สองเดือนผ่านไป... อาคเนย์กลับมาทำงานตามเดิม เพิ่มเติมคือเขาถูกกันออกจากคดีเรือยอร์ชอย่างสิ้นเชิง หากแอลยังพัวพันอาคเนย์คงไม่ปล่อย แต่ตอนนี้คดีคลี่คลายไปมากแล้ว แอลไม่เกี่ยว... พูดตามจริงก็คือ แอลเป็นเป้าหมายในการกระทำครั้งนั้นด้วยซ้ำ แต่คนที่ตายแทนกลับเป็นอีกคนที่มีปัญหากับแอลเพราะเขม่นกัน หากคนตายไม่แย่งแก้วไวน์ตัดหน้าแอลด้วยหวังจะหักหน้า ก็อาจเป็นแอลที่ตายไปแล้ว อาคเนย์อยากหาสาเหตุจึงได้แต่แอบซ่อนความสงสัยแล้วสืบหาข้อมูลทางลับแทน ระหว่างนั้นเขาไม่ได้เจอกับแอลอีกเลย สองเดือนก่อนที่ติดตามแอลไปที่งานเลี้ยง อาคเนย์ได้รับรู้ว่านอกจากจะเป็นงานเลี้ยงรับรองแขกระดับสูงของพ่อเลี้ยงทรงพลที่รีเควสให้แอลไปร้องปิดงานให้ ซึ่งสร้างความฮือฮาให้แก่สาวน้อยสาวใหญ่ลูกหลานนักการเมืองเหล่านั้นได้ดี แต่... เพราะการเปิดตัวของแอนนี่ในฐานะคู่หมายที่จะมีงานหมั้นกันกับแอลเร็วๆ นี้ ทำให้สาวๆ ฝันค้างแล้ว อาคเนย์ก็หมดหวังในตัวน้องน้อยเช่นกัน ตั้งแต่นั้นอาคเนย์จึงมุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก ไม่ถึงเดือนเขาก็นำกำลังทลายบ่
“แน่ใจเหรอ”วาสนาเยาะ “หากเกิดอะไรขึ้น เธอไม่เพียงแต่ช่วยแอลไม่ได้ เธอยังจะเป็นตัวยุ่งยากในชีวิตลูกชายฉันอีก”“ผมจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเป็นครั้งที่สอง”“ฉันไม่เชื่อคำพูดเธอ”“โธ่! คุณน้าครับ”“อย่าเลย”“คุณน้าครับ!”“ถ้าไม่อยากให้หน้าที่การงานพังหรือเจ็บตัวอีกก็ลืมอินไปซะ ฉันพูดได้เท่านี้เพราะเห็นแก่แอล”อาคเนย์ถึงกับชะงักกับคำพูดคล้ายข่มขู่นั่น คงไม่ใช่อย่างที่คิดกระมัง คุณน้าพยาบาลคนที่เคยใจดีกับเขามาก คงไม่ทำแบบนั้น“คุณน้ากำลังขู่ผม”“ไม่เชิงขู่”“ถ้าผมไม่หยุด”“เธอจะเสียใจ”“แต่ผมรักอิน...”อาคเนย์พูดได้แค่นั้นก็ถูกตบจนหน้าหัน เขาตกใจที่จู่ๆ ก็โดนฝ่ามือเรียวตบเข้าเต็มแรงจนหน้าสั่น“หุบปากแล้วเอาไว้พูดให้พ่อกับแม่ของเธอฟังเถอะ อย่ามาพูดว่ารักอินให้ได้ยิน ฉันจะอ้วก”อาคเนย์รับรู้ความคับแค้นใจของคนตรงหน้าได้ดี เพราะเขานั่นแหละที่ทำให้ทั้งสองต้องกระเด็นออกไปจากเมืองไทยด้วยความเสียใจคุณน้าพยาบาลใจดีที่พาอินทัชของเขาหนีไปไกลจากสังคม ไปจากคนรอบข้าง ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปราวกับไร้ร่องรอย ไม่ว่าอาคเนย์จะสรรหาวิธีติดต่ออินทัชแค่ไหนแต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆ สิ่งนี้ทำให้อาคเนย์ไม่ให
อาคเนย์ก้าวแหวกผู้คนเดินตรงไปหน้าเวที ยิ่งใกล้ยิ่งใจเต้น ยิ่งเห็นแอลในชุดสูทสีขาวสะอาดยิ่งนึกถึงภาพในอดีตที่เขากับอินทัชเคยคุยกันวันวาน.”อินร้องเพราะมั้ยพี่เน...” อินทัชถามเจื้อยแจ้วขณะลงโน๊ตตอนจบส่งท้ายประโยคบาดใจอาคเนย์ไม่ตอบแต่จ้องเด็กหนุ่มด้วยแววตาหยาดเยิ้มก่อนจะพยักหน้ารัวๆ จนอินทัชยิ้มตาหยียีหัวพี่ชายข้างบ้านทันที“นี่แน่ะ”“โอ๊ย! ผมเสียทรงหมดอิน!” อาคเนย์โวยวายอินทัชมุ่ยหน้าค้อนขวับก่อนจะจ้องตัวเองในกระจกห้องลองเสื้อด้วยความชื่นชม“ถ้าเข้ารอบลึกๆ อินจะใส่ชุดนี้วันประกวดร้องเพลงนะพี่เน” “แต่ชุดเป็นทางการไปรึเปล่า” อาคเนย์แย้งระหว่างจ้องดวงหน้าขาวนวลสลับกับชุดที่สวมใส่ อินทัชในชุดสูทสีขาวผูกหูกระต่ายสีดำดูเนี๊ยบกริบทุกกระเบียดนิ้ว ช่างดูดีอะไรขนาดนี้ อาคเนย์ตาปรอยมองน้องน้อยด้วยความชื่นชมจนกระทั่งเสียงกระเง้ากระงอดเบาๆ จากเจ้าของดวงหน้านวลใสดังขึ้น เขาจึงรู้ตัว “ก็อินชอบ หรือพี่เนว่าชุดนี้ไม่ดี” “ดี ถ้าชอบก็ตามใจอินเลย” อาคเนย์หยิกแก้มอินทัชเบาๆ ให้กำลังใจ อินทัชถึงกับยิ้มออก เป็นรอยยิ้มหวานจับใจอาคเนย์ อินทัชตอ
ไมทันที่สิทธาจะได้ตอบสิ่งที่อาคเนย์ข้องใจ เสียงไลน์ก็ดังขัดจังหวะ พร้อมกับข้อความที่เด้งลงมาหน้าจอทำให้อาคเนย์ที่อ่านทุกถ้อยความถึงกับชะงัก...เขาฟื้นรึยัง......อาการเป็นยังไงบ้าง ......ตอบด้วย...อาคเนย์อ่านข้อความสั้นๆ ที่ส่งมาหลายครั้งแล้วเหลือบมองสิทธาที่เหมือนจะรู้ตัวรีบคว้าโทรศัพท์อีก แต่ก็ช้ากว่าอาคเนย์ที่ปัดมือสิทธาออกพร้อมคำถามค้างคาใจ“นี่มึงรู้จักกันถึงขนาดแลกไลน์กันเลยเหรอวะ”“ก็คนรู้จักอะ มีไร”“เปล่า”“กูก็ไม่ได้สนิทอะไร เขาแค่เป็นเพื่อนน้องกูเคยเจอกันสองสามหนแล้วก็เพิ่งมาเจอที่นี่แหละ”“แต่แอลเพิ่งมาไทยไม่กี่วัน”“ก็แล้วไง เจอวันเดียวก็แลกไลน์ได้ปะวะ” “แต่กูเจอหลายวัน ยังไม่มีไลน์เขาเลย”“เอ๊า! แล้วกูจะรู้ปะว่าทำไมเขาไม่ให้มึง” สิทธาตอบปัดก่อนจะแบมือมาตรงหน้าอาคเนย์ “เอาโทรศัพท์กูมาเลย”“มึงตอบมาก่อนว่าที่เคยเจอสองสามหนน่ะที่ไหน”“เมกา”อาคเนย์นิ่งไป เขาจำได้ว่าก่อนหมดสติไปตอนนั้น แอลเรียกเขาว่าพี่เน เท่ากับแอลคืออินทัชไม่ผิดแน่...เกิดอะไรขึ้นกับอินทัชคนเดิมที่สวีเดนกันแน่...อาคเนย์ลอบมองดวงหน้าคมเข้มของเพื่อนรักที่แบมือมาทวงโทรศัพท์อีกครั้ง เขาจึงยื่นให้แต่โดยดี
พยาบาลรุดเข้าประคองอาคเนย์ให้ทรงตัวอยู่ แต่เธอหรือจะสู้แรงอาคเนย์ที่ปัดมือหญิงสาวทีเดียวก็เซ“ผมขอโทษ แต่ผมต้องไปจริงๆ”ว่าจบอาคเนย์ก็ดึงสายน้ำเกลือออก ลุกขึ้นยืนเต็มสองเท้าแล้วโผเผออกไปทั้งชุดผู้ป่วยในสีฟ้ายับย่นพยาบาลสาวตกใจแต่ไม่สามารถยับยั้งได้ เธอจึงรีบแจ้งวอร์ดแล้วตามออกไป แต่ไม่ทันเพราะอาคเนย์หายไปจากสายตาเสียแล้ว“ไปไหนแล้วนะ! โอ๊ย! ตายแน่ๆ เลยฉัน”พยาบาลสาวหันรีหันขวางในใจพุ่งพล่านเพราะกลัวโดนตำหนิ เธอจึงรี่ตรงไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลก็พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่สักคนจึงตัดสินใจต่อสายหาเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านล่าง“ช่วยสกัดผู้ป่วยห้อง 407 ที่คุณนายเป็นเจ้าของไข้ไว้ก่อนนะคะ เขาหนีออกจากห้องไป ยังสวมชุดผู้ป่วยในอยู่ด้วยค่ะ!”พยาบาลสาวรีรอก็ได้คำตอบ เธอจึงรีบซักต่อ “เจอไหมคะ ไม่เจอเหรอคะ งั้นช่วยเช็คกล้องวงจรปิดให้ทีค่ะ”“โอ๊ย! ฉันต้องโดนคุณนายด่าแน่ๆ อุตส่าห์ฝากฝังดิบดีไม่รู้ไปทางไหนแล้วนะ”“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่”พยาบาลสาวหันขวับไปหาพยาบาลรุ่นน้องต้นเสียงเมื่อครู่แล้วรัวคำถามทัน“นี่ไปไหนมาเนี่ย รู้ไหมคนไข้ห้อง 407 ที่เธอต้องเฝ้าไข้คืนนี้หนีไปแล้ว!”“ห๊า! แล้วทำไงคะ”“ก็ต้องรีบตามหาสิ
แอลเสียงแข็งเงยหน้ามองแม่แล้วกัดฟันกรอด นึกถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องพบเจอเรื่องร้ายๆ ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา ก็เพราะทรงพลอยากได้สมบัติบ้าๆ นั่นไม่ใช่เหรอ!“งั้นแม่จะหาคนมาอยู่เฝ้า ส่วนเราก็กลับไปเตรียมตัวไปงานคืนนี้ได้แล้ว” “’ให้ไปสีซอให้ควายฟังน่ะเหรอ” “แอล!” แม่เอ็ดเสียงดังลั่นจนกระทั่งนางพยาบาลที่กำลังเข็นถาดเข้ามาถึงกับชะงัก “เอ่อ... คือว่า...ขอโทษค่ะ”นางพยาบาลสาวสวยถึงกับอึกอัก ทำให้แม่ของแอลปรับอารมณ์เป็นยิ้มแย้มแล้วผายมือให้หญิงสาวเข้ามาจัดการกับอาคเนย์ทันที “เชิญค่ะ ดิฉันกำลังจะกลับพอดี คืนนี้รบกวนคุณพยาบาลช่วยหาคนเฝ้าไข้พิเศษจนกว่าทางบ้านเขาจะมา ส่วนค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ฉันจะเคลียร์ให้ หรือไม่ก็แจ้งไปทางเลขาคุณทรงพลก็แล้วกันนะ” “ค่ะ ค่ะ” พยาบาลได้ยินชื่อนายหัวทรงพลก็หงอจัดรีบตอบ “ดิฉันจะจัดการให้เรียบร้อยไม่ต้องห่วงค่ะ” “ดีค่ะ” วาสนาว่าจบก็เดินเชิดออกไปจากห้องทันที แอลมองตามแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา แม่คงลืมไปแล้วว่าตัวเองก็เคยเป็นนางพยาบาลที่ต้องคอยดูแลผู้ป่วยเหมือนกัน เมื่อก่อนแม่ข