เมื่อถึงเวลาที่คลับเปิดให้บริการ ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง เหล่าสาวๆ พีอาร์ต่างรีบเดินออกจากห้องแต่งตัวออกไปประจำที่ของตัวเองเพื่อต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ
ฟู่ววว~
จัสมินเป่าลมออกทางปากเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำรัดรูปกระโปรงสั้นแค่คืบ ก็คงจะจริงอย่างที่มุกหมวยว่าไว้ ต่อให้เธอจะมาช้าหรือมาเร็ว สุดท้ายชุดที่เธอเลือกใส่ก็เป็นสีดำอยู่ดี
ร่างบางเดินกรีดกรายบนรองเท้าส้นสูงด้วยความมั่นใจ ริมฝีปากอวบอิ่มอมยิ้มเล็กน้อยเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง ความโด่ดเด่นของเธอเป็นที่พูดถึงในหมู่ลูกค้าค่อนข้างมาก แค่เดินผ่านก็ทำเอาต้องเหลียวมองตามกันเป็นแถบ
ยกเว้นก็แต่เจ้าของคลับที่เดินสวนกับเธอเข้าพอดี เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอเลยสักนิด เดินเฉียดไหล่ของเธอออกไปราวกับมองไม่เห็นกัน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่ได้แปลกอะไร เพราะโดยปกติแล้วนั้นไนต์จะไม่พูดคุยกับพนักงานคนไหนถ้าไม่จำเป็น ไม่เว้นแม้แต่เธอที่มีสถานะลึกซึ้งกับเขามายาวนานหลายเดือนจนทุกคนที่ทำงานในคลับนี้ต่างก็พูดถึงกันให้สนุกปากว่าสมภารกินไก่วัด แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดให้ไนต์ได้ยินสักคน
จัสมินเลิกสนใจคนตัวสูงที่เดินหน้านิ่งสวนกับเธอไป ก่อนจะเดินต่อไปยืนกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เพื่อรอให้ลูกค้าเรียกเข้าไปบริการ ที่คลับแห่งนี้จะเป็นระบบสมาชิก คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกต่อให้มีเงินมากมายขนาดไหนก็จะถูกปฏิเสธการเข้าใช้บริการ และคนที่จะเป็นสมาชิกของคลับแห่งนี้ได้จะต้องถูกตรวจสอบประวัติย้อนหลังอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะได้รู้ตัวและระบุได้ว่าใครเป็นใคร
“จัสมิน โต๊ะ 9 เรียกเธอ”
ผู้จัดการสาวสวยที่มีหน้าที่ดูแลพีอาร์ประจำคลับเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงจุดที่เหล่าสาวๆ ยืนอยู่ ทำเอาคนอื่นๆ ที่ออกมาก่อนต่างจิกตามองไปที่เจ้าของชื่ออย่างริษยา ทั้งที่เพิ่งจะเดินออกมาแต่กลับถูกเรียกเข้าไปที่โต๊ะเลยทันที
จัสมินไม่ได้สนใจสายตาจิกกัด เธอพยักหน้าให้กับผู้จัดการสาวก่อนจะเดินตามหลังไปที่โต๊ะหมายเลข 9 เพื่อทำงานบริการของตัวเองตามปกติ...
โต๊ะหมายเลข 9 ถูกจับตามองอย่างไม่วางตาจากเจ้าของคลับที่ยืนมองอยู่ในห้องกระจกวีไอพีชั้นสอง การโอบกอด ลูบไล้ คลอเคลีย ทุกการกระทำของสมาชิกคลับคนหนึ่งกับพีอาร์สาวอยู่ในสายตาของเขาหมดทุกอย่าง
แก้วไวน์ในมือหนาถูกบีบแน่นจนแทบจะแตกละเอียดคามือ สายตาคมจ้องมองลงไปที่ชั้นล่างอย่างไม่วางตา แม้จะมองไม่ค่อยชัดเพราะแสงไฟหลากสีที่ถูกเปิดสลับไปมา แต่จากมุมนี้ของห้องวีไอพีก็ทำให้มองลงไปเห็นชั้นล่างได้เกือบทั่วบริเวณ ต่างจากคนที่อยู่ด้านล่างต่อให้มองขึ้นมาก็ไม่เห็นอะไร ขึ้นชื่อว่าวีไอพี ทุกอย่างต้องเป็นส่วนตัวมากอยู่แล้ว
“ให้ตามเธอมั้ยครับ” ธันย์ ลูกน้องคนสนิทของไนต์เอ่ยถามเสียงเรียบที่เห็นเจ้านายหนุ่มเอาแต่ยืนมองลงไปที่โต๊ะหมายเลข 9 ด้วยแววตาดุดัน ทว่าสีหน้ากลับนิ่งเฉย
“…”
ไร้คำตอบจากไนต์ ความเงียบทำให้ธันย์เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ และไม่คิดจะทำอะไรหากไม่ได้รับคำสั่งใดๆ
กึก!
เกิดเสียงดังกึกขึ้นท่ามกลางเสียงจังหวะดนตรีที่ดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องเบาๆ ทำให้ธันย์ที่เลิกสนใจเจ้านายหนุ่มไปหลังจากที่ถามไม่ตอบ ต้องเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างสูงโปร่งของไนต์อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าแก้วไวน์ในมือของไนต์นั้นแตกคามือ ไวน์ในแก้วไหลอาบลงตามมือหยดลงพื้นห้องเป็นทาง
ธันย์รีบลุกจากโซฟาเดินตรงเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มที่ยังยืนนิ่ง เหมือนจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำแก้วไวน์แตกคามือไปแล้ว สาเหตุก็คงหนีไม่พ้นโต๊ะหมายเลข 9
“ให้ผมตามเธอมั้ย?” ธันย์ถามย้ำคำถามเดิมที่เคยถามไปก่อนหน้าอีกครั้ง
“กลับ” ไนต์เอ่ยขึ้นสั้นๆ ปล่อยเศษซากของแก้วไวน์ในมือทิ้งลงพื้นแล้วหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูทันที ไม่ได้สนใจว่าที่มือตัวเองจะมีบาดแผลจากการถูกแก้วบาดไหม
ร่างสูงโปร่งก้าวยาวๆ ออกจากห้องวีไอพีลงไปยังชั้นล่างเพื่อจะกลับเพนท์เฮาส์ของตัวเอง สีหน้าที่เคยเรียบนิ่งในตอนเข้ามาแปรเปลี่ยนเป็นความดุดันในตอนที่เดินกลับออกไป ทำเอาเหล่าพนักงานที่พบเห็นต่างรีบก้มหน้าหลบสายตาด้วยความสั่นกลัว ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นสีหน้าดุดันแบบนี้
ไนต์กลับถึงเพนท์เฮาส์ด้วยความไม่สบอารมณ์ สั่งให้คนสนิทอย่างธันย์เปิดไวน์ขวดใหม่ไว้ให้ ส่วนตัวเองก็เข้ามาหาอุปกรณ์ทำแผลที่เก็บอยู่ในห้องนอน จัดการล้างแผลที่มือของตัวเองหยิบผ้าพันแผลมาพันไว้ลวกๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจ เมื่อทำแผลเสร็จก็เดินกลับออกมาจากห้องนอน
“ทำไมมึงยังอยู่” ไนต์ถามเสียงเรียบที่เดินออกมาแล้วยังเห็นว่าธันย์นั่งอยู่ในห้อง
“เผื่อนายมีอะไรจะใช้ผมอีก”
“ไม่มี มึงลงไปพักเถอะ”
“ครับ” ธันย์ขานรับกดหน้าลงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูลิฟต์ส่วนตัว เพื่อจะลงไปที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ชั้นล่างของเพนท์เฮาส์หรูแห่งนี้
หลังจากที่ธันย์ลงลิฟต์ไปไนต์ก็เดินไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมารินไวน์ที่ธันย์เปิดไว้ให้ใส่ในแก้วจนเกือบจะเต็ม ก่อนจะยกมันขึ้นกระดกลงคอด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น
ภาพที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังโอบกอดลูบไล้เอวบางของพีอาร์สาวสวยตัวท็อปของคลับยังคงติดตาเขาไม่จางหาย พนักงานของคลับเขาทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปัดป้องเมื่อลูกค้าถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไป แต่นี่เธอกลับไม่คิดปัดป้องปล่อยให้ลูกค้านั่งโอบกอดลูบไล้เอวคอดและสะโพกอยู่แบบนั้น เห็นแล้วมันทำให้เขาหงุดหงิดที่เธอไม่คิดจะระวังตัวเอง
หรือเขาจะให้อิสระกับเธอมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ บางทีเธออาจจะลืมว่าตัวเองมีข้อตกลงที่ผูกมัดกับเขาอยู่ก็ได้ ถึงได้นั่งให้ลูกค้าลูบไล้อยู่แบบนั้น
ปึก!
แก้วไวน์ที่ยกดื่มจนหมดถูกวางลงกระแทกกับเคาน์เตอร์บาร์เสียงดังปึก ไวน์ในขวดถูกรินใส่ในแก้วใบเดิมอีกครั้ง ไนต์หยิบแก้วไวน์เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้องด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาหลายชั่วโมง เพราะเขาเพิ่งจะบินกลับมาจากบ้านเกิดที่อังกฤษ กลับมาถึงก็ให้ธันย์เอาของไปส่งให้กับคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ตอนนี้ให้ถึงคอนโด
ถ้ารู้ว่าเธอจะไปนั่งให้คนอื่นลูบไล้ ตอนที่เดินสวนกันเขาน่าจะลากเธอออกมาด้วย ถ้าทำแบบนั้นเขาก็คงไม่ต้องหงุดหงิดอยู่แบบนี้ แค่นึกว่าตัวเองต้องกอดจูบเธอต่อจากใครบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เขาเพิ่มขึ้นไปอีก
นานวันเข้าเขายิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ต้องมาเห็นภาพแบบเดิมซ้ำๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ในเมื่อข้อตกลงเดียวที่เขามีให้เธอคือห้ามรู้สึกเกินกว่าสถานะที่มี นอกเหนือจากนั้นเธอจะทำอะไรเขาก็คงไม่มีสิทธิ์ไปห้าม และนั่นก็งานของเธอ งานที่เปลืองตัวจนทำเอาเขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็นภาพการทำงานของเธอ
แก่นกายใหญ่ถูกดันเข้าไปภายในความคับแน่นของกายสาว ผนังร้อนที่นุ่มหยุ่นด้านในตอดกระตุกรัดแน่นทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านเข้าไป“อ๊ะ อื้อ...”จัสมินครางกระเส่าร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่คนตัวสูงส่งผ่านมา สายตาที่พยายามจะโฟกัสที่ท้องฟ้าถูกคนตัวสูงดึงดูดความสนใจไปหมดแล้วการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาสะกดให้เธอเพ่งมองแค่เขาไม่อาจละสายตา มือหนาที่จับขาเธอแยกออกจากกันกว้างเลื่อนขึ้นมาจับเอวคอดของเธอไว้แน่น กดจังหวะรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงไนต์ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก โน้มตัวลงหาเธอจนแผงอกแกร่งแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น กดริมฝีปากจูบลงที่ไหล่เล็กไล่ขึ้นตามลำคอระหง สองแขนค้ำยันทรงตัวเร่งจังหวะถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งกระตุกอยู่ใต้พันธนาการ“อ๊ะ คุณไนต์ อื้อ... คะ คุณ...” คนตัวเล็กครางกระเส่า ยกมือขึ้นโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงใกล้ถึงขีดสุดริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบซับขึ้นตามลำคอระหงจนถึงใบหูเล็ก ตวัดลิ้นเลียที่ใบหูของเธอจนร่างบางสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม“อื
“อ๊ะ...”เสียงครางแผ่วดังมาจากคนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดด้วยความตั้งใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตัวสูงไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ“เป็นอะไร ทำต่อสิ” ไนต์ถามเสียงเรียบทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงเขากำลังก่อกวนเธอด้วยการบีบเคล้นสะโพกของเธออยู่“คุณก็อยู่นิ่งๆ ก่อนสิคะ”“สั่งฉัน?”“ถ้าคุณไม่นิ่งฉันก็ทำไม่ได้ เงยหน้าหน่อยค่ะ”ไนต์เงยหน้าขึ้นตามที่คนตัวเล็กบอก หยุดมือที่บีบขย้ำสะโพกของเธอลง ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้เขายอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เธอโกนหนวดให้ต่อไปจัสมินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนตัวสูงยอมเงยหน้าตามที่เธอบอกง่ายๆ แถมยังยอมหยุดขย้ำสะโพกเธอด้วย แต่มือเขาก็ยังวางแหมะอยู่ที่ข้างต้นขาของเธอไม่ยอมขยับออกห่าง“เม้มปากให้หน่อยค่ะ”เป็นอีกครั้งที่ไนต์ทำตามคำสั่งอย่างไม่ถกเถียงอะไร ทำให้การโกนหนวดของจัสมินราบรื่นขึ้นจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยมือเล็กลูบเบาๆ ไปตามกรอบหน้าและปลายคางของคนตัวสูง เพื่อทดสอบดูว่าตัวเองนั้นโกนหนวดให้เขาเกลี้ยงเกลาดีแล้วหรือเปล่าสายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ดูจริงจังอย่างตั้งใจไม่วางตา เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเพราะอะไรเขาถึงได้เล่นกับเธอได้นานขน
จัสมินกลับถึงคอนโดตัวเองในช่วงเย็นที่แสงสว่างจากธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ เธอกับไนต์แยกกันที่ลานจอดรถ และเธอไม่ได้ถามว่าเขาจะไปไหนต่อ หรือเอาง่ายๆ คือเธอไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องส่วนตัวของเขา แม้จะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหนทำอะไรก็ได้แต่เก็บความสงสัยที่มีเอาไว้ในใจกล่องนาฬิกาเรือนหรูที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ถูกหยิบออกมาเปิดดูอีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าไว้ในตู้โชว์อย่างดิบดี ดวงตาคู่สวยกวาดมองดูตู้เครื่องประดับของตัวเองที่มีทั้งนาฬิกา กำไลข้อมือ สร้อย แหวน รวมไปถึงตุ้มหู และเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย รวมๆ แล้วในตู้นี้มีมูลค่ามากถึงเลขเจ็ดหลัก ถ้ารวมพวกกระเป๋ารองเท้าด้วยราคาก็น่าจะเหยียบแปดหลักได้เธอคงจะเป็นของเล่นราคาแพงอย่างที่เขาว่าจริงๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่ให้มา แต่จะมีกระเป๋าใบหนึ่งที่ลูกค้าประจำที่เธอดูแลซื้อให้เป็นของขวัญ แต่ไนต์ไม่รู้ เขาคิดว่าเธอซื้อเอง และเธอก็ตั้งใจให้เขาเข้าใจแบบนั้น เพราะไม่อยากจะให้มีปัญหาตามมาครืน… ครืน…สมาร์ทโฟนที่ถูกปิดเสียงไว้เกิดแรงสั่นขึ้นให้ได้ยิน จัสมินละสายตาจากตู้เครื่องประดับมองหาสมาร์ทโฟนของตัวเองคิ้วเรียว
จัสมินและเทียร์น่าเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางกันอย่างสนุก จากที่แรกๆ จัสมินเกร็งจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่พอถูกเทียร์น่าจับให้ลองนั่นนี่ก็คลายความเกร็งที่มีลง ไปๆ มาๆ พวกเธอสองคนคล้ายจะคุยกันถูกคอซะแล้ว“เทียร์ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับพี่มินมากเลยค่ะ หวานๆ แต่ซ่อนความเซ็กซี่ ดูน่าค้นหาสุดๆ”จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเอง หันไปมองตามเสียงของเทียร์น่าที่ยื่นกระดาษเทสกลิ่นน้ำหอมส่งมาให้เธอลองดมดู“หอมดีนะคะ แต่พี่มีกลิ่นประจำที่ชอบอยู่แล้ว” เธอเคยลองเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นดูแล้วแต่ไนต์ไม่ชอบ...เลยต้องกลับมาใช้กลิ่นเดิม“กลิ่นไหนคะ ขอเทียร์ลองหน่อยสิ”ได้ยินแบบนั้นจัสมินก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองใช้ประจำส่งให้กับเทียร์น่าได้ลองดมกลิ่นดู“เอ๋...กลิ่นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากพี่ไนต์เลยค่ะ” เทียร์น่าเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย พลางลอบสังเกตความผิดปกติของพี่สาวคนสวยที่เพิ่งได้รู้จักกัน“สงสัยคุณไนต์ก็คงใช้กลิ่นนี้ด้วยมั้งคะ”“พี่มินคะ นี่น้ำหอมผู้หญิงค่ะ พี่ไนต์ไม่ใช้อะไรแบบนี้หรอก” เธอว่าเธอมองไม่ผิดแน่ พี่ชายของเธอกับจัสมินต้องมีอะไรมากเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่
จัสมินก้มหน้าก้มตาทานราเมงที่สั่งมา กะว่ารีบทานให้เส็จเร็วๆ จะได้รีบออกไปจากร้านนี้ แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังเร่งรีบ คนที่นั่งอยู่โต๊ะในระดับสายตาก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเธอแล้วคนตัวเล็กมองตามสองคนหนุ่มสาวที่เดินออกจากร้านอาหารไป แล้วแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดในการทานอาหารมื้อนี้ตอนแรกก็กะว่าจะรีบทานรีบออกไป แต่พอเห็นคนทั้งคู่ลุกไปก่อนเลยเลือกที่จะนั่งทานอาหารมื้อแรกของวันต่ออย่างใจเย็น แต่ในหัวก็ยังเอาแต่นึกถึงภาพของสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา อยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าเป็นคนรักของเขา เธอจะได้รีบจัดการตัวเองออกจากความสัมพันธ์นั้นโดยเร็ว ก่อนที่คนของเขาจะรู้ตัว...ฟุ่บ!ขวับ!ใบหน้าสวยหันขวับด้วยความรวดเร็วเมื่ออยู่ๆ ที่ว่างข้างกายก็มีคนเดินมานั่ง ความตกใจทำให้เธอรีบขยับออกห่างอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงเป็นใครก็ไม่ได้ทำให้ความตกใจของเธอลดน้อยลงเลย“คุณไนต์?!” ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ เขากลับมาหาเธอเหรอ หรือว่าลืมของไว้แล้วแค่เดินกลับมาเอาไนต์จ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะละสายตาจากร่างบางมองไปบนโต๊ะที่มีถ้วยรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับผิวกายที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม ปลุกให้คนตัวเล็กที่หลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลียรู้สึกตัว มือเล็กเอื้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายตัวเองจนถึงคอทั้งที่ตายังหลับ ขยับขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแรงขยับตัวของเธอดึงความสนใจจากคนตัวสูงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ให้ละสายตาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือหันไปมอง ไนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางการนอนของคนตัวเล็กผ่านรูปร่างของผ้าห่มผืนใหญ่ เธอขดตัวเข้าหากันจนแทบจะเป็นก้อนกลมๆ อยู่แล้วสายตาคมเหลือบมองที่รีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศ เอื้อมมือหยิบขึ้นมากดปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะตอนแรกที่เขามาถึงเขาเปิดทิ้งไว้ที่ 18 องศา จากนั้นก็มีกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปไม่น้อยกว่าสองรอบ ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าอุณหภูมินั้นเย็นเกินไป แต่ตอนนี้กิจกรรมนั้นจบลงแล้ว และคนตัวเล็กเจ้าของห้องก็หมดแรงไปแล้วอย่างที่เห็นหมับ!ไนต์รีบหันกลับมามองเมื่อมีแรงกอดกระชับลงบนขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม คนที่เคยนอนขดตัวอยู่ข้างๆ ตอนนี้ขยับตัวเองมาแนบชิดกอดขาเขาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ข้างเอวสอบของเขาไปด