ่งมันสร้างความพึงพอใจให้เขาเป็นอย่างมาก
ระหว่างที่อาจารย์สอนอยู่หน้าห้องในหัวฉันก็รู้สึกปั่นป่วน ไม่รับรู้ในสิ่งที่อาจารย์พูดเลย เพราะภายในหัวของฉันคิดแต่เรื่องของเทมโปกับหว่าหวา จนกระทั่งอาจารย์สอนเสร็จแล้วออกจากห้องไป ฉันรีบเก็บของแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงไปหาเทมโปเพื่อจะขอคุยส่วนตัวอะไรบางอย่าง
"เทมโป แกนขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ"เจ้าของใบหน้าหล่อเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"มีอะไร"เขาเอ่ยถามเสียงทุ้มเรียบ
"เอ่อ..."
"แกนคงมีธุระสำคัญจะคุยกับนาย....."นั่นเป็นเสียงหวานของหว่าหวาที่พูดขึ้นแล้วยกยิ้มให้ฉัน ก่อนที่จะยกแขนสะกิดไหล่ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ
"....นายไปเถอะ"สิ้นเสียง เทมโปก็พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่
"เธอรอฉันตรงนี้นะ"เขาพูดกับหว่าหวาด้วยน้ำเสียงละมุน ก่อนจะหันมาที่ฉัน
"ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะจะไปก็ไปสิ"ฉันตกใจเล็กน้อย แต่รู้สึกน้อยใจมากกว่ารีบก้าวขาเดินนำหน้าชายหนุ่มออกมาทันที
"เทมโปชอบหว่าหวาจริง ๆ ใช่ไหม"พอมาถึงในที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่านฉันก็เอ่ยถามทันที
"เกี่ยวอะไรกับเธอ"เขาตอบกลับแล้วเบือนหน้าไปลอบหายใจ
"เทมโปให้หว่าหวาไปฝึกงานที่บริษัทด้วยเหรอ"เมื่อไม่ได้คำตอบในคำถามแรกฉันจึงเปลี่ยนคำถาม
"อืม"ชายหนุ่มร่างสูงเอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วตอบกลับโดยไม่ได้มองหน้าฉัน
"...."ฉันได้แต่ก้มหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่ออีก ถึงถามไปเขาก็คงไม่ตอบ
"มีเรื่องจะคุยแค่นี้?"พูดจบ เทมโปก็หันหลังกำลังจะก้าวขาเดิน แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันกล้าที่จะคว้าแขนของเขาไว้
"เทมโป..."สายตาคมหลุบตามองลงที่แขนของเขาซึ่งมีมือฉันจับอยู่
"....ไหนบอกว่าถ้าแกนเลิกยุ่งกับภิสิงห์เทมโปก็จะเลิกยุ่งกับหว่าหวาไง"ใช่ เขาบอกกับฉันแบบนั้น
"ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อนเธอเลยนะ..."เขาสะบัดแขนจนมือฉันที่จับหลุดออก
"....แล้วถ้าจะทำมันเป็นเพราะเพื่อนเธอเต็มใจให้ฉันทำเอง"
"แกนขอได้ไหม..."
"สถานะอย่างเธอขออะไรฉันได้ด้วยเหรอ"ฉันยังพูดไม่จบประโยคเทมโปก็สาดคำพูดที่แทงใจส่งมา
"ทะ เทมโป"
"หรือเธอคิดว่าที่ฉันดีด้วยก็เพราะฉันชอบเธอ....หี"เขาเงยหน้าขึ้นเพดานแล้วกลั้วหัวเราะแล้วส่ายหน้า
"อย่าสำคัญตัวเองไปสิออร์แกนตอนนี้เธอยังอยู่ในสถานะไหน..เธอเองก็น่าจะรู้ดีจะให้ฉันคอยย้ำคอยบอกตลอดเลยหรือไง หะ!"ฉันรู้สึกดวงตาเห่อร้อน และเจ็บจี๊ดที่ใจ แต่ต้องกล้ำกลืนเก็บไว้ ก่อนจะกดฟังพูดออกไป
"สถานะของแกนจะสิ้นสุดลงหลังจากเรียนจบใช่ไหม"
"อืม...จากนั้นเธอจะไปไหนก็ไป แล้วจะไปเอากับใครก็เรื่องของเธอ"ว่าจบ ชายหนุ่มร่างสูงก็ก้าวขาแกร่งเดินไป ฉันมองดูแผ่นหลังเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า พยายามไม่ให้มันไหลรินออกมา
พอฉันเดินกลับมาที่ห้องเรียนก็เห็นว่าเทมโปกับหว่าหวากำลังเดินสวนฉันออกมา
"แกน หว่าหวากลับก่อนนะ"ฉันชะงักแล้วก็ผงกหัวรับ
"เทมโปจะไปส่งน่ะ พอดีเมื่อเช้าหว่าหวาไม่ได้เอารถมา"เธอพูดต่อแล้วหันไปที่เทมโปที่ยืนข้าง ๆ สลับกับหันมายิ้มให้ฉัน
"แกนก็ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ"
"อืม"ฉันขานรับสั้นแล้วยิ้มหวานให้ จากนั้นเทมโปก็จับมือหว่าหวาเดินออกจากห้องไป
ฉันขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ซึมเศร้า ไม่รู้ทำไมฉันยังจะหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าสักวันเทมโปจะมองเห็นค่าในตัวฉันเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนไปเป็นแฟนบ้าง บ้าจริง! เขาทำขนาดนี้แล้วยังจะหวังอยู่ได้ ฉันนั่งบ่นและต่อว่าตัวเองมาตลอดทางจนกระทั่งขับรถมาถึงบ้าน ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถยนต์คันหรูที่คุ้นตาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน
"รถพี่สิงห์นิ"ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน
"ยัยแกนกลับมาแล้ว"แม่ยืนขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาที่ฉัน ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งนั่งหันหลังเขาได้หันมามองฉันแล้วคลี่ยิ้มให้
"คุยกับภิสิงห์ไปก่อนนะเดี๋ยวแม่จะไปทำมื้อเย็น"แม่พูดพลางเอามือมาลูบที่หัวในขณะที่ฉันยกมือไหว้ท่าน ว่าแล้วแม่ก็เดินเข้าไปในครัว
"พี่สิงห์มาหาแกนมีอะไรหรือเปล่าคะ"ฉันเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วเอ่ยถามทันที
"ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่อยากจะชวนแกนออกไปทานมื้อเย็น..."ภิสิงห์แล้วอมยิ้มก่อนจะหันไปที่ห้องครัวเปิดที่มองเห็นแม่กำลังจัดเตรียมกับอาหารอยู่
"...แต่แม่แกนชวนพี่ทานข้าวที่บ้านท่านอยากจะโชว์ฝีมือทำอาหารหน่ะ"ฉันฉีกยิ้มแล้วมองไปที่ครัวแล้วส่ายหน้าเห็นแม่กำลังง่วนกับการทำอาหารอย่างน่าเอ็นดู
"คงไม่รบกวนนะ"ฉันละสายตาจากแม่แล้วหันมายิ้มให้เจ้าของใบหน้าหล่อ
"ไม่เลยค่ะ.."
"...จริงสิ พี่ไม่ไปรับหว่าหวาเหรอคะ"ฉันนึกขึ้นได้ว่าหว่าหวากลับกับเทมโปพี่ชายอย่างเขาไม่ห่วงน้องสาวเลยเหรอ
"หว่าหวาโทรมาบอกพี่แล้วว่าเทมโปจะไปส่ง"ฉันขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมเขาถึงเชื่อใจเทมโป
"พี่เชื่อว่าหว่าหวาดูแลตัวเองได้"
"แล้วพี่เชื่อใจเทมโป?"ด้วยความอยากรู้ถึงหลุดปากถามออกไป
"หึ"ภิสิงห์ไม่ตอบได้แต่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา