ระยะทางจากคอนโดมาถึงบริษัทไม่ได้ไกลมากแต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 45 นาที ทิวาทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีเมคินคอยบอกทาง พอถึงบริษัทเขาก็จอดให้เจ้านายลงด้านหน้า
“นายเอารไปเก็บตรงที่จอดรถผู้บริหารนะ มันจะที่ประจำอยู่ ดูตามเลขทะเบียน”
“ครับ ผมตรงไปแผนกบุคคลเลยใช่ไหมครับ”
“อือ แล้วเจอกันข้างบนนะ”
“ครับ”
เขาวนรถไปจอดตามที่เมคินบอก จอดรถนั้นหาไม่ยากเพราะมีชื่อและป้ายทะเบียนรถติดอยู่ เมคินไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองเป็นรองประธานบริษัท และเป็นบริษัทขนาดใหญ่เสียด้วย เขาเองก็ลืมถาม แล้วตอนนี้เขาจะถอนตัวทันไหม
แต่คิดว่าถ้าถอนตัวไปตอนนี้เมคินอาจจะผิดหวังเพราะอุตส่าห์ชวนให้มาทำงานด้วย
“เอาวะ ไม่ลองก็ไม่รู้”
ทิวาสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะลงจากรถแล้วตรงไปยังฝ่ายบุคคลเพื่อรายงานตัวตามที่เมคินบอก
เขาขึ้นมายังฝ่ายบุคคลจากนั้นส่งเอกสารและรายงานตัวกับหัวหน้าฝ่ายบุคคล รับทราบขอปฏิบัติระหว่างทดลองงานรวมถึงอัตราเงินเดือน
“ทำไมเงินเดินถึงสูงจังล่ะครับ”
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะกลัวว่าเมคินจะเป็นคนกำหนดเงินเดือนให้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่สบายใจเข้าไปอีก
“ไม่สูงหรอก ตามอัตราปกติ แต่ที่ดูสูงเพราะคุณพ่วงตำแหน่งคนขับรถด้วย”
“อ๋อ ครับ” เขาพยักหน้าเข้าใจ
อันที่จริงเรื่องขับรถเขาไม่ได้ลำบากอะไรเลย เพราะเขาก็พักที่เดียวกับเจ้านายอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดออกไปคงไม่เป็นผลดีแน่ๆ เขากลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเมคินใช้อำนาจฝากเขาเข้ามาทำงาน
“มีอะไรจะถามอีกไหม ถ้ายังนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสงสัยตรงไหนให้มาถาม อย่าคิดเอง เดาเองหรือถามคนอื่นเพราะบางเรื่องก็พูดกันไปเรื่อยเปื่อย ที่นี่พนักงานเยอะ ถ้าทำดีก็แค่เสมอตัว แต่ถ้าพลาดขึ้นมาทีหนึ่ง คนที่คอยเหยียบย่ำซ้ำเดิมก็มีเยอะ”
“ครับ ผมจะจำไว้”
“เมื่อได้โอกาสแล้วก็ทำให้เต็มที่ ตำแหน่งเลขามันไม่ยากถ้าเราตั้งใจและใส่ใจในเนื้องาน แต่ที่ลาออกกันไปหลายคนก็เพราะสนใจอย่างอื่นมากกว่างานนี่แหละ พี่หวังว่าทิวาคงจะทำงานกับบอสได้นานกว่าคนอื่น”
“ขอบคุณครับ ผมก็หวังอย่างนั้น”
หัวหน้าฝ่ายบุคคลให้ชายหนุ่มไปที่ห้องของฉัตรภพก่อนเพราะชายหนุ่มต้องไปเรียนรู้งานและรับงานต่อจากฉัตรภพก่อนจะเริ่มงาน
ทิวามายืนหน้าห้องของฉัตรภพ เขาเคาะประตูเบาๆ พอได้ยินเสียงขานรับเขาก็เปิดประตูเข้าไปทันที
ฉัตรภพเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคม คิ้วเข้มจัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่ง แต่เทียบกับเมคินก็ถือว่าเขาหล่อน้อยกว่านิดหน่อยและตัวก็เหมือนจะเล็กกว่า เมคินไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียวเพราะเขาดูมีเสน่ห์ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังแอบมองอยู่บ่อยครั้ง ไหนจะกล้ามแน่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวทำให้ทิวาอดอิจฉาไม่ได้
“สวัสดีครับ ผมทิวาครับ”
“อือ สวัสดี นั่งลงก่อน ผมทำงานอีกนิด” ฉัตรภพเงยหน้ามองเลขาคนใหม่ของเมคินที่จะมาฝึกงานกับเขา แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ
ทิวาจัดว่าเป็นคนหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว ผิวของชายหนุ่มขาวใบหน้าดูเหมือนลูกครึ่งแต่ในประวัติที่ฝ่ายบุคคลเพิ่งส่งไฟล์มาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นลูกครึ่งและในนั้นยังบอกอีกว่าเขาโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาไม่แน่ใจว่าเมคินจะรู้หรือเปล่า แต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะเขารู้จักนิสัยของเพื่อนดีว่าเป็นคนยังไง
ชายหนุ่มให้ทิวาฝึกดูตารางงานในไอแพดที่เตรียมไว้จากนั้นก็ให้เขาศึกษารายชื่อผู้บริหาร ทั้งที่เข้ามาทำงานในบริษัทและคนที่เข้ามาแค่ตอนประชุมสำคัญ นอกจากนั้นเขาต้องจำหัวหน้าแผนกต่างในบริษัทให้ครบเพราะต้องเป็นคนประสานงานกับทุกแผนก
“ไม่ต้องจำทีเดียวหมดหรอก ค่อยๆ จำไปทีละนิด”
“แล้วคู่ค้าก็ต้องจำด้วยใช่ไหมครับ”
“อืม จำไม่ได้ก็เปิดดู ที่สำคัญต้องจำให้ได้ด้วยนะว่าแต่ละคนมีเลขาชื่ออะไรบ้าง”
“ครับ”
เขานั่งศึกษาข้อมูลในไอแพดอยู่พักใหญ่ก่อนฉัตรภพจะเก็บแฟ้มเอกสารเข้าที่แล้วก็เดินนำทิวาไปยังห้องทำงานของรองประธานบริษัท เคาะประตูพอเป็นพิธีก็เปิดเขาไปโดยเจ้าของห้องยังไม่ได้อนุญาต
“อ้าวมาแล้วเหรอ”
“ครับ วันนี้บอสมีประชุมตอน 10 โมง จะให้ผมกับทิวาเข้าด้วยไหม”
“ไม่ต้องหรอก แค่ประชุมแผนกประจำเดือน ระหว่างที่ผมประชุมคุณสอนงานทิวาก็แล้วกัน
“ครับ”
“ทิวา ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามคุณภพนะ”
“ครับ บอส” ทิวาเรียกตามฉัตรภพ
“ผมขอตัวก่อนนะครับบอส”
ทิวาเดินตามฉัตรภพออกมา จากนั้นเขาก็พาไปแนะนำแผนกต่างให้กับชายหนุ่มได้รู้จัก ก่อนจะกลับมาที่ห้องของฉัตรภพอีกครั้ง
“ทิวา เรียกผมพี่ภพก็ได้ ผมคงอายุมากกว่าคุณหลายปี”
“ครับพี่ภพ พี่ก็เรียกผมทิวก็ได้”
“เอาละเดี๋ยวพี่จะเริ่มสอนไปทีละนิดนะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม อันที่จริงพี่ไม่ได้เป็นเลขามาก่อน เพียงแต่คุณเมคินยังหาเลขาไม่ได้พี่เลยต้องมาช่วยงาน”
“ครับ”
“ปกติเป็นคนพูดน้อยอย่างนี้เหรอ”
“ไม่นะครับ แต่ผมเพิ่งมาทำงานวันแรก ถ้าทำงานไปนานพี่อาจจะรำคาญผมก็ได้”
“พี่คงไม่รำคาญนายหรอก พี่ชินแล้ว” ฉัตรภพยิ้มเมื่อนึกถึงคนรักที่ช่างพูดช่างเอาใจจนเขาหลงหัวปักหัวปำอยู่ตอนนี้
ฉัตรภพสอนอะไรไม่ได้มากเพราะเขาก็เพิ่งมาทำงานตำแหน่งนี้ได้ไม่นาน เน้นไปที่เรื่องงาน ส่วนเรื่องเจ้านายชอบอะไรไม่ชอบอะไร ดื่มกาแฟแบบไหนหรือชอบทานอะไร เขาไม่ได้บอกเพราะอยากให้ทิวาเรียนรู้ด้วยตนเอง
“พี่ภพครับ ทำไมมันไม่เหมือนที่ผมอ่านมาเลย”
“ไม่เหมือนยังไง”
“ก็ที่อ่านมาเลขาต้องรู้ทุกอย่างของเจ้านายเกือบทุกอย่าง เช่นพวก อาหารที่ชอบ กาแฟ เสื้อผ้า ที่เที่ยวประจำอะไรพวกนั้น”
“เรื่องพวกนั้นนายต้องเรียนรู้เองเพราะพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“นอกจากพี่แล้วผมถามใครได้อีกบ้าง”
“คุณวีณาน่าจะพอรู้ แต่ถ้าจะให้ดีนายเรียนรู้เองดีกว่าไหม หรือไม่ก็ถามบอสตรงๆ ไปเลยว่าชอบอะไรแบบไหน”
“ผมไม่กล้าถาม”
“ถ้านายไม่กล้าใครจะกล้า เลขามีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งและทำงานให้ถูกใจบอส แต่ถ้าไม่ถามจะรู้ได้ยังไงว่าบอสชอบอะไร ชอบแบบไหน พี่ว่าถามๆ ไปเถอะ บอสใจดีเชื่อพี่”
“ครับ” ทิวเชื่อว่าบอสเป็นคนใจดี แต่ตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นเลขา ยังไม่ได้รับเงินเดือน
“เอาน่า ค่อยๆ เรียนรู้ไปยังไม่ต้องเครียด”
ทิวานั่งอยู่ในห้องฉัตรภพจนถึงเวลาอาหารกลางวัน
“ปกติแล้วบอสจะทานอาหารในห้องมีร้านที่สั่งมาทานประจำอยู่ ส่วนทิวก็ไปทานที่โรงอาหารกับคนอื่นๆ แต่ต้องสับกันไปกับคุณวีณานะ เพราะหน้าห้องบอสต้อง มีอย่างน้อยหนึ่งคนคอยรับโทรศัพท์”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องไปเฝ้าหน้าห้องใช่ไหมครับ คุณวีณาจะได้ไปทานข้าว”
“วันนี้คงไม่ต้องรับไปเฝ้า บอสบอกว่าจะไปทานข้าวข้างนอก”
“ครับ”
“ครับแล้วยังนั่งทำไมอยู่ตรงนี้ ถ้าบอสจะไปข้างนอกนายก็ต้องไปด้วย”
“เหรอครับ งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ภพ ขอบคุณนะครับ” ทิวายกมือไหว้แล้วรีบวิ่งกลับไปยังห้องทำงานของท่านรองประธาน
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ