Home / รักโบราณ / ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย / เตรียมตัวเปิดร้านอาหาร

Share

เตรียมตัวเปิดร้านอาหาร

last update Huling Na-update: 2025-09-11 13:29:15

ฮุ่ยเหมยนั่งเล่นอยู่ดี ๆ รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาของตน พอมองไปก็พบว่าเป็นปูนา 'เฮ้ยยุคนี้มีปูนาด้วย'

เมื่อพบเข้ากับปูนาหลายตัวก็คิดเมนูอาหารที่จะกินเย็นนี้ ปูนาสามารถนำมาดองใส่ส้มตำได้และใส่ยำมะม่วงได้ ใช่เลยนี้มันของอร่อยเลยล่ะ

"ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ามีของอร่อยมานำเสนอเจ้าค่ะ" เมื่อท่านพ่อรู้ว่ามีของอร่อยมาให้กินก็รีบเดินมาหาลูกสาวอย่างรวดเร็ว

"อะไรหรือเหมยเอ๋อร์?"

ท่านพ่อเอ่ยขึ้นด้วยตาเป็นประกายที่ตนจะได้กินของอร่อย และเด็กน้อยก็หยิบปูให้พ่อของตนดู

"นี่เจ้าค่ะ ปูนา"

"นี่ นี่ นี่!!! ตัวประหลาดเช่นนี้มันกินได้รึ"

เมื่อท่านพ่อได้เห็นก็ถึงกับผงะไปเลยทีเดียว เมื่อตั้งสติได้ท่านพ่อก็เอ่ยถามลูกสาวใหม่เพื่อความแน่ใจ

"เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ เหมยเอ๋อร์!!!"

"มันกินได้และนำไปใส่ส้มตำอร่อยมากเจ้าค่ะ"

เมื่อได้ยินว่านำไปใส่ส้มตำได้ท่านพ่อก็ยอมตกลงที่จะจับมาให้ลูกสาว

เมื่อได้ยินเสียงท่านพ่อร้องตกใจทุกคนจึงเดินมารวมตัวกันที่นี่

"มีอะไรกันท่านพ่อ" หนิงหลงเป็นคนเอ่ยถามขึ้น

"เหมยเอ๋อร์นะสิ บอกว่าเจ้านี่มันกินได้"

"จริงหรือเหมยเอ๋อร์"

"ใช่เจ้าค่ะ มันนำไปทำอาหารได้ ใส่ส้มตำอร่อยมากด้วยนะ"

"งั้นพวกเรารีบจับเจ้านี่ไปกันเถอะ นี่ใกล้จะมืดแล้ว"

ท่านพ่อเป็นคนสั่งให้ทุกคนรีบเก็บปูเมื่อใกล้จะมืดลงทุกที

"ระวังมันหนีบมือนะเจ้าคะ" แล้วเด็กน้อยก็สาธิตวิธีการจับให้ดูเป็นตัวอย่าง

เมื่อแสงตะวันจะลาลับไปแล้วทุกคนจึงรีบเก็บปูนากันทันที และก็คิดขึ้นได้ว่ามีเพลงร้องเกี่ยวกับปูนาเพลงหนึ่งที่โด่งดังในโลกก่อนที่จากมา

"พี่หนิงหลงท่านอยากฟังเพลงเกี่ยวกับปูรึไม่"

"มันมีด้วยรึเพลงแบบนี้" หนิงหลงเอ่ยถามด้วยความมึนงงที่มีเพลงแปลกๆ ด้วย

"เดี๋ยวข้าจะร้องให้ท่านฟัง" และจากนั้นเด็กน้อยก็เปล่งเสียงร้องออกมาพร้อมกับท่าเต้นประกอบแบบลิซ่า

"ปูหนีบอีปิ ๆ ๆ เจ็บหลาย"

เมื่อได้ฟังเพลงที่น้องสาวร้องและท่าเต้นแปลก ๆ ก็คิดว่าน้องสาวคงจะถูกปูหนีบจนวิปลาสแน่แล้ว

"เหมยเอ๋อร์เจ้าถูกผีเข้าแน่ รอพี่ใหญ่อยู่นี่นะเดี๋ยวไปเรียกท่านพ่อมาดูอาการ"

"ท่านพ่อเหมยเอ๋อร์ถูกผีเข้าขอรับ"

"มีอะไรเข้าหรือหลงเอ๋อร์" ฟางหรงเอ่ยถามลูกชายของตนที่วิ่งอย่างกับเห็นผีงั้นแหละ

"ท่านพ่อเหมยเอ๋อร์เต้นท่าแปลก ๆ เหมือนถูกผีเข้าเลยขอรับ"

และชี้ไปที่น้องสาวของตนที่กำลังเก็บปูใส่ตะกร้าอยู่ เมื่อท่านพ่อหันไปมองก็เห็นลูกสาวปกติดี จึงเอ่ยขึ้นว่า

"น้องคงมีท่าทางแปลก ๆ ไปบ้างแหละหลงเอ๋อร์ตามประสาเด็กฉลาดที่มักจะคิดอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น"

ฟางหรงเอ่ยบอกกับลูกชายของตนและคิดว่าคนเก่งมักจะคิดอะไรที่แปลกกว่าคนอื่นเสมอแหละมั้งอย่างเช่นลูกสาวของเขานี่เอง

"จริงหรือขอรับท่านพ่อ"

"ใช่แล้วหลงเอ๋อร์ พ่อว่าคงเก็บได้เยอะแล้วเรียกทุกคนกลับบ้านกันเถอะ"

"ขอรับ" และหนิงหลงก็เรียกทุกคนกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านท่านแม่ก็ทำหุงข้าวเสร็จแล้วและก็เห็นทุกคนถือของอะไรมาเยอะแยะก็ถามขึ้นว่า

"ในตะกร้าพวกเจ้าขนอะไรมากันมากมายเชียว"

"ปูนาเจ้าค่ะ ท่านแม่"

"มันกินได้เหรอลูก"

"เจ้าค่ะ ข้าจะบอกวิธีการทำแก่ท่านแม่เองเจ้าค่ะ" ฮุ่ยเหมยก็จูงมือท่านแม่เข้าครัวและบอกวิธีการทำและมีเย่วฉีเป็นลูกมือ ปูนาที่นำมาวันนี้ฮุ่ยเหมยบอกท่านแม่ทำมีดังนี้คือ ปูดอง ปูนาคั่วเกลือ ผัดกะเพราปูนา และนำกระดองปูและกล้ามปูไปนึ่งอีกที ฟางหรง หนิงหลงและเย่วเทียนช่วยกันทำปลาเผา เมื่อทำเสร็จแล้วก็ยกมากินที่ห้องโถง

"ท่านพ่อลองชิมผัดกะเพราปูนาและปูนาคั่วเกลือดูเจ้าค่ะ ถ้าอร่อยข้าจะนำไปขายที่เหลาอาหารด้วย"

ฮุ่ยเหมยตักอาหารให้ท่านพ่อชิม และดูเหมือนท่านพ่อจะกลัวปูนามากกว่าหอยซะอีก

"จะดีรึเหมยเอ๋อร์" ท่านพ่อคิดในใจว่า

'สวรรค์ชีวิตนี้ข้าต้องมากินอาหารแปลก ๆ จากลูกสาวของตัวเอง งั้นข้าจะไม่ยอมตายคนเดียวแน่ หึ หึ หึ'

"งั้นทุกคนมาชิมพร้อมกันเถอะ ถ้าอร่อยจะได้นำขึ้นเหลาอาหารของเรา"

และท่านพ่อก็กินเป็นคนแรกเมื่อได้เห็นท่านพ่อกินคำแรกทุกคนก็เริ่มกินกันและมีคำต่อ ๆ ไปอย่างรวดเร็วจนหมด ทีแรกทุกคนไม่ยอมกินเมื่อพบว่าท่านพ่อกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็จึงรีบกินกัน และมีสงครามชิงอาหารกันเลยทีเดียว ทุกคนคิดในใจว่า เด็กน้อยคนนี้ช่างมีพรสวรรค์ในการทำอาหารจริงๆ

"ตกลงจะนำเมนูปูขึ้นเป็นเมนูที่เหลาอาหารของเรา"

เมื่อท่านพ่อเอ่ยขึ้นทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยและอาบน้ำเข้านอนพรุ่งนี้ต้องทำงานต่อ และให้สองพี่น้องนอนห้องโถงไปก่อน ทั้งสองพี่น้องก็ตกลงเพราะที่ผ่านมาพวกตนก็ต้องเร่ร่อนนอนไม่มีหลักแหล่งอยู่แล้ว ได้แต่ขอบคุณครอบครัวหลินไม่หยุดที่ให้ที่พักและอาหารแก่ตนเอง

วันรุ่งขึ้นทุกคนล้วนตื่นกันแต่เช้าเพราะจะได้รีบเปิดเหลาอาหารเร็ว ๆ และคนงานที่ท่านพ่อได้ไปจ้างงานก็ขึ้นเกวียนลุงหานเข้าเมืองด้วยกันรวมถึงท่านพ่อและพี่เย่วเทียน

ฮุ่ยเหมยก็ออกแบบโต๊ะเก้าอี้ให้ท่านพ่อที่จะทำเป็นแบบโต๊ะและมีแบบเก้าอี้ขนาดยาวสี่ตัวไว้ที่ด้านหน้าเหลาอาหาร เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งรอสามารถนั่งได้เป็น 10 คน 20 คนเลยทีเดียว และในร้านก็เป็นแบบคล้าย ๆ กันและมีพนักพิงด้านหลังคล้าย ๆ กับแบบโรงอาหารในยุคปัจจุบันที่เน้นนั่งได้หลายคน และให้ท่านพ่อสร้างเวทีสำหรับให้นักดนตรีเล่นอีกด้วย

และคิดว่าตนเองจะนำเพลงจากยุคปัจจุบันนำมาบรรเลง และอาจจะเป็นผู้สอนด้วยตนเองอีกด้วยเพราะยุคปัจจุบันนั้นตนเองเรียนทางด้านดนตรีและการแสดงมา ยังไม่ได้ใช้ความสามารถให้ได้เต็มที่เลยก็มาตายจากโรคโควิดเสียก่อน ชาตินี้เมื่อมีชีวิตก็จะนำความรู้มาใช้ให้ได้มากที่สุด

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จหนิงหลงกับเย่วฉีก็ไปเก็บมะละกอกับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำส้มตำต่าง ๆ เช่น พริก มะนาว กระเทียม มะเขือเทศ และมะม่วงดิบที่น้องสาวกำชับให้ตนนำมา บอกว่าจะทำยำมะม่วงให้กิน แล้วก็ปูนาอีกด้วยที่พบว่าได้ลองชิมดูแล้วอร่อยมากเลยทีเดียว

ฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่และคิดเมนูอาหารที่จะนำไปทำในเหลาอาหารของตน เหมือนว่าจะลืมทำอะไรบางอย่าง เมื่อนึกๆ ดูแล้วก็คิดออก 'ใช่ข้าต้องทำน้ำปลากับปลาร้านี่นาเอะแล้วน้ำดื่มที่ต้องนำมาให้ลูกค้าดื่มอีกที่ต้องแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร'

คิดว่าวัตถุดิบที่สามารถทำน้ำดื่มได้มีอะไรบ้าง

"เอะมีน้ำอ้อย ใช่ ๆ เลย อืมมะนาวนำมาทำชามะนาวได้โอเคเลย"

"เหมยเอ๋อร์บ่นอะไรอยู่คนเดียวนะ"

"ท่านแม่ข้าคิดจะทำน้ำปลา ปลาร้า น้ำอ้อยและชามะนาวเจ้าค่ะ"

"ได้ งั้นเราเข้าครัวกัน"

ลี่หลินและบุตรสาววัย 3 หนาวช่วยกันทำอย่างขะมักเขม้น และมีลูกสาวเป็นคนบอกวิธีการทำจนเสร็จและถามลูกสาวว่าปูนาดองเมื่อไหร่จะได้กิน

ลูกสาวตัวน้อยตอบว่าประมาณ 3 วันก็นำไปรับประทานได้แล้วหวังว่านำไปตำส้มตำจะอร่อยมากทีเดียว

เมื่อหนิงหลงและเย่วฉีกลับมาถึงบ้านฮุยเหมยและลี่หลินก็ลองให้ชิมน้ำอ้อยและชามะนาวทันที

"หลงเอ๋อร์ เย่วฉี พวกเจ้าลองชิมน้ำอ้อยกับชามะนาวดูสิ"

และท่านแม่ก็ยื่นให้ทั้งสองคนได้ชิม หนิงหลงพอจะรู้จักน้ำอ้อยอยู่แล้วแต่รู้สึกว่าตนจะชอบชามะนาวมากกว่า

"อร่อยมากขอรับ ข้าชอบชามะนาวมากท่านแม่"

"อร่อยมากเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าชอบน้ำอ้อยมากกว่าเจ้าค่ะ"

"นำไปขายที่เหลาอาหารดีหรือไม่ขอรับ"

"แม่ตกลงกับเหมยเอ๋อร์ว่าจะนำไปให้ลูกค้ากินที่เหลาอาหาร"

เมื่อตกลงกันได้ว่าจะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวขึ้นเหลาอาหารทุกคนก็ทำอาหารเที่ยงทาน มีส้มตำ ข้าวต้ม ไก่ย่าง และยำมะม่วง

เมื่อทานเสร็จแล้วก็ตกลงว่าจะนำยำมะม่วงและไก่ย่างไปขายด้วย และตลอดทั้งตอนบ่ายท่านแม่ปักผ้าต่อไปและหนิงหลงกับเยว่ฉีทั้ง 2 คนก็ช่วยกันดองปูดองที่หามาได้และทำน้ำอ้อยกับชามะนาวไว้เพื่อนำไปให้ลูกค้าชิมที่เหลาอาหารด้วย ส่วนฮุ่ยเหมยก็นอนหลับข้าง ๆ ท่านแม่

ยามโหย่ว (คือ 17.00 - 18.59 น.) ท่านพ่อก็เดินทางถึงบ้านและสอบถามท่านพ่อว่าทำได้เกือบ 10 ตัวแล้ว ท่านพ่อว่าอีกสองวันน่าจะทำเสร็จแล้ว และอีก 1 วันก็จะไปปัดกวาดร้านและตบแต่งจ้างคนงานอีก

มื้อเย็นฮุ่ยเหมยเสนอเมนูปลานิลที่จะนำไปขายที่เหลาอาหารให้ท่านแม่ทำให้กินมื้อเย็นนี้คือ ต้มยำปลานิล ปลานิลนึ่งมะนาว ปลานิลทอดกระเทียม ผัดกะเพราไก่ อ่อมไก่ ทอดไข่ ไข่ตุ๋น วันนี้หนิงหลงไปล่าไก่มาได้และปลาที่เหลือจากเมื่อวาน

เมื่อมาเสิร์ฟอาหารทุกอย่างแล้วดูจากกลิ่นที่หอมก็รู้ว่าอร่อย ฮุ่ยเหมยเป็นคนบอกท่านแม่ทำ และท่านแม่ก็ทำได้อร่อยมากทีเดียว เมื่อมาเสิร์ฟได้ไม่ถึง 2 เค่ออาหารก็หมดอย่างรวดเร็วทุกคนล้วนอิ่มกันมาก และก็ตกลงนำอาหารที่ทำวันนี้ไปขายอีกด้วย

ผ่านไปสามวันร้านก็จัดทำโต๊ะเก้าอี้เสร็จแล้วและท่านพ่อและคนงานก็ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ตกแต่ง ท่านแม่ก็วาดภาพตัดชุดเสร็จเรียบร้อย แล้ววันนี้ก็เดินทางเข้าเมืองเพื่อตกแต่งร้านด้วยการออกแบบของฮุ่ยเหมย ที่ทุกคนชื่นชมให้เป็นเด็กอัจฉริยะไปแล้ว

ท่านพ่อซื้อวัวเทียมเกวียนมาแล้วเพื่อความสะดวกในการเดินทางและจ้างคนงาน 10 คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดมาทำการตกแต่งร้าน เมื่อวานหลังจากทำโต๊ะเสร็จแล้วท่านพ่อได้ไปหานุ่นที่ลูกสาวบอกว่าจะมาทำเบาะนั่งและพนักพิง ซึ่งหาได้ง่ายไม่ต้องซื้อราคาแพงมาอีกด้วย

เมื่อมาถึงร้านทุกคนก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มงานด้วยการสอนจากเด็กน้อย

"อย่างแรกคือช่วยกันปูโต๊ะก่อนเจ้าค่ะ"

"ข้าจะทำให้ทุกท่านดูเป็นตัวอย่างและก็แบ่งกันทำคนละห้อง"

"ท่านแม่แบ่งคนส่วนหนึ่งไปเย็บเบาะนั่งด้วยนะเจ้าคะ"

"ได้เหมยเอ๋อร์"

ลี่หลินเอ่ยบอกกับลูกสาวและหันไปสั่งงานกับคนงาน เมื่อแบ่งงานกันเสร็จแล้วฮุ่ยเหมยก็จับจีบผ้าปูโต๊ะให้ดู สีผ้าแบ่งเป็นสีขาวกับเหลืองสลับสีกันทุกโต๊ะ ฮุ่ยเหมยจับจีบลายผีเสื้อให้ทุกคนดูก่อน และจะมาตรวจงานอีกที เมื่อทำเสร็จพบว่าเป็นลายที่สวยงามและแปลกใหม่ทำให้อยากมากินที่เหลาอาหารนี้ทีเดียว

"ทุกท่านมีข้อสงสัยอะไรถามข้าได้เลยนะเจ้าคะ ข้าจะคอยอยู่แถวๆ นี้"

เด็กน้อยเอ่ยบอกกับทุกคน ทีแรกทุกคนก็มีผิดบ้างจนกระทั่งเด็กน้อยค่อยๆ สอนก็เริ่มคล่องแคล่วและทำจนเสร็จ

ส่วนทางด้านท่านพ่อขนวัตถุดิบมาไว้ในครัว มีจานชาม ชุดชงชา ชุดเครื่องเขียน หนิงหลงและเย่วเทียนช่วยกันติดรูปอาหารที่ท่านแม่วาด ส่วนท่านลุงหานประกาศรับซื้อปลา หอย ปูนา กุ้งฝอยและมะละกอติดอยู่หน้าเหลาอาหาร ขายชั่งละ 15 อีแปะ ทำให้มีชาวบ้านเริ่มนำมาขายหารายได้

วันนี้เชิญเถ้าแก่อู๋เจ๋อเจ้าของร้านขายยามาทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารด้วยวันนี้ ท่านแม่เป็นคนเข้าครัวทำอาหาร และที่แม่ครัวที่จ้างมาจากหมู่บ้านป่าท้อ มีท่านป้าซิงเหยียน เป็นท่านแม่ของลี่จู วันนี้ลี่จูก็มาด้วยกันและวิ่งเล่นกับฮุ่ยเหมย หนิงหลงอยู่หลังร้าน ท่านป้าซิงอีญาติของท่านป้าซิงเหยียน คือเป็นน้องสาวท่านป้าจึงชวนกันมาทำงานที่เหลาอาหาร และเป็นการเรียนรู้ไปด้วยเลย

เมนูอาหารเที่ยงนี้มีอะไรบ้างคือ ต้มยำปลาช่อน ปลานิลทอดกระเทียม ปลานิลนึ่งมะนาว ส้มตำปูปลาร้า ตำป่า ไก่ย่าง ปลาเผา ยำกุ้งเต้น ก้อยหอย และยำมะม่วงใส่ปูดอง แค่เห็นอาหารวันนี้ก็น้ำลายไหลเลย

ทำอาหารเสร็จแล้วก็ยกไปเสิร์ฟคนงานที่จ้างมา และท่านลุงอู๋เจ๋อก็เดินมาที่ร้านพอดี พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกัน และหลงจู๊ร้านขายยา

"สวัสดีเถ้าแก่เชิญ เชิญ น้องหญิงทำอาหารเสร็จพอดี"

ท่านพ่อเอ่ยเชิญเถ้าแก่ร้านขายยา เข้ามาในร้านและเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

"อืม เรียกลุงอู๋เจ๋อเถอะคนกันเองทั้งนั้น"

ท่านลุงอู๋เจ๋อก็แนะนำลูกชายคนโตให้รู้จัก ชื่ออู๋ซวนเป็นนายอำเภอเมืองแห่งนี้ และฟางหรงก็เชิญทุกคนที่ชั้นสอง

"จัดห้องได้ดี ๆ" เสียงท่านลุงอู๋เจ๋อเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเดินขึ้นมาก็พบว่าห้องจัดอย่างสวยงามโดยเฉพาะลวดลายผ้าปูโต๊ะที่เหมือนลายผีเสื้อสวยแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

เมื่อทุกคนเดินเข้ามานั่งแล้ว ฟางหรงก็แนะนำรายการอาหารแต่ละอย่าง

"จานนี้คือต้มยำปลาช่อนรสชาติจะจัดจ้านหน่อย และนี่ปลานิลทอดกระเทียม ปลานิลนึ่งมะนาว ส้มตำปูปลาร้า ตำป่า ไก่ย่าง ปลาเผา ยำกุ้งเต้น ก้อยหอย และยำมะม่วงใส่ปูดองขอรับ"

"หน้าตาน่ากินมาก" ทั้งสามคนเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน

"งั้นเริ่มทานกันเถอะนะ" ท่านลุงอู๋เจ๋อเป็นคนทานก่อนและทั้งสองคนก็เริ่มลงมือ

"อืม อร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ" เสียงท่านนายอำเภอเอ่ยขึ้นและรีบกินอย่างรวดเร็ว

"ใช่ขอรับ นายท่าน" ท่านหลงจู๊ก็พยักหน้าเห็นด้วย

"งั้นเรียนเชิญท่านลุงท่านนายอำเภอและหลงจู๊มาในวันเปิดร้านพรุ่งนี้ด้วยนะขอรับ"

"ได้สิ พรุ่งนี้ข้าจะมาอย่างแน่นอนและพาครอบครัวข้ามาอุดหนุนร้านเจ้าด้วย" เสียงท่านนายอำเภอเอ่ยขึ้นตอบตกลงและนัดหมายเวลากันเป็นยามอู๋ (11.00-12.00น.) เป็นเวลาเปิดร้าน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เปิดร้านวันแรก

    เมื่อเปิดร้านเสร็จทุกคนก็เริ่มไปประจำที่ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากท่านนายอำเภอแล้วก็มีลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้นตอนนี้ทุกคนล้วนว่างงานโดยเฉพาะไม่ใช่พนักงานที่บริการห้องพิเศษฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่ที่โต๊ะรับออร์เดอร์ชั้นสองที่บริการลูกค้าห้องพิเศษ ที่ตอนนี้มีเพียงหนึ่งห้อง เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เหมือนจะไม่มีงานทำ"ท่านแม่ข้าขอไปข้างล่างนะเจ้าค่ะ" เด็กน้อยนั่งเล่นกับท่านแม่ก็รู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดว่าจะไปเรียกลูกค้าให้ท่านแม่เยอะ ๆ ดีกว่า"ได้ ไปเล่นกับพี่ชายเจ้ากับลี่จูอย่าซนกันนักละ""เจ้าค่ะ"ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยเดินลงมาข้างล่างมันเงียบมากจนได้ยินเสียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ขายไป 7 วันจะขายดีมากแต่เหมือนว่าจะบอกลูกค้าว่ามาขายที่นี่แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่รู้จักมากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าแรง ค่าเช่าโรงเตี๊ยมแน่ ๆ“อ้าว เหมยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยู่กับท่านแม่หรือไง?” เสียงหนิงหลงเอ่ยขึ้นถามขณะที่กำลังนั่งหยิบหอยเชอร์รี่เสียบไม้“ข้าจะมาเรียกลูกค้าเข้าร้านนะสิ”ฮุ่ยเหมยเอ่ยตอบและเห็นว่าพี่ชายกับลี่จูช่วยกันเสียบหอยกันอยู่ จึงคิดว่าพวกเขาจะทำปิ

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เปิดร้านอาหาร

    เมื่อฟางหรงแนะนำอาหารและพูดคุยกับท่านลุงนายอำเภอและท่านหลงจู๊ได้สักพักก็ขอตัวออกมาทานข้าวกับครอบครัวอีกห้องหนึ่ง และแนะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวให้กับทั้งสามท่านก่อนมารับอาหารเที่ยงกับครอบครัว"อ้อ ข้าขอแนะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวให้แก่ท่านทั้งสามด้วยนะขอรับ""อืม อันนี้รสชาติหวานมาก นี่มีรสเปรี้ยวหวาน อืมชุ่มคอแปลกใหม่น้ำทั้งสองอย่างนี้ อร่อยรสชาติดีทีเดียว" เสียงท่านลุงอู๋เจ๋อเอ่ยขึ้นเมื่อลองชิมครั้งแรก"อืม โอ้ ข้าไม่เคยกินน้ำอะไรอร่อยเช่นนี้มาก่อน"ท่านหลงจู๊เอยชิมครั้งแรกและอุทานขึ้นมาด้วยสายตาเป็นประกายและเอ่ยถามขึ้นว่า"น้ำชามะนาวกับน้ำอ้อยนี่ท่านนำมาขายด้วยหรือไม่""ข้านำมาให้ลูกค้าดื่มเฉพาะในร้านเท่านั้นขอรับ""อ้อ ดี ๆ ข้าจะมาซื้ออาหารทุกวันเลย""ขอบพระคุณทุกท่านมากขอรับ งั้นข้าขอตัวก่อนเชิญทุกท่านกินให้เต็มที่ขอรับ""ได้ ๆ เชิญ ๆ"ฟางหรงก็เดินมารับประทานอาหารกับครอบครัว ฮุ่ยเหมยจึงรีบแนะนำ ส้มตำปูปลาร้า ที่ยังไม่เคยใส่ปูดองให้ท่านพ่อชิม"ท่านพ่อลองทานส้มตำปูปลาร้าดูเจ้าค่ะ""รสชาติอร่อยมากเหมยเอ๋อร์"แล้วทุกคนก็เริ่มทานอาหารกัน ทุกคนที่ได้ชิมล้วนชื่นชอบส้มตำปูปลาร้ากันมาก พนักงานที่จ้

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เตรียมตัวเปิดร้านอาหาร

    ฮุ่ยเหมยนั่งเล่นอยู่ดี ๆ รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาของตน พอมองไปก็พบว่าเป็นปูนา 'เฮ้ยยุคนี้มีปูนาด้วย' เมื่อพบเข้ากับปูนาหลายตัวก็คิดเมนูอาหารที่จะกินเย็นนี้ ปูนาสามารถนำมาดองใส่ส้มตำได้และใส่ยำมะม่วงได้ ใช่เลยนี้มันของอร่อยเลยล่ะ "ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ามีของอร่อยมานำเสนอเจ้าค่ะ" เมื่อท่านพ่อรู้ว่ามีของอร่อยมาให้กินก็รีบเดินมาหาลูกสาวอย่างรวดเร็ว "อะไรหรือเหมยเอ๋อร์?" ท่านพ่อเอ่ยขึ้นด้วยตาเป็นประกายที่ตนจะได้กินของอร่อย และเด็กน้อยก็หยิบปูให้พ่อของตนดู "นี่เจ้าค่ะ ปูนา" "นี่ นี่ นี่!!! ตัวประหลาดเช่นนี้มันกินได้รึ" เมื่อท่านพ่อได้เห็นก็ถึงกับผงะไปเลยทีเดียว เมื่อตั้งสติได้ท่านพ่อก็เอ่ยถามลูกสาวใหม่เพื่อความแน่ใจ "เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ เหมยเอ๋อร์!!!" "มันกินได้และนำไปใส่ส้มตำอร่อยมากเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินว่านำไปใส่ส้มตำได้ท่านพ่อก็ยอมตกลงที่จะจับมาให้ลูกสาว เมื่อได้ยินเสียงท่านพ่อร้องตกใจทุกคนจึงเดินมารวมตัวกันที่นี่ "มีอะไรกันท่านพ่อ" หนิงหลงเป็นคนเอ่ยถามขึ้น "เหมยเอ๋อร์นะสิ บอกว่าเจ้านี่มันกินได้" "จริงหรือเหมยเอ๋อร์" "ใช่เจ้าค่ะ มันนำไปทำอาหารได้ ใส่ส้มตำอร่อยมากด้วยนะ

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เหลาอาหารฮว๋าฮง

    เมื่อตกลงว่าจะเช่าที่ข้างโรงหมอแล้ว และเขียนสัญญากันเรียบร้อย ทุกคนจึงเดินตลาดหาซื้อของเข้าร้าน ฮุ่ยเหมยกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรดี มีข้าวเหนียว เสื้อผ้าใหม่ตัดให้พนักงาน มีผ้ากันเปื้อน ผ้าโพกผม และกระดาษสำหรับจดรายการอาหาร และต้องจ้างคนอีกหลายคน"ท่านพ่อท่านแม่ซื้อของไปเก็บไว้ที่โรงเตี๊ยมก่อนไหมเจ้าคะ จะได้ไม่ต้องขนมาจากบ้านอีกทีเจ้าค่ะ""อืมเป็นความคิดที่ดี เหมยเอ๋อร์ลูกพ่อ ช่างคิดรอบคอบจริง ๆ"ท่านพ่อมองลูกสาวตัวน้อยของตนที่มีความคิดที่โตกว่าอายุมาก และลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูและทั้ง 6 คนก็เดินหาซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ ท่านพ่อเป็นคนจูงลูกสาว ท่านแม่จูงพี่ชายเพราะคนค่อนข้างเยอะ กลัวลูกน้อยของตนจะพลัดหลงกัน ท่านพ่อคิดว่าอย่างแรกที่จำเป็นคือข้าวเหนียว ที่ทุกคนเริ่มชื่นชอบที่จะกินข้าวเหนียว จึงเดินไปยังร้านขายข้าวสารทันที"สวัสดีนายท่านต้องการซื้อข้าวสารแบบใดเชิญแจ้งมาเลยขอรับ" พนักงานในร้านเข้ามาต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้นและแนะนำข้าวสารให้แก่ลูกค้าด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว"เอาข้าวเหนียว 20 ชั่ง ข้าวสารธรรมดา 20 ชั่ง"ท่านพ่อเอ่ยสั่งข้าวสารกับพนักงานและนับเงินจ่ายให้กับหลงจู๊ และบอกว่าให

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   ความวุ่นวาย

    หลังจากครอบครัวหลินทำการค้าขายไปแล้ว 7 วัน วันนี้ครอบครัวขอปิดร้าน 2 วัน พบปัญหาว่าจำนวนลูกค้ามากขึ้นทุกวันจึงตัดสินใจไปหาโรงเตี๊ยมที่เปิดให้เช่า ความจริงซื้อเป็นของตัวเองจะดีกว่า เนื่องจากตอนนี้เงินที่หามายังไม่เพียงพอที่จะซื้อโรงเตี๊ยมได้ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.) ฮุ่ยเหมยและครอบครัวเข้าเมืองไปหาเช่าโรงเตี๊ยม โดยนั่งเกวียนลุงหานเข้าเมืองเช่นเดิม เมื่อมาถึงตลาดในเมืองผู้คนต่างก็พากันมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันเนืองแน่นเช่นเคย"ท่านแม่ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ ข้าอยากกินบะหมี่ร้านนั้นเจ้าค่ะ"เสียงฮุ่ยเหมยเอ่ยขึ้นและชี้ไปที่ร้านของบะหมี่ที่อยู่ข้างทาง คนในร้านแน่นมาก น่าจะอร่อยเพราะคนเข้าร้านเยอะ เมื่อได้ยินเสียงเด็กน้อยเอ่ยขึ้นจึงตัดสินใจเดินตรงไปร้านบะหมี่ทันที"เถ้าแก่ข้าเอาบะหมี่ 4 ชามขอรับ" ท่านพ่อเอ่ยสั่งกับเถ้าแก่ร้านขายบะหมี่"เชิญนั่ง ๆ รอสักครู่นะขอรับ"เสียงเด็กชายวัย 8 หนาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าทั้งสี่เดินเข้าร้านของตน น่าจะเป็นลูกชายของเถ้าแก่เจ้าของร้านเพราะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเขากำลังนำบะหมี่ในร้านเสิร์ฟลูกค้าที่แน่นจนเต็มร้านอยู่ในขณะนี้อย่างขยันขันแข็งครอบคร

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   ไม่พอขาย

    3 วันผ่านไป กับการเตรียมพร้อมขายของครั้งแรกของครอบครัวหลิน ทุกคนต่างตื่นเต้นกันอย่างมาก ท่านพ่อได้เข้าเมืองติดต่อเช่าร้านค้าเล็ก ๆ ราคา 10 อีแปะต่อวัน ตกลงขาย ยามอู๋ถึงยามโหย่ว (12.00-17.00 น.) การเตรียมตัวมีอะไรบ้าง คือมะละกอดิบ 3 ตะกร้าใหญ่ และเครื่องปรุงรส อาทิเช่น พริก กระเทียม มะนาว เกลือ น้ำตาล กุ้งแห้ง หอยเชอรี่ ผักบุ้งป่าไว้กินกับส้มตำ และข้าวคั่ว ครอบครัวหลินหุงข้าวเหนียวให้ลูกค้าทดลองชิมกับส้มตำไปด้วยขายราคา 5 อีแปะ กุ้งฝอยสด ๆ ไปด้วย 3 ตะกร้าใหญ่ ปลา 50 ตัวนำไปทดลองขายก่อน ถ้าขายดีวันหน้าก็จะไปจับมาเพิ่ม แบ่งหน้าในการทำแต่ละอย่างมีดังนี้ ท่านแม่ตำส้มตำ ท่านพ่อย่างปลาเผา และพี่ชายทำยำกุ้งเต้น ส่วนเธอเป็นหน่วยสนับสนุน นั่นคือเรียกลูกค้าและเก็บเงินนั่นเอง ครอบครัวหลินไปติดต่อขอให้ ท่านลุงหานไปส่งในตัวเมืองโดยเฉพาะ คิดราคาแค่ 5 อีแปะ ใกล้ถึงยามซื่อ (09.00-10.00 น.) ก็ออกเดินทาง ไปถึงก็ยามอู๋พอดี ยามซื่อ ลุงหานขับรถวัวเทียมเกวียนมารับที่บ้านครอบครัวหลิน ทุกคนช่วยกันยกของขึ้นเกวียน เมื่อขนจนหมดแล้วก็ออกเดินทางได้ เสียง กุบกับ กุบกับ ของรถวัวเทียมเกวียนตลอดระยะเวลา 1 ชั่วยา

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status